คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #56 : บทที่54 ปากเสียง [3]
บทที่54 ปากเสียง [3]
เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึง อาเรนเซียหรี่ดวงตาลง กระไอกรุ่นโกรธแผ่กระจายออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไอเวทฟุ้งตลบจนทำให้บังเกิดเป็นพลังธาตุทั้งสี่ที่กระจายตัวออกมาเป็นละอองเล็ก
ๆ
“เป็นถึงเชื้อพระวงศ์และบุตรีขุนนางผู้สูงศักดิ์แท้ ๆ ...” นางกล่าวอย่างแช่มช้าระหว่างที่ค่อย ๆ ผุดลุกขึ้นยืน อาเรนเซียไม่ได้มองใคร สีหน้านิ่งเฉย
รอบกายคือไอแห่งความสูงศักดิ์อย่างถึงที่สุดที่ยากนักจะนำมาใช้ “แต่การกระทำกลับป่าเถื่อนประหนึ่งชนเผ่ากินคน ชวนให้รู้สึกอับอายกันไปทั้งประเทศ!”
ยามกล่าวคำสุดท้ายออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำเอาใครบางคนร้อนตัวจนหันขวับ
“เจ้า!”
บีลิน่าเป็นคนอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไร พอถูกต่อว่าเช่นนี้ก็ให้เดือดดาลไปหมด ลุกพรวดเข้ามาผลักไหล่อาเรนเซียอย่างแรงทันใด
“ปากดีเช่นนี้ คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง!? ยังเห็นข้าเป็นเจ้าหญิงอยู่อีกหรือไม่?!”
อาเรนเซียเหลือบมองคนที่ผลักตนจนกระเด็นราวมองของต่ำค่า ยกมือปัดร่างกายในจุดที่ถูกผลักราวรังเกียจเสียเหลือเกิน
“ข้ายังมิได้เอ่ยนามเจ้าแม้แต่ครึ่งคำ เหตุใดจึงได้มาทำกิริยามิงามเช่นนี้ใส่ข้าได้?” ดวงตาของอาเรนเซียนิ่งเฉย ไม่ได้เจืออารมณ์ใดเป็นพิเศษเหมือนไม่ได้เห็นนางสำคัญ “ช่างน่าอับอายแทนนัก”
บิลีน่าโกรธจนหน้าแดง ผลักอีกฝ่ายด้วยสองมือจนอาเรนเซียเซถลาไปชนเข้ากับโต๊ะด้านหลังเต็มแรงจนบั้นเอวปวดระบม
“ในสถานศึกษาที่ใหญ่โตเก่าแก่ถึงขนาดนี้ยังกล้าทำร้ายร่างกายและวางอำนาจบาตรใหญ่” เธอพูดไม่ดังไม่เบา แต่กลับสะท้อนก้องไปทั้งห้องด้วยเวทสายลมที่กระจายแผ่ “คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง?”
ดวงตาขององค์หญิงพลันดำมืดทันใดเมื่อได้ยินคำพูดเดียวกับที่ตนกล่าวจากปากของคู่กรณี ถลาร่างเข้ามาเงื้อมือขึ้นสูงหมายจะตบลงบนใบหน้าของคู่สนทนาด้วยความเดือดดาล อีกฝ่ายเพียงมองมาอย่างเย็นชา ร่างกายประทับนิ่งอย่างไม่หวั่นเกรง
หากนางกล้าทำร้ายเธอ...ก็เตรียมตัวรอรับผลที่จะตามมาได้เลย
อาเรนเซียเป็นคนอ่อนหวานก็จริง แต่เธอไม่ใช่พวกอ่อนแอ ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าทำตัววางอำนาจค้ำฟ้าถึงเพียงนี้ จะ ‘สั่งสอน’ สักหน่อยก็คงไม่ผิดกระมัง!
