คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่5 สองสหายต่างแดนเข้าเยี่ยมเยียน
บทที่5 สองสหายต่างแดนเข้าเยี่ยมเยียน
แดริลเห็นหญิงสาวเอาแต่ลูบไล้เข็มกลัดจึงได้กล่าวถามขึ้น
“มีอะไรเหรอ? เห็นเอาแต้จ้องนกนั่นกับลูบเข็มกลัดไม่หยุดเลย”
อาเคร่าผินใบหน้ามองไปทางชายหนุ่ม เธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ส่ายหน้า
“ตอนแรกก็มีอะไรสงสัยนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
คำตอบของหล่อนค่อนข้างดึงดูดวามสนใจ
“ไม่แล้ว?”
หญิงสาวไหวไหล่พร้อมอธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตอนแรกฉันกำลังสงสัยว่าทำไมทั้ง ๆ
ที่ฉันอยู่ที่นี่มาเดือนกว่าแล้วแต่มันกลับไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นเลยแม้แต่เงา”
นิ้วเรียวขาวราวเครื่องกระเบื้องดีดเบา
ๆ เข้าที่กรงนกจนส่งเสียงกังวานใส
“แต่เมื่อพิจารณาจากนิสัยของเจ้านี่ ก็พบว่านั่นสมเหตุสมผลแล้ว” เธออธิบายด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเรียบเฉยและสงบนิ่ง “เจ้านี่ไม่เพียงมีความคิดฉลาดเฉลียวผิดสิ่งมีชีวิตเช่นมัน อีกทั้งยังขี้ระแวงนัก กลิ่นอายของฉันหนักแน่นรุนแรงชนิดที่แม้แต่บรรดาปีศาจจากทวีปอื่นยังพยายามดั้นด้นมาที่นี่เพื่อกินฉัน อยู่ดี ๆ
ของน่าอร่อยผิดปกติเช่นนี้ก็เดินมาเยือนถึงถิ่นของมันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
แน่นอนว่าด้วยนิสัยของเจ้านี่ย่อมไม่กล้าเคลื่อนไหว”
แดริลได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ายิ้ม
ๆ ในดวงตาปรากฏแววชมเชย
“ไม่ใช่แค่เพียงระแวงว่าจะเป็นนกต่อ
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วพวกที่มีกลิ่นอายเหนือธรรมดามักแข็งแกร่งมาก มันจึงกลัวไม่กล้าเข้าใกล้” เขาว่าถึงตรงนี้ก็หัวเราะ “และมันก็คิดถูก
เพราะเธอเก่งเสียจนเรียกว่าสัตว์ประหลาดยังดูเบาไปซะด้วยซ้ำ”
อาเคร่ากะพริบตาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ พึมพำอย่างไม่เห็นด้วย
“ในมิตินี้ฉันไม่ได้เก่งอะไรเลย” เธอว่าเสียงเบา
“เพดานพลังที่นี่รับพลังของฉันได้ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนเสียด้วยซ้ำ เทียบกับยามปกติแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับทารก”
“ทารกปีศาจน่ะสิ...”
อัลพึมพำอย่างอดไม่ได้ ซึ่งก็ได้รับสายตาเฉยชามองกลับมาเป็นคำตอบ
นิ้วเรียวยังคงลูบไล้เข็มกลัด ในหัวก็คิดต่อจากเมื่อสักครู่
เข็มกลัดนี้กักเก็บกลิ่นอายของเธอไปจนเกือบหมด ทำให้ส่งกลิ่นออกมาอ่อนจางอย่างยิ่ง มันที่ได้กลิ่นเข้าจึงไม่เพียงนึกอยาก
แต่ในใจก็พลันกระหยิ่มว่ากลิ่นหอมผิดปกติก่อนหน้านี้คงเป็นของปลอมที่ถูกใช้เป็นเรื่องลวง
ที่แท้ผู้ที่มันคิดว่าน่ากลัวยิ่งก็เป็นแค่อาหารกลิ่นหอมน่าทานจานหนึ่ง
เธอเคาะนิ้วลงบนกรงนกอีกครั้ง พึมพำเสียงเบา
“ดีจริง ๆ ที่แกยังไม่นับว่าฉลาด ไม่อย่างนั้นงานครั้งนี้คงวุ่นวายมากแน่ ๆ”
แดริลและอัลเมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็ต่างพากันมุมปากกระตุก เธอไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ แต่กลับใช้คำว่าวุ่นวายมาก นั่นหมายความว่าต่อให้เจ้านี่ไม่โผล่หัวออกมา หล่อนก็ต้องหาทางจัดการกับมันได้
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นพวกมั่นใจในตัวเองอะไรนัก ออกจะถ่อมตัวอยู่หน่อย ๆ ด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่าคำที่เธอพูดออกมาจะต้องมีความเป็นไปได้เต็มสิบส่วนว่าจะเกิดขึ้นจริง
แดริลอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“เด็กรุ่นใหม่เนี่ยน่ากลัวจังน้า”
ไม่มีใครพูดอะไร เพียงต่างคนต่างแยกย้ายกลับไปยังที่ของตัวเองก็เท่านั้น
อาเคร่ากลับมาถึงคฤหาสน์ในยามที่ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ไม่มีใครใส่ใจกับการที่จู่ ๆ
เธอก็หายไปนักเพราะงานในส่วนของเธอนั้นล้วนถูกจัดการจนเสร็จหมดแล้ว
ภายในคฤหาสน์เห็นไฟจุดสว่างได้จากหน้าต่างหลาย
ๆ บาน
หูของเธอได้ยินเสียงชัดเจนแม้จะยังอยู่ด้านนอก ว่าภายในคฤหาสน์ ณ ขณะนี้มีคนเพิ่มมาอีกสองคน
ศีรษะเอียงเล็กน้อยแสดงออกถึงความสงสัย ใครกันนะที่ปรากฏตัวขึ้นในเวลาแบบนี้
เธอเดินเข้าไปยังคฤหาสน์ สืบเท้าตรงไปยังห้องอันเป็นที่มาของเสียง หยุดนิ่งอยู่หน้าประตูโดยไม่ได้ก้าวเข้าไป เพียงจ้องบานไม้เนื้อหนาเขม็ง
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอกอดเจ้าหน่อยไม่ได้รึไง?”
