คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่4 สู่งานเลี้ยง [1]
บทที่4 สู่งานเลี้ยง [1]
‘รีอัลรัม?’
‘ชื่อของมีดนี่ไง รีอัลรัม แปลว่าแด่ผู้เป็นที่รัก’ เธออธิบาย ‘เป็นมีดที่ช่างออกแบบหญิงคนหนึ่งในทารยะทำขึ้นมอบให้แก่สามีผู้เป็นแม่ทัพ
ขึ้นชื่อเรื่องความคมและงดงาม นี่ก็เพิ่งเคยเห็นของจริง ตอนแรกไม่แน่ใจว่าใช่ พอเขาพูดว่าภรรยาให้มา แถมตัวเขาก็เป็นแม่ทัพ เลยมั่นใจ’
ชายร่างโตเลิกคิ้วเล็กน้อย
ไม่คาดว่าดรุณีน้อยผู้นี้จะ ‘ติดตามพอสมควร’ ดังที่ปากว่าจริง ๆ
รู้จักมีดแต่ไม่รู้จักเจ้าของ
อืม...ก็สมเป็นลักซ์ดีนั่นแหละ
“ไม่คาดว่าคุณหนูจะรู้จักด้วย”
“งามโดดเด่นถึงเพียงนี้
ใครที่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับอาวุธแล้วไม่รู้จัก
เกรงว่าจะมีแต่พวกโง่เง่าเป็นเต่าแล้วล่ะค่ะ”
เธอวางมันกลับที่เดิม
เงยหน้าไปยิ้มให้ชายที่แน่ใจแล้วว่าเป็นท่านแม่ทัพคนดังแห่งประเทศห่างไกลจนตาหยี
ดูน่าเอ็นดูระคนน่าหมั่นเขี้ยวอย่างไรชอบกล
“วางมันเสียชัดเจนปานนี้
ท่านไม่กลัวว่าใครจะจำมันได้บ้างหรือ?”
“มีดเล่มนี้
นอกจากครอบครัวข้าแล้ว
มีไม่มากนักที่จะเคยได้เห็นของจริง ข้าจึงพอวางใจที่จะนำออกมาขายที่นี่
แต่จะให้พกติดตัวไปไหนมาไหน...เห็นว่าจะไม่เหมาะ”
ความหมายของอัลปาคือที่นี่เป็นตลาดชาวบ้านธรรมดา
ทั้งยังในประเทศที่ไกลจากบ้านเกิดโข การนำออกมาขายจึงไม่เสี่ยงนัก แต่จะให้พกมีดเล่มนี้รอนแรมเดินทางเห็นว่าจะไม่เหมาะ
เพราะถึงแม้จะมีผู้พบเห็นของจริงไม่มาก
ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่มีคนรู้จัก ดูได้จากคุณหนูน้อยผู้นี้ เขาแน่ใจว่าเด็กคนนี้ไม่เคยเห็นของจริงแน่นอน
ทว่ากลับรู้ได้ว่ามันคือรีอัลรัมตั้งแต่ในครั้งแรกที่มอง น่ากลัวจริง ๆ นั่นแหละ
“ข้าเห็นด้วย”
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก “เรามาเปลี่ยนเรื่องพูดคุยกันหน่อยเป็นอย่างไรคะ?”
แม่ทัพใหญ่พยักหน้าช้า
ๆ
“ทำไมท่านถึงได้หอบข้าวหอบของมายังแถบไกลโพ้นเช่นนี้เล่า?
เหตุใดจึงไม่กลับไปประกาศให้ทุกคนทราบว่าท่านนั้นยังคงมีลมหายใจ?”
อัลปานิ่งเงียบ
แอบเห็นว่าใบหน้าผ่านใต้ผ้าคลุมเริ่มเครียดเขม็ง
“...ปัญหาภายใน?”
