คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 เหยื่อล่อคุณภาพดีเกินไป
บทที่2 เหยื่อล่อคุณภาพดีเกินไป
ร่างเพรียวระหงหยุดมองเงาดำขนาดใหญ่ที่กำลังอาละวาดทำลายคฤหาสน์อยู่ด้วยสีหน้าตายสนิท
ดวงตาไม่แม้แต่จะสะท้อนความประหลาดใจหรืออะไรก็ตามแต่ออกมา
เธอถอนหายใจ ไหวไหล่น้อย ๆ เหมือนต้องการบอกว่าน่าเบื่อยิ่งนัก
“ดูเหมือนว่ามิตินี้จะได้รับความนิยมมาก
ๆ เลยนะเนี่ย”
เธอพึมพำ
ลอบนับจำนวนพวกที่ตนได้จัดการไปก่อนหน้านี้อยู่ในใจ พบว่าเกินครึ่งพันมาไกลโขแล้ว มาอีกสักระลอกก็คงแตะหนึ่งพันได้ไม่ยาก
สะบัดมือเบา ๆ แขนขวาตั้งแต่ข้อศอกพลันเปลี่ยนเป็นใบมีดขนาดใหญ่
อาเคร่าโคลงศีรษะ พึมพำเสียงหน่าย
“งานหลักไม่เดิน งานเสริมมาเป็นพรวน” ดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย มองไปทางเจ้าตัวโตอย่างไร้อารมณ์ “อารมณ์ตอนนี้ควรจะเป็น...เบื่อรึเปล่านะ?”
เธอพึมพำกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจนัก
โฮก!
มันส่งเสียงคำรามก้อง
พุ่งเข้าใส่ร่างเล็กจ้อยในสายตาของมันอย่างดุร้าย หญิงสาวไม่ได้ขยับไปไหน ยังคงยืนมองมันอย่างเรียบเฉย
ระยะห่างเหลือเพียงไม่มาก ราวหนึ่งเมตร
ในที่สุดอาเคร่าก็เริ่มขยับกาย
ฉัวะ!
เงาดำหยุดชะงักลงเมื่อปลายแหลมของเล็บมันห่างจากใบหน้าอีกฝ่ายเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แขนข้างที่เป็นใบมีดของอาเคร่ายืดยาว แทงทะลุกลางร่างของเงาดำ ก่อนจะตวัดแขนตัดร่างของมันออกเป็นสองซีก เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดพลันดังก้อง
“แฮ่ก...แฮ่ก”
มันหอบหายใจ ทั้งร่างสั่นเทาทั้งด้วยเพราะเจ็บปวดและด้วยอารามสับสน ตรงจุดที่เป็นดวงตาของมันเบิกกว้างสะท้อนอารมณ์มากมาย
อาเคร่ายกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่จืดชืดไร้อารมณ์เพราะเธอไม่อาจแต่งเสริมเติม
‘อารมณ์’ ลงไปได้
ใบหน้าติดยิ้มนั้นจึงดูน่ากลัวยิ่งในสายตาของเงาดำ
เธอสะบัดแขนใบมีดให้กลับมาเป็นปกติ ร่างของมันกระตุกเล็กน้อยก่อนจะทรุดลงอยู่บนพื้น แม้จะถูกฝ่าเป็นสองซีกแต่กลับคล้ายไม่ได้ขาดออกจากกัน มันทรุดตัวลง
ร่างกายค่อย ๆ สลายเป็นควันทีละน้อย
บ่งบอกว่าการโจมตีเมื่อสักครู่ทำให้มันบาดเจ็บอย่างรุนแรง
“ได้...ได้อย่างไร? ทำไมเจ้าถึง...?”
“ทำร้ายเจ้าได้น่ะหรือ?” เธอถามพร้อมกับเลิกคิ้วน้อย ๆ รวบนิ้วทั้งสี่เหลือเพียงนิ้วชี้ ดวงไฟสีดำพลันถูกจุดขึ้นบนปลายนิ้ว “เพราะนี่ไง”
ดวงตาของมันเบิกกว้าง ท่าทีดูไม่อยากจะเชื่อ
“ผีดิบอย่างเจ้าเนี่ยนะ? ข้อผิดพลาดของการเวียนว่ายตายเกิดอย่างเจ้าน่ะหรือ? น่าขัน!
