คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่8 คลั่ง
บทที่8 คลั่ง
คำขอของโซมาทำทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบในบัดดล
ชิเอลมุมปากกระตุกกึก
อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าชายทึ่มผู้นี้กำลังพยายามส่งอัคนีไปตายหรืออย่างไร
เด็กหนุ่มปรายตามองไปทางเซบาสเตียน เมื่อเห็นว่าเจ้าปีศาจนั่นกำลังยิ้มอยู่ เขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเฉยชา
ดูเหมือนว่ามีคนอยากดูเรื่องสนุกนะ
อาเคร่าเลิกคิ้วขึ้นน้อย
ๆ มองไปทางนายน้อยของตนเป็นเชิงถาม
ชิเอลถอนหายใจยาว ก่อนจะพยักหน้าแบบส่ง ๆ เป็นเชิงอนุญาต
เมื่อเห็นเช่นนั้น เธอจึงหันไปตอบกับโซมา
“ด้วยความยินดีค่ะ”
โซมายิ้มกว้าง ก่อนหันไปกวักมือเรียกอัคนีที่มีสีหน้าเหนื่อยใจให้มาหาตน
ชายหนุ่มแม้จะลำบากใจแต่ก็ยังก้าวไปหาผู้เป็นนาย
เขามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหญิงสาว เผยสีหน้าขออภัยออกมา อาเคร่าเพียงผงกศีรษะรับ ค่อย ๆ
ก้าวถอยหลังไปเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคนให้พอเหมาะ
ชิเอลเห็นแล้วก็รู้สึกท่าไม่ดี
แต่ยังไม่ได้อ้าปากไล่ให้คนทั้งคู่ออกไปสู้กันข้างนอก
ร่างที่เคยยืนอย่างสงบนิ่งของหญิงสาวก็ได้หายไปแล้ว!
ปัง!
เสียงหนัก ๆ
ดังขึ้นทันทีเมื่อหมัดของหญิงสาวที่จู่ ๆ
ก็ปรากฎตัวขึ้นปะทะเข้ากับแขนที่ยกขึ้นป้องกันไปหน้าตามสัญชาตญาณของอัคนี ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงความเจ็บจนชาและกระดูกที่แหลกละเอียด
ร่างกายลอยอย่างไม่สามารถควบคุมไปไกลจนกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงจนปริแตก
ครืน!
กำแพงที่เคยว่าแค่ร้าวจู่
ๆ ก็ทรุดตัวลงพังทลาย
ดีที่หญิงสาวใช้มือขนาดยักษ์บังไว้เหนือหัวของชายหนุ่ม เขาจึงไม่ได้โดนกำแพงถล่มทับซ้ำให้เจ็บกว่าเดิม
เธอดึงมือกลับมาและสะบัดเบา
ๆ เพื่อให้มันกลับมาเล็กดังเดิม
คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย
แม้สีหน้าจะยังเรียบเฉยไร้อารมณ์
กระนั้นก็ยังพอมองออกว่าหล่อนดูไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก
มือขาวซีดเอื้อมไปหาอัคนีเพื่อใช้เวทรักษาแก่เขา ระหว่างนั้นก็อดจะพึมพำอย่างไม่เข้าใจไม่ได้
“แม้จะออมแรงแล้วก็ยังทำให้กระดูกหักเหรอเนี่ย?”
เธอมองใบหน้าของอัคนีที่ยังคงดูตกตะลึงพร้อมกับก้มหัวให้เขาเล็กน้อย “เป็นเพราะฉันคุมพลังไม่ดีจึงทำให้คุณบาดเจ็บ ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ”
“...”
