คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่7 ประทับใจ
บทที่7 ประทับใจ
แดริลกลับมาอีกครั้งพร้อมถาดใบใหญ่ ภายในถาดคือจานใส่เนื้อสดที่ถูกแล่อย่างสวยงามเรียงอยู่จนเต็ม
เขาวางมันลงตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะหยิบขวดบนชั้นมารินน้ำสีแดงสดลงในแก้ววางคู่กัน
หญิงสาวมองดูเนื้อที่ถูกแล่อย่างดีแล้วก็อดจะพึมพำไม่ได้
“น่าเสียดายที่ไม่ได้กินเนื้อมนุษย์สด
ๆ”
อันเดธไม่ได้กินเลือดเนื้อเพื่ออิ่มท้อง
แต่กินไอวิญญาณในเลือดเนื้อเหล่านั้นให้อิ่มท้องต่างหาก ดังนั้นการกัดกินมนุษย์ทั้งที่ยังเป็น ๆ
อยู่จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อจะสามารถสูบไปวิญญาณได้มาก หากตายแล้วไอวิญญาณก็จะหลุดออกจากร่าง
อันเดธอย่างพวกเธอไม่อาจกินวิญญาณทั้งดวงเข้าไปได้ ทำได้แต่เพียงสูบไอผ่านเลือดเนื้อ จึงกล่าวได้ว่าเป็นอันเดธก็ไม่นับว่าง่ายเลย
ชายหนุ่มเห็นอีกฝ่ายบ่นเข้าก็อดจะยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจไม่ได้
แม้เนื้อเหล่านี้จะใช้ของวิเศษเก็บรักษาแต่ก็ยังไม่สามารถเก็บไอวิญญาณไว้ได้ทั้งหมด ไม่แปลกที่เจ้าหล่อนจะบ่นอุบ
อาเคร่าไม่ได้บ่นต่อ เธอก้มหน้าก้มตาทานเนื้อสดตรงหน้าอย่างเงียบ
ๆ แดริลมองสาวเจ้าทานอย่างเพลิดเพลิน กิริยามารยาทของเด็กคนนี้น่ามองยิ่ง แม้กำลังกินสิ่งที่น่าขนลุกอย่างเนื้อคนสด ๆ
ก็ยังมองแล้วชวนให้รู้สึกสบายหูสบายตาอย่างที่สุด
“ทำไมถึงเจ็บหนักขนาดนี้ได้ล่ะ?”
เขาอดจะถามไม่ได้เมื่อพบว่ากลิ่นหอมเย้ายวนของเลือดจากร่างอันเดธสาวตรงหน้านั้นแม้จะชะล้างไปมากแล้วก็ยังตลบอบอวล จึงค่อนข้างมั่นใจว่าครั้งนี้หล่อนคงเจ็บหนักทีเดียว
อาเคร่าพักดื่มโลหิตเล็กน้อยจึงตอบอย่างราบเรียบ
“ประมาทไปหน่อย ไม่คิดว่ามันจะใช้วิธีสิงร่างผู้อื่นมาโจมตีเช่นนี้” เธอหยุดเล็กน้อย ดวงตาหลุบต่ำอย่างไร้อารมณ์ “น่าเสียดายที่จับไว้ไม่ได้”
“แค่ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว”
เขาพูดปลอบด้วยรอยยิ้ม แม้ลึก ๆ
แล้วเขาเองจะแอบเสียดายไม่ต่างกันก็ตาม
เจ้าวิญญาณร้ายนั่นเป็นตัวอันตรายโดยแท้ การที่สามารถจัดการมันได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะการที่ปล่อยให้มันลอยนวลนานเท่าไหร่ ความเสียหายก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
หลังจากที่คิดอะไรเพลิน ๆ ได้ครู่หนึ่ง
เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าหญิงสาวนั้นทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอใช้ผ้าซับมุมปากของตนอย่างเบามือ กล่าวไม่ช้าไม่เร็ว
“ขอบคุณสำหรับอาหาร”
“ด้วยความยินดีครับ”
เขากล่าวตอบกลั้วหัวเราะ
หญิงสาวไม่ได้ลุกไปไหน เธอหลุบดวงตาลงต่ำ มือลูบเบา ๆ ไปที่จุดซึ่งเคยถูกแทงเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดสิ่งใด
“...เจ้านั่นตอนมีชีวิตคงแข็งแกร่งมาก”
คำพูดอันไม่มีปี่มีขลุ่ยทำชายหนุ่มชะงักมือที่กำลังเอื้อมไปหยิบจาน ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกจานไปเก็บ
