ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis)

    ลำดับตอนที่ #11 : การป้องกันเยื่อหุ้มไมอิลิน และเซลล์ประสาท

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 53


    ดังกล่าวแล้วว่า Beta-interferon ออกฤทธิ์ยับยั้งเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ในการทำลาย จึงช่วยป้องกันไม่ให้ไมอีลินและเส้นประสาทถูกทำลาย จากการศึกษาพบว่ามีการสูญเสียของเส้นประสาทเกิดขึ้นตั้งแต่ในระยะแรกของโรค MS ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถตรวจได้จากภาพ MRI

               สมองของเรามีความสามารถที่จะทำงานทดแทนส่วนของเส้นประสาทและเซลล์ประสาทที่ถูกทำลายได้โดยในระยะแรกอาจทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนไปใช้เส้นทางเดินประสาทอื่นเพื่อทำหน้าที่แทนระหว่างที่มีการซ่อมแซมไมอิลิน แต่ถ้ากระบวนการอักเสบเกิดขึ้นตลอดเวลาบริเวณเยื่อหุ้มไมอิลินและเส้นประสาท กระบวนการซ่อมแซมนี้จะเสียไป  จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการรักษาที่ช่วยลดการอักเสบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก จึงสามารถป้องกันหรือชะลอการเกิดการทำลายอย่างถาวรได้

                    การรักษา MS ในระยะเริ่มแรกด้วย Beta-interferon นั้น จะช่วยลดการอักเสบของระบบประสาทที่เกิดสะสมจากการกำเริบในแต่ละครั้งของโรค 

                  มีหลักฐานทางการศึกษาว่า Beta-Interferon มีประโยชน์สามารถปรับเปลี่ยนการดำเนินของโรค MS ได้     ถึงแม้ว่าโรค MS จะมีการดำเนินโรคแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน เราไม่สามารถทำนายได้ว่าการดำเนินโรคจะเป็นไปในลักษณะใดในผู้ป่วยแต่ละคน ผู้ป่วยบางคนไม่มีการกลับเป็นซ้ำของโรคอีกเลยเป็นระยะเวลาหลาย ๆ ปี ในขณะที่บางคนมีความผิดปกติของระบบประสาทรุนแรงตั้งแต่เริ่มแรก 

    ก่อนหน้านี้ถึงประมาณ 10 ปีก่อนยังไม่มีการรักษา MS ที่ได้ผล แพทย์ได้ทดลองยาหลายชนิดแต่ไม่พบว่ามีตัวใดมีผลดีในการรักษาโรค MS เลย Interferon-beta เป็นยาตัวแรกที่มีหลักฐานแสดงว่ามีการลดลงของการกลับเป็นซ้ำของโรค และมีการลดการอักเสบจริง ซึ่งแสดงให้เห็นได้ด้วย MRI

    ถึงแม้ขณะนี้ยังไม่มียารักษา MS ให้หายขาดได้แต่ Beta- interferon สามารถทำให้อาการของโรคดีขึ้นได้ ยืดระยะการดำเนินโรคออกไป ลดการอักเสบของเส้นประสาทในระยะเริ่มแรก

                   MS เป็นโรคที่มีการทำลายเยื่อหุ้มไมอิลิน, เส้นประสาท ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเส้นทางเดินของระบบประสาทนั้นทำให้สูญเสียการทำงานซึ่งควบคุมโดยประสาทที่ถูกทำลายนั้น อย่างไรก็ตามสมองคนเรามีความสามารถที่จะทำหน้าที่ทดแทนเส้นทางที่ถูกทำลายในระยะเริ่มแรก โดยการเปลี่ยนไปใช้อีกเส้นทางหนึ่งซึ่งสามารถทำงานได้เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่นเราตั้งว่าจะใช้เส้นทางลัดที่ใกล้ที่สุดจากบ้านของท่านไปยัง ศูนย์การค้า แต่ถ้าการจราจรติดขัดท่านอาจจะหาเส้นทางลัดอื่นได้อีกเช่นกันเหมือนกับสมองสามารถหาเส้นทางเดินประสาทอื่นในการทำงานทดแทน (รูปที่ 3.2)