“ปล่อยฉันนะ!”
“ชิเอล เจ้าอย่าเย็นชานักสิ”
เสียงวุ่นวายจากด้านในดังลอดผ่านประตูหนาออกมา อาเคร่าหลุบตาเงี่ยฟังเสียงฝีเท้า
พบว่าภายในห้องมีกันอยู่สี่คนจึงพอคาดเดาได้แล้วว่าเป็นผู้ใดบ้าง
ได้ยินเสียงโครมครามเหมือนใครสักคนทุบโต๊ะอย่างแรงก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่เปล่งลอดไรฟันออกมาอย่างยากลำบาก
“น่าปวดหัวชะมัด”
“งั้นกระผมขอตัวไปนำชามาก่อนนะขอรับ”
เมื่อได้ยินเสียงพูดของเซบาสเตียนหญิงสาวจึงหมุนตัวเดินออกห่างจากหน้าห้องทันที
แต่ก็ยังไม่ไวพอที่จะหนีไปทันก่อนประตูเปิด ทำให้เสียงทักเจือยิ้มดังขึ้น
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอครับ?”
อาเคร่าจำต้องหยุดฝีเท้า หันกลับไปผงกหัวทักทายเล็กน้อย
“ค่ะ”
“โอ๊ะ เสียงใครน่ะ?”
โซมาได้ยินเสียงผู้หญิงไม่คุ้นหูจึงร้องถามด้วยความสงสัย ชะโงกศีรษะออกมาทางประตู
เห็นเป็นสาวใช้หน้าตาไม่คุ้นก็ยิ่งสนอกสนใจจนต้องหันกลับมองไปทางชิเอล
“สาวใช้คนใหม่เหรอ? ใช่คนเดียวกับที่พ่อบ้านเจ้าพูดถึงรึเปล่า?”
อาเคร่าจ้องใบหน้าส่อประกายอยากรู้อยากเห็นของชายหนุ่มอย่างนิ่งเฉย ค่อย ๆ ยกชายกระโปรงพร้อมทั้งย่อขาลง
“ดิฉันอาเคร่า มันเดล ฮาเลริเนีย เดอ.
ลีเซเชียน รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้พบกับท่านค่ะ เจ้าชายโซมา”
“เอ๋? รู้จักข้าด้วยเหรอเนี่ย?”
เขาร้องถามอย่างประหลาดใจ
แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าเรียบเฉยมากจึงไม่ได้สนใจจะเอาคำตอบ
แต่หันไปวอแวกับชิเอลที่กำลังมีสีหน้าทนทุกข์ทรมานแทน
“ข้าเชื่อว่าคนที่นายเลือกย่อมไม่ธรรมดาแน่ ดังนั้นสาวใช้คนนี้ก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน รีบแนะนำให้ข้ารู้จักให้มากกว่านี้เร็ว ๆ สิ!”
โซมามีท่าทีราวกับเด็ก ในขณะที่ชิเอลนั้นมีสีหน้าเหมือนกำลังจะตาย
เขาถลึงตามองไปทางอาเคร่า
เห็นอีกฝ่ายตีหน้ามึนอึนเหมือนทุกทีก็ยิ่งรู้สึกราวว่าในอกมีไฟสุมทรวงอยู่กองใหญ่ ทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง
“ก็แค่คนประหลาดคนหนึ่ง!”