เมื่อกลับมาก็พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่ใส่ใจ
“สุด ๆ เลยล่ะ”
อาเคร่ามองใบหน้าด้านข้างของหมาป่าหนุ่มนิ่ง
“ขนาดนายยังพูดแบบนี้ คงแข็งแกร่งมากจริง ๆ” เธอกล่าว
“วิญญาณที่เคยไปเยือนนรกโดยปกติถึงจะยังคงมีความรู้สึกนึกคิด แต่ก็ถูกดึงดูดได้ง่าย การที่มันสัมผัสได้ถึงพลังของฉัน ปกติก็ควรพุ่งเข้าใส่อย่างหิวกระหาย แต่มันกลับระแวงราวกับพวกที่ยังคงมีร่างเนื้อ”
แดริลส่งเสียงในลำคออย่างเห็นด้วย
“ถึงจะดูโง่เง่าไปบ้าง แต่ในฐานะของวิญญาณที่เคยไปเหยียบนรกมาแล้ว
เจ้านั่นถือว่าแข็งแกร่งและฉลาดจนผิดปกติเลยล่ะ”
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะไฟในนรกนั้นสามารถสลายดวงวิญญาณของพวกมันได้
เจ้าพวกนี้จึงอ่อนไหวต่อพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างมาก เพราะพออ่อนแอ
สัญชาตญาณในการอยากมีชีวิตรอดก็จะทำงาน
พวกมันจึงมักพุ่งไปหาพลังวิญญาณที่เข้มข้นกว่าหมายจะกลืนกินอย่างไร้สติ
ทว่าเจ้านั่นกลับต่างออกไป เมื่อมันสัมผัสได้ถึงอาเคร่าที่ไม่เพียงมีดีเฉพาะพลังวิญญาณอันแข็งแกร่ง แต่ทั้งเลือดที่หอมหวาน
เวทมนตร์อันเข้มข้นและบริสุทธิ์จากการที่เป็นแม่มด ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ดึงดูดวิญญาณหลบหนีเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
ไม่เว้นแม้แต่พวกปีศาจที่ยังคงมีลมหายใจก็ล้วนไม่อาจหักห้ามใจที่จะเสี่ยงเพื่อลิ้มรสอาหารอันโอชะนี้สักคำสองคำ แม้ว่านั่นจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
ทั้ง ๆ ที่เป็นเช่นนั้น
มันกลับหวาดกลัวอาหารจานนี้และหนีหายไปจนไกลลิบด้วยความหวาดระแวง
คาดว่าหากอาเคร่าไม่ได้ได้รับเข็มกลัดล่ะก็ ภารกิจที่ได้รับมาคงไม่มีทางคืบหน้าเป็นแน่
“ดูท่า...พวกเราคงได้อยู่ที่นี่อีกยาวเลยล่ะ”
แดริลกล่าวขึ้น หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย
เธอลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่จะได้ขยับไปไหนลมหอบหนึ่งก็พลันเข้าปะทะร่างเบา
ๆ ก่อนที่แขนข้างหนึ่งจะถูกคว้าไว้โดนแดริลที่โผล่มาอยู่ด้านหลังของเธอในชั่วพริบตา
เขามองเธอด้วยสีหน้าที่เหมือนจะบ้าคลั่งอยู่เล็กน้อย
แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าคว้าแขนของเธอเอาไว้จากด้านหลัง
ชายหนุ่มเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตน ยิ่งอยู่ใกล้กลิ่นหอมหวานเย้ายวนจากร่างอรชรก็ยิ่งรุนแรง เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะขาดสติได้ทุกเวลา
และความต้องการเพียงหนึ่งเดียวก็คือการเข้าขย้ำเรือนร่างของหญิงสาวผู้นี้ให้แหลกเละแล้วสูบเลือดเนื้ออันหอมหวานให้หมดไม่มีเหลือ
อาเคร่าไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าชายหนุ่มจะกำลังมองตนด้วยสายตาคมปราดเพียงใด เธอคิดเพียงว่า หากเขากล้ากัด
เธอก็กล้าตัดคอของเขาเช่นเดียวกัน
“หึ ๆ”
แดริลหัวเราะออกมา ก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูของหญิงสาวเสียงสั่นคล้ายกำลังหัวร่อไปด้วย
“น่ากินจังน้า”
หล่อนเอียงหัวมองด้วยหางตา
“แล้วกล้ากินไหมล่ะ?”
