ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Black Butler | OC] The crimson roses ชะตาสีเลือด [LIAR'S FATE SERIES #2]

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่8 คลั่ง

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 64


    บทที่8 คลั่ง

                คำขอของโซมาทำทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบในบัดดล

                ชิเอลมุมปากกระตุกกึก  อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าชายทึ่มผู้นี้กำลังพยายามส่งอัคนีไปตายหรืออย่างไร

                เด็กหนุ่มปรายตามองไปทางเซบาสเตียน  เมื่อเห็นว่าเจ้าปีศาจนั่นกำลังยิ้มอยู่  เขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเฉยชา

                ดูเหมือนว่ามีคนอยากดูเรื่องสนุกนะ

                อาเคร่าเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ  มองไปทางนายน้อยของตนเป็นเชิงถาม

                ชิเอลถอนหายใจยาว  ก่อนจะพยักหน้าแบบส่ง ๆ เป็นเชิงอนุญาต

                เมื่อเห็นเช่นนั้น  เธอจึงหันไปตอบกับโซมา

                “ด้วยความยินดีค่ะ”

                โซมายิ้มกว้าง  ก่อนหันไปกวักมือเรียกอัคนีที่มีสีหน้าเหนื่อยใจให้มาหาตน  ชายหนุ่มแม้จะลำบากใจแต่ก็ยังก้าวไปหาผู้เป็นนาย

                เขามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาว  เผยสีหน้าขออภัยออกมา  อาเคร่าเพียงผงกศีรษะรับ  ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคนให้พอเหมาะ

                ชิเอลเห็นแล้วก็รู้สึกท่าไม่ดี  แต่ยังไม่ได้อ้าปากไล่ให้คนทั้งคู่ออกไปสู้กันข้างนอก  ร่างที่เคยยืนอย่างสงบนิ่งของหญิงสาวก็ได้หายไปแล้ว!

                ปัง!

                เสียงหนัก ๆ ดังขึ้นทันทีเมื่อหมัดของหญิงสาวที่จู่ ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นปะทะเข้ากับแขนที่ยกขึ้นป้องกันไปหน้าตามสัญชาตญาณของอัคนี  ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงความเจ็บจนชาและกระดูกที่แหลกละเอียด  ร่างกายลอยอย่างไม่สามารถควบคุมไปไกลจนกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงจนปริแตก

                ครืน!

                กำแพงที่เคยว่าแค่ร้าวจู่ ๆ ก็ทรุดตัวลงพังทลาย  ดีที่หญิงสาวใช้มือขนาดยักษ์บังไว้เหนือหัวของชายหนุ่ม  เขาจึงไม่ได้โดนกำแพงถล่มทับซ้ำให้เจ็บกว่าเดิม

                เธอดึงมือกลับมาและสะบัดเบา ๆ เพื่อให้มันกลับมาเล็กดังเดิม  คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย  แม้สีหน้าจะยังเรียบเฉยไร้อารมณ์  กระนั้นก็ยังพอมองออกว่าหล่อนดูไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก

                มือขาวซีดเอื้อมไปหาอัคนีเพื่อใช้เวทรักษาแก่เขา  ระหว่างนั้นก็อดจะพึมพำอย่างไม่เข้าใจไม่ได้

                “แม้จะออมแรงแล้วก็ยังทำให้กระดูกหักเหรอเนี่ย?”  เธอมองใบหน้าของอัคนีที่ยังคงดูตกตะลึงพร้อมกับก้มหัวให้เขาเล็กน้อย  “เป็นเพราะฉันคุมพลังไม่ดีจึงทำให้คุณบาดเจ็บ  ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ”

                “...”

