คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 เหตุอุบัติที่ไม่คาดฝัน 100%
“ข้าเราอย่ามัวชักช้าเลยดีกว่าค่ะ เชิญตามข้ามา”
ดาเนียร์พูดจบก็เดินนำออกไป นาเดียร์หันกลับมามองข้าก่อนจะกวักมือเรียกยิกๆ ข้ากับเจ้าเสือเดินตามอย่างว่าง่าย ตลอดทางมีรูปวาดเต็มไปหมดจนทั้ง 2 หยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่ง
ประตูสีดำสนิท ที่จับสีเงินตัดกันอย่างลงตัว บนบานประตูเป็นลวดลายเหมือนเถาวัลย์กวัดกันไปมา เสียงเปิดประตูดังกังวานเมื่อนาเดียร์เพียงกระดิกนิ้วดาเนียร์ผายมือออกไปทางเข้า
“บททดสอบด่านที่ 2 ขอเชิญ”
เจ้าเสือเดินเข้าไปก่อนข้าจึงรีบเดินตามเข้าไป ภายในห้องมืดสนิทแต่มีกลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่วห้อง เดี๋ยว...ทำไม...กลิ่นมันถึงคุ้นๆน่ะ...เสียงปิดประตูทำเอาข้าสะดุ้งหลุดจากความคิด แต่จู่ๆข้าเกิดมึนหัวอย่างกะทันหันข้าหันไปหาเจ้าเสือก็เห็นเจ้าเสือล้มลงขณะที่ข้ากำลังเดินเข้าไปข้าก็เกิดวูบก่อนที่จะหมดสติ...
“เจ้า...เสือ...”
“เจ้าเห็นอะไรจีเอล”
เจ้าของดวงตาสีทับทิมมองตรงไปที่ชายที่กำลังหลับตาและแตะขมับของซินเซร์ คู่หูที่มาร์เอลหรือมาร์เอลเมโกมัสเป็นคนเลือก
“ความทรงจำของเมื่อสองร้อยปีก่อน แล้วก็สีดำ? อ๊ะ! หายไปแล้ว”
จีเอล ลืมตาขึ้นแล้วมองมือตัวเองอย่างงงๆ
“สงสัยว่านี่จะเป็นการมาที่ไม่ธรรมดาเสียแล้วฟีเฟย์”
จีเอลหันไปพูดชายหนุ่มที่กำลังยืนกอดอกพึ่งผนังอยู่ ผมตัดสั้นสีเงินยวงเกือบขาวจอนทั้งสองข้างยาวเคลียไหล่ ดวงตาสีทับทิมประกายเจิดจ้าท่ามกลางความมืดรอบตัวจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเม้มเน้น
“แล้วเจ้าจะทำเช่นไร”
“โธ่ เจ้าอย่างส่งสายตาดุๆมาทางข้านักสิข้ากลัวน่ะ ฮึก” หยดน้ำเกาะตัวอยู่ที่หางตาของคนพูดพลางกัดริมฝีปากล่างพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แต่...ช่างไม่เข้ากับร่างกายที่สูงเลยร้อยแปดสิบเซนติเมตรเลยแม้แต่น้อย
รอยปูดบนหน้าผากของฟีเฟย์ผุดขึ้นมาตามอารมณ์ของเจ้าตัวก่อนจะตวาดเสียงดัง
“เจ้าเลิกทำท่าอ่อนแอสักทีจีเอล!”
