ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis)

    ลำดับตอนที่ #8 : หลักการรักษาโรค MS

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 53


    แบ่งกล่าวได้เป็น 2 ส่วน

    การรักษาโรค MS

    การรักษาตามอาการ ซึ่งมีทั้งการรักษาโดยไม่ใช้ยาและการรักษาด้วยยา

    การรักษาตามอาการ

    อาการเหนื่อยล้าอ่อนแรง

    อาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วย MS ได้แก่ อาการเหนื่อยล้าอ่อนแรง ซึ่งพบมากที่สุดถึงประมาณ 2 ใน 3 ของอาการต่าง ๆ  โดยมากจะเป็นอยู่ หลาย ๆ เดือน หรือบางรายอาจมีอาการนานกว่านั้น อาการเหนื่อยล้าที่พบมีอยู่  2 ลักษณะ

                    1. มีอาการเหนื่อยล้าอ่อนแรงอยู่ตลอดเวลา  ทำให้ไม่สามารถทำงานง่ายๆ ที่เคยทำได้

                    2. มีอาการเหนื่อยล้าอ่อนแรง  ซึ่งเป็นอยู่ระยะหนึ่งมักเกิดในช่วงเวลาไม่นานหลังจากทำกิจกรรมต่าง ๆ ลักษณะอาการนี้จะพบบ่อยบริเวณขาทั้งสองข้าง แต่อาการเหนื่อยล้าจะดีขึ้นหลังจากพักผ่อนสักครู่หนึ่ง

                    อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้กับการมองเห็นด้วย ซึ่งจะทำให้มีปัญหาในการอ่านหนังสือนาน ๆ แต่อาการจะดีขึ้นหลังจากได้รับการพักผ่อน

                    อาการเหนื่อยล้าอ่อนแรงนี้มักจะเป็นมากขึ้นในเวลาที่มีอากาศร้อน,หลังจากอาบน้ำร้อน หรือเวลาที่มีการเพิ่มสูงขึ้นของอุณหภูมิของร่างกาย เช่น เวลามีไข้ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็น MS อาจจะมาพบแพทย์เนื่องจากมีอาการเกิดขึ้นหลังจากผ่านภาวะเหล่านี้ หรือมีอาการเหนื่อยล้าอ่อนแรงจนไม่สามารถจะทำกิจวัตรประจำวันตามปกติได้

                    ถึงแม้ว่าอาการเหนื่อยล้าอ่อนแรงจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการดำเนินโรค MS แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่สามารถทำให้อาการเหนื่อยล้าอ่อนแรงเป็นมากขึ้นได้ เช่น ภาวะที่ร่างกายไม่แข็งแรง อาการซึมเศร้าหดหู่    การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

    การรักษาอาการเหนื่อยล้าอ่อนแรง

                    ถ้าอาการมาจากสาเหตุอื่นนอกเหนือจากโรค MS เอง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรจะหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนี้และรักษาอาการนั้นโดยตรง

                    ถ้าอาการเหนื่อยล้าเป็นปัญหาหลักในผู้ป่วยที่เป็น MS อาจจำเป็นจะต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่าง บางครั้งอาจต้องเปลี่ยนเวลาทำงาน หรือเปลี่ยนอาชีพ มียาไม่มากนักที่ใช้รักษาอาการอ่อนล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เป็น MS ซึ่งมีอาการเหนื่อยล้ามากก็ยังได้รับผลดีจากการรักษา จึงควรพูดคุยกับแพทย์ของท่านเกี่ยวกับยาที่เหมาะสมกับสภาวะของท่าน

                    การรักษาโดยไม่ใช้ยา เช่น การนอนหลับพักผ่อนเป็นเวลา การหยุดพักระหว่างทำกิจกรรม การฝึกกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกายเทคนิคต่าง ๆ เช่น Biofeedback  การจัดตารางเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ การอาบน้ำเย็น หรือการเปิดแอร์ในช่วงอากาศร้อน เหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าได้ การฝึกโยคะ และการนั่งสมาธิจะช่วยทำให้การควบคุมอาการอ่อนล้าได้ดีขึ้น  แต่ต้องระวังว่าการออกกำลังกายที่หนักเกินไปอาจจะทำให้อาการอ่อนล้าเป็นมากขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็น MS ควรเข้าใจและปรับปรุงการทำกิจกรรมให้เหมาะสมกับตนเอง

    การรักษาอาการเกร็ง

                    อาการเกร็งเกิดจากการเพิ่มความตึงตัวของกล้ามเนื้อ อาจจะเกิดร่วมกับอาการปวดเนื่องจากกล้ามเนื้อมีการหดตัวอย่างมาก 

