คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 04 : The Rain
CHAPTER 4
The rain
ขายาวของร่างสูงก้าวเดินตรงไปยังห้องๆหนึ่ง ห้องนั้น...ห้องที่เก็บรูปและแท่นบูชาของคนในตระกูลคุจิกิที่ล่วงลับไปแล้ว และหนึ่งในนั้นคือภรรยาของเขา 'ฮิซานะ' ชายหนุ่มได้แต่เหม่อมองรูปภาพของฮิซานะด้วยแววตาที่เขาไม่สามารถมอบให้ใครได้อีก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าลูเคียสงสัยอะไรอยู่ เบียคุยะเป็นคนสั่งให้เซเกะไปบอกลูเคียว่าที่เขารับเธอเข้ามาในตระกูลคุจิกิ เพราะเธอมีหน้าตาเหมือนกับภรรยาของเขา แต่ด้วยความที่ลูเคียเป็นคนช่างสงสัยอยู่ไม่น้อย เขาจึงดูสีหน้าของเธอออก ว่าเธอต้องการที่จะรู้อะไร
เหตุผลที่ทำให้เขาไม่ยอมบอกความจริงกับลูเคียตั้งแต่แรก เพราะฮิซานะไม่อยากให้น้องสาวรู้ว่ามีพี่สาวที่ทิ้งเธอไปตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้เสียด้วยซ้ำ และกลัวว่าลูเคียจะเกลียดและโกรธตัวเอง ซึ่งในตอนนี้เบียคุยะก็ไม่ได้รู้สึกต่างจากฮิซานะสักเท่าไร
ตลอดเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่ฮิซานะจากไป เบียคุยะก็ไม่รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร เขาทำงานหนักทุกวันเพื่อตระกูลคุจิกิ และเพื่อทำให้ตัวเองลืมความรู้สึกเจ็บปวดที่เขาดูแลคนรักของตัวเองได้ไม่ดีพอ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก
ทั้งที่คิดว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แต่เพราะเบียคุยะก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง หัวใจของเขาก็ไม่ได้ด้านชาเกินกว่าที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาเริ่มรู้สึกผูกพันธ์กับลูเคียมากกว่าพี่น้องบุญธรรม มันทำให้ความรู้สึกเดิมๆที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้อีกในใจของเขากลับมาอีกครั้ง เพราะตอนนี้...เขากลัวลูเคียเสียใจ เขากลัวว่าเธอจะรับไม่ได้และหนีไป เขากลัวว่าเธอจะโกรธเกลียดที่เขาโกหก เขารู้สึกกลัว อย่างที่เขาเคยเสียฮิซานะไป
"ถึงเวลาที่ฉันต้องบอกความจริง กับน้องสาวของฉันแล้วสินะ ไม่สิ...น้องสาวของเราต่างหาก ฮิซานะ"
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องทำงานของเบียคุยะเชิงขออนุญาต ก่อนที่ร่างบางของลูเคียจะเปิดประตูเดินเข้ามาแล้วนั่งลงที่โซฟาหนังตัวนุ่ม ในใจของเด็กสาวพยายามไม่คิดมาก แต่เพราะคำพูด สีหน้า การกระของเบียคุยะทำให้เธอไม่สบายใจ ในหัวจินตนาการไปต่างๆนานาว่าตัวเองนั้นทำอะไรผิด หรือทำเรื่องที่มันส่งผลให้พี่ชายของเธอไม่พอใจหรือเปล่า อีกทั้งวันนี้บรรยากาศดูอึมครึมผิดปกติ จนลูเคียเริ่มรู้สึกไม่ดีมากขึ้น
ภายในห้องถูกความเงียบเข้าครอบงำ สักพักชายหนุ่มที่กำลังยืนหันหลังให้ลูเคียนั่งจ้องแต่แผ่นหลังนั้นก็หันหน้ากลับมามองเธอ แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเช่นกัน
“พี่ขอถามอะไรเธอสักอย่างได้มั้ยลูเคีย” เบียคุยะเอ่ยขึ้น โดยที่ยังใช้สายตาคมจ้องมองไปยังคนตรงหน้าด้วยสายตาแปลกๆ จนทำให้ลูเคียต้องพยายามหลบเลี่ยงที่จะไม่สบกับดวงตาคู่นั้น
“ค่ะ”
“เธอรู้สึกยังไงบ้าง ที่ได้มาอยู่ที่นี่”
“...”
