คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER 07 : The Duty
The Duty
ในคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองมีห้องกว้างห้องหนึ่งที่ถูกประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีดำชั้นเยี่ยม ทั้งโต๊ะทำงาน เก้าอี้ โซฟา รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่ดูเหมือนเป็นห้องทำงานธรรมดาทั่วไป
แสงสีส้มสลัวจากโคมไฟเรียบหรูที่ติดอยู่บนเพดานส่องสว่างเผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มสามคนที่กำลังพูดคุยเรื่องบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"อาชิโดะ นายยังไม่ลืมจุดประสงค์ที่นายเข้าไปเรียนที่นั่นใช่มั้ย"
ชายหนุ่มผมฟ้าพาดร่างของตัวเองนอนลงบนโซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่ พลางใช้มือสองข้างประสานกันเพื่อใช้รองคอแทนหมอน เขาเอ่ยปากถามชายผมสีเลือดหมูอีกคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางสบายๆ
ฝ่ายคนถูกถามก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างสงสัยในคำถามของคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วตอบไป
"ฉันยังไม่ลืมหรอกน่า กริมมจอว์ ฉันก็กำลังทำหน้าที่ของฉันอยู่นี่ไง"
"แน่ใจนะ ว่านายไม่ได้ชอบเธอจริงๆ”
เสียงอีกเสียงดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มผมดำที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมเดี่ยวอย่างสง่าผ่าเผย ดวงตาสีเขียวมรกตจับจ้องไปยังหนังสือที่เขาถืออยู่ พลางเหลือบมองอาชิโดะเล็กน้อยก่อนหันมาให้ความสนใจกับหนังสือในมือต่อ และออกปากถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งดูจริงจัง
ส่วนอาชิโดะ เมื่อถูกถามแบบนี้ก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจ แต่เขาก็พยายามสลัดความคิดนี้ทิ้งไป แล้วตอบไปอีกครั้ง ด้วยใบหน้ายิ้มๆ
"ก็ใช่น่ะสิ ฉันน่ะไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูเคียหรอกนะ อุล"
"มันจะจริงเร้อออ... ถ้าอย่างนั้น นายก็แสดงละครเก่งมากเลยนะอาชิโดะ"
กริมมจอว์แซวอาชิโดะอีกครั้ง จนคนถูกแซวถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินอีกประโยคหนึ่งจากอุลคิโอร่า
"นายอย่าลืมซะล่ะว่าท่านไอเซ็นมีบุญคุณกับนายมาก อย่าทำให้เรื่องนี้เสียแผนเด็ดขาด"
อาชิโดะฉุกคิดพลางทำสายตาจริงจังขึ้นมาทันที
"เอาน่าอุล ถ้ามันจะรักหรือชอบยัยนั่นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา"
กริมมจอว์ช่วยเสริมให้อาชิโดะด้วยน้ำเสียงที่ยังติดเล่นอยู่ จึงถูกอุลคิโอร่ามองด้วยสายตาเย็นชา จนทำให้เขาต้องเงียบปากไป
"หน้าที่ก็คือหน้าที่ และคำว่าหน้าที่ต้องมาก่อนความรู้สึกของตัวเองเสมอ"
อาชิโดะได้ยินดังนั้นก็หลุบตาลงต่ำทันที เขาคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขา ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเขาจากไปตอนเขาอายุเพียง 7 ขวบ เขาก็ได้ไอเซ็น โซสึเกะคอยดูแลเลี้ยงดูอย่างดีราวกับลูกชายคนหนึ่ง และที่อุลคิโอร่าพูดมามันก็ถูกทุกอย่าง
ภายในห้องเกิดความเงียบขึ้นมาทันใด แม้แต่คนที่ชอบพูดมากอย่างกริมมจอว์ยังเห็นด้วยกับคำพูดของอุลคิโอร่า เพราะทั้งกริมมจอว์และอุลคิโอร่าต่างก็ได้รับการอุปถัมจากไอเซ็นเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูดีเท่ากับอาชิโดะ ที่ไอเซ็นให้เขาเป็นถึงลูกบุญธรรม ด้วยความสามารถหลายด้านของอาชิโดะที่เหนือกว่าคนอื่นๆ
"แล้วนายก็อย่าลืมนะว่าคนที่ทำให้ลูเคียต้องแพ้การต่อสู้ครั้งนี้คือนาย อาชิโดะ" อุลคิโอร่าว่าต่ออย่างต้องการจะตอกย้ำผู้เป็นเพื่อน