“อ๊าย! อย่าทำเค้าน่ะ”
ข้าลืมขึ้นมาเห็น เอ่อ หัวหน้า? กำลังปาดน้ำตามองผู้ชายตรงหน้าอย่างหวาดกลัว
“ฟื้นแล้วรึ”
ชายผมเงินหันมามองหน้าข้าทั้งที่บนหน้าผากยังมีรอยปูดขึ้นมาอย่างชัดเจน
“ข้า ฟีเฟย์มาโอ เรียกข้าว่าฟีเฟย์พอเป็นคู่หูของ...” ว่าพลางปลายตามองหัวหน้า
“ขอ...รับ”
“เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว เจ้าตามข้ามาเพื่อจะได้ไปทำสัญญา...” ฟีเฟย์ยังพูดไม่ทันจบเสียงของดาเนียร์ก็ดังเข้ามาในห้อง
“หัวหน้าแย่แล้วค่ะ ไคทิน ไคทินบาดเจ็บสาหัสมาค่ะ”
หัวหน้าที่กำลังนั่งสะอึกสะอื้นรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้องหลังฟังจบ ฟีเฟย์ขมวดคิ้วแน่นส่งสัญญาณให้ข้าตามไปด้วยแล้วแปลงเป็นจิ้งจอกวิ่งตามหัวหน้าไป เจ้าเสือเน่าที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่ตอนไหนวิ่งเข้ามาใกล้แล้วบอกให้ข้าขึ้นหลังมัน
ข้าทำตามโดยไม่อิดออด มาร์เอลวิ่งด้วยความเร็วทำให้ไม่นานเราก็มาถึงห้องโถงใหญ่ที่ข้าเดินผ่านเข้ามาในตอนแรก
ตรงกลางห้องโถงมีคนมุ่งอะไรบางอย่าง ฟีเฟย์ที่วิ่งนำหน้าพวกเรามาวิ่งขึ้นไปเกาะหัวหน้าบนไหล่ ชายผมเขียวที่ออกมารับข้าก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
“คูลอมบ์ อาการของไคทินเป็นอย่างไร”
“ข้าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเค้าติดพิษมา ถึงข้าจะวิจัยพิษมาหลายชนิดแต่ข้าไม่รู้ว่าพิษชนิดนี้คืออะไร อาการไข้ขึ้นสูงเหมือนโดนพิษซิลล์ มีหัดขึ้นตามตัวเหมือนพิษเรย์แถมที่ปากแผลเหมือนไม่สามารถสมานแผลได้ด้วย”
ชายผมเขียว หรือ คูลอมบ์วินิฉัยอาการคร่าวๆของคนที่ชื่อไคทินที่นอนหมดสติอยู่กลางห้อง แต่พอข้าได้ยินอาการก็ทำให้ข้าขมวดคิ้ว
“ข้าขอดูอาการหน่อย”
ทุกคนหันมามองข้า หัวหน้าเปิดทางให้ข้าเข้ามา ข้ามองหัดสีดำที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วแตะมือไปข้างลำคออย่างแรงจนร่างไคทินกระตุก
“นี่! เจ้าทำอะไรของเจ้า” หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามข้าตะคอกเสียงดังแต่ข้าไม่สนใจ เพราะคนตรงหน้าอาการแย่กว่าที่เห็นมาก
“พวกเจ้ามีห้องที่มีความชื้นสูงๆไหม และข้าขอที่บดสำหรับบดยากับหม้อดินเผาแล้วก็น้ำแร่บริสุทธิ์สักแก้วหนึ่ง”
“เจ้ารู้งั้นรึว่าไคทินเป็นอะไร”
“อืม” ข้าตอบเพียงสั้นๆขณะหยิบกระเป๋าออกมาจากมิติเวลา
“เว็กซ์ มาโก้ช่วยย้ายไคทินไปที่ห้อง 813 ที นาเนียร์ ดาเนียร์ไปหาหม้อดินกับน้ำแร่มา คูลอมบ์ที่บดยาของเจ้ายังอยู่ไหม”