                    การรักษาโดยไม่ใช้ยา ได้แก่ การฝึกคลายกล้ามเนื้อและการทำกายภาพบำบัด โดยยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านใน สะโพก ขา หลัง ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเอง หรือการออกกำลังที่ต้องมีผู้ช่วย การยืดกล้ามเนื้อจะช่วยลดอาการเกร็งและป้องกันการหดสั้นของกล้ามเนื้อ ซึ่งการฝึกนี้ควรจะได้รับการสอนจากนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์

                    การรักษาอาการเกร็ง ขึ้นกับความรุนแรงของอาการเกร็งที่เกิดขึ้น การซื้อยามารับประทานเพื่อคลายอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้ออาจจะช่วยลดอาการเกร็งได้  เมื่อไม่นานนี้มียาต่าง ๆ จำนวนมาก ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการรักษาการอาการเกร็ง โปรดปรึกษากับแพทย์ที่ดูแลท่านเกี่ยวกับยาเพื่อช่วยลดอาการที่ท่านมีอยู่

                    สิ่งที่ควรระวังก็คือ ผู้ป่วยบางคนมีกำลังของกล้ามเนื้อขาน้อยอยู่แล้ว การที่ลดอาการเกร็งมากเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรงพอในการทรงตัว

    การรักษาความสมดุลและการเคลื่อนไหวประสานกัน

                    ปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวประสานกัน และปัญหาด้านการทรงตัวอาจจะเกิดขึ้นได้เมื่อสมองน้อยเป็นตำแหน่งที่เกิดพยาธิสภาพ 

    สมองน้อยเป็นสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานประสานกันของการเคลื่อนไหว พยาธิสภาพที่เกิดขึ้นจะทำให้มีการเสียสมดุลของร่างกายในการทรงตัว นอกจากนี้จะทำให้มีปัญหาในการหยิบจับวัตถุขนาดเล็กด้วยมือ อาการสั่นเป็นอีกอาการหนึ่งที่ตรวจพบได้

    การรักษาการเสียการทรงตัวและการทำงานประสานกัน คือ การออกกำลังกายซึ่งเป็นหนึ่งในกายภาพบำบัดที่ได้รับการแนะนำในทุก ๆ ระดับของความรุนแรงที่เกิดขึ้น

    การรักษา MULTIPLE SCLEROSIS

           การรักษา MS ขึ้นอยู่กับสภาวะของโรคในขณะนั้น โดยมุ่งหวังให้เกิดความทุพพลภาพน้อยที่สุด แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

    1.  การรักษาการกลับเป็นซ้ำ เป็นการรักษาเฉียบพลัน

    เมื่อมีอาการของการกลับเป็นซ้ำเกิดขึ้น การรักษาด้วย Corticosteroids ;Solu-Medrol, Medrol (Methylprednisolone), Decadron (dexamethasone), prednisolone และอื่นๆยังคงใช้ในการรักษาอาการที่เกิดเฉียบพลัน โดยหวังว่ายาจะไปลดการบวมของพยาธิสภาพที่กำลังเกิดขึ้นในสมองหรือไขสันหลัง

    ยากลุ่มนี้มีผลน้อยมากต่อตัวโรค MS เองแต่การลดการบวมและการอักเสบจะช่วยให้ส่วนที่เกิดพยาธิสภาพนั้นกลับมาสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น 

    ผลข้างเคียงจากยากลุ่มนี้ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ภาวะบวมจากน้ำ ( fluid retention), สิว,กระดูกพรุน ต้อกระจก,น้ำหนักขึ้น, น้ำตาลสูง อย่างไรก็ตามพบว่าการให้ Corticosteroids ในระยะเวลาสั้นนั้น ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะทนกับผลข้างเคียงของยาได้ดี  และมีผลข้างเคียงน้อย

    2.  การรักษาต่อเนื่อง มุ่งหวังเพื่อชะลอการดำเนินของโรค

                    2.1 ยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressive drugs)

    ดังกล่าวแล้วว่าการเกิดโรค MS เป็นโรค autoimmune ซึ่งเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลตัวเอง จึงมีการนำยากดภูมิคุ้มกันมาใช้เพื่อหวังลดการอักเสบและการทำลาย ยาที่ใช้ เช่น Azathiopine (immuran), Metrotrexate ซึ่งควรสั่งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

    จากการศึกษาพบว่า ยากลุ่มนี้อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ายาใหม่ อย่างไรก็ตามอาจมีประโยชน์ในผู้ป่วยกลุ่ม relapsing และ progressive บางราย

    2.2 ยาปรับเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกัน (immunomodulating agents) ได้แก่ Interferon ชนิด Beta และ Glatiramer acetate ซึ่งจะกล่าวโดยละเอียดในบทต่อไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×