คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 06 : Danger Plan
CHAPTER 6
Danger Plan
"ลูเคีย!!!"
เพื่อนๆหลายคนต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รีบวิ่งเข้าไปหาคนทั้งคู่พร้อมกันทันที ทำให้คนที่ล้มลงไปถูกรุมล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย พวกฮิซากิและรันงิคุจึงต้องช่วยกันเคลียร์พื้นที่ จนเหลือนักเรียนอยู่ในโรงฝึกแค่ไม่กี่คน
"อิจิโกะ ฉันพาลูเคียไปห้องพยาบาลเอง" เร็นจิบอกกับอิจิโกะอย่างรีบร้อน และทำท่าจะช้อนร่างบางขึ้นจากอ้อมกอดของอิจิโกะ
"ไม่ต้องเร็นจิ ฉันทำให้ลูเคียต้องเป็นแบบนี้ ฉันจะพาเธอไปเอง"
อิจิโกะพูดตัดบทโดยไม่ฟังคำพูดเร็นจิเลยสักนิด มือของเขากระชับร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอดอย่างถนัดมือเพื่อปรับท่าทางให้สบาย ก่อนอุ้มลูเคียขึ้น และเดินออกจากโรงฝึกอย่างรวดเร็ว
เร็นจิ อาชิโดะ และเพื่อนๆคนอื่นได้แต่ยืนมองการกระทำของอิจิโกะอย่างงุนงงและประหลาดใจ
"คุณคุโรซากิไม่ถูกกับตระกูลคุจิกิไม่ใช่เหรอคะ" ฮินาโมริถามขึ้นด้วยความสงสัย
"ไม่รู้สิฮินาโมริ ของแบบนี้น่ะห้ามกันได้ซะที่ไหนเล่า” สาวสวยเจ้าของรูปร่างอวบอึ๋มอย่างรันงิคุพูดกลั้วหัวเราะ พลางอมยิ้ม จนคนฟังอย่างฮินาโมริทำท่างงอย่างไม่เข้าใจความหมายที่สาวเจ้าต้องการสื่อ
“ช่างเถอะๆ บางทีทั้งสองคนอาจเป็นคนที่ทำให้ทั้งสองตระกูลกลับมาคุยกันก็ได้นะ ใครจะไปรู้" รันงิคุพูดอมยิ้มนิดๆอีกครั้งอย่างมีเลศนัย ซึ่งฮินาโมริก็ยังคงไม่เข้าใจความหมายนั้นอยู่ดี
ถึงใครจะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดรันงิคุ แต่ทั้งเร็นจิและอาชิโดะต่างเข้าใจดี ชายหนุ่มทั้งสองได้แต่ยืนเงียบ สีหน้าหวั่นวิตกจนคิระต้องเรียกเตือนสติคนทั้งสอง เร็นจิพยักหน้าเชิงรับว่าเขาไม่เป็นไร แต่อาชิโดะไม่... เขารู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ และเขาก็จะไม่ยอมให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้อีกแล้ว ไม่มีทาง!
จากมุมสูงของโรงฝึกดาบสามารถมองได้ทั่วทั้งสนามประลอง ดวงตาคู่หนึ่งได้เฝ้ามองการต่อสู้ของอิจิโกะกับลูเคียตั้งแต่ต้นจนจบอย่างไม่คลาดสายตา คนๆนั้นเพียงแต่กระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจกับภาพตรงหน้า
ด้านหลังของชายร่างใหญ่ มีคุณครูคนหนึ่งของโรงเรียนศาสตร์ชินโอได้แต่ยืนก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลคนนี้ เขายืนเหงื่อตกอย่างนึกหวาดกลัว
แน่ล่ะ... เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ คุโรซากิ อิจิโกะ กับคุจิกิ ลูเคีย จะได้ประลองดาบกัน ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกโดยผู้ชายที่นั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้นวมสุดหรูนี้ต่างหาก เขาเพียงแต่รับคำสั่งและทำตามก็แค่นั้น แต่ไม่นึกว่าเด็กของโรงเรียนตัวเองจะเป็นลมล้มพับไปแบบนี้
“เอ่อ คือ... คุณจูฮาบั...” คุณครูหนุ่มเอ่ยปากเรียกชื่อคนคนนั้นเสียงสั่นอย่างกล้าๆกลัวๆ
“หมดธุระของคุณครูแล้ว กรุณาออกไปจากตรงนี้ด้วยครับ”
ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังยืนอยู่ข้างผู้มีอิทธิพลคนนั้น สวมแว่นดูท่าทางฉลาด และใส่ชุดสูทสีขาว พูดขัดเขา ก่อนกล่าวอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ส่งสายตาเชิงตำหนิ จนอีกฝ่ายแอบขนลุกและสะดุ้งเบาๆ พลางรีบเดินไวๆจนเกือบจะวิ่งออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
"เด็กคนนี้ใช่มั้ย เมื่อ 3 ปีก่อน..."