ลูเคียเงียบหลังจากได้ยินคำถามนั้น คำถามที่ชวนให้เธอสงสัยว่าถามไปทำไมกัน ทั้งยังแววตาของคนถามที่มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย อบอุ่น อ่อนโยน หรือกำลังหวังอะไรบางอย่างอยู่
เด็กสาวพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป คนตรงหน้าไม่มีทางหวังอะไรจากเธอแน่ เพราะเธอให้อะไรเขาไม่ได้สักอย่าง เขาต่างหากที่เป็นคนหยิบยื่นโอกาส และอนาคตดีๆให้กับเธอทั้งนั้น ถ้าเขาต้องการรู้คำตอบของคำถามที่เพิ่งถามไปเมื่อครู่จริง เธอก็จะตอบออกมาจากใจจริง
“ตอนแรกก็รู้สึกเหงาๆ เพราะหนูยังทำตัวไม่ค่อยถูกซักเท่าไหร่ แต่พอเวลาผ่านไป พี่ทำให้ความรู้สึกพวกนั้นมันหายไป หนูรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆพี่ รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน มันทำให้หนูคิดว่าพี่คือครอบครัวของหนู”
ลูเคียพูดไปยิ้มไป ในขณะที่ใบหน้าค่อยๆเงยขึ้นมาสบตาคนตรงหน้าช้าๆ เบียคุยะค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ชายหนุ่มรู้สึกดีมากที่ลูเคียพูดออกมาแบบนั้น เพราะเขาก็คิดว่าเธอก็คือครอบครัวของเขาเช่นกัน ไม่ใช่ในฐานะน้องสาวของฮิซานะ แต่ในฐานะน้องสาวของเขา
"ลูเคีย...เธออยากรู้รึเปล่าว่าทำไมพี่ถึงรับเธอเข้ามาในตระกูลคุจิกิ" เบียคุยะเริ่มเปิดประเด็นเมื่อเขาเริ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้น
"เอ่อ...ค่ะ" ลูเคียแปลกใจเล็กน้อยกับถามซึ่งเธอก็อยากรู้ แต่ก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาได้เร็วขนาดนี้
"เธอรู้มาจากเซเกะใช่มั้ย ว่าเธอหน้าตาเหมือนภรรยาของพี่มาก"
ลูเคียพยักหน้ารับเบาๆ เขาจ้องเธอด้วยแววตาแบบนั้นอีกแล้ว แววตาอันอ่อนโยนที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด ลูเคียก็จ้องเขากลับตาไม่กระพริบ ราวกับต้องมนต์สะกดกับดวงตาสีเทาคู่นั้นเสียแล้ว
เขาหลับตา ก่อนกลั้นใจพูดบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ แต่มันดูเหมือนเสียงกระซิบที่วนเวียนอยู่ในหัวของลูเคียซ้ำไปซ้ำมาไม่มีวันหยุด
"ฟังให้ดีนะลูเคีย ฮิซานะ...เป็นพี่สาวแท้ๆของเธอ"
ในที่สุดเขาก็ผิดสัญญากับฮิซานะ เพราะเขาได้บอกความจริงกับลูเคียไปแล้ว แต่เขาเชื่อว่าฮิซานะต้องเข้าใจ และให้อภัยเขาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้สิ่งที่เขากลัวคือความรู้สึกของลูเคีย กลัวว่าเธอจะโกรธเกลียดเขากับฮิซานะหรือเปล่า
เบียคุยะมองลูเคียที่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ดวงตาของเธอยังคงฉายแววสับสนอยู่ไม่น้อย จากนั้นเขาจึงตัดสินใจเริ่มอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ลูเคียได้รับรู้และเข้าใจ
ลูเคียรับฟังเรื่องราวทั้งหมด ความรู้สึกภายในใจทั้งหมดตีกันจนมันซับซ้อนและยุ่งเหยิงมากยิ่งกว่าเก่า มันส่งผลให้เธอสับสน ทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกมา หรือขยับตัวซักนิดเลยด้วยซ้ำ
ดีใจ...ที่เธอไม่ใช่คนที่ไม่มีครอบครัวอย่างที่คิด
โกรธ...ที่ทำไมพี่ถึงทิ้งเธอไป
ไม่เข้าใจ...ว่าทำไมถึงไม่เจอกันให้เร็วกว่านี้
เสียใจ...ที่พี่สาวของเธอจากไปทั้งๆที่ยังไม่เคยพบกันด้วยซ้ำ
แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ความรู้สึกในใจทั้งหมด นั่นคือความเข้าใจ พร้อมที่จะให้อภัย และไม่โกรธพี่สาวของเธอ เมื่อรู้ว่าพี่สาวของเธอก็ลำบากไม่แพ้เธอเหมือนกัน
"เธอให้อภัยพี่ กับฮิซานะได้มั้ย ลูเคีย"
ลูเคียหลุดจากห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนก้มหน้านิ่งเพื่อหลบตาเบียคุยะ หยดน้ำตาใสๆเริ่มปริ่มที่ขอบดวงตา เด็กสาวไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอของเธอ เธอจึงลุกขึ้นแล้วหันหลังให้กับผู้เป็นพี่ชาย เพราะความรู้สึกในตอนนี้ผสมปนเปกันหมด จนหัวใจของเธอแทบจะแบกรับไม่ไหวอยู่แล้ว
"!!!"