มือที่เกือบจะพุ่งปะทะแก้มถูกหยุดไว้ด้วยมือแกร่งของผู้มาใหม่ ร่างของเด็กสาวทั้งสองชะงักกึกพลัน ต่างหันไปมองคนที่ยื่นมือเข้ามายุ่งอย่างพร้อมเพรียง
ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนอยู่เป็นนิจของเซตินบัดนี้ดำคล้ำด้วยความกรุ่นโกรธ เขาจ้องมองบีลิน่าด้วยท่าทีตำหนิอย่างไม่ปิดบัง
“พอได้แล้ว แค่นี้ยังขายหน้าเจ้าไม่พอหรือ?”
ใบหน้าของบีลิน่าดูจะซีดลงหลายส่วนยามสบตากับอีกฝ่าย เมื่อตั้งสติได้ เจ้าหล่อนก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมทันที
“เจ้าไม่เห็นรึว่านางใส่ร้ายข้าอยู่?!”
“ข้าไม่คิดว่าตัวเองทำเช่นนั้นนะ”
อาเรนเซียที่ตอนนี้ความโกรธทะลุจุดไปแล้วสวนกลับหน้านิ่ง เป็นท่าทีที่แอบคล้ายคลึงยามที่ลักซ์ ‘แสดง’ อยู่หลายส่วน
คงเป็นผลจากการสนิทกันมากเกินไปเป็นแน่...
องค์หญิงจอมเอาแต่ใจตวัดสายตาจ้องเขม็ง อีกฝ่ายนอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้ว ท่าทียังสง่างามสูงส่ง ปัดให้บีลิน่าดูน่าขันเข้าไปอีก
อาเรนเซียดึงสายตากลับจากสองเชื้อพระวงศ์ เดินเข้าไปประคองนาราเรียอย่างอ่อนโยน
“เบิร์น พาเธอไปทำแผลทีสิ ข้า ‘ยังไม่ว่าง’ เท่าไหร่”
เด็กหนุ่มมองพี่สาวที่น็อตหลุดไปแล้วด้วยสายตาฉายประกายบางอย่าง เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินมาประคองนาราเรียออกจากห้องไปเท่านั้น
“ข้าขอถามเจ้าเสียหน่อยเถิดบีลิน่า...ไม่ละอายบ้างหรือกับสิ่งที่เจ้าสั่งให้ ‘ลิ่วล้อ’ ของเจ้าทำ?”
เสียงขำพรืดจากอีกคนในร่างดังขัดอารมณ์ของอาเรนเซียจนชะงัก
ลักซ์ที่ได้ยินและเห็นทุกอย่างอยู่ภายในกำลังนอนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่บนพื้น เธอไม่เคยเห็นกวางน้อยโกรธขนาดนี้มาก่อน และมันช่างเป็นอะไรที่น่าทึ่งยิ่ง
เธอไม่คิดว่าพอกวางน้อยน็อตหลุดขึ้นมาจะปากคอไม่เบาขนาดนี้ แม้แต่คำที่เคยปรามตนบ่อย ๆ ยังหลุดออกมาใช้เสียเอง
น่าสนุกเสียจริง
‘ขำอะไรของเจ้ากัน? นี่ข้ากำลังซีเรียสอยู่นะ!’
เสียงที่แหวกลับมายิ่งทำให้ลักซ์หัวเราะดังขึ้น
“จ้า
ๆ ขอโทษจ้า”
ลักซ์กล่าวด้วยดวงตาพราวระยับ จ้องมองภาพในน้ำตกตาไม่กะพริบ
ดูซิว่ากวางน้อยผู้นี้จะคงความร้ายกาจนี้ไปได้อีกสักกี่ประโยค
เสียงหัวเราะเมื่อครู่ทำเอาอารมณ์โกรธของอาเรนเซียเกิดความชะงักงันขึ้น น้ำเสียงรื่นเริงนั้นลดทอนอารมณ์โทโสของนางลงไปได้ไม่น้อยทีเดียว
เหมือนฟางแห่งสติกลับมาผูกติดกันอีกครั้ง ท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมใครจึงได้อ่อนลงไปกว่าครึ่ง กลับคืนสู่ความเป็นอาเรนเซียอีกครั้งหนึ่ง
บีลิน่าจ้องมองอีกฝ่ายเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อ
“หยุดพูดจาเหลวไหลเสียที!
