ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : I DON'T YOUR BEST FRIEND
I DON'T YOUR BEST FRIEND
ไม่มีการพูดคุยกันระหว่างเขากับฉันหลังจากนั้น...
ยิ่งเขาเมินฉันก็ยิ่งหงุดหงิด
ยิ่งเขาไม่มองมาทางฉันมันก็ยิ่งน่าโมโห
และ...ที่เขาไม่พูดอะไรเลยแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ฉันกังวลแทบเป็นแทบตาย
เพิ่งได้รู้ว่าความเงียบน่ากลัวที่สุดก็วันนี้แหละ เพราะมันทั้งเงียบเลยทำให้ไม่รู้อะไร ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง เพียงแค่คำพูดคำเดียวเท่านั้นที่จะทำให้รู้สึกดีขึ้น... แต่เมื่อมันไม่เป็นแบบนั้นก็ต้องกดดันอยู่อย่างนี้
ก็ได้...อยากเล่นสงครามความเงียบกับฉันใช่มั้ย
คอยดูเถอะ...ว่านายนั่นแหละที่จะเป็นคนหันมาสนใจแล้วพูดกับฉันก่อน:(
คนอย่างฉันน่ะ...ไม่มีทางง้อใครก่อนหรอก วอร์เลน...
พอถึงคาบสุดท้ายของวันนี้ฉันก็พยามยามเก็บข้าวของให้ช้าที่สุดแล้วก็รอจนกว่าเพื่อนคนอื่นๆ จะออกไปหมด เพราะฉันรู้ดีว่าเขาจะออกคนสุดท้ายเป็นประจำ :)
ฉันเหมือนคนบ้าที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวแต่รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยแผนการ สายตาฉันจ้องไปที่กระดานดำนั่นนิ่ง และ...รอไม่นานนักคนอื่นๆ ก็ออกไปจากห้องเหลือแค่เพียง...
ฉันกับเขา...
...
ไม่มีการส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้นเหมือนกับว่าในห้องนี้ไม่มีใครอยู่เลย จนกระทั่งเขายืนขึ้นแล้วมองไปที่กระดานดำเหมืิอนกับฉัน ฝีเท้าของเขาเดินมุ่งหน้าไปยังกระดานดำที่ยาวเหยียดไปจนถึงขอบห้อง ฉันชะเงื้อมองเขาที่กำลังลบกระดานอยู่อย่างไม่หันมามองฉันสักนิด
เวลาผ่านไปฉันก็ยังนั่งรอเขาลบกระดานนั่นให้เสร็จ จนกระทั่งเขาลบมันจนสะอาดหมด เขาก็เดินไปอยู่ตรงกลางกระดาน(ตรงกับที่ฉันนั่งพอดี) แล้วใช้ชอล์กที่วางอยู่นั้นเขียนกระดานดำนั่น...
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเขาก็เขียนอะไรบางอย่างบนกระดานดำนั่นได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็เดินสะพายกระเป๋าเป้สีดำนั่นออกไปจากห้องเรียนโดยไม่สนใจฉันเลยเหมือนเดิม
นี่เขาไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาบ้างเลยหรือไง...?
ฉันถอนหายใจออกมาหลังจากที่ไม่เห็นเขาอีกแล้ว มองไปที่ประตูนั่นด้วยความคาดหวังว่าเขาอาจจะกำลังรอฉันอยู่ก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงไม่มีเวลามานั่งHurtอยู่ตรงนี้คนเดียว แต่...เมื่อฉันออกไปดูที่หน้าห้องก็พบเพียงสายลมเบาๆ ที่พัดมาโดนใบหน้า
ไม่มีเขา...
ความรู้สึกที่พ่ายแพ้มันช่างไม่ดีเลย ฉันไม่ได้อยากแพ้...ฉันไม่ได้อยากเป็นคนไปง้อเขาก่อนนี่ แค่หันมามองแล้วพูดด้วยสักคำนี่มันยากมากขนาดไหนกัน!
ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อหยิบเอากระเป๋าของตัวเองแล้วออกจากห้องที่แสนเงียบเหงาจนฉันไม่อาจทนอยู่ได้อีกต่อไป
วอร์เลน...นายนี่มันไร้จิตรใจจริงๆ :(
ในขณะที่ฉันกำลังพาตัวเองออกจากห้องก็บังเอิญเหลือบมองไปทางกระดานซะก่อน ทั้ง2เท้าของฉันจึงหยุดชะงักทันที...