ลูเคียสะดุ้ง ที่จู่ๆ พี่เบียคุยะของเธอก็เข้าสวมกอดเธอจากด้านหลังที่ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวล และอ่อนโยน อ้อมแขนข้างหนึ่งโอบกอดที่เอวคอดของร่างบาง อีกข้างหนึ่งโอบล้อมรอบลำคอของเธอเอาไว้หลวมๆ พลางเอ่ยคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"พี่ขอโทษนะลูเคีย พี่ขอโทษ..."
น้ำตาของลูเคียที่ทำท่าจะไหลออกมา ก็ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายราวกับได้ที่พึ่งพึง เบียคุยะเห็นดังนั้น ก็ค่อยๆเลื่อนมือมาจับไหล่ของเธอให้หันหน้ามาหาเขา และกอดเธอเพื่อปลอบใจ
ลูเคียทำได้แค่เพียงร้องไห้ ความรู้สึกอ่อนแอที่สั่งสมมานาน ถูกปลดปล่อยออกมาต่อหน้าเขาทันที สองมือกำชายเสื้อของเขาแน่น เพราะไม่กล้าพอที่จะกอดตอบ แค่นี้เธอก็ทำให้เขาลำบากใจมากพอแล้ว
ไม่นานน้ำตาของลูเคียก็เริ่มเหือดแห้งไปช้าๆ เธอได้สติก่อนปล่อยมือที่กำชายเสื้อของเขา แต่เบียคุยะยังคงกอดเธอไม่ยอมปล่อย
"พี่คะ ปล่อยหนูได้แล้วค่ะ" ลูเคียบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆฟังไม่ได้ศัพท์ พลางพยายามผลักอกเขาออกเบาๆ แต่เขากลับกอดเธอเอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม
"เธอตอบพี่มาก่อนสิ ว่าเธอจะให้อภัยพี่ กับฮิซานะรึเปล่า"
"หนูไม่กล้าโกรธพี่กับพี่ฮิซานะหรอกค่ะ แค่นี้หนูก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว ที่มีครอบครัวกับเขาสักที ที่หนูร้องไห้เพราะ หนู..."
ลูเคียตอบเสียงอู้อี้ในลำคอเพราะเบียคุยะกำลังกอดเธออยู่ เบียคุยะได้ยินดังนั้นจึงเริ่มคลายอ้อมกอดให้เธอเป็นอิสระ แล้วเพียงจับที่ไหล่เล็กของเธอไว้
"ไม่ต้องพูดหรอก พี่ไม่อยากเห็นเธอเสียใจอีกแล้ว ต่อไปนี้ อย่าเก็บความรู้สึกเสียใจไว้คนเดียวอีกนะ พี่อยากให้เธอรู้ว่า พี่จะดูแลเธอให้ดีที่สุด เพราะตอนนี้ เธอคือศักดิ์ศรีของพี่ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพี่ เข้าใจมั้ย"
เบียคุยะพูด อีกทั้งยังมองเธอด้วยสายตาอันอบอุ่น แล้วมือจากไหล่เล็กไปขยี้หัวน้องสาวที่น่ารักของเขาเบาๆ และนั่นทำให้ลูเคียอดยิ้มตอบผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายอย่างรู้สึกดีไม่ได้
หลังจากนั้น เบียคุยะก็ส่งเธอเข้านอน สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศดูเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่ไม่น้อย แต่คืนนี้กลับเหงาน้อยกว่าทุกคืน สงสัยเพราะได้รับความรู้สึกจริงใจ และความอบอุ่นจากพี่ชายที่แสนดีล่ะมั้ง
ลูเคียตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะนอนไม่หลับ อีกทั้งฝนยังตกหนัก ทำให้อดนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นมาไม่ได้ เหตุการณ์ที่ทำให้เธอไม่อาจให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
