คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โรค MS เกิดได้อย่างไรและมีผลอย่างไรกับฉัน
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับโรค MS คือ MS ไม่ใช่โรคติดต่อ และอีกข้อหนึ่ง คือ ไม่จำเป็นที่คนไข้ที่เป็น MS ทุกคนจะต้องลงเอยด้วยการนั่งรถเข็น มีคำกล่าวว่าหลังจากเป็น MS ประมาณ 25 ปี แม้จะไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องนั่งรถเข็น แม้ว่าการดำเนินโรค สภาพของผู้ป่วย และอาการที่เกิดในผู้ป่วยแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปความรุนแรงของอาการทุพพลภาพของผู้ป่วย MSเกิดจากการสะสมของความทุพพลภาพในการกลับเป็นซ้ำของโรคแต่ละครั้ง ดังนั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องวินิจฉัยและรักษาโรค MS ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
MS กับบทบาทของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ปกติระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อต่างๆ โดยอาศัยเม็ดเลือดขาว รวมถึงเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันจำเพาะ เช่น แมคโครฟาจ (Macrophage) ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการต่อสู้กับผู้บุกรุกที่เรียกว่าทีเซลล์(T-cell) ผลที่ตามมาจากการทำหน้าที่ของภูมิคุ้มกันนั้นทำให้เกิดกระบวนการอักเสบขึ้น
ในบางสถานการณ์พบว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่สามารถจำเซลล์ของร่างกายตัวเองได้ โดยเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันจะรายงานว่าเซลล์ของร่างกายตนเองนั้น เป็นสิ่งแปลกปลอม ทำให้ทีเซลล์เข้ามาทำหน้าที่ทำลายเซลล์ของร่างกายตัวเอง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นพบในกลุ่มโรคที่เรียกว่า “ออโตอิมมูน” (Autoimmune Disease) หรือโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลล์ตัวเอง
MS เป็นเพียงโรคหนึ่งในโรคออโตอิมมูนเท่านั้น การที่ระบบภูมิคุ้มกันหันมาทำลายเซลล์ตนเองในโรค MS เกิดขึ้นในระบบประสาทส่วนกลางเท่านั้น สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นได้ เนื่องจากเยื่อกั้นแบ่งระหว่างหลอดเลือดและระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลายไปในระยะแรกของการอักเสบทำให้มีเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันหลุดลอดเข้าไปอยู่ในระบบประสาทส่วนกลางซึ่งตามปกติจะไม่พบทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตรวจจับเซลล์ในระบบประสาทส่วนกลางว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมจึงเกิดการทำลายเซลล์เนื้อเยื่อของตนเองขึ้น โดยพบว่าไมอิลินเป็นตัวหลักที่ถูกทำลาย
การถูกโจมตีโดยเซลล์แมคโครฟาจเป็นเพียงหนึ่งในหลายกลไกที่ทำให้ไมอิลินถูกทำลายเมื่อไมอิลินถูกทำลายจะทำให้การส่งผ่านกระแสประสาทไปตามทางเดินประสาทนั้นถูกรบกวนเป็นผลให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของระบบประสาทนั้นๆ ขึ้น
เมื่อไมอิลินถูกทำลายไปเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้งที่มีอาการกำเริบและมีการซ่อมแซมไม่สมบูรณ์ ในที่สุดจะเหลือเพียงเส้นประสาทที่ไม่มีไมอิลินหุ้ม ทำให้เส้นประสาทที่เหลือถูกทำลายได้ง่ายขึ้นเนื่องจากไม่มีตัวหุ้มห่อคอยปกป้องเส้นประสาท
ความเสียหายของไมอิลิน และผลที่ตามมาใน MS
ดังกล่าวแล้วว่าลักษณะเฉพาะในโรค MS คือ มีการทำลายของไมอิลินในระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่ สมองและไขสันหลัง นอกจากนี้พบว่ามีการทำลาย Oligodendrocyte ซึ่งมีหน้าที่สร้างและซ่อมแซมไมอิลินในระบบประสาทส่วนกลางด้วย โดยตำแหน่งที่มีการอักเสบและถูกทำลายนี้สามารถตรวจได้โดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI
เมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นแมคโครฟาจซึ่งเป็นเซลในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำลายไมอิลินทำให้เส้นประสาทไม่มีตัวห่อหุ้ม เส้นประสาทที่ไม่มีเยื่อหุ้มไมอีลินนี้เรียกว่า Unmyelinated nerve fiber ซึ่งมีความสามารถในการนำกระแสประสาทได้ช้ามากหรือไม่สามารถนำกระแสประสาทได้เลย เนื่องจากกระแสประสาทจะต้องเดินทางตามเส้นประสาทโดยตรงไม่สามารถกระโดดข้ามจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดได้เหมือนเส้นประสาทที่มีไมอิลิน(รูปที่ 1.4.2)
หลังจากขบวนการอักเสบหายดีแล้ว จะมีกระบวนการซ่อมแซมไมอีลินเกิดตามมาเรียกว่า Remyelination ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งการทำลายและการซ่อมแซมเยื่อหุ้มไมอีลินนั้นจะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในระบบประสาทส่วนกลางในโรค MS ร่องรอยจากการอักเสบที่เหลือจะปรากฏเป็นรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่ ซึ่งสามารถเห็นได้จากการตรวจด้วย MRI เราเรียกรอยแผลเป็นนั้นว่า แผ่นแข็ง (Plaque) ถ้าการอักเสบที่เกิดขึ้นเป็นซ้ำๆที่ตำแหน่งเดิม กระบวนการซ่อมแซมจะไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้มีการเสียหายอย่างถาวรที่เส้นประสาทเกิดขึ้น
ในผู้ป่วย MS นั้นพบว่ามีทั้งกระบวนการที่ไมอิลินถูกทำลายและกระบวนการซ่อมแซมไมอิลินเกิดขึ้นหลายครั้ง เราสามารถบอกตำแหน่งที่เกิดการอักเสบในแต่ละครั้งนั้นได้จากอาการและอาการแสดงที่ปรากฎ และสามารถดูร่องรอยการอักเสบได้ โดยการตรวจ MRI
ความคิดเห็น