ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วังวนมาเฟีย

    ลำดับตอนที่ #2 : วังวน

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 56


    "คิดว่าวันนี้เป็นวันดีแล้วเชียว นึกว่าจะได้เจอบ้านคุณท่าน กลับมาเจอโรคจิต อย่าให้เจออีกทีน่ะ หึ่มมมมม" หญิงสาวปดกระปอดกระแปดและคำรามหึ่มๆ มาตลอดทางตั้งแต่ได้สติ และก้มลงไปมองกล้องสุดที่รักที่อุส่าห์เก็บหอมรอบริบเกือบ 3  ปี กว่าจะได้มันมา "พี่ขอโทษน่ะพี่อุส่าห์สัญญากับแกว่าจะดูแลแกให้ดี หึ่ม เพราะไอหื่นคนนั้นคนเดียว อย่าให้เจอล่ะกัน" ขณะอยู่บนเรือข้ามฝาก จากฝั่งพระนคร มาฝั่งธน เธอได้ยินเสียงผู้คนคุยกันเสียงดังจอแจ อากาศก็ร้อนอบอ้าว แถมอารมณ์ของเธอตอนนี้ ก็ไม่ได้เย็นไปกว่าอากาศเลย นั่นเพิ่มความหงุดหงิดให้เธอไม่น้อย เมื่อเรือจอดเทียบฝั่ง รอให้คนทยอยลงจากเรือจนเหลือไม่กี่คนเธอจึงก้าวเท้าออกจากเรือ และต่อรถเมล์อีกสาย มุ่งหน้ากลับยังโรงแรมที่พักอยู่ และคิดในใจ วันนี้ไม่ได้เจอบ้านคุณท่านอีกแล้วสิน่ะ

                เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเป็นพิเศษในความคิดของชายหนุ่ม เพราะตั้งแต่เขากลับมาอยู่บ้านหลังนี้ก็พึ่งมีวันนี้แหละ ที่อาป๊าไม่เรียกเข้าไปเฉ่งแต่เช้าเหมือนวันที่ผ่านๆมา

    "หม่าม้า มีอะไรกินบ้างครับวันนี้ หอมฟุ้งไปถึงชั้นบนเชียว"

    "อ่าว อาปัณม์ตื่นแล้วหรอลูก มากินข้าวก่อนมา "

    "มีไรกินบ้างครับม๊า" ว่าแล้วก็อ้อมไปนั่งเก้าอีกข้างๆเก้าอีประมุข  ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของลูกชายคนโตบ้านเกษวิพากย์

    "ดูเอาเองล่ะกันเนี่ย เยอะแยะเลย ป้าผ่องของปัณม์เขาทำให้โดยเฉพาะเลยน่ะเนี่ย"

    "วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าครับม๊า ทำไมต้องทำเยอะแยะอย่างงี้ด้วย"

    "อย่าบอกน่ะค่ะว่าเฮียจำไม่ได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร" ปัทม์ น้องสาวคนเล็กสุดของบ้านอดแขวะพี่ชายไม่ได้ ที่จำวันสำคัญของตัวเองไม่ได้

    "แล้ววันอะไรล่ะไม่เห็นมีใครบอกอะไรเฮียเลย " "เอ๊ะ อย่าบอกน่ะว่า วันนี้เป็นวันครบรอบของอาป๊ากับม๊า ถึงว่าวันนี้ป๊าไม่เรียกไปเฉ่ง"

    "แหม เฮียค่ะ วันนี้วันเกิดตัวเองแท้ๆยังจำไม่ได้เลย คนอื่นเค้าอุส่าห์ตื่นเต้นกันใหญ่กับวันเกิดพี่ชายใหญ่ของบ้าน " ปิ่นท์ น้องสาวคนกลางก็อดแขวะพี่ชายใหญ่ของบ้านไม่ได้เหมือนกัน

    "อ่าว ลงมาแต่หัววันเลยน่ะไอลูกหมา" นายปกรณ์ ประมุขของบ้าน หรือที่คนทั้งเยาวราชมักเรียกว่าเสี่ยกร เดินลงบันไดมา และมาหยุดนั่งตรงเก้าอี้หัวโต๊ะ ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของตัวเอง

    "ป๊าก็ เรียกลูกเข้า ถ้าลูกเป็นลูกหมา แล้วป๊าล่ะ ม๊าล่ะ ไม่เป็นป๊าหมาม๊าหมารึไงกันฮึ" นางสุคนธรส หรือเถ้าแก่เนี้ย ที่คนทั้งเยาวราชขนานนามว่าสาวสองพันปี ที่ขนาดอายุตอนนี้ก็เข้าเลขหกแล้ว แต่หน้าตายังสดใส ราวสาวแรกแย้ม

    "โธ่ อารส ลื้อนี่ก็ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย อั๊วอุส่าห์อารมณ์ดี"