อาชิโดะรู้สึกหนักอึ้งไปทั่วทั้งหัวใจ ความรู้สึกผิด เสียใจ และเจ็บปวดถาโถมเข้ามาเมื่อได้ยินคำพูดของอุลคิโอร่า และเมื่อนึกถึงคนที่เขาเพิ่งทำร้ายไป ชายหนุ่มตัวดีว่าอุลคิโอร่าพูดถึงอะไร ก็เพราะเขาเป็นคนทายานั่นลงบนข้อเท้าของลูเคียเองกับมือ ยาชนิดนั้นเขาได้รับมาจากพ่อบุญธรรม พร้อมกับคำสั่งที่ทำให้เขาเครียดอยู่นาน คำสั่งที่ให้เอายาอันตรายตัวนี้ไปใช้กับลูเคีย ซึ่งอาชิโดะก็ต้องกล้ำกลืนฝืนใจทำ โดยขัดคำสั่งไม่ได้
“บอกฉันมาหน่อยสิ ว่านายไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงที่ชื่อลูเคีย”
อุลคิโอร่าพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เขาถามอาชิโดะด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบดูจริงจังเช่นเคย
อาชิโดะชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับอุลคิโอร่าอย่างจริงจัง และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
"ฉันไม่ได้รัก'คุจิกิ ลูเคีย'..."
คำตอบนี้ทำให้อุลคิโอร่าพอใจอยู่ไม่น้อยที่เพื่อนของตนยังไม่ลืมหน้าที่ และบุญคุณที่ท่านไอเซ็นมีต่อพวกเขา
"งั้นก็ดี"
ร่างของอุลคิโอร่าลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมเดี่ยวตัวสวยก่อนหันไปมองกริมมจอว์ที่นอนพาดขากระดิกไปมาอยู่บนโซฟา
"ไปได้แล้วกริมมจอว์"
จากนั้นอุลคิโอร่าก็เดินนำกริมมจอว์ที่เพิ่งกระเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาออกไป ทิ้งให้อาชิโดะต้องใช้ความคิดอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง
'ฉันไม่ได้รักคุจิกิ ลูเคีย...'
'ฉันไม่ได้รักคุจิกิ ลูเคีย...'
'ฉันไม่ได้รักคุจิกิ ลูเคีย...'
'ฉันไม่ได้รักคุจิกิ ลูเคีย...'
'ฉันไม่ได้รักคุจิกิ ลูเคีย...'
คำๆนี้ยังคงก้องอยู่ในหูของอาชิโดะ ถึงแม้ว่าน้ำเสียง สายตาของเขาจะดูมุ่งมั่นและจริงจังมากเพียงใด แต่ภายในใจของเขากลับรู้สึกโหวงๆราวกับว่าเขากำลังโกหกหัวใจตัวเอง
ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มได้รู้จักกับลูเคีย ถึงแม้ว่าเขาจะทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อบุญธรรมให้คอยจับตาดูเธอตลอดเวลาที่อยู่ในโรงเรียนศาสตร์ชินโอ แต่เขากลับสังเกตเห็นมุมต่างๆของเธอ ได้พูดคุยกับเธอ และได้รู้จักกับตัวตนของเธอ มันทำให้เขารู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
อาชิโดะต้องทำตามคำสั่งของไอเซ็นทุกอย่างโดยที่ขัดข้องหรือมีข้อโต้แย้งไม่ได้ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่เขาได้ยินมาว่าท่านจูฮาบัชต้องการตัวลูเคีย
แต่มันก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นที่ลูเคียต้องเข้าไปเป็นคนของตระกูลคุจิกิ ทำให้ลูเคียกับอิจิโกะแทบจะไม่ได้คุยกัน และทำให้เขาไม่ได้สนใจเรื่องคำสั่งอีกต่อไป เขาจึงคอยตามเธอไปในที่ต่างๆ ทั้งต้นไม้ที่เธอชอบปีน โรงฝึกดาบที่เธอชอบไปฝึกคนเดียว จนเขานึกสนุกจึงอยากจะทดสอบฝีมือของเธอ และทำให้เขาเริ่มสนิทกับเธอมากขึ้น
ทุกวันนี้อาชิโดะแทบจะไม่ได้ออกห่างจากลูเคีย เขารู้สึกว่าเขามีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ อย่างนี้เรียกว่าชอบหรือรักได้หรือเปล่า เขาก็ยังไม่แน่ใจ จนนานวันเข้าความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยมันก็เริ่มถักทอเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเขาไม่อาจถอนตัวได้