    เนื่องจากสมองสามารถทำงานทดแทนประสาทที่ถูกทำลายไปในระยะแรกๆ ได้ ดังนั้นในระยะแรกของโรค  MS อาการทางคลินิกต่างๆ อาจจะยังไม่ปรากฏ ถึงแม้ว่ามีการดำเนินของโรคอยู่ก็ตาม ในที่สุดเมื่อเส้นทางเดินประสาทอื่นถูกทำลายไปหมดจนสมองไม่สามารถทำงานทดแทนได้แล้วจึงเกิดอาการและอาการแสดงของ MS ให้เห็น

    จะเห็นได้ว่า ลักษณะของโรค MS นั้นเปรียบได้กับภูเขาน้ำแข็งโดยการดำเนินโรคของ MS ซึ่งเป็นส่วนใหญ่จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เหมือนก้อนน้ำแข็งที่อยู่ใต้ผิวน้ำ มีเพียงเฉพาะบางส่วนที่สังเกตเห็นได้ คืออาการและอาการแสดงซึ่งเปรียบเหมือนส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็ง การตรวจด้วย MRI จะสามารถบอกได้ว่ามีการอักเสบของระบบประสาทเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งอาจไม่สามารถตรวจได้จากการตรวจร่างกายตามปกติ อาการจากการกลับเป็นซ้ำที่ผู้ป่วยมาหาแพทย์เป็นเพียงยอดของน้ำแข็งที่ปรากฏให้เห็น  ดังนั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะลดอาการที่เกิดตั้งแต่เริ่มมีอาการปรากฏ เพื่อยืดระยะเวลาการดำเนินโรคออกไปโดยให้การรักษาที่เหมาะสม (รูปที่ 11.1)

    การทำลายของระบบประสาทที่ไม่สามารถฟื้นคืนได้ในMSนั้นเกิดจากมีการทำลายของไมอิลินที่อยู่รอบๆ เส้นประสาท และตัวเส้นประสาทเอง อย่างไรก็ตามในช่วงแรกนั้น การทำลายของไมอิลิน อาจจะได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟูบ้าง แต่ถ้ามีการทำลายของเส้นประสาทซ้ำแล้วซ้ำอีกจนไม่สามารถซ่อมแซมได้แล้วการทำลายนั้นจะเป็นการทำลายที่ถาวร และถ้าสมองไม่สามารถทำงานทดแทนส่วนของระบบประสาทที่ถูกทำลายไป จะทำให้เกิดการสูญเสียหน้าที่ที่ควบคุมโดยระบบประสาทนั้นตลอดไป

    การรักษา  MS ด้วยยาปรับภูมิคุ้มกันตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของโรคมีประโยชน์ ดังนี้

    1. ลดอัตราการกลับเป็นซ้ำของโรค

    2. ลดความรุนแรงของอาการของโรคที่จะเกิดขึ้น และลดความทุพพลภาพ

        ที่เกิดจากผลรวมของความทุพพลภาพในการกำเริบแต่ละครั้ง

    3. ป้องกันการเกิดการทำลายถาวรของเส้นประสาท

     การอักเสบและการทำลายของเส้นประสาท (Axonal loss ) ใน  MS
      

     

    จะเห็นได้ว่าในรูปที่11.2.1การนำกระแสประสาทจะสามารถกระโดดข้ามจุดต่างๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว  ในขณะที่รูปที่11.2.2  การนำกระแสประสาทเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าเนื่องจากต้องผ่านไปตามทางเดินของเส้นประสาท

    เนื่องจากการดำเนินโรคของ MS แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และสามารถเปลี่ยนไปได้เมื่อเวลาผ่านไป แพทย์ที่ดูแลและตัวท่านเองจะร่วมกันตัดสินใจว่าเมื่อไรควรจะเริ่มการรักษาด้วย Interferon

                    อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น MS ควรจะเริ่มการรักษาให้เร็วที่สุด เพื่อลดการทำลายของเส้นประสาทและลดการเกิดภาวะทุพพลภาพในอนาคตให้ได้มากที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×