                ทุกคนพากันเงียบกริบ  โซมาอ้าปากค้าง  ชิเอลยกมือกุมขมับ  ในขณะที่เซบาสเตียนนั้นพยายามกลั้นขำอย่างสุดชีวิตจนตัวสั่นเทา

                อัคนีได้สติเป็นคนแรก  ดวงตาของเขาปรากฎประกายแห่งความนับถือยามมองไปที่หญิงสาวผู้มีใบหน้าตายด้านผู้นี้

                “เป็นข้าต่างหากที่ไม่รู้จักประมาณตนขอรับ”

                เขายิ้มให้แก่เธอก่อนเดินกลับไปอยู่ข้างกายองค์ชายที่บัดนี้สองตาเป็นประกายวาววับ

                ชิเอลกลอกตามองฟ้า  ไม่รอให้โซมาได้เปิดปากพูดสิ่งใด  ชี้มือไปทางเซบาสเตียนพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงอันคล้ายว่าจะกำลังหมดความอดทน

                “ไม่มีงานอะไรให้เธอแล้วล่ะ  เซบาสเตียน  ไปส่งเธอซะ”

                “ค่ะ/ขอรับ”

                ทั้งสองรับคำก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ

     

     

                ทั้งคู่พากันเดินมาเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครกล่าวคำใด  ความเงียบของยามราตรีกับเสียงฝีเท้าที่ก้องสะท้อนท่ามกลางทางเดินยาวให้ความรู้สึกที่น่าพิศวงอย่างประหลาด

                เซบาสเตียนเหล่มองไปทางหญิงสาวข้างกาย  เธอมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจคน  ผิวแม้จะขาวซีดแต่ก็เนียนละเอียดทำให้หล่อนยิ่งดูงดงามราวกับเป็นตุ๊กตากระเบื้องก็ไม่ปาน

                กลิ่นหอมหวานเย้ายวนลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ  เขารู้ดีว่ามันมาจากร่างของหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างเขา  ซึ่งมันก็ทำให้เขาแทบคลั่ง

                ในตอนที่ไฟสว่างแล้วเห็นว่าบนเสื้อของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับกลิ่นหอมที่ระเบิดอยู่ภายในห้อง  เขาก็เกือบจะคลั่งไป  เกือบจะกระโจนเข้าไปฉีกทึ้งร่างอรชรนั้นกินด้วยความหิวกระหาย  หากไม่ติดที่ว่ารอบกายนั้นแผ่กลิ่นอายที่เป็นอันตรายต่อสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์เช่นเขา  บางทีเขาคงได้สติหลุดไปจริง ๆ

                ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก  แม้ตอนนี้กลิ่นจะจางลงมากแต่มันก็ยังกระตุ้นเขาได้อยู่ดี

                ผิวหนังที่ทั้งขาวนวลและบอบบางจนมองเห็นเส้นเลือดได้จาง ๆ  หากใช้ฟันกัดลงไปเบา ๆ ก็คงจะสามารถฉีกกระชากเส้นเลือดเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

                “ฮ่า...”

                เขาส่งเสียงและลมออกมาเบา ๆ ราวกำลังครวญคราง  ดวงตาเป็นประกายท่ามกลางความมืดสลัวและค่อย ๆ ทวีความต้องการสูงขึ้นในทุกที

                อาเคร่าเงยหน้ามองเจ้าของเสียง  เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ

                “เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”

                สิ้นคำ  อีกฝ่ายก็โผเข้าใส่เธอราวกับนักล่าที่กระโจนเข้าหาเหยื่อ  เธอถูกเขาจับไหล่และกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง  ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้มลงมากัดเข้าที่ลำคอของเธอจนโลหิตไหลเป็นทาง

                กลิ่นหอมหวานเข้มข้นพลันทะลักออกมาพร้อมกับเลือดที่ไหลไม่หยุด  ดวงตาของเซบาสเตียนวาวโรจน์และคลุ้มคลั่ง  เขาคล้ายว่าจะได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว

                แรงบีบที่ไหล่ยิ่งนานยิ่งมาก  เขากัดและดื่มเลือดของเธออย่างบ้าคลั่ง  อาเคร่าเหลือบตามองคนฉีกกระชากเนื้อตรงคอของเธอจนแหว่งหายด้วยสีหน้าเฉยชา

                “รุนแรงกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้มันไม่ดีนะคะ”

                เธอกล่าวไม่ดังไม่เบา  โลหิตที่เคยไหลรินเป็นทางพลันหยุดชะงัก  ก่อนก่อตัวรวมกันเป็นหนามแหลมพุ่งเข้าแทงลิ้นที่กำลังแลบเลียหยดเลือดจนทะลุ

                “!

                ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำชายหนุ่มชะงัก  อาเคร่าผลักร่างของเขาออกพร้อมทั้งวาดมือ  หนามเลือดอีกหลายสิบเล่มพุ่งเข้าทิ่มแทงเขาอย่างไม่มีปราณี

                อาเคร่ายกมือขึ้นลูบลำคอที่แหว่งหายไปเกือบครึ่งของตน  เลิกคิ้วมองคนที่ถูกหนามเลือดตรึงไว้กับกำแพงพร้อมทั้งถามเสียงเรียบ

                “ได้สติหรือยังคะ?”

                เซบาสเตียนหัวเราะ  เขายกมือแตะลิ้นที่อาบไปด้วยเลือดของตน  กลืนพวกมันลงคอไปด้วยท่าทีที่เหมือนว่าจะลุ่มหลงอยู่น้อย ๆ

                “ขออภัยจริง ๆ ที่หยาบคาบครับ  แต่ทำอย่างไรได้...ก็ของน่าอร่อยดันอยู่ใกล้ซะขนาดนี้นี่นา”

                แม้จะเหมือนว่ายังอยากกัดเธออีกสักคำสองคำ  ทว่าดวงตาก็กระจ่างใสขึ้นมาก  บ่งบอกว่าบัดนี้เขามีสติดีเต็มเปี่ยม

                และถึงแม้ว่าสติสัมปชัญญะจะยังเต็มร้อย  กระนั้นก็ยังอยากจะกินเธอให้ได้อยู่ดี

                ...สรุปก็คือเห็นเธอเป็นอาหารตลอดเวลาสินะ

                หญิงสาวมองเขาอย่างเฉยชา  บาดแผลฉกรรจ์กลับมาหายสนิทอย่างรวดเร็ว

                “จะยังอยากกัดอยู่ไหมคะ?”

                เขายิ้ม

                “ถ้าตอบว่าใช่ล่ะ?”

                จบคำถามของเขา  เรือนผมสีดำสนิทก็พลันม้วนตัวเป็นเกลียวแหลม  ก่อนจะพุ่งแทงเข้าที่ท้องของเขาจนทะลุ  โลหิตรวมถึงเครื่องในต่างพากันไหลออกมาอย่างน่าสยดสยอง

                “แค่ก!

                เขาพลันกระอักเลือดออกมาทันใด

                “ก็จะเรียกสติให้อย่างไรล่ะคะ”

                ชายหนุ่มไอไม่หยุด  แต่กระนั้นสีหน้าก็ยังดูมีความสุขอยู่ดี

                “เป็นคนโหดร้ายกว่าที่คิดนะครับเนี่ย”

                เขาพูดพร้อมกับยกมือยอมแพ้  ผมและหนามโลหิตจึงได้ค่อยถูกดึงกลับไป  อาเคร่าวาดมือ  บาดแผลฉกรรจ์บนร่างของชายหนุ่มพลันเลือนหาย

                “ขอบคุณครับ”  เขายิ้มพูด  ผายมือไปยังทางเดินยาว  “ให้ผมไปส่งที่ห้องนะครับ  อย่างไรนี่ก็เป็นคำสั่งของนายน้อย”

                หญิงสาวพยักหน้า  เธอไม่ได้สนใจเท่าไรนักว่าอีกฝ่ายจะยังอยากกัดเธออยู่อีกหรือไม่

                เพราะทางแก้นั้นง่ายดายยิ่ง  หากกัด  ก็แค่แทงเขาสักแผลสองแผลให้ได้ สติเดี๋ยวเขาก็จะหยุดไปเองไม่ใช่หรือไง?