น้ำเสียงเย็นยะเยือกแฝงไปด้วยความมีอำนาจ และน่าเกรงขามถูกเปล่งออกมาผ่านริมฝีปากหนาและหนวดเคราเฟิ้มของชายคนนั้น
"ใช่ครับ ท่านจูฮาบัช" เสียงของชายเจ้าของผมสีน้ำเงินเข้มคนเดิมตอบกลับผู้เป็นนาย
"คุจิกิ ลูเคียสินะ"
จูฮาบัชยิ้มเย็น พลางมองไปยังเด็กหนุ่มผมส้มที่กำลังอุ้มร่างเล็กนั้นวิ่งออกไปจากโรงฝึกด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
“ไปได้แล้วล่ะ อิชิดะ”
เจ้าของชื่ออิชิดะก้มหัวลงให้ชายร่างใหญ่นาม‘จูฮาบัช’เล็กน้อย ก่อนที่จูฮาบัชจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินจากไป โดยมีอิชิดะเดินตามหลังเขาไปติดๆ
หลังจากที่อิจิโกะพาลูเคียมาส่งที่ห้องพยาบาล ทางโรงเรียนก็แจ้งข่าวไปบอกผู้ปกครองของเธอทันที ทั้งงินเรย์ และเบียคุยะก็รีบขับรถมุ่งตรงมาหาลูเคีย และได้พาอุโนะฮานะ ผู้มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าหน่วยพยาบาลแห่งเซเรเทย์มาด้วย
"คุณลูเคียแค่มีอาการเหนื่อยล้าจากการต่อสู้เท่านั้นค่ะ อีกสักพักก็คงจะฟื้น ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณคุจิกิ" อุโนะฮานะยืนคุยกับงินเรย์หน้าห้องพยาบาล โดยปล่อยให้เบียคุยะนั่งเฝ้าลูเคียอยู่เพียงลำพัง
“แต่อาการบวมช้ำที่ขาข้างขวาบริเวณข้อเท้านั่น...มันผิดปกติเกินจะเป็นแค่แผลธรรมดานะคะ”
“ผิดปกติยังไงเหรอครับ คุณอุโนะฮานะ” เสียงของเบียคุยะดังขึ้นหลังจากที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย และทันได้ยินหัวหน้าหน่วยพยาบาลแห่งเซเรเทย์พูดแบบนั้น
ทั้งงินเรย์ และเบียคุยะต่างหันมองหน้ากันอย่างนึกกังวล ก่อนกลับไปให้ความสนใจกับประโยคที่อุโนะฮานะกำลังจะพูด ประโยคที่ทำให้ทั้งสองคนตกใจ...
"ผมพาน้องสาวของผมกลับบ้านได้รึเปล่า"
"ได้ค่ะ แต่ช่วยระวังหน่อยนะคะ"
เบียคุยะพยักหน้ารับคำของอุโนะฮานะเล็กน้อยก่อนหันไปหาผู้เป็นปู่
"ดูแลเธอให้ดีๆล่ะเบียคุยะ" งินเรย์บอกกับเบียคุยะ พลางส่งสายตาแปลกๆให้เขา แล้วเดินจากไปพร้อมกับอุโนะฮานะ
เบียคุยะเดินกลับเข้าไปหาลูเคียอีกครั้ง และยืนมองเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วงสุดหัวใจ เขาใช้มือลูบหัวเธอเบาๆ สัมผัสและแววตาอันอ่อนโยนจับจ้องไปที่ใบหน้าหวานที่บัดนี้ดูขาวซีดลงไปถนัดตา
“พี่ผิดเองลูเคีย เพราะพี่ดูแลเธอไม่ดี พี่ขอโทษ...”