ทุกคนพากันเงียบกริบ โซมาอ้าปากค้าง ชิเอลยกมือกุมขมับ
ในขณะที่เซบาสเตียนนั้นพยายามกลั้นขำอย่างสุดชีวิตจนตัวสั่นเทา
อัคนีได้สติเป็นคนแรก
ดวงตาของเขาปรากฎประกายแห่งความนับถือยามมองไปที่หญิงสาวผู้มีใบหน้าตายด้านผู้นี้
“เป็นข้าต่างหากที่ไม่รู้จักประมาณตนขอรับ”
เขายิ้มให้แก่เธอก่อนเดินกลับไปอยู่ข้างกายองค์ชายที่บัดนี้สองตาเป็นประกายวาววับ
ชิเอลกลอกตามองฟ้า ไม่รอให้โซมาได้เปิดปากพูดสิ่งใด ชี้มือไปทางเซบาสเตียนพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงอันคล้ายว่าจะกำลังหมดความอดทน
“ไม่มีงานอะไรให้เธอแล้วล่ะ เซบาสเตียน
ไปส่งเธอซะ”
“ค่ะ/ขอรับ”
ทั้งสองรับคำก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ
ๆ
ทั้งคู่พากันเดินมาเรื่อย ๆ
โดยไม่มีใครกล่าวคำใด ความเงียบของยามราตรีกับเสียงฝีเท้าที่ก้องสะท้อนท่ามกลางทางเดินยาวให้ความรู้สึกที่น่าพิศวงอย่างประหลาด
เซบาสเตียนเหล่มองไปทางหญิงสาวข้างกาย เธอมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจคน ผิวแม้จะขาวซีดแต่ก็เนียนละเอียดทำให้หล่อนยิ่งดูงดงามราวกับเป็นตุ๊กตากระเบื้องก็ไม่ปาน
กลิ่นหอมหวานเย้ายวนลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ
เขารู้ดีว่ามันมาจากร่างของหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างเขา ซึ่งมันก็ทำให้เขาแทบคลั่ง
ในตอนที่ไฟสว่างแล้วเห็นว่าบนเสื้อของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับกลิ่นหอมที่ระเบิดอยู่ภายในห้อง เขาก็เกือบจะคลั่งไป
เกือบจะกระโจนเข้าไปฉีกทึ้งร่างอรชรนั้นกินด้วยความหิวกระหาย
หากไม่ติดที่ว่ารอบกายนั้นแผ่กลิ่นอายที่เป็นอันตรายต่อสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์เช่นเขา บางทีเขาคงได้สติหลุดไปจริง ๆ
ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก
แม้ตอนนี้กลิ่นจะจางลงมากแต่มันก็ยังกระตุ้นเขาได้อยู่ดี
ผิวหนังที่ทั้งขาวนวลและบอบบางจนมองเห็นเส้นเลือดได้จาง
ๆ หากใช้ฟันกัดลงไปเบา ๆ ก็คงจะสามารถฉีกกระชากเส้นเลือดเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
“ฮ่า...”
เขาส่งเสียงและลมออกมาเบา ๆ
ราวกำลังครวญคราง
ดวงตาเป็นประกายท่ามกลางความมืดสลัวและค่อย ๆ ทวีความต้องการสูงขึ้นในทุกที
อาเคร่าเงยหน้ามองเจ้าของเสียง เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
สิ้นคำ
อีกฝ่ายก็โผเข้าใส่เธอราวกับนักล่าที่กระโจนเข้าหาเหยื่อ เธอถูกเขาจับไหล่และกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้มลงมากัดเข้าที่ลำคอของเธอจนโลหิตไหลเป็นทาง
กลิ่นหอมหวานเข้มข้นพลันทะลักออกมาพร้อมกับเลือดที่ไหลไม่หยุด ดวงตาของเซบาสเตียนวาวโรจน์และคลุ้มคลั่ง เขาคล้ายว่าจะได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว
แรงบีบที่ไหล่ยิ่งนานยิ่งมาก เขากัดและดื่มเลือดของเธออย่างบ้าคลั่ง
อาเคร่าเหลือบตามองคนฉีกกระชากเนื้อตรงคอของเธอจนแหว่งหายด้วยสีหน้าเฉยชา
“รุนแรงกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้มันไม่ดีนะคะ”
เธอกล่าวไม่ดังไม่เบา โลหิตที่เคยไหลรินเป็นทางพลันหยุดชะงัก
ก่อนก่อตัวรวมกันเป็นหนามแหลมพุ่งเข้าแทงลิ้นที่กำลังแลบเลียหยดเลือดจนทะลุ
“!”
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำชายหนุ่มชะงัก อาเคร่าผลักร่างของเขาออกพร้อมทั้งวาดมือ หนามเลือดอีกหลายสิบเล่มพุ่งเข้าทิ่มแทงเขาอย่างไม่มีปราณี
อาเคร่ายกมือขึ้นลูบลำคอที่แหว่งหายไปเกือบครึ่งของตน เลิกคิ้วมองคนที่ถูกหนามเลือดตรึงไว้กับกำแพงพร้อมทั้งถามเสียงเรียบ
“ได้สติหรือยังคะ?”
เซบาสเตียนหัวเราะ เขายกมือแตะลิ้นที่อาบไปด้วยเลือดของตน กลืนพวกมันลงคอไปด้วยท่าทีที่เหมือนว่าจะลุ่มหลงอยู่น้อย
ๆ
“ขออภัยจริง ๆ ที่หยาบคาบครับ
แต่ทำอย่างไรได้...ก็ของน่าอร่อยดันอยู่ใกล้ซะขนาดนี้นี่นา”
แม้จะเหมือนว่ายังอยากกัดเธออีกสักคำสองคำ ทว่าดวงตาก็กระจ่างใสขึ้นมาก บ่งบอกว่าบัดนี้เขามีสติดีเต็มเปี่ยม
และถึงแม้ว่าสติสัมปชัญญะจะยังเต็มร้อย กระนั้นก็ยังอยากจะกินเธอให้ได้อยู่ดี
...สรุปก็คือเห็นเธอเป็นอาหารตลอดเวลาสินะ
หญิงสาวมองเขาอย่างเฉยชา บาดแผลฉกรรจ์กลับมาหายสนิทอย่างรวดเร็ว
“จะยังอยากกัดอยู่ไหมคะ?”
เขายิ้ม
“ถ้าตอบว่าใช่ล่ะ?”
