ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    God Command พระเจ้า! ทำไมท่านไม่หาร่างใหม่ให้ข้า![Reverse Harem]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1 เที่ยวตลาด [1]

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 64


    บทที่1 เที่ยวตลาด [1]

                เพี๊ยะ!

              เด็กหญิงถูกตบเข้าที่หน้าจนล้มคว่ำ  แก้มบวมแดงบ่งบอกว่าการกระทำเมื่อครู่ไร้ความปราณีมากเพียงใด

              หญิงวัยกลางคนในสภาพเมาหนักถลึงตามองเด็กตัวเล็กบนพื้นอย่างดุร้าย  สือทือกระหน่ำทุบตีผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวไม่หยุด

              เด็กน้อยอายุไม่น่าเกิน 12 ปีพยายามยกมือปัดป้องการทุบตีดังกล่าว  แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงร้องใดๆออกมา  มีเพียงแต่น้ำตาที่ไหลเป็นสายเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าเธอเจ็บปวดและหวาดกลัวมากเพียงใด

    หล่อนทุบตีร่างเล็กจ้อยด้วยขาดสารอาหารนั่นราวไม่เห็นว่าเป็นคน  กระชากผมอย่างแรงจนตัวเด็กลอยหวือ  ตวาดใส่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่มีแต่แผลทั้งเก่าใหม่ราวคนคุ้มคลั่ง

    “แกมันตัวซวย!  นังเด็กนรก!

     

     

    เสียงสูดหายใจเฮือกใหญ่ทำให้ใครอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจำต้องเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามอง

    “เป็นอะไรไปครับพี่?”

    คนถูกเรียกค่อย ๆ หลับตาลง  เด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงลูกไม้สีขาวนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นหลายวินาที  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้น้องชายที่อายุห่างกันเพียงไม่กี่เดือน

    “พี่ขอลักซ์ดูความทรงจำน่ะจ้ะ  และมันก็...ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

    คำตอบสั้น ๆ ทำให้ใบหน้าของเด็กชายคลายความสงสัย  ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึม

    เฮ้ ๆ  หยุดแผ่ออร่าดราม่ากันได้แล้วทุกท่าน  ก็แค่ความทรงจำห่วย ๆ เองไม่ใช่หรือไง?

    มีเสียงของเด็กหญิงคนหนึ่งร้องประท้วงขึ้นในหัวของอาเรนเซีย  โทนเสียงนั้นต่ำกว่าโทนเสียงของเธอหลายส่วน  ภาษาที่ใช้ก็ประหลาด  ย่อมไม่มีทางเป็นความนึกคิดของเธอไปได้

    แน่ล่ะ  ก็ไม่ใช่ยังไงเล่า

    สองพี่น้องมองหน้ากัน  อาเรนเซียเผยยิ้มแห้ง ๆ พร้อมทั้งไหวไหล่เบา ๆ ด้วยท่าทีเหมือนจะบอกว่าเธอเองก็เหนื่อยใจไม่น้อย

    เด็กชายนั้นแน่นอนว่าไม่ได้ยินเสียงของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวอีกคนของเขา  แต่ก็ยังพอจะเดาได้ว่าคนอย่างหล่อนนั้นกำลังพูดสิ่งใดอยู่

    เขาหัวเราะเหอ ๆ ด้วยท่าทีเฉยชา  “เจ้ามันตายด้าน  ลักซ์”

    “หุบปากน่าเจ้าไหม้”

    เด็กหญิงที่เคยดูเรียบร้อยพลันเอ่ยสวนเขาเสียงเขียว  สองมือกอดอกไว้หลวม ๆ  ยักคิ้วหลิ่วตาดูกวนประสาทจนมุมปากเด็กชายกระตุกไม่หยุด

    อา  ยัยนั่นยึดหน้าแสงพี่เขาอีกแล้ว

    “ข้าไม่ได้ชื่อเจ้าไหม้” เขาเอ่ยสวนอย่างไม่ยอมแพ้ “แต่เป็น เบ-เริ่นที่แปลว่ายิ่งใหญ่ต่างหาก