เบียคุยะพูดเสียงแผ่วเบาด้วย น้ำเสียงที่ฟังกี่ทีก็รู้สึกอบอุ่น เพียงแต่คนที่เขาต้องการให้ได้ยินยังไม่มีสติพอที่จะรับฟัง เขาอุ้มร่างของลูเคียขึ้นอย่างเบามือ แล้วเดินออกไปจากห้องพยาบาลตรงไปที่รถของเขา
ทุกการกระทำ และทุกคำพูดนั้นได้ถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสีน้ำตาลของอิจิโกะมองตามหลังเบียคุยะที่อุ้มลูเคียออกห่างไปเรื่อยๆจนลับสายตา
หลังจากที่เขาพาลูเคียมาถึงห้องพยาบาล เขาก็รีบวิ่งออกไปทันที ทำตัวเหมือนไม่สนใจ และไม่เป็นห่วงเธอ แต่เขากลับไม่ได้ไปไหนไกล เขาทำได้แค่คอยแอบเฝ้าดูแลเธออยู่ห่างๆเพียงเท่านั้น
"คงไม่เป็นไรแล้วสินะ ลูเคีย"
หลายครั้งแล้วที่อิจิโกะแอบเฝ้ามองลูเคียโดยไม่ให้เธอรู้ตัว หลายครั้งที่คิดว่าตัวเองงี่เง่าจนทำให้เราทั้งสองคนแสดงท่าทีมึนตึงใส่กันอย่างนี้ ทั้งๆที่ภายในใจต้องการจะแสดงความรู้สึกออกมาในรูปแบบอื่นที่มันดีกว่า
ทำไมเขาจะจำไม่ได้ แววตาคู่นั้น เขาเคยเห็น... เคยพบเธอมาก่อนในที่ที่หนึ่ง ที่ที่ไม่น่าจดจำ จนเขาแน่ใจว่าลูเคียคงลืมเขาไปแล้วจริงๆ
เด็กหนุ่มเห็นเธอซ้อมดาบอยู่คนเดียวด้วยตัวเองบ่อยๆ บางครั้งเขาก็นึกอยากจะเข้าไปช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ แต่เขาก็ทำไม่ได้ อยากจะเข้าไปคุยกับเธอ แต่ก็ไม่กล้าพอ
จนเมื่ออาชิโดะก้าวเข้ามา ความสัมพันธ์ระหว่างลูเคียกับเขาก็แย่ลงกว่าที่เคย ทั้งๆที่มันก็แย่พออยู่แล้ว อีกอย่างอิจิโกะก็รู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก
...นี่ฉันกำลังรู้สึกอะไรกับเธอกันแน่ ลูเคีย...
อิจิโกะพยายามตั้งถามคำถามนี้กับตัวเองหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบกลับมาเลยสักครั้ง มีเพียงแค่หัวใจที่มันเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ไม่ยอมหยุด นี่พอจะเป็นคำตอบให้กับเขาได้รึเปล่า หรือว่าเขาแค่คิดไปเอง
คฤหาสน์คุจิกิ
เบียคุยะอุ้มลูเคียลงจากรถโดยไม่ยอมให้ใครช่วย ทั้งๆที่คนรับใช้หลายคนพยายามจะให้ความช่วยเหลือโดยอาสาเป็นคนอุ้มคุณหนูแห่งตระกูลคุจิกิให้เอง แต่เขากลับปฏิเสธ
พ่อบ้านเซเกะเห็นเบียคุยะอุ้มผู้เป็นน้องสาวเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน(คฤหาสน์) ก็อดที่จะอมยิ้มน้อยๆไม่ได้ ราวกับรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นผู้ชายปากแข็งคนนี้ยอมทำอะไรที่อ่อนโยนเป็นกับเขาเหมือนกัน
เพราะตั้งแต่ที่เบียคุยะเสียฮิซานะไป จากคนที่เคยเย็นชาอยู่แล้ว กลับเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม จนลูเคียก้าวเข้ามาในชีวิตเขา เขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาบ้าง ถึงแม้จะเล็กน้อย(?)ก็ตาม
ชายชราปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างเร็ว ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นนาย
"ท่านเบียคุยะ มีแขกมารอพบครับ"
"ใคร?"