เขาพูดเสียงสั้นห้วนเพื่อตัดรำคาญ
โซมาเห็นว่าไม่อาจตื๊อถามจากเด็กหนุ่มได้จึงพลันเปลี่ยนเป้าหมาย
เพียงครู่เดียวก็กระโดดมาอยู่เบื้องหน้าสาวใช้ที่เขาไม่เคยคุ้นแล้ว
อาเคร่าสาวเท้าถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างใจเย็นเพื่อหลบไม่ให้คนที่กำลังตื่นเต้นเกินเหตุพุ่งชนตนจนล้มคว่ำไปเสียเอง
“ชื่อของเจ้ายาวมาก ฉันควรเรียกเจ้าว่าอะไรดีล่ะ?”
เขาถาม ท่าทีราวกับเด็กคนหนึ่ง
เธอก้มหัวเล็กน้อย ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง
“เรียกดิฉันว่าอาเคร่าก็พอค่ะ”
“เป็นชื่อที่แปลกมาก นั่นเป็นภาษาอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
ดวงตาสีอเมทิสต์หลุบลงเหมือนกำลังใช้ความคิด เงียบอยู่ครู่จึงค่อย ๆ
เปิดปากกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแช่มช้าบางเบา
“เป็นภาษาโบราณของชนเผ่า ๆ
หนึ่งน่ะค่ะ”...และชนเผ่าที่ว่านั่นก็เรียกว่าปีศาจ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกไป ด้วยรู้ว่าหากเอ่ยออกไปไม่ถูกมองว่าเป็นคนบ้าก็คงถูกหวาดกลัวและถูกจับไปเผาแน่
โซมาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ มองไปทางเซบาสเตียน ถูมือไปมาดูตื่นเต้น
“ได้ยินเซบาสเตียนบอกว่าเจ้าเก่งกาจมาก อีกทั้งยังมีพลังพิเศษด้วย นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเพียงเขาแค่ล้อเล่นกันแน่?”
อาเคร่าได้ยินคำถามก็พลันชะงัก มองไปทางชายหนุ่มที่ถูกกล่าวอ้างถึง
ดวงตาต่างสีสบประสาน เขาส่งยิ้มให้เธอ กล่าวสนับสนุนคำพูดของโซมา
“กระผมไม่ได้โกหกนะขอรับ เธอคนนี้มีพลังพิเศษจริง ๆ”
อาเคร่า “...”
เธอมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรกับเธอกันแน่
...แกล้งกันหรือ?
ไม่คิดบ้างหรือว่าหากคนธรรมดารับรู้ถึงเรื่องมหัศจรรย์แล้วนั้นอาจตกใจจนตายได้
หรือว่าอันที่จริงแล้วอยากเห็นคนตกใจจนตายกันแน่?
หญิงสาวลอบโยกโคลงศีรษะ
หางตาเห็นเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยแววขอโทษขอโพยของอัคนี
เมื่อเหม่อลอยไปครู่หนึ่งจึงได้ตัดสินใจกล่าวขึ้น
“...ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็จะแสดงให้ดูค่ะ”
“?”
ทั้งชิเอลและเซบาสเตียนล้วนประหลาดใจจนต้องหันมามอง พวกเขาไม่คาดคิดสักนิดว่าเจ้าหล่อนจะรับปาก
เมื่อเห็นว่าดวงตาคู่นั้นกำลังมองไปทางอัคนีที่กำลังทำท่ายกมือไหว้ขอโทษ สองนายบ่าวก็พากันหันไปสบตากันเอง แลกเปลี่ยนความคิดในจิตใจเงียบ ๆ
เธอยกมือขึ้น จรดปลายนิ้วเข้าหากัน เสียงดีดนิ้วดังกังวาลไปทั่ว
พรึ่บ!
ไฟทั้งคฤหาสน์พลันดับลง ทุกคนสะดุ้งตกใจเล็กน้อย
สายตาต่างไม่อาจปรับให้เข้ากับความมืดอันฉับพลันนี้ได้ด้วยกันทั้งสิ้น
อาเคร่ากวาดตามองทุกคนท่ามกลางความมืด จังหวะนั้นพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตราย เสียงฝีเท้าอันเบากริบพุ่งตรงมา เพียงครู่เดียวร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าพร้อมมีดในมือ
เธอยกมือขึ้นเตรียมจู่โจมผู้ไม่ประสงค์ดี
แต่ทันทีที่สายตาสามารถมองฝ่าความมืดได้อย่างชัดเจนแล้วก็ต้องชะงักค้าง
ดวงตาเลื่อนลอยคู่นั้นไม่ได้มองเธอ
ทว่ามีดในมือกลับแทงเข้าที่ท้องของหล่อนอย่างแม่นยำ
อีกทั้งยังกดย้ำจนแม้แต่ด้ามจับกว่าครึ่งก็ทะลุไปอยู่ในท้องของเธอ
ในตอนนั้นเองที่ไฟก็ได้ติดขึ้นมา
ทุกคนล้วนถูกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตกตะลึง ก่อนจะเป็นโซมาที่ตวาดขึ้น
“อัคนี! ทำอะไรของเจ้า!”
ความคิดเห็น