มีแต่พอพวกนั้นรู้แล้วจะตามมาไล่กำจัดเจ้าน่ะสิไม่ว่า”
อาเคร่าเพียงไหวไหล่
แม้จะถูกดูแคลนแต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด
“ก็แล้วแต่จะคิดเถอะ”
เธอกล่าวอย่างไม่แยแส ไฟสีดำในมือขยายใหญ่ขึ้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ไหวตัวหลบหนี เพลิงนรกก็พุ่งเข้าเผาผลาญร่างของมันจนวอด เสียงโหยหวนดังไปทั่ว
เมื่อเพลิงนรกดับลง ที่ตรงนั้นก็เหลือเพียงดวงไฟสีฟ้าซีดดวงเท่ากำปั้นเพียงเท่านั้น อาเคร่าวาดมือไปบนอากาศ ช่องว่างสีดำปรากฏขึ้น เธอเอื้อมมือเข้าไปหยิบกรงนกสีทองออกมาอันหนึ่ง เขย่ากรงเบา ๆ ให้กรงนกเปิดออก ลูกไฟพลันถูกดูดเข้าไปกลับกลายเป็นนกตัวหนึ่ง
ปิดประตูกรง ยกขึ้นเพ่งมองในระดับสายตา
เธอใช้นิ้วจิ้มจนกรงสั่นไหว นกด้านในกลับยังคงยืนนิ่ง ดวงตาจ้องเขม็งกลับมา
ความหวาดกลัวสะท้อนชัดอยู่ในดวงตาเล็กจิ๋วของมัน
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบา
ๆ ระหว่างที่จ้องมันอยู่
“เมื่องานหลักฉันจะโผล่มาบ้างล่ะเนี่ย?”
ว่าพลางเงยหน้ามองตัวคฤหาสน์ที่พังเสียหาย เธอดีดนิ้ว
สภาพที่เคยพังเสียหายกลับมาเป็นปกติในพริบตาราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
เธอยังคงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับถือกรงนกเอาไว้ในมือ
ดวงตาหลุบลงเล็กน้อยเหมือนว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ
ยกมือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาดู ก่อนจะยื่นนิ้วชี้เข้าปาก กัดอย่างแรงจนโลหิตไหลทะลักเปรอะเปื้อนริมฝีปากและปลายคางจนแดงฉาน
ไม่มีกลิ่นเหม็นคาวของโลหิตหรือรสชาติที่ราวกับเหล็ก กลับกลายเป็นว่าบริเวณโดยรอบนี้นั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอันหอมหวานน่าหลงใหล รสชาติของโลหิตที่แตะถูกลิ้นนั้นหวานล้ำ อร่อยยิ่งกว่าอาหารใด ๆ ที่เคยพบเจอมา
มากเสียจนหากมีใครได้ลิ้มรสก็คงลุ่มหลงในมันจนบ้าคลั่งไป
อาเคร่าเลียแผลเล็กน้อย โลหิตพลันหยุดไหล รอยกัดอันเหวอหวะสมานเข้าหากันเหมือนไม่เคยมีบาดแผลใด
ๆ เกิดขึ้นมาก่อน
นกในกรงที่เคยสงบนิ่งเริ่มกระพือปีกพุ่งใส่กรงอย่างบ้าคลั่ง เธอมองมันอย่างเรียบเฉย เขย่ากรงเบา ๆ เพื่อให้เจ้านกตัวนั้นสงบลง
กรรร!
