ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    God Command พระเจ้า! ทำไมท่านไม่หาร่างใหม่ให้ข้า![Reverse Harem]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 64


    บทนำ

                ดวงตาดำมืดจดจ้องร่างอันเปียกชุ่มด้วยของเหลวสีสดบนพื้นอย่างเฉยชา  เดินข้ามไปแบบไม่ใยดี  ก้มมองโซ่บนข้อมือซึ่งเขรอะด้วยสนิมแวบหนึ่ง  ก่อนกระชากพวกมันออกอย่างง่ายดายราวฉีกกระดาษ

                ทุกหน่วยแยกกันตามหาให้เจอ!

                เสียงตะโกนโหวกเหวกดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล  หญิงสาวชะงักกายกึก  หันกลับไปมองยังทิศที่เสียงลอยมาตามสัญชาตญาณ  แนบร่างติดกับมุมมืดของกำแพง  เสียงหายใจถูกคุมให้แผ่วราวไม่มีอยู่

                เสียงฝีเท้าจำนวนมากกระทบพื้นดังคละเคล้าเสียงฟ้าคำรามกระหึ่ม  พลันหยดฝนก็พรั่งพรูลงมา  หล่อนเงยหน้ามองความมืดมิดด้านบน

    สัมผัสเปียกชื้นและเย็นเฉียบทำให้ร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านด้วยความหนาวด้านชาขึ้น  เธอฉีกยิ้ม  ออกวิ่งไปตามซอยที่คับแคบอย่างคล่องแคล่ว

                มีศพคนตรงนี้ หล่อนอยู่แถวนี้!

                แยกย้ายกันหาให้ทั่ว  จะต้องอยู่ไม่ไกลนี้แน่

                เสียงสั่งการที่ดูใจเย็นกว่าเสียงอื่นทำให้ใบหน้าที่กำลังฉีกยิ้มพลันบูดบึ้ง  เธอจิ๊ปากราวเด็กที่ถูกขัดใจ  ดวงตาทอแสงวาววาม  ในลำคอบังเกิดเป็นเสียงคำรามต่ำที่ดูกึ่งเล่นกึ่งจริง

                แหม...ไม่ไว้หน้ากันเลยนะ!

                ปัง!

                เสียงปืนดังเฉียดร่างของหล่อนไปไม่ไกลไม่ใกล้  ดวงตาของเธอเบิกขึ้นโดยไร้ซึ่งความตื่นกลัว  ออกจะประหลาดใจเสียมากกว่า หล่อนหันกลับไปมองทางด้านหลัง สองตาทอประกายดุจเม็ดนิลที่กระทบถูกแสงทั้ง ๆ ที่ในตรอกนั้นมืดสนิท  นับเป็นความผิดปกติที่ชวนให้หวาดผวาอยู่หลายส่วน

                เธอมองบรรดา ‘ผู้ใหญ่’ ที่ตามตนมาพลางหัวเราะคิกคักด้วยเสียงของเด็กหญิง  ผิดรูปร่างที่สูงเพรียวและเต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งแห่งสตรีเพศ

                เจ้าหน้าที่สามคนที่กำลังวิ่งเข้ามาผวาเฮือก  แว่วเสียงหัวเราะอันไม่ปกติทำให้ใจสั่น  ปืนในมือก็พาลสั่นไปด้วยเช่นเดียวกัน

                หล่อนหมุนตัวออกวิ่งต่อ  กระโดดเพียงวูบเดียวก็หายลับไปหลังกำแพงสูงกว่าสี่เมตร

                เธอเบียดกายเข้ากับตรอกแคบ  เบิกตาคอยมองพวกเจ้าหน้าที่ที่วิ่งผ่านหน้าไปอย่างใจเย็น  ค่อย ๆ นับจำนวนจนแน่ใจ  จึงได้เอื้อมมือออกไปคว้าใบหน้าช่วงล่างคนผู้หนึ่งแล้วกระชากอย่างแรง

                กร๊อบ!