    "ป๊าไปอารมณ์ดีอะไรมาค่ะ บอกปิ่นท์หน่อยสิค่ะ หรือว่าอารมณ์ดีเพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิดเฮีย "

    "ป๊าจะอารมณ์ดีเรื่องอาปัณม์ไปทำไม๊ ถ้าเรื่องอาปัณม์น่ะ ป๊าจะต้องอารมณ์เสียมากกว่า แก่ป่านนี้แล้วยังไม่มีลูกสะใภ้ให้ป๊าสักกะที"

    "อ่าว แล้วป๊าอารมณ์ดีเรื่องอะไรกันล่ะค่ะ บอกปัทม์ทีสิค่ะ ปัทม์อยากรู้" น้องสาวคนเล็กคะยั้นคะยอผู้เป็นพ่อ เพราะอยากรู้อยู่เต็มทีว่าป่าของตนอารมณ์ดีเรื่องอะไรนักหนา

    "คงจะอารมณ์ดีที่วันนี้ ....." พูดยังม่ทันจบ ผู้เป็นพ่อก็ตัดบทที่ลูกชายคนโต ที่กำลังจะสุ่มเดาถึงสาเหตุความอารมณ์ดีของพ่อ

    "อ่า พอๆ พอแล้ว ไม่ต้องเดาอีกแล้ว นั่งๆ กินข้าวกันก่อน กินเสร็จแล้วเดี่ยวป๊าจะบอกเอง"

    "ผ่อง ตักข้าวเลยจ๊ะ"

    "ค่ะ เถ้าแก่เนี้ย" ผ่อง คนเก่าคนแก่ของบ้าน ที่เป็นทั้งเพื่อนของสุคนธรส ในขณะเดียวกันก็เป็นแม่นมของปัณม์ ที่คอยเลี้ยงดูปัณม์มาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากปัญหาสุขภาพของสุคนธรสในช่วง แรกๆที่คลอดปัณม์

    "ปิ่นท์อยากรู้แล้วสิค่ะ ว่าป๊าอารมณ์ดีเรื่องอะไร"

    "อยากรู้ก็รีบๆกินข้าวซะสิ มัวแต่คุยกัน ก็กินไม่เสร็จกันพอดีวันนี้ " สินคำประมุขของบ้าน โต๊ะอาหารก็กลับมาสู่ความเงียบ จนทุกคนกินเสร็จเรียบร้อย เสี่ยกรจึงได้เริ่มพูดเรื่องที่ทำให้ตนอารมณ์ดีในวันนี้

    "ปัณม์ วันนี้ไปโรงพยาบาลกับป๊าหน่อยน่ะ"

    "ครับ" ปัณม์ตอบบิดอย่างงงๆ ก็ร้อยวันพันปี ก็ไม่เคยยอมให้เค้าพาไปโรงบาลสักครั้งแต่วันนี้มาแปลก

    "ครับนี้ตกลง หรือประโยคคำถาม"

    "คำถามครับ"

    "ฮ่ะๆ ให้มันได้อย่างงี้สิลูกอั้ว"

    "เฮียคิดอะไรอยู่ค่ะ อยู่ดีๆ อยากให้ลูกพาไปโรงบาล ทีเมื่อก่อนล่ะเกลียดโรงบาลอย่างกับอะไร"

    "นั่นสิค่ะป๊า" ปัทม์เองก็แปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินป๊าพูดออกมาอย่างงี้ เพราะทุกครั้งจะเป็นเธอ ที่เป็นคนพาป๊าไปหาหมอ "หรือว่าป๊าเบื่อปัทม์แล้ว เลยไม่อยากให้ปัทม์พาไป"

    "แหม ไอ้ลูกคนนี้นิ ไม่ใช่อย่างนั้น แค่วันนี้ป๊าจะแวะไปที่บริษัทด้วยก็เท่านั้น ให้เจ้าปัณม์มันพาไป แล้วก็เลยไปที่บริษัทด้วยกันเลย จะได้ไม่เปลืองค่ารถ"

    "อ่าว แล้วทำไมวันนี้ป๊าเข้าบริศษัทล่ะครับ ยังไม่ถึงวันประชุมเลย" คนเป็นลูกถามอย่างสงสัย เพราะปกติ ปกรณ์จะเข้าบริษัทแค่เดือนล่ะครั้ง นั่นคือวันประชุมใหญ่ปลายเดือนเท่านั้น

    "ไม่ต้องมาปิดป๊าอาปัณม์ ป๊ารู้หมดแล้วน่ะ"

    "ผมปิดอะไรป๊าครับ ผมไม่มีอะไรปิดป๊าเลยน่ะ"

