คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
“วันนี้พี่แกมารับอีกใช่ป่ะ” ยัยเมทถามขึ้นหลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จ ในเวลาเลิกเรียนส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายกลับบ้านกันหมดแล้วตอนนี้ก็เหลือฉันกับเมทแค่สองคน
“มารับสิ มารับทุกวันอยู่แล้ว แต่วันนี้พี่เฟียร์เอารถพ่อมารับ ไม่รู้ว่าพ่อไปอารมณ์ดีมาจากไหน”
“อืม เราลงไปรอพี่แกกันเถอะ”
“แล้วแกล่ะใครมารับ”
“คนขับรถน่ะสิ พ่อกับแม่ไปฮันนีมูนกันไม่บอกฉันซักคำ” เมทเริ่มออกอาการงอน
“ช่างเถอะปล่อยให้เค้าอยู่กันสองต่อสองแหละ” แล้วพวกเราก็ลงมารอรถข้าง รอได้ประมาณสิบนาที รถจากบ้านยัยเมทก็มารับ
“นั่นไงรถมาแล้วงั้นฉันไปก่อนนะ บาย” เมทหันมาบอกฉันแล้วเดินขึ้นรถไป ฉันยืนรอพี่เฟียร์ได้สักพักก็ได้ยินเสียงคนเดินจากข้างหลังเลยทำให้ฉันต้องหันไปมอง ก็พบว่า...
“วันนี้ไอ้เฟียร์ให้มารับเธอแทน” พี่ฟิวดัลเดินสงมาจากรถมินิคูเปอร์คันหรู
“หรอคะ”
“เออ รีบขึ้นรถสิ เสียเวลา” กรี๊ด ไอ้พี่บ้าหยาบคายที่สุดมาองมาเออกับผู้หญิงได้ไง
“นายก็ไปสิ ถ้าเสียเวลาเดี๋ยว ฉันไปกับเพื่อนฉันก็ได้” โมโหแล้วนะ ไม่เรียกพี่แล้วคนอย่างหมอนั่นนะไม่เคยน่านับถือเลย
“ไหน เพื่อนเธอ อย่าเรื่องมากได้มั้ย ถ้าไอ้เฟียร์มันไม่ขอร้องฉันก็ไม่ให้เธอได้นั่งรถฉันหรอก”
“นายก็ไปสิ ฉันก็ไม่อยากนั่งรถนายนักหรอก”
“ฉันบอกให้ขึ้นก็ขึ้นสิ” นายฟิวดัลพูดจบก็เข้ามากระชากแขนฉันอย่างแรง
“โอ๊ย! เจ็บนะ ปล่อยสิไอ้คนบ้า” ฉันสบถอย่างบ้าคลั่ง ฟิวดัลฉุดฉันขึ้นรถเสร็จก็ออกรถอย่างรวดเร็วหน้าผากฉันเลยกระแทกกับคอนโซลรถอย่างแรง
“โอ๊ย นายขับรถยังไงเนี่ย ขับ180 ขนาดนั้นกลัวตายช้ารึยังไงห๊ะ”
“เงียบปากซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับเธอ”
“ทำไม ฉันไม่เงียบ ก็มันจริงนี่นายไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย นายมันเห็นแก่ตัว นายมันปากจัด ไม่รู้พี่ฉันคบกับคนอย่าง โอ๊ย” ฉันยังด่าไม่จบฟิวดัลก็จอดรถข้างทางแล้วหันมาบีบต้นแขนฉันอย่างแรง จ้องหน้ากันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อกัน
“เงียบซะทีฉันชักจะหมดความอดทนกับเธอแล้วนะ”
“นายเป็นอะไรของนายหนะ ฉันไปทำอะไรให้นายโกรธรึไง” นายนั่นดูชะงักไปนิดนึงก่อนจะพูดขึ้น
“เฮ้อ!! ฉันขอโทษ พอดีฉันเพิ่งจะอารมณ์เสียมา ขอโทษที่รุนแรงเจ็บรึเปล่า” พูดจบนายนั่นก็ปล่อยมือออกจากต้นแขนฉัน แล้วหันหน้าไปทางอื่น