“อยู่” หัวหน้าออกคำสั่งเป็นพรวนก่อนจะหันมาถามคูลอมบ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะพยักหน้าเมื่อได้คำตอบที่พอใจ “ดี ซินเซร์เจ้าตามเว็กซ์ไปได้เลย ซิฟิลิสเจ้าตามข้ามา ข้าอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด”
“ไม่! ข้าไม่ไว้ใจเขา”
ข้าหันไปมองหน้าซิฟิลิสก่อนจะกล่าวกับนาง
“ข้าขอรับปากด้วยชีวิตของข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาตายเด็ดขาด”
ซิฟิลิสมองหน้าข้าอย่างลังเลก่อนจะตกลง... “ถ้าไคทินเป็นอะไรไปข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่”
ข้าเดินตามเว็กซ์ที่เดินนำหน้าข้าไปแล้ว มาร์เอลเดินตามมาติดๆ
เจ้ารู้รึว่าเป็นพิษอะไร
“พิษของปีศาจเผ่างูนะ แต่เป็นพิษที่ผสมขึ้นมาอีกทีกับพืชของต้นไรย์”
พวกเราเดินมาถึงห้อง 813 ข้าเปิดประตูให้เพราะทั้งสองคนช่วยกันประคองไคทินเอาไว้ ภายในห้องมีเตียงอยู่ห้าเตียงตั้งเรียงกัน นอกจากนั้นยังมีโต๊ะ ของอำนวยความสะดวกบางอย่างตั้งอยู่ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นห้องนี้ก็มีความชื้นสูงมากอยู่ดี
“ที่บดได้แล้ว” เสียงทุ้มของคูลอมบ์ดังขึ้นหลังจากที่เว็กซ์กับมาโก้ช่วยกันวาง ไคทินที่เตียง
“หม้อดินกับน้ำแร่ล่ะ”
“อยู่นี่” เสียงใสของดาเนียร์ดังขึ้นภายในห้องพร้อมกับปรากฏวงเวทสีฟ้าครามที่กลางห้องขึ้น ลวดลายที่ไม่ซับซ้อนมากนักทำให้ข้ารู้ว่าตรงหน้าเป็นเวทเคลื่อนย้าย
ดาเนียร์กับนาเนียร์เดินถือหม้อดินกับน้ำแร่ที่ข้าต้องการออกมาจากวงเวทแล้ววางไว้ที่โต๊ะที่มีที่บดวางไว้อยู่แล้ว ข้าเปิดกระเป๋าเป้ออกพร้อมกับหยิบขวดยาที่ปรุงเสร็จแล้วสองขวดออกมาตามด้วยใบของต้นลีย์ คูลอมบ์เสนอตัวช่วยข้าบดใบลีย์ ส่วนข้าก็เริ่มต้นปรุงยา
ขวดสองขวดที่เอาออกมาขวดแรกเป็นยาที่ข้าสกัดขึ้นมาเองชื่อ ‘แอนทิตีป พอยสัน’ หรือ ‘ยาแก้พิษ’ เป็นยาที่ทำจากรากและใบของต้นแอนทิตีปมีอยู่ทั่วไปในป่าของแดนเทพ สรรพคุณก็ตามชื่อมันช่วยแก้พิษทุกชนิดที่เกี่ยวกับพิษของปีศาจและก็สามารถแก้พิษของเทพได้เหมือนกันแต่มีข้อแม้ว่าพิษชนิดนั้นต้องเป็นพิษที่เกิดจากธรรมชาติไม่เช่นนั้นก็ต้องผสมกับยาหรือพิษบางอย่างเพื่อแก้พิษที่ถูกปรุงขึ้นมาได้
ส่วนอีกขวดหนึ่งคือยาพิษ ‘สาปซากศพ’ เป็นยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำมาจากตัวยาหลักคือต้น ‘ครีมิวเฟริน’ ที่จะขึ้นเฉพาะตรงที่คนตายเท่านั้น ข้อเสียคือต้องใช้กินเพื่อใช้น้ำลายทำให้ยาออกฤทธิ์
“เจ้าคิดจะทำอะไร!”