คำถามราบเรียบไร้อารมณ์ แต่เขามั่นใจว่ามันได้แฝงแววท้าทายเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมเพียงใด
และเขาก็มั่นใจอย่างมากว่าการสังหารเขานั้น เด็กคนนี้กล้าทำอย่างไม่ต้องสงสัย
เขายกมือยอมแพ้ เดินกลับไปอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ดังเดิม
เธอมองดูเขาอยู่ครูหนึ่งก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างเงียบงัน
แดริลมองเหม่ออยู่ที่ประตูที่ปิดลง เขาถอนหายใจ
เมื่อสักครู่เขาหลงหน้ามืดไปวูบหนึ่งจึงได้พุ่งตัวเข้าไปหาอีกฝ่าย แล้วก็ต้องตระหนกจนได้สติ เมื่อทันทีที่เขาถึงตัวเด็กคนนั้น พลังที่มองไม่เห็นทว่าสามารถปลิดชีพเขาได้ง่าย
ๆ ก็บีบรัดลำคอของเขาไว้แน่น
เขาอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
“เป็นเด็กที่ดุจังน้า...”
อาเคร่ากลับมายังคฤหาสน์ และได้ทราบข่าวว่าหลังจากวอแวอยู่นาน
ในที่สุดชิเอลก็ยอมแพ้และให้คนทั้งสองอยู่ค้างคืนในคฤหาสน์จนได้
เธอไม่ได้ไปปรากฏตัวให้ใครเห็นเป็นพิเศษ เพียงฝากคำพูดผ่านทานากะเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยแจ้งว่าตนกลับมาแล้วแก่นายน้อยให้แล้วเตรียมที่จะกลับห้อง
ไม่คาดว่าพอชายชราตัวเล็กเดินเข้าห้องไปได้ไม่นาน โซมาก็พุ่งพรวดออกมาแล้วกระโดดมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
“เจ้ากลับมาแล้ว”
เขาพูดอย่างออกจะตื่นเต้นอยู่...มากทีเดียว
อาเคร่า “...”
อืม...เจ้าชายผู้นี้ช่างเป็นคนที่...สดใสร่าเริงซะจริง?
อัคนีที่ก้าวตามผู้เป็นเจ้าชายออกมาส่งยิ้มขอโทษขอโพยให้แก่หญิงสาว
เขาเองก็จนใจที่จะห้ามปรามผู้เป็นนายของตนได้เช่นกัน
“มีอะไรให้ดิฉันรับใช้รึเปล่าคะ?”