    “ก็ออกเสียงเหมือนกันแหละน่า”

    อีกฝ่ายไหวไหล่พูดเหมือนไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน  ยิ่งทำให้คิ้วของเขากระตุกไม่หยุด  อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจยกใหญ่  ก่อนเสียงหัวเราะจะเปลี่ยนกลายเป็นเสียงถอนหายใจในฉับพลัน  สีหน้าของเด็กหญิงเปลี่ยนเป็นเหนื่อยใจ

    เบิร์นเห็นแล้วก็ได้แต่นึกสงสารพี่สาวบุญธรรมอยู่ลึก ๆ ที่ไม่อาจห้าม ใครอีกคนไม่ให้มายึด ‘หน้าแสงโดยพลการได้

    เหตุการณ์ดังกล่าวคงทำให้ใครสับสนไม่น้อยว่าเหตุใดเด็กหญิงผู้อ่อนโยนจึงได้กลายเป็นยัยเด็กกวนประสาทภายในเสี้ยววินาทีได้  ใครกันแน่คือ ใครอีกคน?

    อธิบายให้ง่ายก็คือตั้งแต่เด็กที่ชื่อว่าอาเรนเซีย เวลด้าได้ถือกำเนิด  ในร่างกายน้อย ๆ นั้นก็ได้มีวิญญาณอาศัยอยู่ถึงสองดวง  หนึ่งคือวิญญาณของอาเรนเซียเจ้าของร่าง  กับอีกหนึ่งคือลักซ์  วิญญาณจากมิติอันไกลโพ้น

    ส่วนหน้าแสงนั้นคือคำที่สองสาวน้อยร่วมกันบัญญัติขึ้นเพื่อใช้เรียกร่างกายที่ทั้งคู่ต้องใช้ร่วมกัน  โดยเปรียบว่าการได้ออกมาควบคุมร่างกายนั้นก็เหมือนการได้ออกมายืนอยู่หน้าแสงสว่างหน้าเวทีแสดงละคร

    อาเรนเซียชาขึ้นจิบ  เห็นสีหน้าน้องชายบุญธรรมดูบอกบุญไม่รับก็อดจะขอโทษขอโพยแทนตัวตนที่ชื่อว่าลักซ์จอมขี้แกล้งไม่ได้

     “ขอโทษนะจ๊ะเบิร์น”  เธอว่าอย่างรู้สึกผิด  “ลักซ์ก็อย่างนี้แหละ”

    เด็กชายช้อนตาสีส้มแกมแดงมองพี่สาวบุญธรรมแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้า  ถอนหายใจยาว

    “ช่างเถอะครับพี่  ข้าไม่ถือโทษโกรธ เด็ก

    แกสิเด็กไอ้เจ้าไหม้เอ๊ย!’

    อาเรนเซียพลันเหงื่อตก

    น่า ๆ  ก็เจ้าแกล้งเบิร์นก่อนไม่ใช่หรือไงกัน?’

    เธอส่งเสียงไปเตือนอีกคนในร่างอย่างอ่อนใจ  แต่ลักซ์กลับทำเหมือนหูหนวก  ไม่เพียงไม่ฟัง  แต่ยังเอาแต่ร้องท้าตีท้าต่อยกับน้องชายบุญธรรมไม่หยุด  กระนั้นกลับไม่ได้แย่งหน้าแสงไปจากอาเรนเซียดังก่อนหน้านี้  แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้จริงจังอะไร

    แม้จะอ่อนอกอ่อนใจจนอยากจะร่ำไห้  ทว่าใบหน้าของเด็กหญิงก็ยังคงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

