คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 03 : The Sincerity
CHAPTER 3
Sincerity
เคร้ง!!!
เสียงของคมดาบปะทะกันอย่างรุนแรง ถ้าหากลูเคียไม่รีบยกดาบขึ้นมากั้น ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ลูเคียลืมตาขึ้น ก็พบกับร่างสูงของใครคนหนึ่งสวมชุดสำหรับฝึกดาบเหมือนเธอ แต่เขาสวมหน้ากากสีขาว คล้ายรูปหัวกะโหลก จึงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
...ผมสีเลือดหมูนี่ ดูคุ้นๆแฮะ... ลูเคียนึกสงสัยอยู่ในใจ
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะคิดแล้ว เพราะเขาเริ่มรุกหนัก และซัดดาบเข้ามาไม่ยั้ง ชายคนนั้นกับลูเคีย ถอยคนละก้าว ต่างเริ่มตั้งหลักใหม่เพื่อเตรียมรับมือ สักพักเขาก็เริ่มพุ่งเข้ามาอีกรอบ ลูเคียหลบ แล้วกระโดดใช้เท้ายันเสาไม้ ที่อยู่กลางโรงฝึกซ้อม แล้วพุ่งเข้าหาเขาทางด้านหลังทันที คนคนนั้นหลบการโจมตีของเธออย่างคล่องแคล่ว แล้วกลับตัวหันมาโจมตีเธออีกครั้ง ทำให้ลูเคียต้องถอยร่นเล็กน้อย
ลูเคียและชายคนนั้นต่างก็หอบหายใจแรงด้วยความเหน็ดเหนื่อยหลังจากที่ผลัดกันแลกดาบนานพอสมควร ลูเคียหรี่ตาจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยความสงสัย ว่าเขาเป็นใคร แล้วทำไมต้องมาสู้กับเธอด้วย
อีกฝ่ายไม่ปล่อยให้หญิงสาวสงสัยนาน เขาพุ่งเข้าหาเธออีกครั้ง ลูเคียจึงพุ่งตอบรับการโจมตีนั้น เพื่อจะได้รู้ผลกันสักที จะได้ไม่ต้องโจมตีกันไปมาให้เหนื่อยอีกต่อไปแล้ว
ทั้งสองพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็ว และแรง สุดท้ายคมดาบของคนทั้งคู่ ต่างก็จ่ออยู่ที่ลำคอของกันและกัน
"นายเป็นใคร?" ลูเคียถามขึ้นเมื่อได้โอกาส
เขาไม่ตอบ แล้วลดดาบลงจากคอของเธอ ทำให้ลูเคียเบาใจขึ้นเล็กน้อย ก่อนลดดาบลงจากลำคอของเขาช้าๆเช่นกัน
ชายหนุ่มผมสีเลือดหมู ดึงหน้ากากสีขาวของตัวเองออกช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลา เขายกยิ้มที่มุมปากให้เธอเหมือนกับพอใจอะไรบางอย่าง
"คู่ซ้อมของเธอไง คุจิกิ ลูเคีย"
"คู่ซ้อม?" ลูเคียขมวดคิ้วยังคงไม่คลายความสงสัย แต่ก็รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ชายหนุ่มผมสีเลือดหมูยกมือกอดอก พลางพยักหน้าตอบรับเธอ พร้อมกับส่งยิ้มให้อีกครั้ง แต่ลูเคียกลับทำหน้าเซ็งให้กับท่าทางน่าหมั่นไส้นั่น และรู้สึกไม่ชอบใจที่จู่ๆเขาก็โผล่มาดื้อๆ แถมยังเข้ามาปะทะกันโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
"แล้ว...นายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง"
"ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเธอบ้างล่ะ คุจิกิ ลูเคีย"
ลูเคียหน้าตึงอีกครั้งก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะตั้งแต่เธอได้ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล คุจิกิ ก็ไม่มีใครไม่รู้จักเธอจริงๆนั่นแหละ
"ลูเคีย เธอลองนึกดูดีๆสิ ว่าฉันเป็นใคร"
คนถูกเรียกชื่อลองนึกดูตั้งแต่แรกตามที่อีกฝ่ายบอก แล้วภาพของชายผมสีสนิมคนหนึ่งที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ข้างๆกริมมจอว์ กับอุลคิโอร่าในวันเปิดเทอมวันแรกก็ผุดขึ้นมาในหัวเธอ
"นายอยู่ห้องเดียวกับฉัน? แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายเลยล่ะ ตั้งแต่วันนั้น..."