ลักซ์ลองเดา
ชายร่างใหญ่ทอดถอนใจ
พยักหน้าเล็กน้อย
เด็กหญิงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจจะฟังอะไรต่อ
เริ่มหันกลับไปสนใจมีดเล่มงามต่ออีกครั้ง
“ในเมื่อท่านไม่ต้องการพกพาสิ่งสะดุดตานี่ไปไหนมาไหน
คงไม่รังเกียจหากข้าจะซื้อต่อ?”
“แน่นอนครับ”
เธอจับมันพลิกไปมาอย่างครุ่นคิด
“สัก...
ห้าล้านเหรียญ?”
ราคาที่เอ่ยออกไปนั้นเป็นจำนวนที่มากพอจะซื้อบ้านในเขตฐานะปานกลางได้สักสิบหลังหรือมากกว่านั้น
นับว่าเป็นจำนวนเงินที่ถือว่าสูงมากทีเดียว
ซึ่งหากดูจากความงดงามและความละเอียดในการสร้างของมันแล้ว เกรงว่าอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำไป
“...หรือสิบล้าน?”
ลักซ์เอ่ยอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก อัญมณีทั้งหมดทั้งมวลบนด้ามมีดมีแต่ของชั้นดี มีรูปร่างที่สวยงาม ไร้รอยตำหนิ
บรรดาเงินแท้ที่ใช้ในการทำของชิ้นนี้ก็บริสุทธิ์ยิ่ง ศิลปะต่าง ๆ สลักลงไปอย่างประณีต ทำขึ้นด้วยศิลปะชั้นสูง ไม่มีรอยบิ่นหรือรอยขีดข่วนใด ๆ มาทำให้ผลงานชิ้นนี้ด่างพร้อยเลยสักนิด
เธอรู้ว่ามันเป็นจำนวนเงินที่มหาศาล
และบางทีอาจจะแพงกว่าราคาที่หล่อนกล่าวเสนออีกต่างหาก
ทว่ากิเลสที่อยากจะครอบครองมันก็มากเสียจนอดใจไม่อยู่
ใจหนึ่งก็เริ่มลังเลกับจำนวนเงิน
อีกใจก็อยากได้เหลือประมาณ
‘กิเลสเกิด ปัญหาเกิด...’
แว่วเสียงกลั้วหัวเราะทำเอาลักซ์เบ้หน้าหงิกเล็กน้อย
“หากเป็นเมื่อก่อน
ราคาของมีดนั่นก็อาจจะประมาณนั้น” เขาเปรย “ทว่าตอนนี้มันเป็นดังของลักลอบค้าอย่างผิดกฎหมาย
ข้าคงขายด้วยราคาเช่นนั้นไม่ได้”
เขาเลิกผ้าคลุมออกเล็กน้อย
ทำให้เห็นว่าใบหน้าดุดันอันมีรอยบาดที่แก้มขวากำลังหยักยิ้มน้อย ๆ ส่งให้เธอ
สุดท้ายลักซ์ก็ได้มีดนี้มาในราคาเพียงหนึ่งล้านเหรียญเท่านั้น
ในคราแรก
อัลปาคิดเพียงห้าแสน แต่ลักซ์คิดว่าเงินเพียงเท่านั้นดูจะเป็นการกดขี่อีกฝ่ายเกินไป
จึงมีการถกเถียงกันอยู่พักใหญ่ สุดท้ายแม่ทัพวัยกลางคนก็ยื่นคำขาดในราคาหนึ่งล้านเหรียญกลับมา
หากมิเช่นนั้นเขาจะไม่ยอมขายมันให้แก่เธอ
‘ข้ารู้สึกว่าเขาถูกชะตาเจ้านะ ลักซ์’
เจ้าของชื่อเลิกคิ้ว
ตายังไม่ได้ละออกจากร้านขายงานแกะสลักข้างทาง
‘คิดงั้นเหรอ?’
‘อื้ม!’