>>> 3 ปีก่อน <<<
หยาดฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมัว และผืนป่าอันกว้างใหญ่ที่กำลังถูกชะล้างไปด้วยละอองฝน
สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พอๆกับหยดน้ำตาใสๆของเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก เส้นผมสีดำสนิทที่ยาวประบ่าของเธอเปียกลู่เรียบลงไปกับแก้มเนียน ชุดที่เธอใส่ก็ชุ่มน้ำจนแนบเนื้อ แต่เธอก็ไม่สนใจ เพราะในขณะนี้มือเธอได้กุมด้ามดาบ ที่กำลังเสียบแทงทะลุอกร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กสาวได้แต่ร้องไห้อย่างหนัก ทำอะไรไม่ถูก และไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี อีกทั้งในใจนั้นยังส่งเสียงกรีดร้องด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัสไม่ยอมหยุด
"พี่ขอบใจเธอมากนะ ลูเคีย เพราะเธอ...หัวใจของพี่ถึงได้อยู่ตรงนี้"
ร่างนั้นใช้มือที่เหลือเรี่ยวแรงเพียงน้อยนิดโอบกอดเด็กสาวนามลูเคียไว้ ทั้งยังเอ่ยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้ว่าอยู่ท่ามกลางสายฝนอันหนาวเหน็บก็ตาม
ขอบคุณ...ขอบคุณอย่างนั้นเหรอ เธอเป็นคนที่ฆ่าเขากับมือแท้ๆ แต่ยังอุตส่าห์มาขอบคุณเธออีกอย่างนั้นเหรอ แบบนี้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก แถมยังทรมานเจ็บปวดใจไม่ใช่น้อย
เด็กสาวหลับตาแน่น ใช้ร่างเล็กๆของตัวเองแบกรับร่างของเขา แล้วใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้กุมดาบ โอบกอดเขาโดยที่มือยังสั่นเทา ทั้งๆที่ตัวเขาก็หนักพอสมควร แต่เธอกลับต้องการที่จะโอบกอดเขาเอาไว้ตลอดไป
"พี่ไคเอ็น..."
เด็กสาวสัมผัสได้ว่าตัวเขานั้นเย็นเฉียบ หัวใจของเขาเต้นช้าลงอย่างผิดจังหวะ และเลือดสีแดงฉานที่กำลังหลั่งไหลออกจากบาดแผลบนตัวเขา บาดแผลที่เธอเป็นคนสร้าง มันบ่งบอกว่าเขากำลังจะจากเธอไปในไม่ช้า
เขาเองก็รู้ตัวดีเหมือนกัน ว่าเขาก็คงทนอยู่ในสภาพนี้ได้อีกไม่นาน เขาจึงใช้ช่วงเวลานี้ กระซิบถ้อยคำคำหนึ่ง ที่ทำให้เด็กสาวแทบอยากจะตายตามเขาไปในทันที
"พี่...รักเธอนะ ลูเคีย"
เพียงแค่คำๆนี้เท่านั้น ที่ชายหนุ่มใช้ริมฝีปากอันซีดเซียวเปล่งออกมาเป็นประโยคสุดท้าย หัวใจของเขาก็หยุดเต้นทันที มือหนาที่โอบร่างเธอเอาไว้ก็ร่วงลงสู่พื้นดินตามแรงโน้มถ่วงของโลก อย่างไร้แรงต้านทานใดๆมาเหนี่ยวรั้งลมหายใจของเขาเอาไว้ได้
ลูเคียได้ยินดังนั้น หัวใจของเธอก็แทบสลาย เธอจะไม่เสียใจมากสักเท่าไรเลย ถ้าคนตรงหน้าที่เธอฆ่า ไม่ใช่คนที่เธอ...รักเช่นกัน มันสายไปแล้ว
"พี่ไคเอ็นนนนนนนนนนน..."