ข้าชะงักมือที่กำลังจะหยดสาปซากศพลงในหม้อดินแล้วหันไปมองคูลอมบ์ที่กำลังดูอยู่
“เจ้าคิดจะฆ่าไคทินรึไง ถึงได้ใช้สาปซากศพ” คูลอมบ์พูดเสียงเครียดถึงแม้ยาส่วนใหญ่ข้าจะปรุงเองแต่บางชนิดข้าก็ดัดแปลงหรือซื้อมาจากยาที่มีขายในตลาดมืด
และสาปซากศพก็เป็นหนึ่งในนั้น
“สาปซากศพเป็นส่วนผสมสำคัญถ้าขาดไปยาจะไม่สมบูรณ์”
“แต่นั่นเป็นยาพิษ”
“ใช่ว่าจะต้องเป็นยาพิษทั้งหมดนี่ ยาพิษก็สามารถเป็นยาที่ช่วยชีวิตได้เหมือนกัน”
ข้าหยดสาปซากศพลงไปรวมกับยาแก้พิษในหม้อดินยาแก้พิษสีเหลืองนวลค่อยๆกลายเป็นสีม่วงเข้มเมื่อโดนสาปซากศพ ข้ารีบเติมน้ำแร่ลงไปผสมก่อนจะคนให้เข้ากันแล้วใส่ใบลีย์ที่บดแล้วตามลงไป พอสีม่วงเข้มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนข้าก็ตักใส่แก้วแล้วยื่นให้คูลอมบ์
อีกฝ่ายลังเลใจอยู่พักเดียวก็ตัดสินใจกรอกยาใส่ปากไคทินที่หน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ
“อ๊ากกกกกกก!”
ไคทินร้องเสียงดังลั่น คูลอมบ์เบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อจู่ๆร่างที่นอนนิ่งเริ่มดิ้นทุรนทุราย
“เจ้า!” สิ้นเสียงตวาดข้าก็ถูก ล็อกด้วยเว็กซ์และมาโก้
“เจ้าทำอะไร”
มาโก้ตวาดใส่ข้าแต่ข้ากลับไม่ได้สนใจ ข้ามองไคทินที่กำลังเริ่มสำรอก
“เอายาให้เขากินอีก เร็ว!”
ข้าตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นร่างบนเตียงสำรอกเอาก้อนดำๆกับของเหลวสีดำออกมา
ทำตามที่ซินเซร์บอก!
เจ้าเสือเน่าคำรามลั่นห้องมาโก้และดาเนียร์ที่สามารถได้ยินรีบถลาไปหยิบยาที่เหลืออยู่ในหม้อป้อนใส่ปากไคทิน
หลังจากผ่านมาได้สักพักไคทินที่สำรอกเสร็จสลบไปอีกครั้งด้วยความเพลีย ทั่วทั้งห้องจึงต้องอยู่ในความเงียบคูลอมบ์เข้าไปตรวจไคทินอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจ
“บาดแผลเริ่มสมานตัวแล้ว การเต้นของหัวใจเริ่มเป็นปกติ หัดสีดำก็หายไปเกือบหมดแล้วด้วย เจ้าปล่อยเขาเถอะเว็กซ์”
เว็กซ์ปล่อยตัวข้า คูลอมบ์รีบถามต่อทันที
“นั่นเป็นยาอะไร”
“แอนเดรีย เป็นยาแก้พิษที่ข้าคิดขึ้นเพื่อแก้พิษเผ่างูปีศาจโดยเฉพาะ ยาแก้พิษจะช่วยระงับอาการ ส่วนสาปซากศพจะกัดกร่อนพิษที่เริ่มจับตัวกับเลือด และใบลีย์กับน้ำแร่จะช่วยชะล้างพิษที่อยู่ตามเส้นเลือดให้ออกมา”
“เจ้า... เอ่อ... เจ้า”
อยู่ๆคูลอมบ์ก็หันมามองทางข้าก่อนจะอ้ำๆอึ้งๆ เจ้าเสือเน่าเลิกคิ้วอย่างงุนงง
เจ้านึกอยากจะสารภาพรักกับเจ้าหัวเน่านี่หรือไง
ข้าชะงักกึกก่อนจะหันไปมองหน้าคูลอมบ์ทีเจ้าเสือเน่าที ส่วนมาโก้ที่ฟังเข้าใจก็ยืนแข็งค้างไปแล้ว
“คูลอมบ์”
“หือ?”