เสียงคำรามแปลก ๆ
ดังมาจากที่ไกล ๆ หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อย
สัมผัสได้ถึงปีศาจจำนวนมากที่กำลังพุ่งตรงมาทางนี้
เธอถอนหายใจเบา ๆ
“...ทำงานไปด้วยเป็นเหยื่อล่อไปด้วยนี่ก็ลำบากเหมือนกันแฮะ”
โยนกรงนกเข้าไปในรอยแยกสีดำ
ยืนประสานมือไว้ที่หน้าท้องอย่างสงบนิ่งรอการมาเยือนของเหล่าปีศาจอีกระลอกด้วยท่าทีใจเย็น
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะนายน้อย”
หญิงสาวเอ่ยรายงานทันทีที่ก้าวมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของชิเอล สะบัดมือไปมาจนมีนาฬิกาพกเรือนหนึ่งปรากฏขึ้น “สี่นาทีห้าสิบสองวินาที ไม่เกินสิบนาทีแน่นอนค่ะ”
ชิเอลมองใบหน้าตายด้านนั้นด้วยหางตา หัวคิ้วกระตุกอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่ได้สนใจว่าทำไมสาวเจ้านี่ถึงพกนาฬิกาอันเป็นเครื่องประดับที่นิยมกันในหมู่บุรุษ แต่กลับสงสัยว่าเจ้าหล่อนเสกมันขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้อย่างไรเสียมากกว่า
เด็กชายส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างปลงตก
ขนาดคฤหาสน์ทั้งหลังหล่อนยังเสกขึ้นมาได้ กะอีแค่นาฬิกาเรือนเดียวมันจะไปยากอะไร
ชิเอลรู้สึกคร้านจะมองหน้ามึน
ๆ ของหล่อนต่อจึงโบกมือไล่
หญิงสาวก้มหัวรับคำ
ก้าวเดินจากไปโดยไร้ซึ่งเสียงฝีเท้า
เขามองตาม อดรำพึงขึ้นไม่ได้
“...หรือว่าจะเป็นผี?”
คำพึมพำนั่นไม่อาจลอยมาเข้าหูเจ้าตัวได้
เพราะเมื่อทันทีที่ได้ก้าวออกมาจากห้องของผู้เป็นนาย
หญิงสาวก็ได้ทำการกระโดดออกจากหน้าต่างชั้นสองลงไปยังพื้นเบื้องล่างแล้วนั่นเอง
สองมือจับกระโปรงไว้ไม่ให้ถูกลมพัดจนเปิด ร่อนลงสู่พื้นได้อย่างงดงาม
หญิงสาวกวาดดวงตาสีอเมทิสต์มองโดยรอบ สายลมพัดพาให้ใบไม้ขยับ แม้ไม่เห็นใครสักคน แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าแถวนี้มีคนอื่นนอกจากเธอ
หมับ
เอวขอเธอถูกคว้าเอาไว้พร้อมกับลมที่ถูกเป่าเข้าที่หลังหู อาเคร่ายังคงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เธอหมุนตัวกลับไปมอง ดวงตาต่างสีพลันสบประสานกันนิ่งงัน
คนที่กำลังกอดเอวเธอไว้จนร่างกายแนบชิดกันนั้นเป็นบุรุษที่มีร่างกายสูงใหญ่คนหนึ่ง ผิวขาวซีด
เส้นผมสีดำดุจหมึกปลอยยาวสยายจนถึงเอว
ใบหน้าคมคายหล่อเหลาอย่างยิ่ง
เพียงแต่ดวงตาค่อนข้างจะพิกลเล็กน้อย
เมื่อตาขาวของเขาดันเป็นสีดำสนิท
แม้แต่นัยน์ตาสีเขียวเองก็เป็นประกายอย่างผิดธรรมชาติ เขี้ยวในปากยาวแหลม
หญิงสาวกะพริบตาปริบ
“ไง”
เธอทักเขาเสียงเนือย
อีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย
แยกเขี้ยวใส่ใบหน้าตายด้านของหญิงสาวอย่างหงุดหงิด เลื่อนมือไปจับหน้ากากกันแก๊สสีดำที่คล้องอยู่รอบคอมาสวมกลับเข้าไปดังเดิม
“เธอไม่รู้จักคำว่าตกใจเลยรึไง?”
อาเคร่าปรายตามองคนถาม
สีหน้าเหมือนต้องการจะถามว่า ‘โง่รึเปล่า?’
“นายจะให้ฉันเอาอารมณ์ที่ไหนไปตกใจไม่ทราบ?”