ข้อความที่ถูกเขียนด้วยชอล์กสีขาวนั่นทำให้ฉันนึกได้ทันทีว่าเขาเพิ่งเขียนอะไรไปบนกระดานนั่น แล้วเมื่อเข้าไปใกล้ๆ กระดานนั่นคุณก็จะยิ่งเห็นข้อความนั่นชัดเจนมากขึ้น
O_O
'I don't your best friend for you'
ข้อความนั่นทำเอาใหล่ของฉันสั่นเทาไปหมด ทั้งแววตาที่มองไปยังข้อความนั่นที่ยิ่งมองก็เหมือนยิ่งตอกย้ำ...
แต่ไม่ใช่ตัวฉันเอง...
ไม่รู้ว่าฉันรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะอะไร เรี่ยวแรงที่น้อยนิดทำให้ฉันทรุดตัวลงไปกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง สายตาที่พล่ามัวและดูเลื่อนลอยทำให้สภาพตอนนี้ของฉันเหมือนกับคนที่ตากซากไปแล้วหรือไม่ก็ซอมบี้ยังไงอย่างงั้น
ฉันกำลังตกสู่สภาวะเหม่อลอยที่ถ้าช่วยปลุกฉันให้ตื่นก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ฉันคงจะ...บ้าไปแล้วที่เป็นแบบนี้ นี่...
มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่...
ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้นนะ!!
(Natalee:Talk)
ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ฉันไม่ใช่นางเอก...
และฉันก็จะขอไม่ทำอะไรแบบนั้นเพราะยังไงซะคนที่มีสิทธิ์เยอะกว่ามันคงไม่เป็นฉัน
ฉันชื่อนาตาลี เอ็มเม่ เป็นลูกสาวของผอ.ในโรงเรียนแห่งนี้ นักเรียนส่วนใหญ่จะไม่รู้เพราะเรื่องนี้ถูกปิดเป็นความลับ คนที่รู้ได้ก็คือคนที่ฉันไว้ใจมากๆ เท่านั้น นอกนั้นก็แค่มองว่าฉันมันเป็นแค่คนธรรมดาๆ ในโรงเรียนมัธยมนี่ไป แต่ช่างเถอะ...ยังไงซะฉันมันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉัน
ชีวิตของฉันนั้นดูเหมือนจะเลิศเลอที่เป็นถึงหลานของท่านผอ. แต่รู้บ้างไหมว่าฉันนั้นต้องคอยปิดมันเอาไว้ตลอดเพราะนั่นเป็นคำสั่งจากผอ. เรื่องครอบครัวได้ถูกปิดเอาไว้มีคนรู้แค่ไม่กี่คนในโรงเรียน แต่ฉันเคยคิดเอาไว้ว่า...สักวันหนึ่งถ้ามีเพื่อนที่ฉันไว้ใจเอาความลับนี้ไปแฉมันจะเป็นยังไง... นักเรียนพวกกลุ่มไม่รักการเรียนทั้งหลายนั้นไม่ชอบหน้าผอ. เอามากๆ ซึ่งถ้าเอาจำนวนนักเรียนพวกนั้นมารวมกันก็มากกว่า10คน ถ้าความลับนี้มันถูกแฉ... ฉันจะซวยแค่ไหน
เหอะ...แต่ยังไงซะตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ทั้งนั้นนอกจากเพื่อนของฉันอีก3คน แต่ฉันก็สามารถรับรองความเชื่อใจของ3คนนี้ได้
แล้วนอกจากนี้...ยังมีความลับอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่มีใครรู้ นั่นก็คือ...
เรื่องของคนที่ฉันแอบชอบ...
ฉันดันไปแอบชอบใครคนหนึ่งที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหันมาสนใจ...
ฉันนั้นที่เป็นหลานของผอ. ...แต่ดันไปชอบคนอย่าง วอร์เลน...
ใช่...ฉันชอบเขา...ชอบมาตั้งแต่2ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสที่ได้คุยกันจริงจังเพราะใครก็รู้ว่าเขานั้นทั้งน่ากลัว แล้วก็ชอบอยู่เงียบๆ คนเดียวซะด้วย นั่นยิ่งทำให้ฉันเข้าถึงเขาได้ยากมากขึ้นแล้วยัง...