                ง่ายจะตายไปไม่ใช่หรือ?

                เซบาสเตียนมาส่งหล่อนที่หน้าห้องพักโดยไม่ได้มีเหตุการณ์นองเลือดใด ๆ เกิดขึ้นอีก  ก็นะ  ถึงการที่ถูกแทงท้องจนเป็นรูจะไม่มีทางทำให้เขาตายก็เถอะ  แต่มันก็เจ็บอยู่นิดหน่อย  อีกอย่าง  หากอันเดธสาวผู้นี้เกิดโมโหขึ้นมา  บางทีเรื่องคงจะไปกันใหญ่แน่ ๆ

                ลอบมองอีกฝ่ายพลางเลียริมฝีปาก  ทอดถอนหายใจอย่างเสียดาย

                ช่างเป็นรสชาติที่ชวนให้คนเสพติดซะจริงแฮะ

                อาเคร่ามองคนที่ทำท่าเสียดายด้วยสีหน้าเรียบเฉย  เธอเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ  เล็บมือพลันเปลี่ยนกลายเป็นแหลมคมในฉับพลัน

                ชายหนุ่มยกมือยอมแพ้  ไม่คิดหยอกล้อคนอารมณ์ร้าย(?)ต่อ

                “ราตรีสวัสดิ์นะครับ  อาเคร่า”

                จู่ ๆ ชายหนุ่มก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  เป็นเหตุให้บานประตูที่กำลังงับปิดต้องชะงัก  อาเคร่ามองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาก่อนผงกหัวน้อย ๆ

                “ราตรีสวัสดิ์ค่ะ  เซบาสเตียน”

                ประตูปิดลง  เธอรอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายจากไปไกลแล้วจึงค่อยดีดนิ้ว  ส่งคลื่นพลังเวทออกไปจัดการพวกแขกไม่ได้รับเชิญจากทั่วสารทิศ  ก่อนปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเลือดออกและตรงไปอาบน้ำชำระกายเพื่อล้างเอากลิ่นหอมน่ารำคาญเหล่านั้นออกไป

     

     

                เซบาสเตียนก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อนไปตามทาง  รู้สึกเหมือนกับว่ารสชาติหอมหวานของโลหิตและผิวเนื้อที่ถูกกัดกระชากนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในปาก

                แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระหายอยู่เล็กน้อย  ดวงตาส่องประกายแวววาวท่ามกลางความมืด

                ทั้ง ๆ ที่ร่างกายนั้นเย็นเฉียบและไร้เสียงหัวใจเต้น  ทว่าโลหิตเหล่านั้นก็ยังคงสามารถไหลรินและอุ่นร้อนจนราวกับจะลวกลิ้นของเขาที่เลียพวกมันอย่างหิวกระหาย

                อดจะยกมือแตะริมฝีปากและปลายลิ้นของตนไม่ได้

                ทั้ง ๆ ที่บาดแผลก็หายไปแล้ว  แต่คล้ายว่าจะยังเจ็บอยู่หน่อย ๆ

                “เฮ้อ  เป็นคนที่อารมณ์ร้อนจังนะ”

                เขาบ่นพึมพำกลั้วหัวเราะ  แม้ปากจะพูดเช่นนั้น  ดวงตากลับเป็นประกายกล้า  ภาพของผิวหนังที่บอบบางและขาวซีด  ร่างที่ถูกผลักจนชิดกับกำแพง  เรือนร่างที่ทั้งเย็นและอรชร  กับกลิ่นของเลือดที่หอมหวานเหนือสิ่งใดในโลก  แค่คิดเขาก็แทบคลั่งแล้ว

                เจ็บตัวนิด ๆ หน่อย ๆ แลกกับได้ริมรสชาติที่แสนวิเศษ...ก็ถือว่าคุ้มค่า



              


              สต๊อคหมดแล้ว  เตรียมตัวดองต่อ---

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×