จบคำถามของเขา เรือนผมสีดำสนิทก็พลันม้วนตัวเป็นเกลียวแหลม ก่อนจะพุ่งแทงเข้าที่ท้องของเขาจนทะลุ
โลหิตรวมถึงเครื่องในต่างพากันไหลออกมาอย่างน่าสยดสยอง
“แค่ก!”
เขาพลันกระอักเลือดออกมาทันใด
“ก็จะเรียกสติให้อย่างไรล่ะคะ”
ชายหนุ่มไอไม่หยุด แต่กระนั้นสีหน้าก็ยังดูมีความสุขอยู่ดี
“เป็นคนโหดร้ายกว่าที่คิดนะครับเนี่ย”
เขาพูดพร้อมกับยกมือยอมแพ้ ผมและหนามโลหิตจึงได้ค่อยถูกดึงกลับไป อาเคร่าวาดมือ
บาดแผลฉกรรจ์บนร่างของชายหนุ่มพลันเลือนหาย
“ขอบคุณครับ” เขายิ้มพูด
ผายมือไปยังทางเดินยาว
“ให้ผมไปส่งที่ห้องนะครับ
อย่างไรนี่ก็เป็นคำสั่งของนายน้อย”
หญิงสาวพยักหน้า เธอไม่ได้สนใจเท่าไรนักว่าอีกฝ่ายจะยังอยากกัดเธออยู่อีกหรือไม่
เพราะทางแก้นั้นง่ายดายยิ่ง หากกัด
ก็แค่แทงเขาสักแผลสองแผลให้ได้ ‘สติ’ เดี๋ยวเขาก็จะหยุดไปเองไม่ใช่หรือไง?
ง่ายจะตายไปไม่ใช่หรือ?
เซบาสเตียนมาส่งหล่อนที่หน้าห้องพักโดยไม่ได้มีเหตุการณ์นองเลือดใด
ๆ เกิดขึ้นอีก ก็นะ
ถึงการที่ถูกแทงท้องจนเป็นรูจะไม่มีทางทำให้เขาตายก็เถอะ แต่มันก็เจ็บอยู่นิดหน่อย อีกอย่าง
หากอันเดธสาวผู้นี้เกิดโมโหขึ้นมา
บางทีเรื่องคงจะไปกันใหญ่แน่ ๆ
ลอบมองอีกฝ่ายพลางเลียริมฝีปาก ทอดถอนหายใจอย่างเสียดาย
ช่างเป็นรสชาติที่ชวนให้คนเสพติดซะจริงแฮะ
อาเคร่ามองคนที่ทำท่าเสียดายด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ เล็บมือพลันเปลี่ยนกลายเป็นแหลมคมในฉับพลัน
ชายหนุ่มยกมือยอมแพ้ ไม่คิดหยอกล้อคนอารมณ์ร้าย(?)ต่อ
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ อาเคร่า”
จู่ ๆ ชายหนุ่มก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เป็นเหตุให้บานประตูที่กำลังงับปิดต้องชะงัก
อาเคร่ามองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาก่อนผงกหัวน้อย ๆ
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ เซบาสเตียน”
ประตูปิดลง เธอรอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายจากไปไกลแล้วจึงค่อยดีดนิ้ว ส่งคลื่นพลังเวทออกไปจัดการพวกแขกไม่ได้รับเชิญจากทั่วสารทิศ ก่อนปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเลือดออกและตรงไปอาบน้ำชำระกายเพื่อล้างเอากลิ่นหอมน่ารำคาญเหล่านั้นออกไป
เซบาสเตียนก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อนไปตามทาง
รู้สึกเหมือนกับว่ารสชาติหอมหวานของโลหิตและผิวเนื้อที่ถูกกัดกระชากนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในปาก
แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระหายอยู่เล็กน้อย ดวงตาส่องประกายแวววาวท่ามกลางความมืด
ทั้ง ๆ
ที่ร่างกายนั้นเย็นเฉียบและไร้เสียงหัวใจเต้น
ทว่าโลหิตเหล่านั้นก็ยังคงสามารถไหลรินและอุ่นร้อนจนราวกับจะลวกลิ้นของเขาที่เลียพวกมันอย่างหิวกระหาย
อดจะยกมือแตะริมฝีปากและปลายลิ้นของตนไม่ได้
ทั้ง ๆ ที่บาดแผลก็หายไปแล้ว แต่คล้ายว่าจะยังเจ็บอยู่หน่อย ๆ
“เฮ้อ เป็นคนที่อารมณ์ร้อนจังนะ”
เขาบ่นพึมพำกลั้วหัวเราะ แม้ปากจะพูดเช่นนั้น ดวงตากลับเป็นประกายกล้า ภาพของผิวหนังที่บอบบางและขาวซีด ร่างที่ถูกผลักจนชิดกับกำแพง เรือนร่างที่ทั้งเย็นและอรชร
กับกลิ่นของเลือดที่หอมหวานเหนือสิ่งใดในโลก แค่คิดเขาก็แทบคลั่งแล้ว
ความคิดเห็น