คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่4 เหมือนกัน
บทที่4 เหมือนกัน
หญิงสาวกระโดดถอยหลัง มือข้างหนึ่งดีดนิ้วส่งคลื่นบางอย่างให้แผ่ขยายปกคลุมโดยรอบ ทำให้กรงเล็บที่ฟาดมาพลาดเป้าไป เธอยกขาถีบเข้าที่กลางท้องของมัน ทว่าขาทั้งข้างกลับทะลุท้องมันไปเสียเฉย ๆ แล้วร่างของมันก็สลายเป็นควันพุ่งผ่านร่างเธอไปแล้วก่อตัวขึ้นอีกคราที่ด้านหลัง สองแขนยื่นมาล็อคคอของหล่อนไว้
กร๊อบ!
เสียงกระดูกคอที่หักดังสนั่นไปทั้งโถงทางอันเงียบสงัด
ร่างของหญิงสาวกระตุกไปครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นจับศีรษะดำทะมึนของมันไว้ เพลิงสีดำพลันลุกไหม้
เสียงกรีดร้องแหลมดังสนั่นก่อนที่มันจะผละออกไปไกล อาเคร่าจึงใช้โอกาสนี้จับคอที่พับไปด้านหลังให้กลับเข้าที่ สองแขนแปรเปลี่ยนเป็นใบเคียวดังแขนตั๊กแตน
บนใบหน้าสีดำปรากฏช่องว่างโค้งสูงเป็นรอยยิ้มราวกับกำลังเยาะเย้ย มันมองมาทางหญิงสาวในชุดสาวใช้ราวเห็นเป็นเพียงอาหารจานหนึ่ง
“น่ากิน...อร่อย”
คำพูดที่ทั้งขาดห้วงและไม่ชัดเจนดังกระท่อนกระแท่นจากช่องว่างบนใบหน้านั้น อาเคร่ามองมันด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่
เงาดำกระโจนเข้าใส่ราวกับสัตว์ร้าย หญิงสาวโยกหลบพร้อมทั้งฟันมือเคียวใส่ร่างของมันโดยไม่ลังเล
มันเองเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายก็ดีดร่างถอยร่นไปทันใด จนเมื่อได้โอกาสแล้วจึงพุ่งเข้าใส่อีกครา ก่อนจะถูกหญิงสาววาดขาเตะจนกระเด็น
พลั่ก!
ร่างของมันลอยไปหลายเมตรตามแรงถีบอันมหาศาล แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เจ็บไม่ปวดเลยสักนิดเดียว
อีกทั้งเมื่อลุกขึ้นมาก็ยังส่งเสียงหัวเราะน่าเกลียดคล้ายล้อเลียนเธออีกด้วย
เงาร่างดำทะมึนขยับไหวราวกลุ่มพลันที่ล่องลอยไร้ตัวตน
อาเคร่าเพียงมองอย่างไม่ใส่ใจ สองขาเปลี่ยนรูปร่างไปดังขาของจิงโจ้
กระโดดใส่เงาดำเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมฟาดเคียวใส่อย่างรุนแรง
เคร้ง!
เสียงใบเคียวที่กระทบเข้ากับกลุ่มควันดำที่จับตัวเป็นดังโล่พลันสนั่นหวั่นไหวชวนบาดหู แต่น่าแเปลกที่กลับไม่มีใครสักคนในคฤหาสน์ที่ดูท่าจะโผล่มาที่นี่
ตูม!
ควันดำที่ก่อตัวเป็นโล่พลันระเบิดออก ส่งให้ร่างของหญิงสาวกระเด็นออกไปหลายเมตร ดีที่เธอพลิกตัวกลางอากาศได้อย่างทันท่วงที ฝีเท้ายามลงจึงเบาดุจขนนก
สองฝ่ายหยุดดูเชิงกันครู่หนึ่งก็พุ่งเข้าใส่กันอีกครา หญิงสาวเงื้อมือเคียวขึ้นสูง เงาดำเห็นดังนั้นก็รีบกางม่านกันด้านบน ไม่คาดว่าจังหวะนั้นช่วงท้องมันจะรู้สึกเจ็บแปลบ ร่างกายกระเด็นอย่างรุนแรงไปนับสิบเมตร ทิ้งรอยร้าวไว้เป็นทางยาว
อาเคร่าที่เพิ่งใช้ขาจิงโจ้ทั้งสองข้างถีบเข้าที่ท้องของมันสะบัดมือไปมา จากรูปร่างดั่งแขนตั๊กแตนก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นมือของคนดังเช่นปกติ
เงาดำไม่คาดคิดว่ามันจะถูกถีบอย่างแรงเช่นนี้ถึงกับตัวสั่นด้วยความทรมาน เมื่อลุกขึ้นมายืนได้อย่างมั่นคงสีหน้าก็พลันกลายเป็นเกรี้ยวกราดน่าขนลุก
“อ้าว โกรธแล้วเหรอ?”
