ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis)

    ลำดับตอนที่ #10 : เราได้ประโยชน์จากการใช้ยาปรับเปลี่ยน ระบบภูมิคุ้มกัน ในโรค MS ได้อย่างไร

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 53


    ส่วนประกอบของ Beta- Interferon

    Interferon beta-1b (Betaferon®) เป็นโปรตีนที่ได้จากธรรมชาติผ่านการพันธุ์วิศวะ เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตโดยใช้แบคทีเรีย (Escherichia coli)

                    Interferon beta-1b ใช้รักษา MS มาหลายปีแล้ว         

    ตารางเปรียบเทียบ Beta-Interferon แต่ละชนิด

    ผลิตภัณฑ์

    Interferon beta-1b (อินเตอร์เฟอรอนเบต้า-วันบี)

    ชื่อทางการค้า

    Betaferon® (เบต้าเฟอรอน)

    บริษัทผู้ผลิต

    Schering (เชริง)

    ชนิดของ MS ที่ควรรับการรักษา

    - Early MS ( Clinical isolated syndrome)

      ( CIS ) MS ระยะเริ่มแรก โดยมีอาการที่เข้าได้กับโรค MSเพียงครั้งเดียว และไม่สามารถอธิบายได้ด้วยโรคอื่น ๆ

    -Relapsing-remitting MS (MSชนิดกลับเป็นซ้ำ)

    -Secondary progressive MS (MSชนิดที่มีการดำเนินโรครุดหน้าในภายหลัง)

    ขนาดความถี่ของการให้

    250 ไมโครกรัม วันเว้นวัน

    วิธีการให้ยา

    ฉีดใต้ผิวหนัง

    ลักษณะผลิตภัณฑ์

    เป็นขวดมาพร้อมกับกระบอกฉีดยาที่มีสารละลาย

    เครื่องฉีดยาอัตโนมัติ

    Betaject (เบต้าเจค)

    Betaject Light (เบต้าเจคไลท์)

    การเก็บผลิตภัณฑ์

    เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง (ไม่เกิน 25° องศาได้นานระยะเวลา 2 ปี

     

    ฉันจะได้ประโยชน์จากยาอย่างไร ?

    -          เนื่องจาก Betaferon® มีข้อบ่งใช้ใน  MS  อยู่ 2 ชนิด ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด ดังนั้นผู้ป่วยเกือบทุกคนมีโอกาสที่จะได้ยานี้ในการรักษา และปัจจุบันได้รับการอนุมัติใน MS ระยะ Clinical Isolated Syndrome (CIS) ซึ่งเป็น MS ระยะเริ่มแรก โดยมีอาการที่เข้าได้กับโรค MSเพียงครั้งเดียว และไม่สามารถอธิบายได้ด้วยโรคอื่น ๆ

    -          วิธีการฉีดยาด้วยตนเอง เหมือนกับการฉีดยาในผู้ป่วยเบาหวาน

    -          สารละลายที่ใช้เตรียมยาเป็นสารละลายที่ปราศจากเชื้อ ไม่มีการเติม  สารปรุงแต่งลงไปในยา

    -          เครื่องมือที่ช่วยในการฉีดยา จะช่วยให้ฉีดยา ได้สะดวก ลดความกลัว            เข็มฉีดยา และลดปฏิกิริยา บริเวณตำแหน่งที่ถูกฉีดยา

    -          การเก็บรักษา Betaferon® มีการยืดหยุ่นได้บ้าง สามารถทำให้เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ยาแบบวันเว้นวันมากขึ้น

     กลไกการออกฤทธิ์ Beta-interferon

                    อย่างที่ได้ทราบมาบ้างแล้วว่า  ในโรค MS นั้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีความผิดพลาดในการตรวจสอบโดยจะตรวจจับว่าเนื้อเยื่อของร่างกายตนเองเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงเกิดการทำลายเนื้อเยื่อขึ้น เรียกว่า Autoimmune disease

    Beta-interferon จะช่วยยับยั้งการทำลายเซลล์เนื้อเยื่อโดยออกฤทธิ์ป้องกันการทำลายเยื่อกั้นแบ่งระหว่างหลอดเลือดและสมอง (Blood- Brain-Barrier) เมื่อเซลของระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถข้ามผ่านเยื่อกั้นระหว่างหลอดเลือดและสมองได้ ก็จะไม่เกิดการอักเสบภายในเนื้อสมองเกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าการยับยั้งไม่ให้เซลล์ภูมิคุ้มกันผ่านเข้าไปในสมองเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการหยุดยั้งการอักเสบ

    นอกจากนี้ Beta-interferon ยังมีบทบาทในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส และลดการผ่านเข้าของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่จะข้ามเยื่อกั้นระหว่างหลอดเลือดและสมองจึงมีฤทธิ์ลดการอักเสบและลดการทำลายของเซลล์ประสาทได้  ส่วน Non-interferon ยังไม่ทราบกลไกที่แน่นอนในการออกฤทธิ์