“เจ็บสิ ถามได้นะ ฉันว่านายจอดรถระงับสติอารมณ์ก่อนดีมั้ย”
“อืม” พอพูดนายนั่นก็หลบตาลงพร้อมกับเอนเบาะหลังลงเพื่อนอน เฮ้ย!!นอน ฉันบอกให้ระงับอารมณ์ไม่ใช่ให้นอน อะไรกันเนี่ย...ถ้าจะปลุกเดี๋ยวนายนั่นลุกขึ้นมาเหวี่ยงฉันอีก เชอะ! จะนอนก็นอนไปฉันก็ง่วงเหมือนกันหวังว่าพอนายตื่นจะรีบไปส่งฉันที่บ้านนะ แล้วฉันก็หลับตาลงเพื่อนอนเหมือนกัน
“นี่ๆ แฟน แฟน ยัยแฟนตาซี” ฉันได้ยินเหมือนคนมาปลุกฉัน พอลืมตาก็พบว่านายฟิวดัลกำลังใช้นิ้วจิ้มแก้มฉันอยู่
“อืมๆ รู้แล้วๆ ตื่นแล้วหน่า” ฉันบอกพลางปัดมือนายนั่นออก
“ฮ่าๆ เธอนอนน้ำลายไหลด้วย ฮ่าๆ” จริงหรอ!!! ฉันไม่เคยนอนน้ำลายไหลนี่ พอฉันเอามือจับปากตัวเองก็พบว่าไม่มีน้ำลายแต่อย่างไร ไอ้บ้านี่นายกล้าหลอกฉันอย่างนั้นหรอ
“นี่นายหลอกฉันทำไมเนี่ย บ้าเอ๊ย”
“หรอกง่ายจริงๆเลย เธอเนี่ย ฮ่าๆๆๆ” พอพูดจบนายนี่ก็หัวเราะลั่นรถเลย
“เปลี่ยนโหมดเร็วจังเลยนะ ก่อนหน้านี่ยังทำเหมือนจะฆ่าฉันอยู่เลย”
“เธอฮาดี เธอนี่ยังไม่รู้จักนิสัยฉันจริงๆ เวลาฉันโกรธก็คือโกรธ เวลาสนุกก็สนุกโคตร แต่ถ้ากับคนที่ฉันไม่รู้จักนะ ฉันก็จะแกล้งเป็นโหมดความชั่วเข้าใส่ เพราะ...อยากลองใจว่าคนนั้นรับฉันได้รึเปล่า แต่พอมาลองกับเธอ คือแบบด่าฉันซะเสียหมาเลย มันตลกดี”
“ตลกมากใช่มั้ย เดี๋ยวฉันจะเข้าโหมดแม่มดฆ่านายตอนนี้เลย ไอ้บ้าเอ๊ย” พูดจบฉันก็ตรงไปขย้ำคอนายฟิวดัล นายนี่ก็หัวเราไปพร้อมกับจับแขนฉันให้ออกห่างจากคอ แต่ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดเลย นายนี่กลับดึงแขนฉันเข้าหาตัวเองมันเลยทำให้ฉันล้มลงไปบนตัวเค้า และหน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก เหมือนฉันจะเห็นนายนั่นยิ้มที่มุมปากนะ หน้าของเขาเลื่อนใกล้เข้ามา ตอนนี้ฉันลืมคิดไปว่าต้องผลักเขาออก จนลมหายใจของเขารดอยู่ตรงจมูกฉัน
“ ~ไม่ว่านานเพียงใดรักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้~ ” เสียงเพลงของโทรศัพท์ฉันดังขึ้นฉันจึงได้สติและผลักเขาออกจากตัวและรับสายทันที
“สวัสดีค่ะ”
(แฟน อยู่ไหนเนี่ยทำไมยังไม่ถึงบ้าน!) เสียงพี่เฟียร์ดุฉันอย่างเสียงดัง
“แฟนอยู่หน้าบ้านแล้วค่ะ พี่จะโวยวายเสียงดังทำไมกำลังจะลงรถ แค่นี้ก่อนนะ เปลืองเงิน” พูดจบฉันก็วางสายทันที แล้วมองหน้านายฟิวดัลที่มองฉันคุยโทรศัพท์
“ไอ้เฟียร์นี่ หวงน้องสาวใช่เล่นเลยนะเนี่ย” นายนั่นพูดแล้วยิ้ม
“เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ งั้นฉันไปก่อนนะ” พูดจบฉันก็ปิดประตูลงจากรถ แล้วก็มีเสียงเรียกดังขึ้น
“เฮ้! แฟน วันนี้ขอโทษนะที่ล้อเธอเล่น ไว้คราวหน้าจะเลี้ยงข้าวไถ่โทษนะ”
“อืม ไม่เป็นไร” พูดจบฉันหันกลับทันทีเพราะกำลังเขินเรื่องบนรถอยู่
“เมื่อกี้หนะ ตัวเธอหอมดีนะ ฉันชอบ” พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันก็รีบเดินเข้าบ้านทันที ให้ตายสิ ใครสอนให้พูดแบนี้กับผู้หญิงนะ รู้มั้ยว่ามันอายอ่ะ
-เช้าตรู่-
ฉันนั่งเล่นกับเจ้าด๊อบบี้หมาสุดที่รักของฉันอยู่หน้าบ้าน
“แฟน” เสียงพี่เฟียร์เรียกดังมาจากข้างหลัง
“ว่าไง”
“วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่นะไปประชุม”
“ประชุมอีกแล้วหรอ”
“อืม คืนนี้มีงานวันเกิดเพื่อนพี่ไปด้วยกันมั้ย พ่อกับแม่ไม่อยู่ด้วยแฟนอยู่คนเดียวไม่เหงาหรอ”
“เพื่อนคนไหนเหรอ”
“แฟนไม่รู้จักหรอก”
“ก็ได้ แต่ว่าแฟนยังไม่มีชุดเลยอ่ะ”
“เดี๋ยวพี่พาไปซื้อ”
“งั้นเราไปกันเถอะ” พูดจบฉันก็ควงแขนพี่เฟียร์ไปขึ้นรถแล้วขับไปที่ห้างแห่งหนึ่งซึ่งฉันไม่รู้ว่านี่คือห้างอะไรแต่มันเต็มไปด้วยชุดสวยๆเยอะแยะเลือกไม่ถูกเลยอ่ะนู่นก็สวยนี่ก็น่ารัก ถึงฉันจะไม่อ่อนหวานแต่ฉันก็เป็นผู้หญิงนะ ทำไงดีขอความเห็นพี่เฟียร์ดีกว่า
“พี่เฟียร์แฟนเลือกไม่ถูกเลยอ่ะมันสวยทุกชุดตัวเองช่วยเค้าเลือกหน่อยดิ”
“งั้นเอาชุดแบบไม่โป๊เกินไป ใส่แล้วดูน่ารักเหมือนเจ้าหญิง อ๊ะนี่ไง” พี่เฟียร์พูดพลางเดินดูรอบๆร้านไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาสะดุดตากับชุดเดรสสีฟ้าสะอาดตาคอเสื้อไม่กว้างนักแต่ด้านหลังเปิดให้เห็นผิวเล็กน้อย ยาวเหนือหัวเข่าขึ้นมานิดนึง ลายลูกไม้แต่พิเศษคือลูกไม้นั่นเป็นเหมือนขนปุยนุ่นทำให้น่ามอง ดูไปดูมาแล้วเหมือนกับชุดของเจ้าหญิงเลย
“สวยมากเลยพี่เฟียร์ ไม่หวานเกินไปหรอ”
“โห่ ไม่หรอกฝีมือพี่เลือกซะอย่างเข้ากับแฟนอยู่แล้วล่ะ”
“เลือกให้สาวบ่อยล่ะสิ”
“คงงั้น แต่พี่ให้แฟนเนี่ยพิเศษกว่าทุกคนนะ”
“แหงล่ะสิ แฟนเป็นน้องสาวพี่นะ อืมว่าแต่ว่ามันราคาเท่าไหร่ล่ะเนี่ย โห๐_O แฟนไม่ซื้อเด็ดขาดแพงโคตร” พอฉันพลิกราคาดู จะเป็นลมชุดอะไรแพงชิบทำมาจากทองคำรึไง
“พูดไม่เพราะเลย คุณครับผมเลือกชุดนี้แหละครับ” พี่เฟียร์พูดกับฉันก่อนแล้วจึงหันไปบอกพนักงานผู้หญิงที่ยืนอยู่ที่ใกล้ที่สุด
“ค่ะ” พี่พนักงานพูดแล้วหยิบชุดที่พี่เฟียร์ยื่นให้แล้วเดินเข้าไปหลังร้านพร้อมทำตาเหยิ้มให้พี่เฟียร์ทำไงได้ก็คนเกิดมาหล่อหนิ