อาชิโดะยอมรับว่าเขาหลงเสน่ห์ของเธอเข้าอย่างจัง และวันนี้ที่เขาเห็นลูเคียเป็นลมล้มพับไปกลางสนามประลอง ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงเธอจับใจ รู้สึกโกรธตัวเองที่เขาไม่สามารถช่วยเธอได้ รู้สึกเสียใจที่เขาทำให้เธอต้องเป็นแบบนั้น รู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นอิจิโกะอุ้มเธอไป ทั้งๆที่เขาอยากจะดูแลเธอไม่น้อยไปกว่าใคร แต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะกริมมจอว์กับอุลคิโอร่าคอยจับตามองเขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเขาทำได้เพียงแค่ตะโกนชื่อของเธอและวิ่งเข้าไปหาเธอแค่นั้น
ถึงแม้ว่าปากจะพูดว่า 'ฉันไม่ได้รักคุจิกิ ลูเคีย' แต่ในหัวใจกลับมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นสะท้อนเตือนสติเขาตลอดเวลาว่าเขารักลูเคีย...
ถ้าหากวันข้างหน้า หน้าที่ของเขาไม่ใช่แค่การจับตาดูพฤติกรรมของลูเคียหรือทำให้เธอต้องบาดเจ็บอย่างวันนี้ แต่ต้องเป็นคนฆ่าลูเคียเองกับมือ เขาคงทำไม่ได้ และไม่มีวันทำเด็ดขาด แต่อาชิโดะก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นจริงหรือไม่ อาชิโดะรู้เพียงว่าเขาไม่อยากทำร้ายลูเคีย ถ้าลูเคียรู้ว่าเขาเข้าใกล้เธอด้วยจุดประสงค์อื่นเธอจะคิดกับเขายังไงนะ เขารู้สึกกลัวเหลือเกิน
"ฉันคิดว่าฉันรักเธอแล้วล่ะลูเคีย ทำยังไงฉันถึงจะหยุดความรู้สึกนี้ได้นะ"
อาชิโดะพูดพึมพัมกับตัวเองพลางถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่งอย่างเหนื่อยใจ แล้วเดินไปเปิดประตูที่อยู่ที่ข้างกำแพงด้านหนึ่ง เขาเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนล้มตัวนอนลงบนเตียงที่เวลานี้ไร้แสงไฟจากโคมไฟสว่าง มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องทะลุกระจกบานใสเข้ามากระทบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ราวกับมีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่คอยอยู่เป็นเพื่อนยามเขาเหงาใจได้เป็นอย่างดี...
รุ่งเช้าลูเคียตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของตัวเองที่คฤหาสน์คุจิกิ เธอตกใจเมื่อมองไปเห็นนาฬิกาบอกเวลาเก้าโมง ซึ่งหมายความว่าเธอสายแล้ว ลูเคียกระเด้งตัวออกจากที่นอนนุ่มๆอย่างไว แล้วรีบลนลานอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปโรงเรียนศาสตร์ชินโอ แต่เมื่อเธอเดินลงมาจากห้องนอนในชุดนักเรียนก็พบกับผู้เป็นพี่ชายนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นที่แสนโอ่อ่า ทั้งๆที่เขาควรจะออกไปทำงานที่บริษัทคุจิกิได้แล้ว
เบียคุยะยอมหยุดงานที่รอเขาอยู่ที่บริษัทเพื่อจะได้ดูแลลูเคียได้เต็มที่ เขาจึงพยายามค้านไม่ให้เธอไปโรงเรียน แต่สุดท้ายเธอก็ดื้อรั้นจะไปให้ได้ ด้วยกลัวเขาจะเสียงาน เธอจะเสียการเรียน และด้วยเหตุผลที่ว่าเธอหายดีแล้ว ถึงแม้เบียคุยะจะไม่เชื่อ เขาก็ต้องยอมเธออย่างขัดใจไม่ได้อยู่ดี
หลังจากตกลงกันอยู่นาน เบียคุยะก็ยอมออกไปทำงาน และหลังจากนั้นลูเคียก็ขอให้พ่อบ้านไม่ต้องไปส่งเธอที่โรงเรียนเพราะตอนนี้สายมากแล้ว เธอจึงเดินไปโรงเรียนเอง ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก และเมื่อไปถึงที่นั่นก็จะได้เรียนคาบบ่ายพอดี
ระหว่างที่ลูเคียเดินออกมาได้สักพัก เธอเดินไปเรื่อยๆพลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ตอนนั้นลูเคียรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวมืดลง แล้วในที่สุดร่างของเธอก็ทรุดลงไป และรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันอบอุ่นจากอ้อมแขนของใครบางคนที่โอบกอดเธอเอาไว้อย่างหลวมๆ ก่อนที่สติของเธอจะหลุดลอยไป เธอจำได้เพียงแค่นั้น ใครกันที่ช่วยเธอไว้ คนที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุดในตอนนั้น...อิจิโกะ!