                ไม่ทันที่ชายผู้น่าสงสารจะทันรู้ตัว  เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ถูกปิดปาก  ลำคอของเขาก็ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด  ล้มลงตายอย่างฉับพลัน

                หล่อนคว้าปืนในมืออีกฝ่ายมาถือ  ก้าวข้ามศพที่นอนปิดปากตรอกออกไปอย่างไร้เสียง  อีกสองคนยังไม่เห็นเธอซึ่งอยู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่เมตร  นั่นทำให้รอยยิ้มหนึ่งปรากฏขึ้นมา

                ชุดสีทึบของนักโทษที่สวมทับอยู่บนตัวของเด็กสาวทำให้ร่างนั้นคล้ายกับว่าได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดไปแล้ว  รอยยิ้มน้อย ๆ ที่ไม่อาจส่งไปถึงดวงตาทำให้ใบหน้าที่ควรงดงามดูราวกับอสูรร้ายเลือดเย็น

                มือเรียวเล็กที่ออกจะผอมไปเสียหน่อยยกขึ้น  เล็งปลายกระบอกปืนไปทางกลุ่มเจ้าหน้าที่อย่างแช่มช้าดุจกำลังร่ายรำ

                ปัง ๆ!

                หนึ่งในพวกเขาหันกลับมา  ปากกำลังป่าวร้อง  มือกำลังยกปืนขึ้น ‘วิสามัญ’ อีกฝ่าย  ทว่าหล่อนนั้นไวกว่ามาก  ส่งกระสุนสองนัดเข้าทะลุกะโหลกของทั้งคู่อย่างแม่นยำ  พวกนั้นไม่ทันจะได้ส่งเสียงร้องก็ล้มลงไปแล้ว

                เธอกระโดดขึ้นไปยืนบนกำแพง  สามคนอีกฟากพลันสาดกระสุนเข้าใส่  หล่อนกระโดดอีกครั้งไปด้านหลังของพวกเขา  ชักปืนขึ้นยิงสวน  กระสุนทุกนัดฝังเข้าที่ส่วนหัวไม่มีพลาดเป้า

                หญิงสาวจ้องมองร่างที่ล้มลงราวใบไม้ไร้ค่าด้วยสีหน้าอารมณ์ดี  ห่างไกลจากความรู้สึกผิดที่สังหารคนหรือเลือดเย็นไร้อารมณ์ยามปลิดลมหายใจผู้อื่นไปไกล

                ร่างนั้นหมุนตัวแล้วออกวิ่งอีกครั้ง  เสียงฝีเท้าจำนวนมากและเสียงพูดคุยยังมีแว่วมาให้ได้ยินเป็นพัก ๆ  สิ่งเดียวที่หล่อนได้เปรียบจากสถานการณ์ในตอนนี้คือรู้เส้นทางคดเคี้ยวแสนแคบและมืดทึบของเขตนี้เป็นอย่างดี

                ทว่าทางด้านอื่นเล่า?

                กำลังพลก็มีเพียงตัวเอง  อาวุธก็มีเพียงปืนไม่กี่กระบอกที่ตกจากพวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้  เครื่องมือสื่อสารใด ๆ ก็ไม่มีเนื่องจากเพิ่งแหกคุกออกมา  ผิดจากอีกด้านที่มีทุกสิ่ง  บางทีอาจจะมีนอกเหนือจากที่เธอกล่าวมาด้วยซ้ำไป

                เธอไม่แน่ใจนักว่าตัวเองจะรอดพ้นคืนนี้ไปได้รึเปล่า

                ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเธอซะด้วย...

                ระหว่างที่ครุ่นคิด  ขาและประสาทอื่น ๆ ก็ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อพาตัวเองให้ออกห่างจากเสียงฝีเท้าให้มากที่สุด  ทว่าไม่ว่าจะวิ่งไปทางใดก็กลับมีคนเหล่านั้นอยู่ทุกที่จนน่าหงุดหงิด

                ยิ่งวิ่ง  หล่อนยิ่งตระหนักได้ถึงบางสิ่ง   สุดท้ายก็เลือกที่จะหยุด

                คนในเครื่องแบบติดอาวุธครบมือปรากฏตัวขึ้นจากทุกทิศ  ต่างเล็งปืนมาที่เธอ  นับ ๆ ดูแล้วมีประมาณสามสิบคน หรือบางทีอาจมากกว่านั้น

                หญิงสาวฉีกยิ้ม  หัวเราะออกมา

                กะอีแค่จับเด็กสิบหกคนนึงจำเป็นต้องยกโขยงมาทั้งฝูงแบบนี้เลยรึ?  คุณหัวหน้าหน่วยควบคุมและจัดการคดีพิเศษ?”