“เจ้าเป็นสหายข้าใช่ไหม”
“หา เจ้าเป็นอะไรมากรึเปล่ามาโก้”
“ข้าแค่ไม่คิดว่าเจ้าจะ เจ้าจะ... เป็นคนอย่างนี้”
“เอ๋? ข้าก็เป็นอย่างนี้ของข้ามาตั้งนานแล้วนี่นา”
“คิกๆๆ” เสียงหัวเราะของเว็กซ์ดังขึ้นพร้อมๆกับสีหน้าอึ้งๆของมาโก้ ข้ากับมาโก้พร้อมใจกันถอยหลังหนีสามก้าวใหญ่ๆอย่างพร้อมเพรียง
“พวกเจ้าเป็นอะไรกันไปเนี่ย” คูลอมบ์ทำหน้างงๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาเว็กซ์ที่ตอนนี้อยู่ใกล้ตัวเองมากที่สุด
“เว็กซ์ เจ้าพวก...”
“ว๊ากกกกกกกกกกกก!!!” เว็กซ์ร้องเสียงหลงทันทีที่คูลอมบ์จับไหล่ก่อนจะสะบัดตัวออกห่างแทบจะทันที
หลังจากที่นี้ไปมุมห้องสงบสติได้แล้วก็ตะโกนถามอย่างตื่นตระหนก “คูลอมบ์เจ้าจะถามอะไรข้าไม่ว่าแต่ทำไมต้องแต๊ะอั๋งข้าด้วยเล่า!”
“หา?” คูลอมบ์หันมองรอบกายอย่างงุนงงก่อนจะเดินเข้ามาหาข้า
“ซินเซร์เจ้าพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมดอ่ะ”
“หยุด! อย่าเข้ามาน่ะ” ข้าร้องเสียงหลงก่อนจะวิ่งหนี “เฮ้! เดี๋ยวเซ่พวกเจ้าเป็นอะไรกันไปหมดบอกข้าก่อน” คูลอมบ์ยังไม่ลดละวิ่งตามข้าไปทั่วห้องพอเฉียดกายเข้าใกล้ใครคนๆนั้นก็ขยับถอยหนีทันที
“แล้วทำไมเจ้าต้องมาตามข้าคนเดียวด้วยเล่า”
“ก็ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าเป็นอะไรกันนี่นาแล้วข้าก็อยากขอ... ขอ...”
“ขออะไรเล่าเจ้าก็พูดให้มันชัดๆเซ่”
“ข้าอยากขอ...เจ้า”
ด้วยความอึ้งทำให้ข้าเผลอเบรกตัวเองคูลอมบ์ที่วิ่งตามมาถึงกับชนโครมเข้าให้พร้อมๆกับเสียงเปิดประตูทุกคนในห้อง (ยกเว้นไคทินที่ยังสลบเหมือดอยู่) หันไปดูที่ประตู และนั่นอาจเป็นความอับอายที่เพิ่มขั้นมาอีกหนึ่งอย่างของข้าก็ได้
เหตุเพราะ... จากอุบัติเหตุเมื่อครู่ทำให้คูลอมบ์ล้มทับข้าอย่างจังและอยู่ในลักษณะที่ข้าอยู่ล่างคูลอมบ์อยู่บนและมือข้างหนึ่งของข้าดันหน้าเขาไว้อยู่
ผลคือ... หน้าประตูซึ่งประกอบไปด้วยหัวหน้าและฟีเฟย์ (ภาคจิ้งจอก) ที่ทำหน้า เหวอ แฝดน้องทั้งสองคนขององค์กรที่กำลังยืนหน้าแดงและซิฟิลิสเหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหาไคทินอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
และสัญชาตญาณบางอย่างในตัวข้าร้องเตือนให้พูดบางอย่างทันที
“ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย”
“คูลอมบ์ เจ้าชอบผู้ชายงั้นเหรอ” หัวหน้าถามเสียงเบา
“เอ๋?” คูลอมบ์ เจ้าโปรดอย่ามาไร้เดียงสาแถวนี้เพราะหน้าเจ้ามัน... มัน...
สีหน้าคูลอมบ์มันน่าถีบชะมัด
สิ้นคำเจ้าเสือเน่าข้าส่งปลายเท้าอันเพอร์เฟก(?) ไปประทับที่ท้องของคูลอมบ์จนกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร(?)