เธอร้องถามเสียงเรียบ ดวงตานิ่งเฉยดุจลูกแก้ว
เปลวไฟสีดำก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าเผาร่างของเงาดำอย่างรวดเร็ว ทว่ามันกลับไม่สามารถทำอันใดมันได้ คิ้วเรียวงามจึงเลิกคิ้วน้อย ๆ อย่างประหลาดใจ
“วิญญาณที่เคยลงนรกแต่ไม่แพ้ไฟนรก?” เธอไหวไหล่
“ยุ่งยากขึ้นอีกอย่างแล้ว”
สะบัดมือเบา
ๆ ข้อนิ้วพลันงอกยาว ฝ่ามือใหญ่ขึ้นหลายเท่า เพียงคู่เดียวก็กลายสภาพเป็นมือของอสูรร้ายขนาดมหึมาไปแล้ว
สองฝ่ายต่างพุ่งเข้าใส่กันอีกครั้งด้วยความเร็วประดุจเงาวาบผ่าน หากกล่าวกันตามตรงแล้วนั้น อาเคร่านับว่าทั้งด้านชั้นเชิง ความสามารถและการตัดสินใจนั้นดีกว่าเงาดำนั่นมากนัก ทว่ามันก็ใช่ว่าจะอ่อนด้อย ไม่เพียงแต่จะอึดจนน่าโมโห แต่เจ้าสิ่งนี้ยังสามารถสร้างโล่และสลายร่างตัวเองได้ทุกเมื่อ
การจะจัดการให้เรียบร้อยจึงไม่นับว่าง่ายเลยเมื่อเทียบกับพวกก่อน ๆ
ที่เธอเคยจัดการ
คิดได้เช่นนั้นดวงตาก็พลันหลุบต่ำ ในใจครุ่นคิดกับตัวเองในขณะที่เท้ากับมือก็ทำงานไปด้วย
“สมแล้วที่เป็นงานใหญ่ แม้แต่เสี้ยวเล็ก ๆ
ก็ยังเหนือกว่าพวกอสูรปีศาจโดยทั่วไปมาก”
เสียงราบเรียบพึมพำคล้ายไม่ยีหระ
ในดวงตาไร้อารมณ์พลันมีวูบหนึ่งที่เป็นประกายดุจนักล่า “หากไม่เอาจริงสักหน่อยคงจับแกไม่ได้เป็นแน่ ใช่มั้ย?”
จบคำ ร่างของเธอพลันคล้ายมีบางอย่างระเบิดออกมาจนกรีดผ่านชั้นบรรยากาศให้สั่นระรัว บานกระจกสั่นและส่งเสียงกรีดร้องราวกับว่าจะพังทลายได้ทุกเมื่อ รอบกายหญิงสาวบังเกิดสายลมหมุนวนเบา ๆ ส่งผลให้ชายชุดและเรือนผมปลิวไสวน้อย ๆ
แม้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มันกลับมีท่าทีหวาดกลัวจนสังเกตุได้
เงาดำพลันผงะถอยหลังทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย
ทำทีจะสลายร่างเป็นควันหนีไป
ทว่าแน่นอนว่าอาเคร่าไม่มีทางปล่อยเหยื่อที่เข้ามาถึงปากแล้วให้หลุดรอดจากไป
เหนือฝ่ามือเรียวงามคือกลุ่มพลังสีดำประกายม่วงที่ค่อย ๆ
ก่อตัวรวมกันเป็นกลุ่มก้อน
อาเคร่าลอบส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ตวัดนิ้วเบา ๆ บอลเวทขนาดเท่าฝ่ามือก็พุ่งไปทางเงาดำอย่างรวดเร็วราวหมาล่าเนื้อพุ่งเข้าขย้ำเหยื่อ
อาเคร่าตั้งแต่ตายก็ใช้เวทมนตร์น้อยครั้งลงมาก
ยิ่งพบว่าพลังในการเปลี่ยนแปลงร่างกายนั้นตนเองใช้ได้เข้ามือมากก็ยิ่งใช้เวทน้อยลงจนเอามาใช้แต่เพียงเรื่องจิปาถะ ด้วยรู้สึกว่าในแต่ละโลกนั้นผู้คนค่อนข้างอ่อนแอเกินไป
