คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่2 เที่ยวตลาด [2]
บทที่2 เที่ยวตลาด [2]
“เชิญครับ”
แลนช์เปิดประตูรถม้าแล้วก้าวนำออกมาเป็นคนแรก ผายมือเชื้อเชิญอย่างสุภาพ พยุงคนทั้งคู่ให้ลงมาอย่างเบามือ
สองพี่น้องพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ
‘ฉันหวังว่าที่นี่จะมีของอะไรที่น่าสนใจสำหรับฉันนะ’
น้ำเสียงเนือย
ๆ ของลักซ์กล่าวเบา ๆ พลันด้านหน้าของอาเรนเซียก็ปรากฏเป็นร่างของเด็กผู้หนึ่งในชุดสีขาวเก่าซอมซ่อลอยฉวัดเฉวียนไปมาเหมือนภูตพราย
ใบหน้าน่ารักหันมามองทางอาเรนเซีย
ก่อนหยักยิ้ม
‘ยังไงก็ฝากเดินทั่ว ๆ ด้วยล่ะ’
‘อื้ม’
พวกองครักษ์ที่ขี่ม้าตามมาค่อย ๆ ผูกม้าไว้แล้วเดินมาใกล้ ๆ เด็กทั้งสาม...หมายถึง...สองร่างแต่สามคน
การมาเยือนของ
‘พวกมีอันจะกิน’ ทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ขายหันมามองอย่างสนใจ
มีหลายคนที่เริ่มส่งเสียงชี้ชวนต้นเงินต้นทองกลุ่มนั้นให้หันมาสนใจร้านของตน
อาเรนเซียเพียงเดินมองด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แต่หากสิ่งใดไม่ได้อยู่ในความสนใจก็ไม่ได้คิดจะหยิบจ่ายให้สิ้นเปลือง
ทั้งที่หากจะซื้อทุกอย่างในตลาดนี้กลับไปก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเลยแม้แต่นิด
ไม่ชอบพอ
เอากลับไปก็เป็นได้แค่ของไร้ประโยชน์เท่านั้น
‘โอ้ มีดนั่นสวยดีแฮะ’
ร่างที่ลอยอยู่เคียงข้างร้องขึ้น
แล้วชี้มือไปยังร้านแผงลอยร้านหนึ่งด้านหน้าขวามือตรงตำแหน่งหางตาของอาเรนเซียพอดี
แม้จะเห็นว่าลักซ์กำลังลอยไปลอยมาอย่างอิสระ
ยามสนทนากับเธอก็ยังสบตาพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ
แต่อย่างไรภาพลวงตาที่สร้างขึ้นก็ยังคงเป็นภาพลวงตา ลักซ์ยังคงอยู่ในร่างกายของอาเรนเซีย
หากจะมองออกมายังโลกภายนอกก็ต้องมองผ่านสายตาของคนที่อยู่หน้าแสงเท่านั้น
นั่นหมายความว่าลักซ์เห็นเพียงมีดที่ว่าลิบ
ๆ อยู่ตรงหางตาของอาเรนเซียเท่านั้น
แต่เธอก็ยังบอกได้ว่ามันสวยและนึกสนใจในมันทันที
อาเรนเซียหันไปมองตามมือที่ชี้ของลักซ์อย่างอยากรู้อยากเห็น
มันเป็นร้านเล็ก
ๆ ที่ทำการตั้งโต๊ะและขึงผ้าอย่างง่าย ๆ ทว่าข้าวของที่เอาออกมาเรียงขายนั้น
อาเรนเซียเองยังอดจะตาโตไม่ได้
ของทุกชิ้นในร้านนั้น มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีราคาขนาดไหน
ในระยะเกือบสิบเมตรนี้
อาเรนเซียไม่สามารถมองเห็นเจ้าสิ่งที่ลักซ์สนใจได้
จึงต้องเร่งก้าวเท้าเข้าไปใกล้ มองตามนิ้วของเด็กหญิงอีกคนไป
อาเรนเซียเดินไปจับมันขึ้นมาพลิกดู
“งามนัก
ดูเผิน ๆ ข้าคงไม่นึกว่ามันจะเป็นอาวุธ”
เบิร์นที่เดินตามมาเงียบ
ๆ ยังอดเอ่ยปากชมไม่ได้ยามจ้องมองมีดสั้นในมือพี่สาว
มันมีรูปร่างที่เรียบง่าย
ใบมีดเป็นทรงแหลมสามเหลี่ยม ความยาวรวมสักฟุตหนึ่งได้ ทั้งอันทำมาจากเงินแท้
แต่งประดับด้วยอัญมณีน้ำงามนับไม่ถ้วน สะท้อนแสงงดงามเสียจนแทบไม่อยากละสายตา
‘เจ้านี่เป็นของแท้หมดเลย ของดีซะด้วย’
ลักซ์ที่ลอยเข้าไปใกล้กล่าวพึมพำ
หัวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ
‘แปลก เจ้านี่ยังไงก็ต้องแพงมาก มาขายอยู่ในตลาดชาวบ้านแบบนี้มัน...’