"ฉันเอง ไม่ได้เจอกันนานนะ คุจิกิ เบียคุยะ"
เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังเบียคุยะ ทำให้เขาต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจทันที
"ฮัชวาลต์”
นี่คือชื่อของชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเบียคุยะในเวลานี้ ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูคล้ายคลึงกับเบียคุยะจนหลายคนแยกไม่ออก หากสีผมของชายคนนี้ไม่ใช่สีบลอนด์ทอง
“มาที่นี่ทำไม" เบียคุยะเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงเรียบอย่างไม่สบอารมณ์
"พ่อให้ฉันมาบอกนายว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงใน 4 ตระกูลใหญ่ คุจิกิ คุโรซากิ ชิโฮอิน และไอเซ็น" ชายเจ้าของชื่อฮัชวาลต์ตอบเบียคุยะกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน
"จัดเพื่ออะไร"
ฮัชวาลต์ไม่ตอบ เพียงแต่ใช้สายตามองไปยังร่างเล็กที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของเบียคุยะแทนคำตอบ
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์เดินเข้าไปใกล้แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเบียคุยะ ก่อนใช้มือยื่นไปแตะและลูบแก้มของลูเคียเบาๆ นั่นทำให้เบียคุยะต้องขยับตัวเบี่ยงหลบมือนั้นอย่างไม่พอใจกับการกระทำนั้นทันที
"น้องสาวนาย น่ารักดีนะ" ฮัชวาลต์เอ่ยขึ้นทีเล่นทีจริงพร้อมยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเบียคุยะ
"ลูเคียเกี่ยวอะไรด้วย"
เบียคุยะมองฮัชวาลต์ด้วยสายตานิ่งเรียบเช่นเดิม แต่กลับฉายแววของความไม่พอใจออกมาชัดเจนจนฮัชวาลต์สังเกตได้ และนึกแปลกใจที่เด็กสาวในอ้อมกอดของเจ้าบ้านคุจิกิมีอิทธิพลมากจนทำให้ผู้ที่ไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆให้ใครสังเกตเห็นทางสีหน้าได้ง่ายๆอย่างเบียคุยะตอบสนองได้มากถึงขนาดนี้
"ก็แค่...งานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ของ 4 ตระกูลใหญ่ จัดขึ้นอาทิตย์หน้า ที่นี่ คฤหาสน์คุจิกิ เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ คุจิกิ เบียคุยะ" ฮัชวาลต์ตอบ แล้วเดินออกไปทันทีที่พูดจบ
ดวงตาสีหมอกของเบียคุยะมองบุคคลที่เพิ่งเดินจากไปด้วยความสงสัย แค่รับคนเข้ามาในตระกูลคุจิกิ ไม่เห็นต้องจัดงานใหญ่โตขนาดนี้เลยสักนิด
เบียคุยะคิดได้แต่นิ่งคิด ก่อนอุ้มลูเคียขึ้นไปที่ห้องของเธอ แล้วเรียกแม่บ้านมาเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ จากนั้นเขาก็เดินออกไปครุ่นคิดถึงเรื่องที่ฮัชวาลต์พูดไว้เมื่อครู่
ในเมืองหลวง 'เซเรเทย์' แห่งนี้ นอกจากจะมีหน่วยพิทักษ์ไว้คุ้มครองความปลอดภัยของคนในเมืองและคนนอกเมืองแล้ว ยังมีตระกูลชนชั้นสูงที่กุมอำนาจอยู่อีก 4 ตระกูล ซึ่งคือ คุจิกิ คุโรซากิ ชิโฮอิน และไอเซ็น ทั้งสี่ตระกูลนี้ถูกเชื่อมโยง และบริหารจัดการโดยคนๆหนึ่ง
'จูฮาบัช'
ผู้ชายคนนี้คอยควบคุม ดูแล และจับตามองการทำงานต่างๆของทั้งสี่ตระกูล แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะเขาก็เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายในเซเรเทย์
และมีลูกชายคนเดียวคือ 'ฮัชวาลต์'
