คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่8 ของขวัญ [2]
บทที่8 ของขวัญ [2]
รอบกายแอสทิลปรากฏมวลน้ำหมุนเกลียวเป็นเส้นสาย เขาตวัดมือออก พลันมันก็แปรสภาพเป็นดั่งงูตัวใหญ่พุ่งเข้าใส่เด็กหญิงอย่างรวดเร็ว
อาเรนเซียวาดมือออก เปลวไฟสายหนึ่งพุ่งเข้าปะทะกับงูวารีตัวนั้นจนบังเกิดเป็นแรงระเบิดเสียงดังสนั่น ทั้งสองสิ่งสลายไปเหลือไว้เพียงละอองน้ำร้อนชื้นในอากาศ
มีดน้ำถูกสร้างขึ้นและปาใส่ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที เด็กหญิงกระทืบเท้า กำแพงหินพุ่งทะลุขึ้นมาจากดิน รับเอาการโจมตีทั้งหมดไว้ได้อย่างทันท่วงที
เสียงฮือฮาดังไปทั้งสนาม ผู้คนพูดคุยกันเซ็งแซ่ ทว่าทั้งสองหาได้สนใจไม่ ในเมื่อความสนใจนั้นต่างมีให้กันและกันจนหมดสิ้นแล้ว
ฝนกรดถูกสร้างขึ้น แน่นอนว่ามันไม่ทำร้ายผู้เป็นนายของมันอย่างแอสทิล อาเรนเซียวาดมือกางเกราะไว้เหนือหัวแล้วผลักมือทั้งสองออกด้านหน้า วนรอบหนึ่งแล้วเหวี่ยง บังเกิดเป็นพายุขนาดยักษ์พุ่งเข้าหาแอสทิลอย่างรวดเร็วราวกับคลุ้มคลั่ง
อาเรนเซียร่ายเวทนี้โดยที่เวทเก่ายังไม่ได้ถูกสลายไป ทั้งยังนิ่งสงบ ไม่มีอาการสั่นไหวใดๆ
‘สมาธิระดับนี้มัน...’
แอสทิลถึงกับขมวดคิ้วด้วยความตระหนก ซัดคลื่นน้ำเข้าต้าน ไม่คาดว่าด้านบนจะมีใครบางคนได้ปรากฎตัวขึ้น!
อาเรนเซียที่ใช้เวทลมหนุนตัวเองจนลอยคว้างอยู่กลางอากาศซัดบอลไฟใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง เด็กหนุ่มถอยหลังหนีพร้อมสร้างเกราะวารีขึ้นปกป้องร่างกาย
‘เขาก็ดูไม่มีอะ...’
ถ้อยคำของอาเรนเซียถูกกลืนหายเข้าลำคอไป เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นสายน้ำลำใหญ่พุ่งเข้าใส่ ซึ่งมันเร็วมากจนเธอสร้างเวทขึ้นตั้งรับไม่ทัน ร่างจึงถูกน้ำซัดจนกระเด็นไปไกล
‘อย่าเพิ่งได้ใจไป หมอนั่นยังไม่ได้เอาจริงเลยนา’
เด็กหญิงรีบผุดลุกขึ้น มองดูแอสทิลที่รอบกายมีกระแสน้ำหมุนวนด้วยดวงตาที่หรี่ลง ทางนั้นส่งยิ้มมาให้ เธอเองก็ยิ้มกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
‘อา ข้าดูถูกเขาเกินไป เป็นพฤติกรรมที่แย่ยิ่ง’
พื้นดินพลันสั่นไหว หนามหินจำนวนมากแทงขึ้นมาจากพื้นดิน แอสทิลรีบกระโดดหลบ แต่หลบไปทางใดก็เหมือนว่าพวกมันจะผุดขึ้นแบบไม่จบไม่สิ้น
ในจังหวะที่มัวแต่สนใจหนามหินพวกนี้ ความร้อนก็ได้แผดใกล้เข้ามาในระยะประชิด ลูกไฟลอยเฉียดหัวไหล่ของเขาไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร
เหมือนหัวใจหล่นหายไปวูบหนึ่ง แต่เพียงแวบเดียวก็ได้สติ มวลน้ำมหาศาลระเบิดออกจากรอบตัวเด็กหนุ่ม ปะทะทำลายบรรดาหนามหินจนแตกกระจายกลายเป็นเพียงเศษหินก้อนเล็ก ๆ ลูกไฟทั้งหมดก็ดับสิ้น
อาเรนเซียเบิ่งตาขึ้นอย่างนึกทึ่งในพลังการทำลายนี้
‘ฉันขอออกไปบ้างสิ’
สิ้นคำพูด การควบคุมก็พลันถูกยึด ไอเวทที่แอสทิลเคยสัมผัสได้เลือนหายไปจนสิ้น นั่นทำให้เขาชะงัก เด็กหญิงตรงหน้าฉีกยิ้มส่งให้ ก่อนร่างกายจะเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา!
“หาข้าหรือ?”
เสียงเล็กเบาหวิวกระซิบอยู่ข้างหู เด็กหนุ่มขนลุกซู่ คลื่นน้ำพลันระเบิดออกรอบตัว เสียงหัวเราะเล็ก ๆ นั่นเปลี่ยนจากริมหูกลายเป็นเหนือศีรษะในชั่วพริบตา ร่างในชุดเดรสสวยกระโดดตีลังกามายืนอยู่เบื้องหน้าเขา ก่อนจะเลือนหายไปอีกครั้ง
มันไม่ได้เกิดจากความสามารถทางเวทมนตร์ แต่เป็นกายภาพล้วน ๆ!