                ดวงตาดำมืดเหมือนหลุมลึกจับจ้องชายผู้อยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มคนด้วยสีหน้าอมยิ้ม  ชื่อตำแหน่งที่จงใจเอ่ยออกมาเต็มยศเต็มไปด้วยแววเสียดสี

                ชายหนุ่มไม่ตอบโต้  ใบหน้าหล่อเหลาสะท้อนแววนิ่งเฉยแต่ไม่เย็นชา  เด็กสาวมองตอบ  หัวเราะเหอะ ๆ อย่างไม่ใส่ใจ  ยกสองแขนขึ้นเสมอไหล่

                ไม่คิดจะคุยกับสหายเก่าหน่อยเหรอคุณหัวหน้าภาคิน?”

                ท่าทีสบาย ๆ ของสาวเจ้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้คนในที่นี้หวาดกลัวจนแทบประคองอาวุธเอาไว้ไม่อยู่  พยายามเบิกตากว้างมองเธอเอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา

                “...หากเป็นเด็กคนอื่น  ฉันอาจไม่ต้องทำแบบนี้ ดวงตาคู่นั้นค่อย ๆ หรี่ลง  แต่สำหรับนักโทษติดชื่อแดงจากทุกประเทศ  ถูกตัดสินให้ประหาร  ทั้งยังแหกคุก  สังหารบรรดาเจ้าหน้าที่และคนบริสุทธิ์ไปมากมายอย่างเธอ  แบบนี้ถือว่ายังน้อยไป

                เด็กสาวได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาทันที

                แหม  ข้ามความดีกันซะหมดแบบนี้ฉันเสียใจนะคะ  คุณหัวหน้าภาคิน เธอว่าพลางปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต ใช้เสียงของเด็กน้อยพูดด้วยท่าทีใสซื่อ  นึกถึงประโยชน์ที่ฉันทำให้กับองค์กรมั่งสิ  จับผู้ร้าย  หาหลักฐาน  สอบปากคำ  ทรมาน  คุ้มกันบุคคลสำคัญ...ฉันก็ทำไม่ใช่เหรอ?”

                เธอไม่รอคำตอบ  ดวงตาหรี่ลงดูน่ากลัว

              ยิง

              ปัง!  ปังปัง!

                สิ้นคำ  เจ้าหน้าที่ซึ่งเคยจ่อปืนมาทางนี้ต่างหันอาวุธเข้าหากันเอง  แล้วลั่นไกออกมาอย่างไม่มีลังเล  มีเพียงชายที่ถูกเรียกว่าภาคินเท่านั้นที่ไม่ทำเช่นนั้น  เขาเพียงเบิกตาขึ้นอย่างตกใจก่อนจะจ้องไปทางเด็กสาวเขม็ง

                เด็กสาวกะพริบตามองด้วยสีหน้าไร้เดียงสา  ปากยกสูงช้า ๆ

                ฮ่าๆ ๆ ๆ!

                เธอพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวคนวิปริต  เบิกตาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า ปากโค้งสูง  แต่มันดูคล้ายแยกเขี้ยวมากกว่ายิ้ม

                ภาคินค่อย ๆ ถอดเครื่องกักเสียงออก  มองใบหน้าที่เริ่มห่างไกลจากคำว่าปกติขึ้นทุกทีอย่างนิ่งสงบ

                “...เธอเตรียมใจที่จะตายงั้นเหรอ?”

                คำถามที่ถูกยิงมาอย่างกะทันหันทำหล่อนเลิกคิ้วสูง  ปืนที่เก็บมาจากศพถูกกำแน่นขึ้นอย่างลืมตัว  ท่าทีพวกนั้นเกิดขึ้นเพียงแวบหนึ่งก็หายไป

                เธอยิ้มด้วยรอยยิ้มที่น่าขนลุก

                คิดแบบนั้นเหรอ?”