...ยัยผ้หญิงที่ชื่อ สเตฟานี่ นั่นอีก ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่า2คนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนแรกๆ ฉันก็ไม่รู้แต่พอสืบเรื่องของเขามากเกินไป...ก็ได้รู้ขึ้นมา
แต่จะกล้วอะไรล่ะ ก็2คนนั้นเป็นแค่เพื่อนกันนี่...
ไม่มีทางเป็นอะไรไปมากกว่านี้แล้วสินะ
แล้ววันนี้...ฉันก็เข้าไปคุยกับเธอคนนั้นมา อาจจะน่าแปลกใจที่อยู่ๆ ก็โผล่ไปพูดจาอะไรแบบนั้น แต่ว่า... ฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันผิดอะไรสักนิด เพราะว่าถ้าฉันเข้าไปพูดจาดีๆ ด้วยมันคงจะแปลกยิ่งกว่า
...เพราะถ้าแบบนั้น เธอก็ได้รู้พอดีสิว่าฉันชอบเขาน่ะ
วันนี้ฉันวางแผนเอาไว้ว่าจะไปดักเจอเขาในห้องเรียนที่เขาเรียนเป็นคาบสุดท้าย ฉันจะได้พูดอะไรต่อจากที่ค้างเอาไว้คราวก่อน...
แต่...
สเตฟานี่...
เธอกลับมานั่งเหมือนคนหมดความหวังบนพื้นห้องเรียนซะได้!
ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก แย่จริงที่แผนที่อุส่าห์วางเอาไว้กลีบแตกสลายไป ก็เพราะ...
เธอใช่มั้ยนะ...
ใช่...เป็นเพราะเธอ
สเตฟานี่ เลิฟเวต...
เวลาในตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ฉันควรจะกลับเข้าหอได้แล้ว แต่ปัญหาก็ติดตรงที่ว่า...ฉันดันลืมของไว้ที่ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ที่ในตึกเก่าชั้น 5 น่ะสิ...
แย่มาก... ไม่มีอะไรจะบรรยายได้จริงๆ เพราะว่าของสำคัญนั่นก็คือ โทรศัพท์มือถือของฉันเอง แต่ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าในโทรศัพท์มือถือของฉันนั้นมีความลับมากมายที่ไม่สามารถบอกใครนอกจาก แอนนี่กับลูน่า ซึ่งความลับที่ว่าฉันเป็นลูกสาวของ ผอ. ก็มีอยู่ในนั้น ในแกลลี่รูปภาพตอนเด็กๆ ของฉันมีรูปที่ถ่ายกับ ผอ. เอาไว้อยู่...
ตอนนี้ยัย 2 คนนั่นก็กลับเข้าหอไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ฉัน...
เอาเถอะ! ถึงยัยพวกนั้นก็ไปกันหมดแล้วแต่ฉันก็ไปเอามันคนเดียวได้อยู่แล้วล่ะ ก็แค่เดินเข้าไปในตึกแล้วก็ขึ้นลิฟต์ก็สิ้นเรื่อง...
ง่ายมากอยู่แล้วล่ะ สำหรับฉัน...
ถึงท้องฟ้าจะไม่สดใสเลยสักนิดแล้วแถมบรรยากาศในตึกก็ยังชวนให้ขนลุกแปลกๆ แต่ฉันก็ไม่ได้หวั่น เพราะยังไงนี่ก็สำคัญกว่า จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นชีวิตของฉันคงจะมีแต่เรื่องซวยแน่ๆ
ในที่สุดฉันก็มาถึงห้องที่ฉันลืมโทรศัพท์เอาไว้ โชคดีที่มันยังอยู่ดี แล้วดูท่าทางที่นี่ก็เงียบเกินกว่าที่จะมีใครเข้ามา ตอนที่เดินเข้ามาในตึกนี้ฉันก็ไม่เห็นใครเลย โชคดีแล้วล่ะ
ฉันเดินออกมาจากห้องนั้นสำรวจดูก่อนว่ามีใครแถวนี้มั้ย แล้วก็ไม่พบเหมือนเคย ไปได้ดีนี่...
"เฮ้พวก... มีคนอยู่แถวนี้นอกจากพวกเราด้วยว่ะ"
"ผู้หญิงด้วยแฮะ มาคนเดียวซะด้วย"
"เธอเป็นใครหว่า?"
"นั่นดิ..."
ประโยคสนทนาที่น่ารำคาญของชาย 2 คนนั้นทำให้ฉันรีบเดินหนีไปทางอื่นโดยทันที ไม่ปลอดภัยแล้ว... เมื่อกี้ก็ยังไม่เห็นใครอยู่เลย บ้าจริง...