เด็กหญิงยิ้ม
ก่อนคืนการควบคุมแก่อาเรนเซีย
‘ก็อาจมีบ้าง ลูกคุณหนูคนไหนพูดจ้อได้เท่าฉันบ้างล่ะถามหน่อย ไม่มีหรอก เนี่ย เขาเรียกรุ่นลิมิเต็ด’
ลักซ์ว่าพลางส่งเสียงหัวเราะอย่างพอใจ
อาเรนเซียเองก็ยังอดจะขำไม่ได้
กลุ่มของเธอเดินไปทางใดก็มีแต่คนเหลียวมอง ด้วยทั้งองครักษ์ทั้งหกที่ต่างแผ่ไอกดดันบางอย่าง
เด็กสองคนในกลุ่มก็ต่างมีหน้าตาผิวพรรณโดดเด่น
เสื้อผ้าทุกคนล้วนตัดเย็บอย่างหรูหรายิ่ง
อีกทั้งพ่อหนุ่มในชุดพ่อบ้านก็มีใบหน้าหล่อเหลาดึงดูดผู้คน
ในมือประคองกล่องไม้ใส่บางอย่างเอาไว้ใบหนึ่งอยย่างทถนุถนอมยิ่งทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ขายพากันให้ความสนใจ
การได้พบเจอเศรษฐีในตลาดชาวบ้านไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่าย
ๆ ไม่แปลกเลยที่จะตกเป็นเป้าสายตา
ระหว่างที่กำลังเดินเลือกซื้อของกันอย่างเพลิดเพลิน
หางตาพลันเหลือบไปเห็นบางสิ่งเข้า คราแรกอาเรนเซียไม่ได้สนใจ แต่อีกคนกลับร้องขึ้น
‘นั่นคนรึเปล่า?’
คำทักแปลก
ๆ ทำให้จำต้องหันไปมองตามมือของภาพลวงตาที่ปรากฏขึ้นข้างกาย
มันเป็นกองผ้าเก่า
ๆ สีน้ำตาลซีดกองหนึ่ง ผู้คนต่างเดินเฉียดไปเฉียดมาอย่างไม่สนใจ จนมีคนหนึ่งเดินไปเหยียบเจ้ากองผ้านั่นเข้าเต็ม ๆ
คำตอบของคำถามเมื่อครู่จึงปรากฎขึ้นโดยพลัน
“เฮ้ย! มีคนด้วยเหรอเนี่ย!”
ชายแก่ท่าทางมึนเมาร้องลั่นเมื่อพบว่ากองผ้าที่เห็นว่านอนราบเหมือนไม่มีคนได้ทะลึ่งพรวดขึ้นมานั่งจ้องหน้าตนเขม็ง
อาเรนเซียมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ว่ามีสิ่งใดน่าสนใจ
‘อู้ว ดูหุ่นเขาสิ!’ ลักซ์เริ่มส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น ‘ขนาดดูเหมือนน่าจะอดอยากมานาน
แต่ก็ยังมีแววของกล้ามเนื้อและความแข็งแรงให้เห็น
สัญชาตญาณการตอบสนองก็เร็วยิ่ง!’
เธอเอาแต่จดจ้องร่างกายของอีกฝ่าย
ปากก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุด ใ ห้ความรู้สึกคล้ายกำลังฟังเสียงแหลม
ๆของพวกนกแก้วนกขุนทองไม่มีผิด
‘เอ๊ะ? เขาพกดาบด้วย เป็นอัศวินรับจ้างรึเปล่า?’
อาเรนเซียถูกท่าทีตื่นเต้นของอีกคนดึงความสนใจจนต้องมายืนจด
ๆ จ้อง ๆ ชายแปลกหน้าอย่างสำรวจตรวจตราเหมือนพวกลักค้าทาส(?)ไปกับเขาด้วย
‘จริงด้วย...’
ลักซ์หรี่ตามองพลางพึมพำ ยังคงไม่เลิกสำรวจตรวจตราคนที่อยู่ห่างออกไป
จู่
ๆ ร่างที่ลอยดังภูตพรายก็ยิ้ม แล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา
‘ฉันอยากได้เขา!’
ความคิดเห็น