เมื่อลูเคียนึกขึ้นได้ ร่างบางก็ชะงักฝีเท้าเท้าหยุดเดินทันที
...เจ้าบ้าอิจิโกะน่ะเหรอ บ้าน่า...
ลูเคียคิดก่อนส่ายหน้าเบาๆเพื่อสลัดความคิดที่ว่านั้นทิ้งไป แล้วก้าวเท้าเดินต่อ ในใจก็คิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่อิจิโกะแล้วจะเป็นใคร เพราะเวลานั้นอิจิโกะอยู่ใกล้เธอมากที่สุด ก่อนหน้านั้นเขายังอยากจะเอาชนะเธออยู่เลย แววตาที่แข็งกร้าวและดูน่ากลัวนั่น...
แต่สัมผัสอันอบอุ่นที่เธอรู้สึกได้มันคืออะไรกัน อิจิโกะงั้นเหรอ?
ระหว่างที่ลูเคียกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นั้น ดวงตาสีไพลินของเธอก็เบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปเห็นร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของผมสีส้มแสบตาที่เธอกำลังคิดถึงอยู่พอดี เขายืนกอดอกพิงกำแพงหลบมุมข้างเสาไฟฟ้า ราวกับว่ากำลังหลบซ่อนใครบางคนอยู่ แต่ตอนนี้เปลือกตาของเขาปิดลงสนิท อีกทั้งหัวยังโยกสับปะหงกไปมาอย่างคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
ลูเคียสงสัยว่าทำไมอิจิโกะถึงมาอยู่ตรงนี้ เพราะตอนนี้ก็สายมากแล้ว เขาควรจะอยู่ที่โรงเรียนไม่ใช่เหรอ
...ตายยากชะมัดเลย มายืนรอใครกันนะ...
ลูเคียคิดก่อนเดินตรงเข้าไปหาคนตรงหน้า พอเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึกตัวเสียที ลูเคียเพ่งพินิจใบหน้าคมคายของเขา ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือน ยิ่งเหมือนก็ยิ่งคิดถึง ยิ่งคิดถึงก็ยิ่ง...
ด้วยความสูงของเธอยังห่างอิจิโกะอยู่มาก ทำให้เธอต้องเขย่งเท้าขึ้นเพื่อให้อยู่ในความสูงระดับเท่ากัน ลูเคียจ้องใบหน้าของอิจิโกะอยู่สักพักก่อนยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
"อิจิโกะ..."
หญิงสาวกระซิบข้างหูเขาเบาๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าเขาจะตื่นขึ้นมา ลูเคียยิ้มเจ้าเล่ห์รู้สึกหมั่นไส้ในท่าทางขี้เก๊กของอิจิโกะไม่น้อย จึงคิดจะแกล้งชายหนุ่มตรงหน้าสักครั้ง
...ถือว่าเอาคืนแล้วกันที่นายชนะฉันเมื่อวาน หึ!...
ผัวะ!!!