    "นี่เฮียยักยอกเงินบริษัทหรอค่ะป๊า ป๊าเลยต้องลงไปดูเอง เฮียน่าจะเอามาแบ่งปิ่นท์บ้างน่ะค่ะ" หญิงสาวพูดแบบติดตลกเพราะรู้ว่าพี่ชายตัวเองคงไม่ทำแบบนั้นกับบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน

    "แหมะ ลือก้อ ลองพี่ชายลื้อทำดูสิ ป๊าจะไล่แตะตูดให้หาทางกลับบ้านไม่เจอเลย"

    "โธ่ป๊า ป๊ามีอะไรก็พูดมาสิครับ ผมไม่รู้จริงๆน่ะว่าผมปิดอะไรป๊าอยู่"  ตอนนี้ทุกคนในบ้านได้แต่งงกับอาการอารมณ์ดีผิดปกติของประมุขของบ้าน แต่ผู้เป็นประมุขของบ้านกลับไม่ยอมบอกสักที

    "อ่ะๆ ป๊าบอกแล้วก็ได้ ก็อาสวัสดิ์น่ะสิ โทรมาบอกป๊า ว่าอาปัณม์น่ะ เปลี่ยนเลขาคนใหม่ เห็นบอกว่าสวยซะด้วย ป๊าก็เลยอยากไปดู เผื่อว่าจะลุ้นขึ้น"

    "โธ่ป๊า นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องนี้ไม่มีอะไรสักหน่อย ก็คุณพลอยเธอลาออกไปคลอดแล้วก็จะอยู่เป็นแม่บ้านเลียงลูก ผมก็แค่หาเลขาใหม่เท่านั้นเอง และฝ่ายบุคคลก็เป็นคนหาให้ ผมไม่ได้หามาเองสักหน่อย"

    "อารสดูสิ อั๊วพูดนิดเดียว แต่นี่ตอบยาวเป็นชุดเลย มีพิรุธชัดๆ เห็นอาสวัสดิ์บอกว่าชอบหายเข้าไปกันในห้อง นานเป็นชั่วโมงๆ"

    "นี่อย่าบอกน่ะว่าเฮียกับคุณเลขา เอิ่ม แบบว่า ......"

    "นี่พอเลยๆ ยัยปิ่นท์" "ป๊าครับ ผมกับเลขาหน้าห้อง ไม่มีวันเป็นอะไรกันได้มากกว่านี้หรอกครับ ผมไม่ใช่สมภารที่ชอบกินไก่วัน ที่เขาเข้าไปในห้องผมนาน เพราะว่าเค้าเค้าไปจัดเอกสารในห้องผมต่างหาก เขาบอกว่าเลขาคนเก่าจัดเอกสารแบบนี้แล้วมันงงเค้าเลยเข้าไปจัดใหม่ ให้เขาเข้าใจง่ายขึ้น"

    "ลื้อแน่ใจน่ะ อย่ามาโกหกป๊า เพราะว่าถ้าป๊ารู้ว่าลื้อโกหก ป๊าไม่เอาไว้แน่" เขารู้ดีว่าลูกชายเขาเป็นคนเนื้อหอมแล้วที่แม่เลขาคนใหม่เข้าไปจัดเอกสารนั่นคงเป็นเพียงข้ออ้างมากกว่า แท้จริงแล้วคงจะทอดสะพานให้ชายหนุ่มอยู่เป็นแน่

    "โธ่ป๊าครับ ป๊าก็รู้ว่าผมไม่ชอบแบบนี้นี่ " แบบนี้ที่เค้าว่า คงจะเป็นแบบที่ว่าเสนอมาให้ถึงที่ เพราะปกติแล้วเค้ามักจะได้มาง่ายๆแบบนี้เสมอ มันทำให้ไม่ตื่นเต้นเร้าใจ แบบที่เค้าชอบคงเป็นแบบที่ต้องใช้ความพยายาม ว่าแล้วหน้าของหญิงสาวที่เขาจับหน้าอกวันนั้นที่หน้าร้านขายยาก็ลอยเข้ามาในความคิดเขา ไม่ถึง 5 วินาที เขาก็สลัดหน้าของหญิงสาวออกไป และก็ตกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่อยู่ดีๆก็นึกถึงหน้าหญิงสาวขึ้นมา ไม่สิ จะเรียกว่าอยู่ดีๆคงไม่ได้ เพราะว่าตั้งแต่วันนั้นมา หน้าของหญิงสาวก็มักจะลอย มาวนเวียนบนหัวเขาอยู่ตลอดๆ แล้วที่เป็นแบบนี้เค้าก็อดที่จะโทษหญิงสาวไม่ได้ เพราะตั้งแต่วันที่เขาเอาเมมโมรี่การ์ดที่เก็บมาในวันนั้นมาเปิดดู ก็ทำให้เขามักมีหน้าหญิงสาวลอยมาวนเวียนตลอดเวลา คนอะไรหลงตัวเองชะมัด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×