ด้วยความไวของฝีเท้าทำให้ 2 คนนั่นตามมาไม่ทัน ฉันรีบกดลิฟต์โดยทันที พร้อมทั้งความชะโงกหน้าไปดูตลอดเวลาว่า 2 คนนั้นตามมาถึงทางนี้หรือยัง
รอได้พักหนึ่งประตูลิฟต์ก็เปิดออก รู้สึกดีใจในแวบเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นตกใจไป เพราะว่า...มีชายคนหนึ่งที่สวมฮู้ดสีน้ำตาลเข้ม เขากำลังยืนก้มหน้านิ่ง สายตาก็หลบฉันไปโดยสิ้นเชิง ฉันรีบก้าวเข้าไปในลิฟต์นั่นถึงแม่จะไม่ไว้ใจคนที่อยู่ในลิฟต์ด้วยกันด้วยนี่แต่ก็ไม่ยอมกลับไปเจอชาย 2 คนนั่นเด็ดขาด
เขายังคงก้มหน้าไม่พูดอะไร แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ฉันระแวงมากกว่าเดิม นั่นก็เพราะความเงียบนี่แหละ
"...ที่นี่มีหมาป่าสินะ"
"O_O"
ประโยคนั้นของเขาทำเอาฉันตกใจนิดหน่อย ไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา ทำเอาบรรยากาศเปลี่ยนไปมากมาย
"สิ่งที่คนอื่นเขาว่าอันตราย...แต่ฉันก็ยังอยากจะเผชิญมัน คงเพราะว่ามันท้าทายล่ะมั้งนะ..."
"..."
"เธอคิดว่ามันน่าสนุกมั้ยล่ะ? ถ้าได้ลองเข้าไปในป่านั่นดูสักครั้งน่ะ"
"...น่าสนุกตรงไหน ไม่มีใครได้กลับออกมากันทั้งนั้นล่ะ" ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่พูดอยู่
"งั้น...ก็แปลว่าเธอกลัว" เขาพูดพลางมองขึ้นมองด้านบน ใบหน้าด้านข้างของเขาที่มองเห็นแค่ครึ่งของใบหน้าของเขาดูนิ่งเฉยและอ่านได้ยาก
"แล้วไงล่ะ?" ฉันกอดอกถามกลับ แต่ไม่ได้หันไปมองเขาสักนิด
"หรือจะคิดว่าที่นั่นมันก็แค่ป่ากัน?"
"แล้วมันยังไงล่ะ ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องรู้อะไรเกี่ยวกับที่นั่นสักหน่อย แถมมันยังเป็นที่ที่อันตราย แล้วเคยมีนักเรียนที่นี่เข้าไปในป่านั่นแล้วไม่ได้กลับออกมาอีก มีกฏเหล็กตั้งเอาไว้ว่าทุกคนไม่ควรเข้าไปในป่านั่นอีกด้วย" ฉันถอนหายออกมายาวเหยียด แล้วก้มหน้าต่ออย่างไม่มีอะไรอยากจะพูดอีก ไม่มีอะไรที่ต้องอธิบายอีกแล้ว ถ้าเขาเข้าใจน่ะนะ...
"..." เขาเงียบไปขณะที่กำลังคิดอยู่ " น่าเบื่อจังนะที่นี่... ไม่น่าสนุกเหมือนในป่าหลังโรงเรียนหรอก" ถึงแม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าของขาแต่ฉันก็รู้ได้เหมือนกำลังมองเขาอยู่ว่าเขากำลังยิ้มอยู่
"เหอะ...ถ้าอย่างนั้น...นายก็เข้าไปพิสูจน์ในป่าให้รู้ไปเลยไม่ดีกว่าหรอ ดีกว่าฝันเฟื่องไปวันวันว่ามันจะต้องสนุกแน่ๆ ถ้าได้เข้าไปหาคำตอบที่นั่นน่ะ"
ติ๊ง...