พลังเวทของเธออาจทำให้อะไรต่อมิอะไรพังเสียหายเกินความจำเป็นได้
ดวงตาดุจอัญมณีมองดูพลังเวทที่เพียงครู่เดียวก็พุ่งถึงมวลควันสีดำ ลูกบอกขนาดเท่ากำปั้นเมื่อเข้าถึงตัวเหยื่อก็แผ่ขยายใหญ่ยักษ์ดั่งอ้าปากงับ เพียงชั่วหริบตาก็กลืนกินเงาดำทั้งหมดสิ้น
บอลเวทยักษ์สั่นไหวพร้อมกับเสียงโหยหวนอย่างทรมานที่ดังลอดออกมา อาเคร่าก้าวเท้าฉับเข้าไปมา สะบัดมือคว้ากรงนกมาจากอากาศอันว่างเปล่า ยื่นมันไปทางบอลเวท ปะตูกรงพลันเปิดออก พลังเวทสีม่วงดำเห็นดังนั้นก็สลายตัว ควันดำที่ถูกปล่อยออกมาจึงถูกดูดเข้าไปในกรง
กลับกลายเป็นเพียงนกน้อยที่ล้อมรอบด้วยเปลวไฟสีดำสนิทตัวหนึ่ง
หญิงสาวดีดนิ้วอีกครา
คลื่นพลังที่เคยปกคลุมทั้งโถงทางเดินพลันส่งเสียงแตกเบา ๆ ดุจแก้ว ละอองแสงที่อ่อนจางจนแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเกิดขึ้นในอากาศชั่วแวบหนึ่งก่อนหายไป
เธอพลิกมองนกในกรงอย่างพิจารณา ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจอยู่เล็กน้อย
ไฟนรกสีดำนับว่าเป็นพลังที่ไว้ใช้จัดการกับวิญญาณได้ดีที่สุด
แต่นั่นก็ต่อเมื่อผู้ที่ถูกไฟนรกแผดเผาไม่ได้มีความเข้ากันได้หรือถูกยอมรับก็เท่านั้น
เจ้านกน้อยตัวนี้เป็นเหมือนเธอ มันไม่ได้เป็น ‘บุคลากร’ ในนรกก็จริง
แต่มันกลับมีความเข้ากันได้กับไฟนรก
ทำให้เปลวไฟที่แสนจะร้ายกาจไม่มีผลอันใดกับมันแม้แต่นิดเดียว
เธอจิ้มนิ้วจนกรงสั่นไหว ดวงตาสีแดงคู่นั้นจ้องเธอเขม็ง หญิงสาวเองก็มองตอบอย่างเฉยชา ปากพึมพำอย่างชื่นชมอยู่เล็ก ๆ
“แม้จะเป็นเสี้ยวเล็ก
ๆ ก็ยังมีความสามารถขนาดนี้
ไม่รู้ว่าหากแกรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวแล้วจะร้ายกาจเพียงใด”
นกในกรงได้ยินเช่นนั้นศีรษะก็สั่นไปมา ก่อนที่ปากเล็ก ๆ ของมันจะขยับขึ้นลง
“เจ้า...ไม่เหมือนกับพวกมัน”
อาเคร่าฟังเสียงแหบพร่าขาดห้วงของมันอย่างออกจะประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เธออาจเพิ่งทำงานในนรกได้เพียงปีกว่า
แต่ก็เคยจัดการวิญญาณมาแล้วนับพันนับหมื่นดวง
ทว่านี่กลับเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่านกในกรงนี่สามารถสนทนาตอบโต้เธอได้
ดวงตาสีแดงของมันเป็นประกายแวววาว ก่อนที่ปีกจะยกขึ้นตีกระพืออย่างบ้าคลั่ง
“แกเหมือนกับข้า! แข็งแกร่งเช่นข้า!”
เธอจับกรงนกที่สั่นอย่างรุนแรวไว้มั่น ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
“แล้วยังไงไม่ทราบ?”
