คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่7 ของขวัญ [1]
บทที่7 ของขวัญ
[1]
เบิร์นที่ไม่คิดว่าตอนจบจะหักมุมมาอิหรอบนี้ถึงกับเลิกคิ้วสูง
จบง่ายถึงเพียงนี้?
แอสทิลพูดคุยกับคนทั้งคู่อีกสองสามประโยคแล้วจึงเดินจากไป
ลักซ์เองก็คืนการควบคุมแก่อาเรนเซียทันทีที่ลับร่างสูงของเจ้าของวันเกิด
“เห็นว่าคนผู้นั้นจะมีการทดสอบฝีมือทางด้านเวทมนตร์กับอาจารย์ที่ได้สอนเขามา
ท่านพี่สนใจจะไปดูหรือไม่ครับ?”
เบิร์นที่เห็นว่าเหตุการณ์กลับสู่ความสงบแล้วเอ่ยถามขึ้น
“หืม?
ประลองเวทมนตร์หรือ? น่าสนใจนะ!” เด็กหญิงตาวาวเล็กน้อย
“คาดว่าคงเริ่มในอีกไม่นานนี้ ดูสิ พวกพ่อบ้านมาพาแขกไปที่อื่นแล้ว”
ดรุณีน้อยชี้ชวนไปทางหนึ่ง
จูงมือน้องชายเดินตามกลุ่มคนไป
ทุกคนถูกพาออกมายังสวนกว้างด้านข้างคฤหาสน์
โดยรอบเต็มไปด้วยโต๊ะเก้าอี้ล้อมเป็นวงกลมโดยเหลือพื้นที่โล่งไว้ตรงกลาง
ดูแล้วคล้ายสนามแข่งไม่น้อย
ชายวัยสี่สิบปลาย
ๆ เดินออกมาจากฝูงชน แต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงินเรียบ ๆ แต่กลับดูหรูหราและน่าเกรงขามด้วยบุคลิกสงบนิ่ง
‘ดวงเวทใหญ่พอ ๆ กับลูกบอลเลยแฮะ การสลายตัวเป็นไอก็ไว
กักเก็บไว้ได้ก็มาก อื้ม จัดว่าเป็นจอมเวทที่เก่งคนหนึ่งเลย’
เสียงของลักซ์กล่าวราบเรื่อย
ดูไม่ได้ยินดียินร้ายเท่าใดนัก
‘แต่ถ้าเทียบกับอาจารย์ของเธอหรือท่านพ่อ...ยังได้แค่เด็กน้อยเท่านั้น’
อาเรนเซียถึงกับไอออกมาเมื่อได้ยินคำกล่าวตัดกำลังใจของอีกฝ่าย
หากชายผู้นั้นมาได้ยินล่ะก็
เกรงว่าอาจเจ็บใจจนตายได้
แอสทิลเดินมาที่ลานตรงกลาง
อีกฟากหนึ่งเป็นอาจารย์วัยกลางคนผู้นั้น อาเรนเซียจูงน้องชายเดินไปนั่งโต๊ะร่วมกับท่านพ่อและท่านแม่
“พวกลูกว่าแอสทิลผู้นั้นเป็นอย่างไร?”
สเลนผู้เป็นพ่อเอ่ยถามขึ้น
เบิร์นพลันเบ้ปาก
ถามกลับบิดาบุญธรรมไปเสียงเอือม
“เอาเป็นมารยาทหรือความประพฤติดีครับ?”