เขาเลิกคิ้ว ดวงตาหรี่โค้งอย่างน่าโมโห ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้จนหน้ากากกันแก๊สที่สวมอยู่แตะถูกข้างแก้มของเธอเบา
ๆ
“นั่นสิ อารมณ์เธอโดนริบไปหมดแล้วนี่นะ”
ทั้งคู่มองหน้ากันราวต้องการจะเล่นสงครามประสาท
แม้ฝ่ายหนึ่งจะมีสีหน้านิ่งเพียงใดก็ไม่อาจปิดบังไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างได้
“อยากตาย?”
“ม่ายอ่ะ”
เขาตอบอย่างมั่นใจ อาเคร่าจึงเสหน้าไปอีกทาง แสดงชัดว่าไม่อยากสนทนาต่อ
“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า”
อัลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาลงไปอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มล้วงหยิบบางอย่างแล้วโยนใส่คนตรงหน้าโดยไม่มีสัญญาณใด ๆ
เตือนล่วงหน้า อาเคร่าจึงยกมือขึ้นรับเอาไว้ตามสัญชาตญาณ
พบว่ามันคือเข็มกลัดที่ทำจากอัญมณีสีม่วงล้อมกรอบด้วยเงินดูสวยงามเรียบง่ายอันหนึ่ง
“เบื้องบนเห็นว่าตั้งแต่มาถึงที่นี่พวกที่ไม่เกี่ยวข้องก็วิ่งแจ้นมาให้เธอตบกลับนรกเกินพันตัวแล้ว
เบื้องบนเกรงว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปงานอาจไม่เดินเลยบอกให้ฉันเอาสิ่งนี้มาให้”
อาเคร่าเลิกคิ้วสูง เอ่ยถามออกไปเสียงราบเรียบ
“ก็เข้าใจนะว่าอยากให้พวกที่ไม่เกี่ยวข้องเลิกมายุ่งกับฉัน แต่...เข็มกลัดสะกดวิญญาณ? แบบนี้ ‘กลิ่น’ จะเหลือเหรอ?”
“เบื้องบนเขาพิจารณามาดีแล้วน่า อีกอย่าง
หากยังปล่อยให้ยัยเหยื่อล่อที่ทำหน้าที่ดีเกินควรอย่างเธอเดินไปไหนมาไหนโดยไม่สวมเข็มกลัด นรกคงต้องพากันทำโอทีกันแบบ 24 ชั่วโมงแน่
แค่ปีศาจหลงมิติพันกว่าตัวที่เธอส่งลงไปกับเจ้าวิญญาณหลบหนีอีกสาม-สี่ร้อยตัวนั่นก็ทำเอาหัวหมุนกันมากพอแล้ว”
อาเคร่ารับฟัง พยักหน้าเบา ๆ
“อาฮะ”
อัลกลอกตา รู้สึกอยากต่อยหน้าคนตรงหน้าขึ้นมาตงิด ๆ
อาเคร่าไม่สนใจ
เธอเปิดช่องว่างมิติขึ้นมาแล้วล้วงเอากรงนกมาส่งให้ชายหนุ่ม ทำเอาใบหน้าหล่อเหลานั้นบิดเบ้ด้วยความเซ็ง
“ยังจะมีอีกเหรอ?”
“ถ้านายไม่เอาเข็มกลัดนี่มาให้ก็คงมีอีกเรื่อย
ๆ”
เขาถอนหายใจ ด้วยกลัวว่างานจะงอกเพิ่มไปกว่านี้ จึงยึดเอาเข็มกลัดดังกล่าวมาถือไว้ แล้วติดมันลงบนอกเสื้อด้านซ้ายให้อีกฝ่ายด้วยตัวเองเสียเลย
“ที่นี้ก็คงโฟกัสกับภารกิจหลักได้แล้ว
หวังว่าหลังจากนี้ฉันจะไม่ต้องมารับกรงนกพวกนี้จากเธออีก”
ว่าจบเขาก็หมุนตัวเดินหายไปท่ามกลางความว่างเปล่า
ความคิดเห็น