มันจ้องมองเธอ ทว่ากลับไม่ยอมตอบ เอาแต่กระพือปีกดังพึ่บพั่บไม่หยุด
อาเคร่าเห็นเช่นนั้นก็ไม่คิดจะคาดคั้น
เพียงโยนกรงนกเข้าในช่องว่างสีดำอย่างไม่ใส่ใจ สองเท้าก้าวฉับมุ่งไปทางประตูคฤหาสน์
เพียงชั่วพริบตาร่างขาวซีดภายใต้ชุดสาวใช้สีดำก็ก้าวหายออกนอกคฤหาสน์ไปแล้ว
เซบาสเตียนมองลงมาจากหน้าต่างทางเดินชั้นบน เขาอาจไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เมื่อสักครู่แต่ที่อีกฝ่ายก้าวเดินอย่างรีบร้อนออกจากคฤหาสน์นั้นล้วนอยู่ในสายตาเขาตลอด จึงหมุนตัวเดินไปทางห้องทำงานของชิเอล
แฟนธอมไฮฟ์แล้วรายงานสิ่งที่เห็นไปตามตรง
“อาเคร่าออกจากคฤหาสน์ไปอีกแล้วขอรับ”
มือที่กำลังจับปากกาอยู่พลันชะงัก ชิเอลเงยใบหน้าขึ้นจากเอกสารแวบหนึ่งก่อนจะกล่าว
“มีอะไรน่าสงสัยรึเปล่า?”
“นอกจากท่าทีที่เหมือนว่าจะรีบร้อนอยู่สักหน่อยก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกตินะขอรับ”
ดวงตาค่อนไปทางกลมโตหรี่ลงเล็กน้อย โบกมือเบา ๆ
“คอยจับตาดูอยู่ห่าง
ๆ หากหล่อนไม่ได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราก็ปล่อยเธอทำตามใจไปก่อน”
ชายหนุ่มได้ยินคำสั่งแล้วก็โค้งตัวอย่างช้า
ๆ รับคำด้วยรอยยิ้ม
“Yes, My lord”
หลังจากใช้เวทมนตร์แจ้งเรื่องให้ชายหนุ่มทั้งสองคนทราบ ทั้งเธอ
อัลและแดริลก็ต่างมารวมตัวกันอยู่ที่บาร์ต่างมิติกันอย่างพร้อมหน้า
อาเคร่าหยิบเอากรงนกออกมาจากช่องว่าง วางลงบนเคาท์เตอร์บาร์ต่อหน้าชายหนุ่มทั้งสอง
อัลเห็นนกสีดำในกรงดวงตาก็ให้เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
แม้แต่แดริลที่นับว่ามีอายุยืนยาวที่สุดในกลุ่มยังอดจะตกใจไม่ได้
“ไม่คิดว่าได้รับเข็มกลัดไม่นานก็จะล่อมันออกมาได้แล้ว”
แดริลพึมพำอย่างติดจะเหลือเชื่อ
“อย่างที่คิด เธอมันเหยื่อล่อชั้นดีสุด ๆ เลย” อัลกล่าวต่อ
ละสายตาจากนกในกรงแล้วมากวาดมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่เลว ๆ”
อาเคร่าได้ยินแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เพียงไหวไหล่เบา ๆ
เหมือนไม่เห็นคำพูดติดจะเหน็บแนมของแวมไพร์หนุ่มอยู่ในสายตา
แดริลเมื่อหายตะลึงก็หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวที่ยังคงมีสีหน้าตายด้านตามประสาคนไร้ความรู้สึก ในดวงตาเจือประกายชื่นชมอยู่ลาง ๆ
“ทำได้ดีมาก”
เขามองไปทางนกที่ยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ในกรง ทอดถอนใจอย่างไร้เสียง “การมี ‘บุคลากรพิเศษ’ แบบเธอเอาไว้สักคนสองนับว่าเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งจริง
ๆ
ไม่เช่นนั้นเจ้านี่ต่อให้ส่งเจ้าพนักงานระดับสูงของนรกมาก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย
ๆ”
อาเคร่าเพียงโคลงศีรษะเบา
ๆ
ตายังคงเอาแต่จ้องมองไปทางนกดำในกรง
มือข้างหนึ่งลูบไล้เข็มกลัดบนอกเสื้อด้วยท่าทีครุ่นคิด
ความคิดเห็น