บุพการีทั้งสองถึงกับหลุดขำ
ท่าทีสงบนิ่งอันสง่างามหายวับไปกับตา
“พ่อหมายถึงพลังเวทของเขา
เรื่องอะไรเช่นนั้น...เอาเป็นว่าไว้พูดทีหลังดีกว่านะ”
“ข้าว่า
ไอเวทของเขามีจำนวนมากทีเดียว แต่เรื่องอื่น...ข้าไม่มีความเห็นครับ”
เสียงพูดคุยค่อย
ๆ เงียบลงเมื่อคนทั้งสองบนสนามเริ่มทำความเคารพแก่กัน ไอเวทถูกเร่งจนแม้แต่ผู้มีพลังเวทเพียงเล็กน้อยยังสัมผัสได้
รอบกายของคนทั้งคู่คือสายน้ำที่หมุนเกลียวอย่างน่าอัศจรรย์
เพียงขยับมือ พวกมันก็เริ่มเปลี่ยนสภาพ แล้วพุ่งเข้าจู่โจมฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
แอสทิลรุดหน้าเข้าใกล้
ตวัดมือขึ้นเหนือหัว คลื่นน้ำขนาดใหญ่ซัดตูมออกไป ทางชายวัยกลางคนรีบเรียกกำแพงวารีขึ้นตั้งรับตรงหน้า
ไม่คาดว่าบนฟ้าจะมีหยดฝนกรดตกลงมา
“การควบคุมเร็วดี
สมาธิก็เยี่ยม ฝีมือไม่เลวเลย”
สเลนเอ่ยชม
จดจ้องดูอย่างสนใจ ฝ่ายอาจารย์ยกมือขึ้นซัดกระแสน้ำลำใหญ่ขึ้นต้านจนฝนกรดพลันสลาย
อีกมือสะบัดออก บังเกิดเป็นน้ำอันก่อตัวเป็นรูปใบมีดหลายสิบพุ่งเข้าหาแอสทิล
เด็กหนุ่มวิ่งหลบพร้อมสร้างเกราะวารีป้องกันร่างกาย
ตวัดสองแขนขึ้นเหนือหัว ขยับมือรวบรวมกระแสน้ำเป็นวงกลมก่อนโยนมันขึ้นฟ้า
บึ้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมมวลน้ำขนาดเท่ากำปั้นที่แตกกระจาย
กลายเป็นหยดน้ำจำนวนมากตกลงมาดังห่าฝนก่อนแปรรูปกลายเป็นแท่งแหลมร่วงลงพื้น
ใบหน้าของชายวัยกลางคนพลันถอดสี
รีบยกสองมือสร้างเกราะขึ้นต้านรับการโจมตีแบบไร้ทางหลบนี้
พวกมันไม่มีอานุภาพพอจะฝ่าเกราะเข้ามาได้
ความเบาใจยังไม่ทันจะได้เท่าไหร่
หางตาพลันเห็นใครบางคนขยับเข้ามาหา
“!”
แอสทิลวิ่งเข้าใส่อย่างบ้าบิ่น
ฝนเข็มไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ เขาได้ มวลน้ำในมือถูกซัดออกนำหน้า อีกฝ่ายรีบเคลื่อนมือมาสร้างเกราะป้องกัน
ตูม!
ร่างของอาจารย์วัยกลางคนกระเด็นไปข้างหน้าอย่างรุนแรงจนล้มคว่ำเมื่อมีมวลน้ำอีกลูกปะทะเข้าที่กลางหลังของเขาเต็มๆ
ความเจ็บปวดแล่นริ้ว คล้ายกับกระดูกกำลังแหลกก็ไม่ปาน สุดท้ายเขาก็ยกมือยอมแพ้
แอสทิลรีบเข้าไปพยุงผู้เป็นอาจารย์
สลายฝนเข็มทิ้ง เสียงปรบมือดังกึกก้อง แว่วคำชื่นชมดังมาให้ได้ยิน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ทว่าในดวงตากลับไม่ใคร่จะยินดีนัก
จะให้ยินดีได้อย่างไร
ในเมื่ออาจารย์ผู้นี้ไม่เคยจะชนะเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แต่เพราะไม่มีเงินมากขนาดจะจ้างยอดฝีมือมากกว่านี้ เด็กหนุ่มจึงต้องทนเรียนกับอีกฝ่ายมาตลอดหลายปี
‘ฝีมือต่างกันเกินไป’
อาเรนเซียเลิกคิ้วขึ้นพลันเมื่อได้ยินเสียงของลักซ์พูดขึ้น
‘ดวงเวทของเจ้าบ้านั่นใหญ่กว่าของอาจารย์หลายเท่า
การสลายตัว การกักเก็บใด ๆ ก็มากกว่ามาก แม้ด้านสมาธิการควบคุมจะไม่เท่าตาแก่นั่น แต่ในเรื่องความกล้าที่จะฆ่าเนี่ย...มากกว่าหลายขุมเชียว’
ลักซ์พูดทุกคำออกมาด้วยน้ำเสียงเฉื่อยแฉะไร้อารมณ์ยิ่ง
‘ความกล้าที่จะฆ่า?’
‘ก็ตรงตัวแหละ’ เธอว่า ‘ถ้าหมอนั่นไม่ติดว่านี่เป็นแค่การแสดงอวดความสามารถข่มพวกขุนนางคนอื่น
บางทีการควบคุมอาจดุเดือดและเลือดเย็นกว่านี้ ก็คือตาแก่คงตายนั่นแหละ’
อาเรนเซียกลืนน้ำลาย
เหลือบสายตามองเบิร์นและท่านพ่อท่านแม่ เด็กชายดูจะสนใจฝีมือแอสทิลไม่น้อยจากการนั่งพึมพำอะไรสักอย่างกับตัวเอง
ส่วนทางด้านบุพการีทั้งสองนั้น
หัวคิ้วกลับขมวดเข้าหากัน มีสีหน้ายุ่งยาก
“ยังไปได้อีกไกล...”