    ใคร ๆ ที่เคยพบเจอหรือรู้จักเด็กหญิงมักกล่าวว่า  อาเรนเซีย เวลด้าเป็นเด็กที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านความรู้และกิริยามารยาท  ท่วงทีสง่างามอ่อนหวานชวนมอง  ควบคุมตัวเองได้ดีกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก  ทว่าใครจะรู้  พอกลับมาบ้านแล้วเธอก็เป็นได้แค่เด็กตัวน้อย ๆ ที่เถียงลักซ์ไม่เคยชนะ  อีกทั้งยังถูกหยอกล้อบ่อยเสียจนอ่อนอกอ่อนใจไปหมด

    ควบคุมตัวเองได้ดี?  เหอะ ๆ

    พอมาอยู่ต่อหน้าลักซ์ไอ้การควบคุมอารมณ์ได้ดีอะไรนั่นก็กลายเป็นไร้ประโยชน์ทั้งเพ  แล้วเธอก็เชื่อว่าต่อให้เอานักบวชผู้บำเพ็ญมานานปีในศาสนจักรมาคุยกับลักซ์ก็ไม่มีทางคงท่าทีเยือกเย็นไว้ได้

    คิดว่าฉายาปีศาจน้อยของลักซ์ได้มาเพราะโชคช่วยรึยังไงกัน?  ไม่เลย!  นั่นเพราะนิสัยแสบ ๆ ของอีกฝ่ายล้วน ๆ เลยต่างหาก!

    ระหว่างที่กำลังนึกอ่อนอกอ่อนใจ  เสียงของลักซ์พลันดังขึ้น

    เห็นอาจารย์ซีเรียสบอกว่าช่วงนี้ตลาดของพวกชาวบ้านที่ตั้งอยู่ตรงถนนแรมเบิร์กมีพ่อค้าแม่ค้าต่างถิ่นมาเยือนไม่น้อย  อยากไปมั้ย?

    อาเรนเซียเข้าใจในทันทีว่าลักซ์กำลังเปลี่ยนเรื่องเพื่อทำให้เธออารมณ์ดี  จึงได้ส่งเสียงตอบรับไปอย่างเต็มใจพร้อมทั้งเอ่ยชวนน้องชายด้วยน้ำเสียงอารมณ์

    “ลักซ์บอกว่าตลาดชาวบ้านตรงถนนแรมเบิร์กมีพ่อค้าแม่ค้าจากต่างถิ่นมาตั้งร้านใหม่เยอะเลย  เบิร์นอยากไปด้วยกันมั้ยจ๊ะ?”

    เด็กชายเห็นว่าบ่ายนี้ตนไม่มีเรียนจึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย

    “แน่นอนครับ”

     ซิสค่อนเอ๊ย...!’

    แว่วเสียงนินทาทำเอาเด็กหญิงยิ้มอ่อนออกมาอย่างเหนื่อยใจ

    เจ้าจะไม่ทะเลาะกับเขาสักวันได้หรือไม่...?

    อีกฝ่ายครางอืมอย่างครุ่นคิด

    ยากอ่ะ โทษที

    อาเรนเซีย  ‘...

    เธอผิดเองที่ไปถามคนอย่างลักซ์...

    สองพี่น้องแยกย้ายกันกลับไปที่ห้องของตนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า  ระหว่างทางอาเรนเซียได้ให้พ่อบ้านคนหนึ่งนำเรื่องนี้ไปรายงานแก่บิดามารดา  แน่นอนว่าทั้งสองตกลงอย่างว่าง่าย  เพียงย้ำให้ระมัดระวังและเที่ยวให้สนุกก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก

    สาวน้อยถูกสาวใช้ทั้งแปดคนรุมล้อมอยู่พักใหญ่  คราแรกพวกหล่อนจะจับคุณหนูแต่งชุดสีชมพูอ่อนที่น่ารักสดใส  แต่กลับถูกอาเรนเซียยกมือห้าม  แล้วชี้ไปทางชุดสีน้ำเงินเข้มแทน