“ซินเซร์ เจ้าถีบข้าทำไม” คูลอมบ์เบ้หน้าอย่างเจ็บปวด ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อน(?)มาให้
“หัวหน้าาาาาา ช่วยข้าด้วยยยยย”
ข้ารีบวิ่งไปหลบหลังหัวหน้าทันทีแต่หัวหน้าก็หันไปมองคูลอมบ์อย่างหวาดกลัวเช่นกัน
“ซินเซร์ เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก หัวหน้าด้วย” เสียงปีศาจ(?)ดังขึ้นจากร่างตรงหน้าข้ากับหัวหน้าได้แต่กอดกันกลมปลายหางตาเริ่มมีน้ำตาคลอ
พวกเจ้าเลิกเล่นกันสักที!
เสียงดังราวกับฟ้าผ่าดังเข้ามาในสมองทำเอาข้ามึนไปชั่วขณะ หางตาเหลือบไปเห็นอีกหลายคนเบ้หน้าแต่หัวหน้านี่สิอยู่ๆก็ร้องไห้โฮ
“ฮือ แงๆ ข้าไม่ผิดสักหน่อย ข้าไม่ผิด แงๆ”
ข้าเห็นฟีเฟย์(ที่กลายเป็นคนเมื่อไรไม่รู้)มองหัวหน้าอย่างเอือมระอา
“ซินเซร์เจ้าตามข้ามา”
ฟีเฟย์ว่าพลางช้อนตัวหัวหน้าขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย แล้วเดินออกไปเลย หลายคนมองข้าพลางยิ้มให้ข้าก็ยิ้มตอบก็ที่เจ้าเสือเน่าจะสะกิดให้ข้ารีบๆเดินไป
พวกเราเดินกลับมาทางเดิมสักพักฟีเฟย์ก็หยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง ประตูเปิดอ้าเหมือนกับต้อนรับฟีเฟย์เดินเข้าไปก่อนจะวางหัวหน้าที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนอยากนอนเสียเต็มที่ลงบนเก้าอี้นวมสีแดง เจ้าเสือเดินเข้ามามองอย่างแปลกใจ
ภายในห้องเป็นเหมือนกับห้องโถงกว้างๆที่พื้นมีวงเวทซ้อนทับกันทั้งหมดสี่วงมีวงเล็กสองวงที่อยู่ตรงข้ามกัน วงเล็กอีกวงอยู่แยกออกไป ส่วนวงใหญ่ซ้อนทับกับวงเล็กทั้งสองวง
“มาร์เอลเจ้าไปยืนตรงนั้น” ฟีเฟย์ว่าพลางชี้ไปที่วงเวทวงเล็ก ข้าเดินเข้าไปที่วงเวทอีกวงอย่างเข้าใจทันที
ฟีเฟย์เดินเข้าไปกระซิบบางอย่างกับหัวหน้า หัวหน้าปรือตาอย่างง่วงงุนก่อนจะเดินเข้ามายืนที่กลางวงเวทเล็กที่แยกออกไป
“Breezes of Time Lead us meet each
At this time, let us binding forever and ever eternal.”
เสียงหวานเอื้อนเอ่ยเป็นทำนอง วงเวททั้งสี่เปล่งแสงสว่างไปทั่วทั้งห้อง ร่างเสือของมาร์เอลเริ่มเปลี่ยนไป ยืดยาวจนมองออกว่าเป็นคน จู่ๆข้อมือข้าก็แสบร้อนข้ายกข้อมือขึ้นดู ลายสีดำกระหวัดไปมารอบข้อมือคล้ายกับกำไล
แสงสว่างค่อยๆดับลงพร้อมกับร่างหัวหน้าที่ทรุดฮวบลงไปที่พื้น
“หัวหน้า!”
ฟีเฟย์รับร่างอ่อนแรงของหัวหน้าได้ทัน ก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแล้วเดินออกไปเลย
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะใช้พลังมากเกินไปนะเลยเป็นอย่างที่เห็น”
ข้าพยักหน้าอย่างเข้าใจ เจ้าเสือเดินออกไปพร้อมกับข้าที่เดินตามออกไปเช่นเดียวกัน
ความคิดเห็น