สเลนว่าเพียงแค่นั้นก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก
‘ถ้ามีโอกาส เธอควรลองปะทะกับหมอนั่นดูนะ เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจทีเดียว’ ลักซ์ว่าพลางส่งเสียงหาววอด ครางอย่างหงุดหงิด ‘ฉันล่ะอยากออกไปตบพวกหนังเหี่ยวเสียงดังพวกนี้สักคนละทีสองทีจริง
ๆ’
‘เอาน่า...’
เสียงของเธอขาดหายกลางครันเมื่อหางตาเห็นเป็นเงาตะคุ่มของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้
เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นแอสทิลนั่นเอง
เขายังคงหยักยิ้มทรงเสน่ห์
ทว่าดวงตากลับฉายประกายแปลกออกไป
‘หมอนั่นเครื่องกำลังติดเลย...’
ชายหนุ่มรูปงามหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ
โค้งกายอย่างนอบน้อม
“ข้าเคยได้ยินว่าคุณหนูอาเรนเซียนั้นมากความสามารถทั้งทางเวทและกายภาพ
ไม่ทราบว่าจะเสียมารยาทหรือไม่หากข้าจะขอให้คุณหนูชี้แนะแก่ข้า?”
รอบข้างพลันเงียบกริบ
แม้แต่สเลนกับเอมิเรียเองยังอึ้งไป
“เอ่อ...”
‘รับเลย! รับเลย!’ ลักซ์ตะโกนร้องสุดเสียง ‘ฉันอยากอัดหมอนี่แบบถูกกฎหมาย!
รับเลยยย’
เสียงร้องโหวกเหวกทำให้ดรุณีน้อยรู้สึกปวดหัว
หล่อนลอบถอนหายใจ ค่อย ๆ ผงกหัวรับด้วยสีหน้าติดจะกล้ำกลืนอยู่หน่อย
ๆ หยัดยืนขึ้นด้วยท่วงท่าสง่างาม
“หากท่านไม่รังเกียจความสามารอันเล็กน้อยของข้าล่ะก็
เป็นเกียรติยิ่งค่ะ”
เด็กหญิงลอบหันไปมองพ่อและแม่
อีกฝ่ายพยักรับ ขยับปากโดยไร้เสียงเป็นคำว่า ‘ตามสบาย’
‘เจ๋ง!’
ลักซ์ที่อ่านปากนั่นออกร้องเสียงดัง
ปรากฏร่างออกมาลอยตัวในท่าขัดสมาธิ ยกมือตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่ สีหน้าท่าทางพอใจยิ่ง
ทั้งคู่พากันเดินไปยังกลางสนาม
เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ เรื่องข่าวที่ว่าอาเรนเซียเป็นผู้มีพลังเวทมากไม่ใช่ความลับอะไร
พลังของเธอตื่นขึ้นตอนเข้าวัง ถูกผู้ตรวจตราในวังเป็นคนตรวจพลังให้ พวกที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นก็ไม่ใช่น้อย เรื่องที่ว่าพลังเวทของหล่อนมีปริมาณที่มหาศาลจึงแพร่ออกไปไกลพอสมควร
‘ฉันขอแนะนำด้วยความหวังดีนะกวางน้อย’ เธอกล่าว ‘เจ้านั่นร้ายกว่าที่เห็นก่อนหน้านี้มาก
อย่าได้คิดไม่ให้ฉันร่วม ถ้ายังไม่อยากเจ็บหนักจนถึงตาย’
‘...ก็ได้’
ทั้งคู่ทำความเคารพกันและกันอย่างนอบน้อม
อาเรนเซียลูบกระโปรงของตัวเองเล็กน้อย ค่อนข้างกังวลว่ามันอาจทำให้ลักซ์เคลื่อนไหวลำบากได้
‘อย่าห่วงฉันเลย กระโปรงสุ่มไก่บ้านี่ไม่เท่าไหร่หรอก’ อีกคนในร่างพูดอย่างขอไปที ‘ทุ่มสมาธิไปที่หมอนั่นซะ
เจ้านั่นจะเริ่มแล้ว’
ความคิดเห็น