"ฉันขี้เกียจเรียนน่ะ เลยหาที่เงียบๆไปแอบงีบสักพัก"
เขาตอบหน้าตายอย่างไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนตัวแต่อย่างใด อีกทั้งยังอมยิ้มเล็กๆ ราวกับว่าเรื่องที่เขาทำมันไม่ผิด เป็นเรื่องปกติ และไม่สำคัญอะไร และนั่นทำให้ลูเคียรู้สึกแปลกใจ ทั้งๆที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่แท้ๆ ทำไมคนตรงหน้าถึงไม่พยายามตั้งใจเรียนเพื่อจะได้รีบจบเหมือนอย่างเธอแล้วก็คนอื่นๆ
"ว่าแล้วว่านายต้องโดดจริงๆด้วย อีกอย่างนะ...นายก็ปล่อยให้ฉันซ้อมคนเดียวอยู่ได้ตั้งนาน" เมื่อได้โอกาส ลูเคียก็เริ่มบ่นเขา และมองเขาอย่างคาดโทษ
"โทษทีๆ แต่เธอก็เก่งใช้ได้เลยนะ"
"นายก็เหมือนกันนั่นแหละ แล้วทำไมต้องมาสู้กับฉันด้วย แถมใส่ไอหน้ากากบ้าๆนั่นอีก" ลูเคียออกปากถามเขาในเรื่องที่ยังสงสัยอีกเรื่องหนึ่ง
"ช่างฉันเถอะน่า ฉันก็แค่อยากทดสอบฝีมือเฉยๆ" เขาบอกเหตุผลที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีน้ำหนักสักเท่าไหร่ แต่ลูเคียก็พยักหน้าทำท่าทางเข้าใจเขาอยู่
"นายน่ะ ชื่ออะไร?" ลูเคียจำหน้าเขาได้ แต่ใช่ว่าจะจำชื่อเขาได้สักหน่อย
"อาชิโดะ... คาโนะ อาชิโดะ" ชายที่ชื่ออาชิโดะแนะนำตัวเองแล้วยื่นมือขวาของตนให้ลูเคีย แล้วยิ้มให้เธออีกครั้ง
"ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคู่ซ้อมให้เธอเอง ตกลงมั้ย" ลูเคียจ้องหน้าเขานิ่ง ก่อนตัดสินใจยกมือขวาของตัวเองขึ้นมาสัมผัสกับมือของเขาเบาๆ
"อื้อ" ลูเคียยิ้มตอบอีกฝ่ายพลางพยักหน้าให้เป็นสัญญาณว่าเธอยอมตกลง
...แค่มีคนซ้อมด้วยก็ดีแล้วล่ะ แถมหมอนี่ยังฝีมือดีด้วย คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนี่นา...
อาชิโดะยิ้มอย่างรู้สึกดีใจเมื่อเห็นหญิงสาวตอบรับ เขาออกแรงกุมมือเธอแน่นอย่างเป็นพันธะสัญญา
หลังจากที่ได้คุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดกันในหลายๆเรื่อง ทำให้ทั้งอาชิโดะและลูเคียเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นเล็กน้อย วันนี้ลูเคียได้ขออนุญาตเบียคุยะกลับบ้านเอง เพราะว่าเธอเบื่อกับชีวิตที่ต้องมีคนตามติดอยู่ตลอดเวลาเต็มที ซึ่งเบียคุยะก็ไม่ได้ว่าอะไร และอนุญาตให้เธอกลับบ้านเองได้
"ฉันไปล่ะ" ลูเคียบอกกับอาชิโดะ ขณะกำลังจะเดินแยกกันหน้าโรงฝึก
"อ้าว...ลูกคุณหนูอย่างเธอ ไม่มีคนไปรับไปส่งรึไง"
"บ้าน่า บางครั้งก็อยากกลับเองเหมือนแต่ก่อนบ้างนะ"
"งั้นฉันไปส่งนะ" อาชิโดะบอกกับลูเคีย ทั้งยังส่งสายตาเว้าวอนให้กับเธอ
"ให้ฉันไปส่งดีกว่าน่ะ นี่ก็เย็นมากแล้ว กลับบ้านคนเดียวมันอันตราย"
ลูเคียแค่นยิ้มอย่างรู้สึกขำในใจ ก่อนจะตอบอาชิโดะไป
"ก็ได้ๆ นายนี่เป็นคนแรกเลยนะ ที่บอกว่าฉันกลับบ้านคนเดียวไม่ดี ไม่เหมือนเจ้าเร็นจิ ที่บอกว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรฉันหรอก"
พูดถึงเร็นจิ ลูเคียก็รู้สึกแย่ไม่หาย ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับกลายเป็นเศร้าหมองขึ้นมาทันใด อาชิโดะเห็นดังนั้นก็รู้สึกไม่ดีตามไปด้วย
"ฮ่ะๆๆ นั่นสินะ ฉันไม่น่าเป็นห่วงมากเกินไปเลย ดูจากฝีมือเมื่อกี๊นี้"
"ว่าไงนะ" ลูเคียถามอีกรอบ เพราะได้ยินไม่ชัดจริงๆ
"ช่างเถอะๆ ไปกันได้แล้ว ป่ะ..."