เสียงเท้าของลูเคียศอกเข้าที่หน้าท้องของอิจิโกะอย่างแรงทำให้ร่างของเขาล้มตึงลงไปกับพื้นพร้อมเสียงโอดครวญและเสียงโวยวาย
"โอ้ยยย...ทำบ้าอะไรของเธอห้ะยัยเบื้อก"
อิจิโกะที่ล้มลงไปรีบลุกขึ้นแล้วหันหน้ามาต่อว่าตัวต้นเหตุ ในขณะที่เธอกำลังยิ้มหัวเราะชอบใจกับท่าทางของเขา เธอไม่ได้รู้สึกสนุกและมีความสุขแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
"ขำอะไรของเธอ"
อิจิโกะหน้าตึงอย่างไม่สบอารมณ์แล้วถามอีกครั้งเมื่อลูเคียไม่ยอมตอบ และเอาแต่อมยิ้มอยู่อย่างนั้น รอบที่สองแล้วนะที่เธอทำร้ายร่างกายเขาแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธมากเท่าที่ควร กลับดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า
แม้ว่าเขาจะทำใบหน้าบึ้งตึงเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแค่ไหนก็ตาม ซึ่งอิจิโกะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นมาตอนไหน รู้แต่ว่าเขาจะรู้สึกแบบนี้โดยอัตโนมัติเมื่อได้เจอลูเคีย เป็นกับลูเคียคนแรกและคนเดียว
"เปล่า..." ลูเคียตอบเสียงสูง เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ตนทำ และนั่นทำให้คนร่างสูงกว่าขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก
"ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่ ไม่ไปโรงเรียนรึไง"
ลูเคียพูดขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้
"ก็มารอเธ..."
'ก็มารอเธอไง' อิจิโกะเกือบหลุดประโยคนี้ออกไปแต่หยุดปากได้ทันก่อนที่ลูเคียจะได้ยิน จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าเขามารอเธอตั้งแต่เช้าเพราะเป็นห่วง... กะว่าจะมาแอบดูซักหน่อย แต่เจ้าตัวดันมาเห็นซะก่อน
"ว่าไงนะ มารอ... รอใคร?"
"เอ่อ ฉัน ฉันแค่บังเอิญเดินผ่านมา แล้วมันเหนื่อยก็เลยหยุดพัก แค่นั้นเอง"
อิจิโกะตอบหน้าตายแต่ภายในใจรู้ดีว่ากำลังโกหกด้วยการอ้างเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด เพราะโรงเรียนศาสตร์ชินโอเข้าเรียนเวลา 9 โมงตรง แต่นี่มันเที่ยงเกือบบ่ายแล้วแท้ๆ
เขาไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลยแถไปเรื่อย แล้วก้าวเท้าเดินตรงไปยังทางที่ไปโรงเรียนต่อ และลูเคียก็เดินตามไปขนาบข้างเขา เพราะเธอก็ต้องเดินไปทางนี้เหมือนกัน
"หืม... นายบังเอิญผ่านมา แล้วเหนื่อยก็เลยมายืนหลับอยู่ตรงนี้เนี่ยนะ บ้ารึเปล่า"
ลูเคียถึงกับขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเหตุผลของอิจิโกะ
"ช่างฉันเถอะน่า แล้วเธอไม่ไปโรงเรียนรึไง"
"ก็กำลังจะไปอยู่นี่ไง แต่ดันเจอคนบ้ามายืนหลับอยู่ข้างถนนซะได้"
"ก็บอกแล้วไงว่าช่างฉันเถอะน่า แล้วเบียคุยะไม่มาส่งเธอรึไง" อิจิโกะถาม ทั้งคู่เดินไปคุยไปอย่างสบายอารมณ์ ราวกับว่าเรื่องราวที่เคยบาดหมางกันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"พี่เบียคุยะก็ไปทำงานน่ะสิ"
"อืม...เอ่อ แล้วเธอหายดีแล้วเหรอ"
ลูเคียเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองอิจิโกะ
"หายแล้วล่ะ เมื่อวานนายเป็นคนพาฉันไปห้องพยาบาลใช่มั้ย"
อิจิโกะหันมาสบตาลูเคียแล้วตอบ
"ใช่ ฉันเองแหละ"