อาเรนเซียเข้าใจในสิ่งที่ลักซ์จะพูดดี เธอมองไปยังของบนแผงลอย อดจะขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้
ด้วยเพราะในโลกนี้เป็นยุคสังคมศักดินา
การแบ่งเรื่องของชนชั้นให้ชัดเจนจึงนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก
นั่นทำให้แม้แต่ตลาดก็ยังแบ่งออกเป็นสำหรับชาวบ้านและชนชั้นสูง
ชาวบ้านตั้งแต่ฐานะปานกลางลงไปถูกสั่งห้ามไม่ให้ย่างกรายเข้าเขตตลาดของชนชั้นสูงโดยเด็ดขาด
แต่บรรดาพ่อค้าร่ำรวยหรือขุนนางมีเงินนั้นกลับสามารถจะไปที่ไหนก็ได้ตามต้องการ ยุติธรรมซะจริง
สองเด็กน้อยจ้องมองของบนแงลอยตรงหน้าเขม็ง ทุกชิ้นเป็นของมีราคาทั้งสิ้น
แม้แต่ชิ้นที่ดูแย่และเล็กที่สุดก็ยังดูมีราคาในระดับที่พ่อบ้านรวย ๆ
ยังไม่แน่ว่าจะซื้อไหว
ทว่าเขาดันเอาของพวกนี้มาตั้งขายในตลาดของพวกชาวบ้านเนี่ยนะ? อยากขายไม่ออกมากนักหรืออย่างไร
‘กวางน้อย ขอไปหน้าแสงหน่อยสิ’
เด็กหญิงชะงักเล็กน้อย
ก่อนพยักหน้าอนุญาตแล้วลี้ตัวเองออกจากหน้าแสงเพื่อให้ใครอีกคนเข้ามาแทนที่
เงาร่างที่ราวกับวิญญาณของลักซ์พลันเลือนหายไป
เบิร์นมองดูความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของพี่สาวแวบหนึ่งก็ทราบทันทีว่าในตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่พี่สาวผู้อ่อนโยนแต่เป็นยัยปีศาจอีกคนหนึ่งแทน
ลักซ์จับมีดในมือพลิกไปมา
เมื่อนำมันมาส่องกับแสงจึงเห็นว่าบนใบดาบเต็มไปด้วยลวดลายสลักอันอ่อนช้อยของตัวอักษรและภาพที่ใช้เพื่อเล่าเรื่องบางอย่าง
ตัวภาษาดูอย่างไรก็ไม่ใกล้เคียงกับของทวีปแถบตะวันตกเช่นที่นี่
แต่มีความใกล้เคียงกับแถบตะวันออกมากกว่า
ทว่าเธอไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของทวีปใด หรือของประเทศใดกันแน่
ความรู้สึกถูกมองทำให้ลักซ์เงยหน้าขึ้น
จดจ้องร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ของเจ้าของร้านค้าแผงลอยแห่งนี้ด้วยสีหน้าไม่มีขยับไหว
เขามีโครงร่างที่หนามาก
ตัวเองก็สูงชะลูด สวมผ้าคลุมสีตุ่นเสียมิดชิด ทำให้เขาดูน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้มนุษย์ตายด้านอย่างลักซ์รู้สึกอันใดได้
‘อ๊ะ บานพับอันนั้นสวยจัง ดูกันเถอะ’
เด็กหญิงวางมีดลง
เดินไปดูบานพับอันหนึ่งที่ตั้งอยู่อีกฝั่งแทนตามคำชวนของเจ้าของร่างที่ไม่ได้อยู่หน้าแสงในตอนนี้
ไม้สีน้ำตาลทองถูกฉลุอย่างประณีตเป็นรูปของเหตุการณ์ต่าง
ๆ แปดเหตุการณ์ตามจำนวนบานพับ งานภาพที่เน้นความอ่อนช้อยเป็นเกรียวสวยมากกว่าความสมจริงเป็นศิลปะที่แปลกหูแปลกตาสำหรับชาวประเทศเอนลูกาสอย่างพวกเธอมาก
‘โอ้ นี่มันเรื่องราวเกี่ยวกับพระเมตตาของเทพปีนันทั้งแปดมิใช่รึ?’