    โดยสรุป Beta-Interferon  เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรค MSโดยมีกลไกการออกฤทธิ์ของยา ดังนี้

    -          ยา Beta-Interferon  ออกฤทธิ์โดยปรับเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    -          ยา Beta-Interferon  จะไปปรับปรุงการสร้างโปรตีน, ลดการหลั่งของสารเหนี่ยวนำการอักเสบ, ทำให้เส้นประสาทถูกทำลายน้อยลง, ช่วยชะลอการดำเนินโรคของ MS และชะลอระยะเวลากว่าที่ผู้ป่วยจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้



    กลไกการออกฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกันของยา Beta-Interferon 

    1.      Beta-Interferon               ลดการผ่านของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่เข้าไปในระบบประสาทส่วนกลาง จึงทำให้                                            ระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลายน้อยลง

      

     

    2.      Beta-Interferon            ลดการทำงานของโมเลกุลที่ใช้ในการยึดเกาะสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และลดการสร้าง     เอ็นไซม์ที่จำเป็นในการทำลายตัวควบคุมการผ่านเข้าออกระหว่างเลือดกับสมอง    (Blood-brain barrier) ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟโซทผ่านเข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลางได้น้อยลง

    3.      Beta-Interferon            ลดการเพิ่มจำนวนเซลล์ภูมิคุ้มกันทำให้เซลล์ของร่างกายถูกทำลายโดยระบภูมิคุ้มกันของตนเองได้น้อยลง

    4.       Beta-Interferon           ลดการแสดงออกของสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟโซทจึงทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟโซทถูกกระตุ้นน้อยลงส่งผลให้การเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟโซทลดลงด้วย


     

    5.      ยา Beta-Interferon         ลดการสร้างสารสื่อประสาทจากเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟโซท และกระตุ้นการสร้างสารสื่อประสาทที่ช่วยต่อต้านการอักเสบ ได้แก่ IL-10, IFNนอกจากนี้ยังช่วยลดการ   สร้างอนุมูลอิสระ และลดการหลั่งไนตริกออกไซด์


     

    6.  ยา Beta-Interferon          ช่วยเสริมการทำงานของแอสโทรโซท(astrocyte) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมในระบบประสาทโดยช่วยสร้างปัจจัยในการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท (nerve growth factor),ช่วยเร่งการฟื้นฟู และการสร้างปลอกประสาทไมอิลินใหม่     (remyelination)



     

     

    กลไกการออกฤทธิ์

    IFN-β

    GA

    กระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันในระบบประสาทส่วนปลาย

    ใช่

    ไม่แน่ชัด

    ลดการผ่านของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่เข้าไปในระบบประสาทส่วนกลาง

    ใช่

    ไม่

    กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในระบบประสาทส่วนกลาง

    ใช่

    ไม่แน่ชัด

    การหลั่งสารสื่อประสาทชนิด cytokine / chemokine’s

    ใช่

    ใช่

    ยับยั้งการหลั่งของโมเลกุลที่ทำให้เกิดการทำลายเซลล์ประสาท

    ใช่

    ไม่แน่ชัด

    ป้องกันการทำลายและการสูญเสียของเส้นประสาท (axons) และโอลิโกเดนโดซัยต์ (oligodendrocyte) ซึ่งเป็นเซลล์ประสาทในระบบประสาทส่วนกลางที่ทำหน้าที่สร้างปลอกหุ้มเส้นประสาท (myelin)

    ไม่แน่ชัด

    ไม่แน่ชัด

                   

                     ตารางแสดงการเปรียบเทียบระหว่างกลไกการออกฤทธิ์ของยา Beta-Interferon    และยา glatiramer acetate (GA)

     

     

    ในผู้ป่วยMS ที่ใช้ IFN ได้ประโยชน์ดังนี้

    -          IFN ลดการผ่านของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่เข้าไปในระบบประสาทส่วนกลาง จึงทำให้ระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลายน้อยลง

    -          IFN ลดการเพิ่มจำนวนของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดการถูกทำลายของระบบประสาทส่วนกลาง

    -          IFN ลดการสร้างโมเลกุลที่มีหน้าที่ทำลายเซลล์

    -          IFN เสริมสร้างการซ่อมแซมเซลล์ประสาท

    เมื่อที่เทียบกับยา glatiramer acetate ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ยังไม่แน่ชัด

    -          ปัจจุบันยังไม่มียาตัวใดในกลุ่มยาปรับเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการอ้างถึงว่าเป็นยาที่ช่วยป้องกันการทำลายเซลล์ประสาท (neuroprotective)

    -          การตัดสินใจในการรักษาควรขึ้นอยู่บนพื้นฐานของการศึกษาทางคลินิกที่ได้รับการยืนยันว่าผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากการรักษาอย่างแน่นอน และไม่ได้ให้ความสำคัญเฉพาะกับกลไกการออกฤทธิ์ของยาเท่านั้น  

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×