“พี่เฟียร์ ชุดละตั้งแปดพันซื้อไปได้ไงเนี่ย”
“เงินพี่”
“ชิส์” สองคำหยุดฉันจะไปเกี่ยงอะไรกับพี่คนนี้ได้ล่ะลองจะทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ สักพักรอพี่พนักงานสักพักเขาก็นำชุดใส่ถุงอย่างดีแล้วเดินเอามาให้ให้
“เดินไปตรงเคาน์เตอร์แล้วจ่ายเงินได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ” เราสองคนเดินไปที่เคาน์เตอร์พี่เฟียร์ยื่นบัตรเครดิตให้แคชเชียร์ พอพวกเราจ่ายเงินเสร็จก็กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าให้เรียบร้อยงานเริ่มประมาณสองทุ่มนี่มันหกโมงแล้วเหลืออีกแค่สองชั่วโมงเอง พี่เฟียร์เรียกช่างแต่งหน้าทำผมมาที่บ้านแล้วละเลงหน้าเอ๊ยแต่งหน้าฉันให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง พอแต่งหน้าทำผมเรียบร้อยฉันก็เปลี่ยนชุดทันทีเพราะกลัวว่าจะเสียเวลาอันมีค่าของคุณพี่ชาย
“อุ๊ยตาย ว๊ายกรี๊ดคุณน้องแฟนซีขา เริดมากเลยคะ นางฟ้าเวอร์ชั่นมนุษย์ สวยได้อีก” พี่นาเดียช่างแต่งหน้าที่เป็นกระเทยออกอาการดี๊ด๊าเหลือเกิน ฉันมองตัวเองในกระจก ว้าวสวยจริงๆด้วย
“ขอบคุณพี่ แต่พี่แฟนไม่ชินอ่ะ ชุดมันแบบ อึ๋ยหวาน”
“เชื่อคุณพี่นาเดียนะคะว่าคุณน้องแฟนของคุณพี่นาเดียสวยที่สุด”
“ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ” ฉันเดินลงมาข้างล่างเพื่อมาหาพี่เฟียร์เพราะกลัวว่าพี่เฟียร์จะรอนาน แต่ก็พบว่าพี่เฟียร์ไม่ได้อยู่คนเดียวพี่เขากำลังคุยกับพวกพี่ซันเดย์ พี่คีตเตอร์ พี่ไอคิว แล้วก็เอ่อนายฟิวดัล แต่ฉันยังไม่อยากเจอเขาตอนนี้ เหมือนเขาจะรู้ตัวว่าฉันกำลังมองอยู่เลยหันมาสบตากับฉันเข้าพอดี คนอื่นๆก็เหมือนกัน
“ว้าว นางฟ้า” พี่คีตเตอร์พูดก่อนคนแรก
“เจ้าหญิง” พี่ไอคิวพูดตามา
“วันนี้แฟนสวยมากเลย” พี่เฟียร์เริ่มออกปากชม
“น้องแฟนครับวันนี้น่ารักมากเลยนะ” พี่เดย์บอกพลางยิ้มให้
“ขอบคุณ...ค่ะ”
“อย่ามัวแต่อึ้งความสวยโว้ย นี่มันหนึ่งทุ่มครึ่งอีกครึ่งชั่วโมงงานเริ่มแล้ว พวกแกเอารถกันมาแยกย้ายกันไปได้แล้วเจอกันที่งาน” ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายกันขึ้นรถของตนเอง แล้วขับรถไปยังงานปาร์ตี้วันเกิด
“ทำไมพี่ไม่บอกแฟนว่าพวกเพื่อนพี่ไปด้วย” ฉันถามหลังจากที่ขึ้นมาอยู่บนรถของพี่เฟียร์
“อ้าว ก็ไม่ถามพี่เองหนิ”
“รู้งี้ไม่ไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจอหน้านายนั่น” ฉันพูดเบาๆไม่ให้พี่เฟียร์ได้ยิน