“พระเมตตาของเทพปีนันทั้งแปดนี่...”
สองเสียงของ
‘เด็กเรียน’ ผสานขึ้น ลักซ์ถึงกับหน้าเบ้
“ช่างมันเถอะ
ข้าไม่อยากไม่สบายตอนนี้...”
ลักซ์ร้องครวญขึ้นเสียงอ่อนก่อนที่จะมีใครได้
‘ร่ายคำสาป’ ใส่เธอ ดรุณีน้อยวิ่งต๊อก ๆ ไปยังอีกมุมของร้านที่เรียงรายไปด้วยอาวุธสวย
ๆ หลายสิบชิ้นเพื่อหลีกหนีคู่กัดอย่างเบิร์น
“สวย...”
เด็กหญิงพึมพำออกมาอย่างเป็นสุข
หยิบจับอาวุธทุกชิ้นขึ้นดูอย่างละเอียด
จนแม้แต่พ่อค้าลึกลับที่ยืนเป็นหุ่นปั้นมาตลอดยังอดจะเอ่ยปากขึ้นไม่ได้
“คุณหนูชมชอบอาวุธหรือครับ?”
น้ำเสียงที่กล่าวออกมานั้นทุ้มลึกหนักแน่นราวแฝงไว้ซึ่งพลังบางอย่าง
สำเนียงค่อนข้างแข็งกระด้างคล้ายไม่ได้พูดภาษาเกิด
ลักซ์เงยหน้ามองสำรวจอีกฝ่าย
กะพริบตาปริบแล้วพยักหน้าหงึกหงัก
“แน่นอน
ข้าชอบมาก!”
“ยัยจอมมารเอ๊ย...”
แว่วเสียงนินทาของคู่กัดลอยมาตามลม
ลักซ์ทำเป็นไม่ได้ยิน เงยหน้าส่งยิ้มแฉ่งให้แก่ร่างใหญ่โตของพ่อค้าลึกลับพร้อมทำตาปริบ
ๆ
“อาวุธเหล่านี้ดูมีราคายิ่ง
มิน่าจะใช่ของของสามัญชนได้นะ ท่านว่ามั้ย?”
พ่อค้าตัวโตจ้องมองเด็กหญิงที่อายุไม่น่าเกิน
12 ปีนิ่ง ก่อนกล่าวขึ้นเสียงเรียบ
“ท่านต้องการจะพูดอะไรเช่นนั้นหรือ
คุณหนู?”
เบิร์นแทบจะสำลักลมหายใจตายอยู่ตรงนั้น
เขาถลึงตามองจอมหาเรื่องเขม็ง พยายามส่งกระแสจิต(?)ให้อีกฝ่ายหยุดเล่นอย่างสุดความสามารถ
ลักซ์ทำทีเป็นมองไม่เห็น
ยังคงยิ้มหน้าเป็นใส่พ่อค้าร่างโตต่อไป
“ข้าแค่สงสัยว่าท่านอาจไม่ใช่แค่พ่อค้าสามัญชนคนธรรมดาน่ะซี่”
ความคิดเห็น