เธอตะโกนร้องอย่างสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด แต่ต่อให้เธอเรียกชื่อเขาอีกสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ตอนนี้หัวใจของเธอเจ็บปวดเจียนตาย น้ำตาที่หลั่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่อาจจะแทนความเจ็บปวดสักเสี้ยวหนึ่งของหัวใจเธอได้เลย
หลายนาทีกว่าลูเคียจะได้สติ เธอค่อยๆละมือจากด้ามดาบเล่มนั้น แล้วใช้มือทั้งสองข้าง โอบกอดร่างที่ไร้วิญญาณของเขาเอาไว้แน่น แล้วใช้ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาและสายฝน ซบกับไหล่กว้าง ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนัก ในเวลานี้ และสถานที่แบบนี้ ไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตเขาได้หรอก เธอรู้ดี
เพราะกำลังร้องไห้อยู่ หรือเพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้ลูเคียไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาที่เธอ ชายหนุ่มร่างสูงถือดาบอันคมกริบอยู่ในมือ เขาก้าวเข้ามาอย่างใจเย็น แล้วหยุดที่ด้านหลังของเด็กสาว ในระยะห่างพอสมควร และเขาก็เงื้อมมือที่ถือดาบขึ้นมา เตรียมจะฟาดฟันคมดาบลงไปยังแผ่นหลังของลูเคีย
ในขณะนนั้นลูเคียเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีคนจับจ้องมองเธออยู่ เธอจึงละใบหน้าจากร่างของไคเอ็น แล้วหันหลังเพื่อกลับไปมอง แต่ไม่ทันแล้ว ในเมื่อชายคนนั้นกำลังตวัดด้ามดาบลงมาที่เธออย่างแรง
ลูเคียเบิกตากว้างตกใจ และใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากั้นตามสัญชาตญาณ เพราะในตอนนี้เธอไม่มีสติพอที่จะต่อสู้กับคนตรงหน้า แต่ถ้าจะตายจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เธอพร้อมที่จะตายตั้งแต่ชายที่ชื่อไคเอ็นจากเธอไปแล้วด้วยซ้ำ
ในเวลานั้น นัยน์ตาของเธอยังคงเบิกกว้าง ใบหน้าที่เธอเห็นนั้นไร้ซึ่งความปราณี ใบหน้านั้นที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ใบหน้านั้นที่เธอไม่มีวันลืม...
แล้วคมดาบก็ฟาดฟันลงมาในที่สุด
เฮือก!!!
ลูเคียสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอหายใจหอบเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัวและตกใจ ความฝันนั้นยังคอยตามหลอกหลอนเธออยู่เสมอ อยากจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นไปซะ ไม่สิ ตลอดเวลาเมื่อ 3 ปีก่อนต่างหาก ทั้งเรื่องราวที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุด และเรื่องราวที่ทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจมากที่สุด
ลูเคียค่อยๆปรับลมหายใจให้เป็นปกติ แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ในขณะที่ดวงตาขอเธอยังเปิดอยู่ ในหัวครุ่นคิดอยู่เสมอว่าถ้าลืมเรื่องนี้ได้ก็ดี แต่ในทางกลับกัน มันจะเป็นเครื่องช่วยเตือนที่ทำให้เธอไม่มีวันลืมว่าทำให้พี่ไคเอ็นต้องตาย และทำให้เธอไม่ลืมจุดประสงค์ที่แท้จริง ว่าทำไมเธอกับเร็นจิถึงต้องเข้ามาเรียนที่โรงเรียนศาสตร์ชินโอ
พูดถึงเร็นจิแล้ว เขาจะลืมไปหรือยัง ว่าสิ่งที่เธอและเขากำลังทำอยู่ทุกวันนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร...
หลายวันต่อมา โรงเรียนศาสตร์ชินโอได้จัดการสอบประลองดาบเพื่อเก็บคะแนน นักเรียนทุกคนต่างก็ตั้งใจฝึกซ้อมกันเป็นอย่างดี จนสุดท้ายก็ถึงการสอบสำหรับ 2 คนสุดท้าย โดยการเลือกจับคู่แบบซุ่ม และคู่แข่งของลูเคียก็คือ 'คุโรซากิ อิจิโกะ'
ในเมื่ออิจิโกะเกลียดตระกูลคุจิกิมาก เธอก็ต้องสู้ให้เต็มที่ และจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลคุจิกิที่เบียคุยะเฝ้าคอยย้ำเตือนกับเธอมาตลอด เพราะเธอยอมรับได้แล้วว่า ตอนนี้เธอคือ 'คุจิกิ ลูเคีย' ทั้งตัวและหัวใจ
ลูเคียไม่รู้หรอกว่าทำไมอิจิโกะถึงได้ไม่ชอบตระกูลคุจิกิขนาดนั้น แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับสองตระกูลนี้ในอดีต เพราะเธอได้ยินมาว่าเมื่อก่อนสองตระกูลนี้สนิทกันมาก และเด็กสาวก็ไม่อยากให้ทั้งตัวเองและอิจิโกะต้องมีเรื่องบาดหมางค้างคาใจกันอีกต่อไปแล้ว
และที่สำคัญเธอจะต้องตามหาคนคนนั้นให้เจอ และแก้แค้นเขาให้ได้!!!
ความคิดเห็น