นี่เจ้าเสียสติตามยัยนาราเรียนั่นไปแล้วรึไง?!”
“บีลิน่า!”
เซตินตวาดขึ้นอย่างไม่เคยทำมาก่อน อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก ทั้งห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงันทันใด บรรยากาศดูจะกระอักกระอ่วนขึ้นมา
องค์หญิงจอมเอาแต่ใจสะบัดหน้าพรืดทันทีเมื่อได้สติ ก้าวเท้าปึงปังกลับไปนั่งที่ อาเรนเซียหรี่ตามองตามไปอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้เย็นชาเท่าตอนแรก
เธอหมุนตัวเดินออกจากห้องมา หมายจะไปดูอาการของนาราเรียที่ห้องพยาบาล
“เดี๋ยวก่อนอาเรนเซีย”
ข้อมือพลันถูกคว้าไว้อย่างเบามือ อาเรนเซียจำต้องหันกลับไปมอง เซตินมีท่าทีร้อนรนปนเศร้าสลด มือแกร่งยังคงจับเธอไว้ไม่คลาย
เด็กหนุ่มสบตาอาเรนเซียด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะก้มหัวให้หล่อน
“ข้าต้องขอโทษแทนนางจริง
ๆ บีลิน่าถูกตามใจมาตั้งแต่เล็ก นิสัยจึงเอาแต่ใจไปบ้าง เจ้าจะช่วยยกโทษให้หล่อนได้หรือไม่?”
เด็กสาวพยายามจะยกยิ้มกลบเกลื่อนอารมณ์เดือดปุด
ๆ ที่ผุดขึ้นมาอีกระลอกดังที่ลักซ์ชอบทำ ไม่คาดว่ามันจะยากเย็นมิใช่น้อยเลย
“...ช่างเถอะ เรื่องนั้นข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ”
เด็กหนุ่มมองอย่างลำบากใจกว่าเดิม เป็นท่าทีที่ออกจะน่าสงสารอยู่สักหน่อย อาเรนเซียแอบใจอ่อนไปวูบหนึ่ง หากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน
‘ตอแหลเก่งดีจริง ๆ ’ ลักซ์กล่าวปนหัวเราะเยาะ ‘ระวังหมอนี่ไว้บ้างล่ะ มันน่ากลัวกว่ายัยอกไข่ดาวเสียอีกนะจะบอกให้’
เด็กสาวที่อยู่ภายในจิตใจจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ
คนที่อนาคตเต็มไปด้วยเลือดและซากศพเช่นนั้น ทั้งยังเล่นละครเก่งประหนึ่งปีศาจจิ้งจอก จะให้เป็นคนดีก็ดูจะเป็นไปได้ยาก
ลักซ์ดูออกว่าได้อย่างง่ายดายว่าเซตินกำลังสวมหน้ากาก เพราะระดับของ
‘การแสดง’ ของเขายังถือว่าด้อยกว่าเธอขั้นหนึ่ง
“...เจ้ากำลังคิดว่าอาการบาดเจ็บของนาราเรียเกี่ยวข้องกับบีลิน่างั้นเหรอ?”
อาเรนเซียยังคงมีท่าทีสงบ แม้ในใจจะกำลังขอคำตอบจากอีกคนอย่างร้อนรนก็ตาม เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นแปลกใจ รอยยิ้มอ่อนใจปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“...เจ้าเป็นคนฉลาด เซติน เจ้าย่อมรู้ว่าตอนนี้ข้าคิดเช่นไรกับพี่สาวของเจ้า”
ความคิดเห็น