ถึงแม้เขาจะเป็นคนคอยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าง 4 ตระกูล ให้มีความมั่นคงและสมดุล เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเมือง แต่สุดท้ายด้วยเหตุผลบางอย่างตระกูลคุจิกิ กับคุโรซากิก็ไม่ถูกกันอยู่ดี
แต่ตระกูลคุจิกิไม่ค่อยสุงสิงกับจูฮาบัชและตระกูลไอเซ็นตั้งแต่ต้นตระกูลของเบียคุยะแล้ว และเบียคุยะก็รู้ว่ากำลังจูฮาบัชร่วมมือกับไอเซ็น โซสึเกะ ทำธุรกิจด้านมืดอยู่หลายอย่าง ทำให้เขาเกลียด และไม่ต้องการจะเข้าพวกกับฝ่ายใด
ส่วนคนที่ไปมาหาสู่กับจูฮาบัชบ่อยๆ ก็มีเพียงตระกูลของไอเซ็น และคุโรซากิเท่านั้น ตระกูลชิโฮอินก็ทำตัวเป็นปกติกับทุกตระกูล คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนเชื่อมโยงทุกตระกูลเข้าด้วยกันตอนนี้ ก็คือชิโฮอิน
ระหว่างที่เบียคุยะอยู่ในห้องทำงาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่ร่างของพ่อบ้านชราจะเดินเข้ามา
"คุณเบียคุยะ เรื่องที่ให้ไปสืบ ได้แล้วครับ" เซเกะบอกเบียคุยะ แล้วยื่นเอกสารปึกบางๆปึกหนึ่งให้กับเขา
"อืม...ขอบใจมาก ไปได้แล้ว"
เซเกะค้อมหัวลงเล็กน้อย และเดินออกไปช้าๆ
เบียคุยะเปิดเอกสารดูก็พบกับรูปของชายหนุ่มร่างสูงผมสีเลือดหมูคนนั้น คนที่เคยมาส่งลูเคียถึงหน้าบ้าน เขาเกือบลืมไปแล้วว่าให้เซเกะไปสืบเรื่องของชายคนนี้มา จากนั้นเขาก็ไล่สายตาผ่านกรอบแว่นที่ใส่เฉพาะเวลาอ่านหนังสือ แล้วเริ่มอ่านประวัติของผู้ชายคนนี้
ชื่อ : คาโนะ อาชิโดะ
อายุ : 18 ปี
...อายุเท่าลูเคีย...
เลือดกรุ๊ป : o
การศึกษา : โรงเรียนคาราคุระ ม.ปลาย
โรงเรียนศาสตร์ชินโอ
...จบม.ปลายจากโรงเรียนเดียวกับคุโรซากิ อิจิโกะ ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันสินะ...
บิดา : -
มารดา : -
...ไม่มีพ่อแม่งั้นเหรอ...
ผู้ปกครอง : 'ไอเซ็น โซสึเกะ' (พ่อบุญธรรม)
...!!!...
อ่านจบบรรทัดนี้ เบียคุยะก็ต้องชะงักเล็กน้อย อาชิโดะเป็นลูกบุญธรรมของไอเซ็น เขาเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ แบบนี้ที่เด็กหนุ่มคนนี้เข้าใกล้ลูเคีย ต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน
และที่จูฮาบัชต้องการจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นมา ต้องมีเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่แค่การต้อนรับลูเคียเข้าสู่สี่ตระกูลใหญ่แห่งเซเรเทย์ เบียคุยะคิดไม่ออกว่างานนี้จัดขึ้นมาเพื่ออะไร และทำไมต้องมุ่งเป้าไปที่ลูเคีย เขารู้เพียงแต่ว่า ตอนนี้ลูเคียกำลังตกอยู่ในอันตราย!
ประกอบกับคำพูดของหัวหน้าหน่วยพยาบาลแห่งเซเรเทย์ อุโนะฮานะ ที่ทำให้เบียคุยะยิ่งคิดหนัก และรู้สึกกังวลมากยิ่งกว่าเดิม
/“จากอาการที่ดิฉันได้ตรวจดู... ดูเหมือนว่าคุณลูเคียจะมีอาการขาชาและขยับไม่ได้ชั่วขณะ ซึ่งมันเกิดขึ้นจากสารของยาชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ทำให้บริเวณที่สัมผัสสารนั้นไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆจนเคลื่อนไหวไม่ได้ และถ้าหากใช้มันมากเกินไป อาจจะทำให้คนๆนั้นถึงกับเป็นอัมพาต และอันตรายถึงชีวิตเลยนะคะ”/
คำพูดเหล่านี้มันอาจจะฟังดูไม่มีเหตุผลพอที่จะกล่าวหาว่าเด็กหนุ่มที่ชื่ออาชิโดะเป็นคนทำ แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่ต้องการที่จะให้ลูเคียเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้อีกเป็นอันขาด!
ความคิดเห็น