“หือ เมื่อกี้ว่าไงนะแฟน”
“อ๋อ เปล่า แฟนแค่ร้องเพลงแก้เงียบ”
“พูดถึงเรื่องร้องเพลง วันงานวิชาการของโรงเรียนแฟนพี่ไปด้วยนะเพราะทางโรงเรียนพี่บอกว่าจะมีนักร้องจากวงอะไรเทือกนั่นแหละจะมา วงพี่เลยต้องเข้าไปร่วมงานด้วย”
“วง Puzzle เหรอคะ”
“เออใช่ วงนั้นแหละ พี่มีเพื่อนอยู่ในวงนั้นด้วยแต่จำชื่อวงไม่ได้สักที”
“แล้วเขาชื่ออะไรล่ะ”
“บอกไปแฟนก็ไม่รู้จักหรอกเพราะแฟนก็ไม่สนใจพวกอย่างนี้ใช่ไหม”
“ก็คงงั้น”
“เวลาพูดมีหางเสียงด้วย พอเข้าไปในงานต้องพูดเพราะๆนะ ในนั้นมีแต่พวกผู้ดีใส่หน้ากากหากัน”
“รู้แล้วน่า แฟนไม่ทำให้พี่เสียหน้าหรอก”
“แล้วแฟนรู้มั้ยว่าวง Puzzle จะมาทำไมกัน”
“เขาจะมาถ่าย MVที่โรงเรียนแฟนคะ”
“อือ แล้ววงที่โรงเรียนแฟนล่ะเห็นได้ข่าวว่ามีนักร้องลาออกจากวง”
“ใช่ ตอนนี้เขาก็เปิดรับสมัครนักร้องอยู่”
“แฟนไม่ลองสมัครดูล่ะ แฟนร้องเพลงเพราะจะตาย” ร้องเพลงงั้นเหรอฉันไม่อยากจะร้องมันอีกแล้วล่ะ
“แฟนคงไม่ร้องอีกแล้วล่ะ”
“เอ่อ พี่ขอโทษนะพี่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องร้องเพลงอีก”
“ไม่เป็นไรหรอก แฟนลืมๆมันไปแล้วบ้าง” ย้อนกลับไปเมื่อฉันอยู่ม.2มีเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันรักมากแล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีมากๆเพื่อนของฉันชื่อว่าคาเรล เราสองคนชอบร้องเพลงด้วยกันมีอะไรที่คล้ายๆกัน คาเรลรักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ แล้ววันหนึ่งเรานั่งร้องเพลงด้วยกัน คาเรลก็มีอาการเลือดกำเดาไหล และเป็นลมไป พี่เฟียร์เดินมาเห็นพอดีเลยอุ้มคาเรลไปส่งโรงพยาบาล ผลตรวจออกมาพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และก็รู้ว่าคาเรลเองก็รู้อยู่แล้วด้วย แต่ด้วยทางโรงพยาบาลไม่สามารถหาStem Cellที่ตรงกับร่างกายของคาเรลได้ ฉันจึงทำได้แต่นั่งรอให้คาเรลตื่นขึ้นมาสักที คาเรลสลบไป9วันแล้ว ในวันสุดท้ายฉันเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆกับคาเรลแล้วกุมมือของเธอไว้ และฉันก็ร้องเพลงให้เธอฟังเพราะหวังว่าเธอจะฟื้น เป็นจริงดังคาดเธอลืมตาขึ้นมาแล้วยิ้มให้ฉัน และร้องเพลงกับฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ ฉันเสียใจมากๆที่คาเรลจากฉันไป และฉันก็กลัวการร้องเพลง เพราะฉันไม่อยากจำในสิ่งที่ทำให้ฉันเสียใจมากที่สุด การร้องเพลงที่เศร้าที่สุดมันทำให้ฉันไม่อาจลืมวันนั้นได้
ความคิดเห็น