จบประโยคนั่นประตูลิฟต์ก็เปิดออกทันที ฉันก้าวขาเดินออกไปอย่างไม่รีบร้อนอะไรมาก แต่...ก็อยากจะพูดอะไรกับเขาอีกสักหน่อย
"แต่ว่าฉันก็เคยคิดว่าอยากจะเข้าไปในป่านั่นเหมือนกัน มันคง...ไม่รู้สิ จะได้เห็นอย่างที่คนอื่นๆ ไม่เห็นและไม่รู้ล่ะมั้ง"
และอยู่ๆ สิ่งที่คิดเอาไว้อยู่นั้นก็หลุดออกจากปากได้ง่ายๆ เพียงแค่นั้นฉันก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีกต่อไป ลาก่อนเถอะคนแปลกหน้า...
"...จริงหรอ" น้ำเสียงของเขาดูเหมือนมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่จะทำให้ฉันรู้ได้
"ไปไหนมาทำไมวันนี้มาช้าจังล่ะ?"
"ก็...พอดีลืมของเอาไว้ที่ตึกน่ะ" ฉันตอบหลังจากได้ยินคำถามของลอร่าเพื่อนรูมเมดของฉัน
"ฉันเป็นห่วงเธอนะนาตาลี เพราะว่าฉันเจอหน้าเธอทุกวันแบบนี้ก็เลยรู้สึก...ขาดเธอไปไม่ได้เลยน่ะ" รอยยิ้มที่ดูเศร้าโศกของเธอคลี่ออกบางๆ แต่ก็ทำให้ฉันชะงักไปชั่วขณะราวกับถูกบังคับ
"งั้นหรอ..." ฉันเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ รีบปิดประตูให้เร็วที่สุดเพราะความรู้สึกที่แสนอัดอั้นเหลือเกินนี้ ไม่เคยมีใครถามฉันแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต การเป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ นั้นมันลำบาก...
ฉันไม่มีเพื่อนที่สนิทและไว้ใจได้สักคน แต่...
กับลอร่าแล้วทำไมฉันจึงไม่สามารถปฏิเสธได้เลยนะ...
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วฉันก็เข้านอนตามปกติ ลอร่าก็เช่นกันเธอขึ้นไปนอนบนเตียงของเธอ แสงไฟของหัวเตียงได้ถูกปิดลงทำให้ทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
"นาตาลี...เธอนอนหรือยัง?" เสียงของลอร่าปลุกฉันจากการหลับใหลเพียงแค่ไม่ถึง 5 นาทีของฉัน
"ยังหรอก แล้วเธอนอนไม่หลับหรือยังไง"
"ใช่...ฉันฝันร้ายน่ะนาตาลี" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสั่นคลอ
"นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึง 5 นาทีเลยลอร่า เธอนี่ฝันเร็วจังเลยนะ" ฉันไม่สนใจแล้วหันไปด้านที่ไม่เจอหน้าเธอแล้วเอาผ้าห่มคลุมหัวให้มากกว่าเดิมอย่างรู้สึกรำคาญนิดหน่อย
"เมื่อคืนน่ะ...เมื่อคืนฉันฝันร้าย จนทำให้คืนนี้ฉันนอนไม่หลับเลยล่ะ"
"...อืม"
น่าแปลกที่อยู่ๆ เธอก็บอกว่าฝันร้าย ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาเธอไม่เคยมาบอกกับฉันว่ฝันร้ายมาก่อน
ดูเหมือนว่าฉันกำลังจะเป็นอีกคนที่นอนไม่หลับแล้วแฮะ
"นาตาลีคือฉัน...ขอนอนข้างเธอได้มั้ยคืนนี้ ขอแค่คืนนี้คืนเดียวก็พอนะ" น้ำเสียงที่ราวกับอ้อนวอนของเธอนั้นทำให้ในใจฉันอ่อนไหวอย่างเกินต้านทาน ถึงแม้อีกใจนึงจะไม่ค่อยเชื่อเธอสักเท่าไหร่แต่ว่า...อีกใจนึงฉันก็อดที่จะสงสารเธอไม่ได้
แต่ว่าฉันไม่ชอบให้ใครมานอนข้างแบบที่กำลังจะเกิดนี่นา มันน่ารำคาญจะตายไป
"ขอร้องเถอะนะ..."
"..." ฉันเงียบแทนคำตอบนั้น ในใจกำลังต่อต้านที่จะให้เธอมานอนด้วยข้างอย่างเต็มที่
ฉันอาจจะใจร้ายจริงๆ ก็ได้
"ไม่เป็นไรหรอกลอร่า" ฉันพูดขัดขึ้นในความเงียบ "ยังไงซะฉันก็ยังอยู่นี่ ฉันไม่ทิ้งเธอไปไหนหรอก"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น