"ขอบใจนะ" ลูเคียบอกด้วยความจริงใจ ใบหน้าหวานยิ้มบางๆ น้ำเสียงดูอ่อนโยนมากจนใจของอิจิโกะเริ่มสั่นเบาๆ ไม่นึกว่าคนอย่างลูเคียจะพูดคำนี้เป็นกับเขาเหมือนกัน
อิจิโกะดึงตัวเองกลับมาก่อนถามลูเคียในสิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุด
"ทำไมเธอไม่สู้"
คำถามนี้ทำให้ลูเคียถึงกับหยุดเดิน ภาพนั้นค่อยๆกลับมาในสมองของเธออีกครั้ง ภาพที่เธออยากลืม นึกแล้วก็รู้สึกจุกที่อกอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่คิดว่าจะจดจำเอาไว้เป็นแค่ความทรงจำที่ใช้เตือนสติ แต่เหตุการณ์เมื่อวานทำให้เธอกลับมีอาการแบบนี้อีกครั้ง อาการที่ร่างกายรู้สึกไม่มีแรงเอาเสียดื้อๆ อาการปวดหัวเมื่อคิดถึงเรื่องราวอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เหมือนกับช่วงแรกๆที่ยังทำใจไม่ได้ตอนที่พี่ไคเอ็นจากโลกนี้ไป
เมื่ออิจิโกะรู้สึกได้ว่าเสียงฝีเท้าของลูเคียหยุดลง เขาก็หันกลับไปมองลูเคียและพบว่าเธอกำลังก้มหน้าอยู่ มือของเธอกำแน่นราวกับกำลังจะสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างอยู่ ซึ่งอิจิโกะก็ไม่เข้าใจอารมณ์ของหญิงสาวเลยสักนิด ทั้งๆที่เรื่องคืนนั้นก็ผ่านมานานแล้วแท้ๆ
อิจิโกะรู้ดีว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ดูจากท่าทางของลูเคียแล้ว เธอคงจำเขาไม่ได้จริงๆ เพียงแต่ตอนนี้รู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นเธอเป็นแบบนี้
"เอ่อ...ถ้าเธอไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ลืมๆมันไปซะเถอะ"
ลูเคียได้ยินดังนั้นก็ก้าวเท้าเดินต่อสักพักก่อนเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มอย่างขอบคุณอีกครั้ง ก่อนหลุบตาลงต่ำพร้อมกับเหยียดยิ้มที่มุมปากยิ้มให้กับความอ่อนแอของตัวเอง
"หึ ไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวก็ไม่ทันเรียนคาบบ่ายหรอก" ลูเคียว่าแล้วเดินเร็วนำอิจิโกะไป ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเดินตาม
"ว่าแต่นายน่ะ ยอมพูดดีๆกับฉันแล้วรึไง"
"ก็ฉันเบื่อแล้วล่ะที่จะต้องมาทำตัวงี่เง่าแบบเด็กๆ แล้วก็ฉันอยากคุยกับเธอ" อิจิโกะตอบ แต่ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกมาเบาเกินที่หญิงสาวข้างกายเขาจะได้ยิน
"เพิ่งรู้ตัวเหรอว่านายชอบทำตัวงี่เง่าเป็นเด็กๆ" ลูเคียยักคิ้วหลิ่วตากวนประสาทอิจิโกะ
"นี่เธอ!" เป็นอีกครั้งที่ท่าทางของอิจิโกะทำให้ลูเคียยิ้มได้ ทั้งสองต่างเดินไปคุยไปพร้อมกับเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นจังหวะ
นานแล้วที่ลูเคียไม่ได้รู้สึกสบายใจ มีความสุข สนุกขนาดนี้ ตั้งแต่คนๆนั้นจากไป...พี่ไคเอ็น แต่วันนี้เธอกลับมีความรู้สึกพวกนี้เกิดขึ้นมาในใจเมื่อเธอได้พบเจอกับ...อิจิโกะ
ทั้งลูเคียและอิจิโกะต่างเดินไปเรื่อยๆจนถึงโรงเรียนแล้วเข้าไปพร้อมกัน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองทุกการกระทำของทั้งคู่อยู่ห่างๆ
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ ซาบซึ้งจริงๆค่ะ T^T
รีดเดอร์อย่างเพิ่งหายไปไหนน้าาา
ขอโทษที่มาอัพช้าค่ะ งานเยอะมากๆเลย -0-
ความคิดเห็น