ร่างที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ของลักซ์ทำเอาทั้งแอสทิลทั้งบรรดาผู้ชมตระหนกตกใจไปตาม ๆ กัน
ผู้ใช้เวทมนตร์นั้น ยิ่งมีพลังมากยิ่งมีร่างกายที่อ่อนแอ นั่นเป็นความจริงที่ทุกคนต้องเผชิญ ดังนั้นการที่เห็นว่าเด็กหญิงผู้มีพลังเวทในระดับหายากกำลังเคลื่อนกายราวหายตัวก็พากันมองด้วยความพิศวง
ไอเวทที่ไม่สามารถสัมผัสได้ทำให้ทุกคนสับสน และดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะมีอาการที่หนักที่สุด
ไม่สามารถจับไอเวทได้เช่นนี้ แล้วเขาจะโจมตีได้อย่างไร!?
ลมเย็นพัดวูบเข้าที่ด้านหลัง ร่างกายของเด็กหนุ่มไหวสะท้าน ความรู้สึกหวาดกลัวจับขั้วหัวใจเหมือนกำลังถูกฆ่าทำให้เขาหันกลับไป ในมือปรากฏดาบที่ก่อตัวขึ้นจากน้ำฟาดออกไปเต็มแรง!
“แฮ่ก...แฮ่ก”
ความตกใจทำให้แอสทิลไม่สามารถควบคุมใบหน้าและลมหายใจให้เป็นปกติได้ ดาบวารีในมือพาดอยู่บนลาดไหล่ของเด็กหญิง ซึ่งนางก็กำลังชี้มีดที่ใช้ทานอาหารจ่ออยู่ที่ลูกกระเดือกของเขา
ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงมีดไว้หั่นเนื้อธรรมดา ดูไม่มีคมนัก แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมีดที่พร้อมจะปลิดชีพตนจ่ออยู่อย่างไรอย่างนั้น
เด็กหญิงละมีดออก ดาบวารีเองก็ถูกสลาย ลักซ์ส่งยิ้มพร้อมจับชายกระโปรงยกน้อย ๆ
“ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ”
“...ขอบคุณที่ชี้แนะครับ”
เพี๊ยะ!
“แก...ทำอะไรของแก!”
ใบหน้างดงามของแอสทิลถูกตบอย่างไม่ปรานีจนเลือดซึมอยู่ข้างมุมปาก ชายร่างอ้วนท้วมตีหน้าดุดันจ้องมองเขาอย่างโกรธจัด ยกนิ้วชี้หน้าพร้อมตวาดลั่น
“ข้าบอกให้มัดใจยัยเด็กอาเรนเซียนั่น! ไม่ใช่ให้แกไปท้านางสู้!”
ใบหน้าที่มักประดับยิ้มอยู่ตลอดเวลาของแอสทิลบัดนี้นิ่งเฉย เขามองผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก
“ข้าขอโทษครับ”
“ขอโทษเรอะ!? แกทำแผนพังหมด! ยัยเด็กนั่นคือถุงเงินถุงทองอันมีค่ายิ่ง มีค่ายิ่งกว่านังพวกผู้หญิงหน้าโง่ที่แกไปโปรยเสน่ห์พวกนั้นตั้งไม่รู้กี่ร้อยเท่า!”
เพล้ง!
กรอบรูปอันหนึ่งถูกปาลงพื้น ชายร่างท้วมเดินตึงตังออกจากห้องไปอย่างหัวเสีย ทิ้งให้แอสทิลที่ยังคงยืนนิ่งจ้องมองกรอบรูปอันนั้นนิ่งงัน
เขาก้มลงเก็บมันขึ้นมา เป็นภาพเหมือนของผู้หญิงหน้าตางดงามผู้หนึ่ง ซึ่งมีเค้าโครงคล้ายกับชายหนุ่มอยู่หลายส่วน
“...ข้าจะทนได้มั้ยนะ แม่”
แว่วเสียงกระซิบดังสะท้อนอยู่ภายในห้องอันว่างเปล่า ดวงตาสีสวยคล้ายเป็นประกายเรืองอยู่ในความมืด ช่างเย็นจับขั้วหัวใจ
“หากข้าทนไม่ไหว...ข้าควรทำอย่างไรดี?”
ฝีเท้าเงียบกริบเดินลัดเลาะสวนเพื่อไปยังเขตบ้านพักสำหรับคนดูแลและพวกองรักษ์ เด็กหญิงกระโดดสูงเพียงครั้งเดียวก็ถึงหน้าประตูห้องหนึ่งที่แขวนป้ายไว้ว่า ‘เจค’ เธอไม่มีรีรอที่จะเคาะมันดัง ๆ ไปสามที
ไม่นานบานประตูก็เปิดออก ปรากฏเป็นร่างล่ำสันของชายวัยยี่สิบกลาง ๆ ผู้หนึ่ง เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ยกมือขึ้นเสยเรือนผมสีแดงเพลิงของตัวเองเล็กน้อย
“ข้านึกว่าวันนี้คุณหนูจะไม่ฝึกจึงไม่ได้ไปรอที่จุดนัดพบ ต้องขออภัยด้วยครับ”
“ช่างเถอะค่ะอาจารย์ ในเมื่อรู้แล้วก็ไปกันเลยดีกว่า”
ความคิดเห็น