    “วันนี้ลักซ์เองก็อยากเดินตลาด  อย่าให้นางหมดอารมณ์เลย”

    สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็เอาชุดสีชมพูไปเก็บอย่างเชื่อฟัง  ด้วยทราบดีว่าคุณหนูลักซ์  คุณหนูอีกคนในร่างของคุณหนูอาเรนเซียนั้นนิสัยออกจะผิดเด็กผู้หญิงไปสักหน่อย

    เมื่อสาวใช้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าคนที่ออกไปเที่ยวไม่ได้มีแค่คุณหนูอาเรนเซีย จึงเปลี่ยนเครื่องประดับทั้งหมดเป็นอีกชุดทันที

    อาเรนเซียมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก  ดวงตาค่อย ๆ เหม่อลอย

    การมีอยู่ของลักซ์ถูกเก็บเป็นความลับที่รู้กันอยู่เพียงในคฤหาสน์และพระราชวังบางส่วนเท่านั้น  ลักซ์จึงต้องใช้ชีวิตกึ่งหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่บ้าง  เธอไม่อาจออกไปพูดกับคนแปลกหน้าได้ว่าเธอชื่อว่าลักซ์  ไม่อาจแสดงตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าคนไม่รู้จัก  ไม่อาจออกงานสังคมในชื่อของตัวเอง

    ทั้ง ๆ ที่ลักซ์เหมือนจะใช้ชีวิตอย่างอิสระ  แต่นั่นก็เป็นแค่ความเหมือนเท่านั้น  นอกจากชีวิตในยามค่ำคืนแล้ว  พอต้องออกไปข้างนอกในยามกลางวัน  ลักซ์ก็ทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในเงาเท่านั้น

    พอคิดไปถึงตรงนั้น  อาเรนเซียก็เกิดหดหู่แทนอีกคนในร่างขึ้นมาจนหน้าม่อยคอตกราวกับลูกหมาน้อยถูกทิ้ง  น่าสงสารจนเหล่าสาวใช้แทบใจสลาย

    เฮ้ ๆ  สรุปจะไปมั้ยกวางน้อย  ฉันเบื่อจะรอแล้วนะ

    ลักซ์ส่งเสียงคร่ำครวญขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าบรรยากาศภายนอกนั้นดูแปลก ๆ  ทำให้อาเรนเซียหลุดจากภวังค์ทันใด  สีหน้าปรากฏแววเขินอายจาง ๆ

     ไปแล้ว ๆ ...

    เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน  เดินลงไปชั้นล่างก็พบกับน้องชายที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว  ทั้งคู่พากันเดินไปยังหน้าประตูคฤหาสน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน

    เมื่อเดินมาถึงก็พบว่าได้มีรถม้ามาจอดรออยู่ก่อนแล้ว  โดยผู้ที่จัดเตรียมนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  แต่เป็นพ่อบ้านหนุ่มน้อยที่เธอเพิ่งสั่งให้เขาไปรายงานพ่อและแม่เรื่องที่เธอจะออกไปเที่ยวเล่นนั่นเอง

    ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีแต่ความอ่อนโยน  มองดูแล้วชวนให้คนรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง  เขาโค้งตัวทำความเคารพนายท่านตัวน้อยทั้งสองคน

    “กระผมและองครักษ์จำนวนหนึ่งจะตามไปเป็นคนคอยอารักขาให้เองครับ”  เขาเอ่ย  “แล้วก็  นายหญิงบอกว่าไม่อาจกลับมาสายเกินไปนัก  เพราะว่าคืนนี้ยังมีงานวันเกิดที่ต้องไปร่วมอีกงาน”

    อาเรนเซียพยักหน้า  “ข้าเข้าใจแล้ว  ขอบใจนะจ๊ะ แลนช์”

    พ่อบ้านนามว่าแลนช์ยิ้มรับ  พยุงนายทั้งสองขึ้นไปบนรถม้า  ก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งข้างสารถี  รถม้าเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×