                เสียงของเธอไม่ได้ถูกดัดและพยายามพูดให้สุภาพอีก  เขามองหล่อนที่ยังคงกอดอกยิ้ม ๆ มองตนนิ่ง  ไม่ได้ให้คำตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น

                “...หากยอมกลับไปดี ๆ  เธอจะปลอดภัย  ลักซ์

                แม้น้ำเสียงของชายหนุ่มจะราบเรียบมาก  แต่หล่อนก็สัมผัสได้ว่ามันเจือไว้ซึ่งอารมณ์บางอย่าง  เด็กสาวยิ้มอ่อน ๆ ดวงตาไร้แววซาบซึ้ง  ออกจะเรียบนิ่งจนแทบจะเป็นเย็นชา

                ที่นั่นไม่เคยปลอดภัย  คิน  ไม่เคยเลย...

                สิ้นคำ  เธอก็เล็งปืนใส่เขาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย  กลิ่นอายอันตรายแผ่กระจาย  ปลุกให้สัญชาตญาณของชายหนุ่มทำงานอย่างฉับพลัน เขายกปืนขึ้นแล้วลั่นไกออกมาทันใด

                ปัง!

                อึ่ก!

                กระสุนฝังเข้ามีลำคอของเธอราวจับวาง  หล่อนยกมือที่สั่นน้อย ๆ แตะไปที่บาดแผล  ไม่แม้แต่จะดิ้นรนหาทางรอดด้วยการพยายามห้ามเลือด  ลักซ์เพียงแตะนิ้วลงไปเบา ๆ แล้วปล่อยให้เลือดไหลต่อไป

                ชายหนุ่มดูจะตกใจไม่น้อยยามเห็นร่างของอีกฝ่ายค่อย ๆ ล้มลงไป

                ภาพที่ลักซ์เห็นเลือนรางลงทุกที  เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ  หูแว่วได้ยินเสียงแฮริคอปเตอร์และรถยนต์อีกจำนวนนับไม่ถ้วน

                ต่อให้เธอมีปีก  หรือมีพลังการควบคุมจิตใจที่แข็งแกร่งกว่านี้ก็เกรงว่าคงจะจัดการเครื่องจักรสังหารที่บินอยู่บนฟ้าได้ยาก

                คืนนี้...ยังไงเธอก็ต้องตายอยู่ดี

                แค่ว่าตายแบบนี้เธอต้องการมากกว่าเท่านั้น

                ฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ๆ ภาคินย่อตัวลงข้างๆเธอ เขาคล้ายจะพูดบางอย่าง แต่หล่อนก็หมดลมหายใจลงเสียก่อนที่จะได้ฟังมัน

     

     

                ม้วนความทรงจำในครั้งยังมีชีวิตของมาริสา นพแก้วจบลงที่ตรงนี้

                เศษชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายค่อย ๆ รวมตัวกันกลับเป็นร่างเปลือยเปล่าของลักซ์  นับเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการ ‘ชดใช้บาป’ ซึ่งแน่นอนว่ามันก็แค่หนึ่งครั้งในจำนวนนับไม่ถ้วนเท่านั้น

                ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในนรกเพื่อชดใช้บาปกรรมที่ตนได้ก่อเอาไว้ล่ะ

                หล่อนปล่อยให้ยมบาลตรงหน้าใช้ขวานสับร่างตนอย่างไม่แยแส  แน่นอน  มันเจ็บ  แต่ก็ไม่ได้เกินจากที่เคยได้รับมา  นั่นทำให้ใบหน้าของลักซ์ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาเลย

                น่าเบื่อซะจนง่วงเลยแฮะ...