เธอถามออกไปอย่างสุภาพ สีหน้าเรียบเฉยดุจเดิมไม่แปรเปลี่ยน
เจ้าชายโซมาชะงักไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาก็แค่สนใจอีกฝ่ายเท่านั้นจึงอยากลองสนทนาด้วยดู
แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าตาไร้อารมณ์เพียงใดก็เกิดพูดไม่ออกขึ้นมา
เอ่อ...คงไม่ใช่ว่าเขาถูกเกลียดหรอกนะ
คล้ายว่าจะรับรู้ได้ถึงความกังวลใจของชายหนุ่ม อาเคร่ายกมือขึ้นแตะใบหน้าของตน กล่าวไม่ดังไม่เบาเป็นเชิงขออภัย
“ที่เห็นเป็นเช่นนี้เป็นเพราะดิฉันไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าได้ หากว่ามันทำให้ท่านรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจ ดิฉันก็ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง!”
เขารีบร้องปฏิเสธทันที น่ารังเกียจ?
เขามีแต่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมาก จึงนึกกังวลว่าที่อีกฝ่ายเอาแต่ตีสีหน้าเรียบเฉยแท้จริงแล้วเป็นเพราะรังเกียจตนที่พูดมาก
ไม่เคยมีความคิดไม่พอใจหรือรังเกียจเดียดฉันท์ใด ๆ
ต่อหญิงสาวผู้นี้เลยสักนิด
โซมาโบกมือไปมาอย่างร้อนรนครู่หนึ่งจึงรีบพูด
“ขะ
ข้าแค่เห็นว่าเจ้าเอาแต่ทำหน้านิ่งจึงกังวลว่าข้าได้เผลอไปทำให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่เท่านั้น ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้าเลยสักนิดจริง ๆ นะ!”
อาเคร่าได้ยินดังนั้นก็โค้งตัวเบา
ๆ
“เช่นนั้นก็ขอบพระคุณมากค่ะ” เธอเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา “ส่วนดิฉันเองก็ไม่เคยไม่พอใจท่านเช่นกันค่ะ”
ชายหนุ่มได้ยินแล้วก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
โซมามองใบหน้าของอีกฝ่าย ถูมือไปมาด้วยความตื่นเต้นระคนขัดเขิน
“ได้ยินจากเซบาสเตียนว่าไม่เพียงเจ้าจะรักษาตัวเองได้ แต่ฝีมือต่อสู้เองก็ล้ำเลิศ...”
หญิงสาวที่ได้รับฟังถ้อยคำของคนตรงหน้าอดจะเหลือบมองไปทางพ่อบ้านหนุ่มไม่ได้
ในใจครุ่นคิดว่าเซบาสเตียนนั้นออกจะโฆษณาเธอมากไปหน่อยแล้วกระมัง
เขากำลังกลั่นแกล้งเธอจริง
ๆ สินะ?
ชายหนุ่มส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้ แน่นอนว่าเขาดูดีมาก หากเป็นสาวคนอื่นมาเห็นคงได้แข้งขาอ่อนกันไปแล้ว ทว่าเสน่ห์เหลือร้ายเหล่านั้นก็ต้องเสียเปล่าเมื่อมาอยู่ต่อหน้าอันเดธสาวผู้ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก
เธอหันศีรษะกลับมา ตอบโซมาอย่างสุภาพ
“ดิฉันก็ถือว่าต่อสู้ได้อยู่บ้างค่ะ”
“แค่ก ๆ!”
ชิเอลได้ยินถึงกับสำลักชาที่กำลังดื่มอย่างรุนแรง เขาไอโขลกจนดวงหน้าแดงก่ำ เหล่ตามองใบหน้าเรียบเฉยของอาเคร่าพร้อมกับหางตาที่กระตุกกึก
ๆ
ต่อสู้ได้อยู่บ้าง? ได้อยู่บ้างกับผีสิ! หล่อนสังหารทั้งคนที่มีฝีมือทั้งปีศาจหน้าตาประหลาดตายเป็นว่าเล่น แล้วมาบอกว่าพอได้เนี่ยนะ? แบบนี้พวกทหารผ่านศึกก็คงกลายเป็นพวกพิการทางสมองแล้วล่ะ!
อย่างหล่อนน่ะต้องเรียกว่าปีศาจถึงจะถูก!
ชายหนุ่มจากต่างแดนพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเอ่ยขอด้วยสีหน้าคาดหวัง
ความคิดเห็น