                ทุกครั้งที่ร่างกายถูกทำให้แหลกเละจนตายตก  ความทรงจำในช่วงที่มีชีวิตจะวนกลับแล่นซ้ำไปซ้ำมา  ซึ่งระบบดังกล่าวมีไว้เพื่อให้สัตว์นรกแบบเธอสำนึกในบาปที่ทำ

                แต่นั่นใช้ไม่ได้กับเธอ

                เพราะยิ่งได้เห็นมันมากเท่าไหร่  จิตใจของเธอก็ยิ่งทวีความพยาบาทสูงขึ้นเท่านั้น

                ไม่ว่าจะต้องทนทุกข์อยู่ในนรกขุมนี้มาแล้วกี่พันปี  จิตใจก็ยังคงไม่ได้รับการชำระ  เธอมองเหล่าสัตว์นรกที่ถูกผลัดเปลี่ยนมาหลายชุดแล้วด้วยสายตาเฉยชา

                คนอื่นต่างหลุดพ้นและได้รับโอกาสในการไปเยือนสวรรค์ ได้ไปใช้บุญของตัวเอง

                ทว่าหล่อนกลับยังคงอยู่ที่นี่  ด้วยใจที่ผูกติดต่อความพยาบาทวิปลาสทั้งปวง

                เด็กสาวถอนหายใจ  ความตายมาเยือนอีกครั้งจนรอบข้างมืดไปหมด

                เจ้าช่างมีจิตใจที่เด็ดขาดยิ่ง มนุษย์น้อย

              เสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้เด็กสาวลืมตาขึ้นตามสัญชาตญาณ  รอบกายปกคลุมด้วยสีขาวของห้องโถงที่ไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่ง

                หล่อนกวาดมองโดยรอบกายอย่างประหลาดใจ  ก่อนก้มมองร่างที่เคยเปลือยเปล่า  ซึ่งบัดนี้กลับอยู่ในชุดกระโปรงสีขาวตัวหนึ่งอย่างเรียบร้อย  ร่างกายสะอาดสะอ้านยิ่ง

                เธอหันกลับไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาใกล้เข้ามา  แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า  ถึงกระนั้นความรู้สึกที่ว่ามีใครอยู่ ‘ตรงนั้น’ ก็ไม่ได้หายไปไหน

                เรารอเจ้านานยิ่ง มนุษย์น้อย เสียงเดิมกล่าวต่อไป  รอเพื่อจะให้เจ้าชำระทุกสิ่งให้หมด  ทว่าเจ้ากลับไม่ยอมละทิ้งสิ่งใดเลย  เรามิอาจรอต่อได้  สุดท้ายจึงเลือกเรียกเจ้ามาที่นี่

                เธอเลิกคิ้ว  ฟังประโยคดังกล่าวไม่ใคร่เข้าใจนัก

                เราต้องการให้เจ้าทำบางสิ่งในฐานะของเรา

                เด็กสาวอมยิ้ม  กล่าวถามเสียงระรื่น

                นั่นเป็นประโยคขอร้องรึเปล่า?”

                คล้ายจะได้ยินแว่วเสียงหัวเราะดังลอยมา  พื้นที่ยืนอยู่พลันสั่นไหวก่อนแตกสลาย  ร่างของเธอร่วงลงไปในหลุมสีดำสนิทอย่างไร้สิ่งใดจะจับยึดได้ทัน

                “!

                เธอตกใจจนร้องไม่ออก  ในจังหวะที่กำลังจะจมหายไปนั้น  หล่อนเห็นเท้าของใครบางคนปรากฏขึ้นที่ปากหลุม แว่วเสียงอันอ่อนโยนกล่าวสะท้อนก้องในหัว

                แน่นอนว่าไม่  เราสั่งเจ้าต่างหาก  ลักซ์

                แล้วทุกอย่างก็มืดมิด...

                ท่ามกลางความมืดที่ราวกับทะเลน้ำหมึก  เธอไม่สามารถรู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่าร่างกายได้  คล้ายกับเหลือแต่เพียงดวงจิตลอยละล่องไร้จุดหมาย

                เราจะส่งเจ้าไป ณ โลกใบใหม่ที่เจ้าไม่รู้จัก

              จงเป็นตัวแทนแห่งเรา  ขจัดเภทภัยหายนะทั้งเจ็ดที่จะทำให้ทั้งโลกล่มสลายทิ้งเสีย

              เราหวังว่ามันจะสำเร็จ  มนุษย์น้อย

                เธอสดับฟังเสียงดังกล่าวด้วยจิตใจเหม่อลอยแล้วค่อย ๆ หลับตาลง  ก่อนที่ทุกอย่างจะว่างเปล่า  ไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงตัวเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×