อาชิโดะพูดตัดบท จากนั้นก็ก้าวเข้าไปคว้าข้อมือลูเคียไว้ แล้วกึ่งลากกึ่งจูงเธอให้เดินตามเขาไป ส่วนลูเคียก็ได้แต่ทำท่าทางตกใจเล็กน้อย ที่จู่ๆเขาก็พุ่งเข้ามาคว้ามือเธอ แล้วยังถูกลากออกไปแบบนี้อีก แต่ก็ปล่อยไป โดยที่ไม่คิดอะไรมาก
หลังจากพ้นโรงฝึกแล้ว ทั้งคู่ก็เดินออกจากประตูโรงเรียนพร้อมกัน และดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะอยู่ที่โรงเรียนเป็นคนสุดท้าย เพราะเวลานี้ก็เย็นมากแล้ว คงจะไม่มีนักเรียนคนไหนที่อยู่ขนาดพวกเขาสองคนหรอก
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ยังมีพวกอิจิโกะ เร็นจิ กริมมจอว์ และอุลคิโอร่า นั่งพักอยู่ตรงม้านั่งที่มุมหนึ่งของโรงเรียน หลังจากที่เล่นกีฬากันเสร็จ สายตาของคนทั้งสี่มองไปที่อาชิโดะกับลูเคียเป็นตาเดียว
"นั่นมันเจ้าอาชิโดะนี่นา นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ก็แอบไปหลีสาวอยู่นี่เอง แถมเป็นถึงคุจิกิซะด้วย ร้ายไม่เบาแฮะ" กริมมจอว์มองแล้วพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้
"ยัยนี่ ไวชะมัดเลย" อิจิโกะพูดเสริม น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิด และไม่ชอบใจ อย่างที่เจ้าตัวก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้
อิจิโกะเบือนหน้าหนี ทำท่าทีเลิกสนใจ แต่ภายในใจกลับรู้สึกร้อนรุ่ม สายตาของอิจิโกะมองไปเห็นเร็นจิที่นั่งเงียบจ้องไปทางลูเคียกับอาชิโดะที่เพิ่งเดินพ้นประตูโรงเรียนออกไปอย่างไม่วางตา
"เฮ้ย แกน่ะ เลิกทำหน้าแบบนี้สักทีสิวะ" อิจิโกะใช้เท้าสะกิดขาของเร็นจิ แล้วบอกไป หลังจากที่เห็นสายตาของเร็นจิ
"ฉัน..." เร็นจิเงียบไป ไม่รู้จะตอบอะไร แค่เห็นภาพนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจ คนที่ยืนอยู่ข้างๆลูเคียมันควรจะเป็นเขาไม่ใช่เหรอ
"ฉันกลับก่อนนะ" เร็นจิพูดตัดบท แล้วลุกพรวดเดินออกจากตรงนั้นทันที
"ไอนี่มันเป็นอะไรของมันวะ อิจิโกะ" กริมมจอว์ถามอิจิโกะด้วยความสงสัย
"ไม่รู้รึไง ว่าเจ้านั่นเป็นแฟนเก่าของคุจิกิ" อุลคิโอร่าที่เงียบมานาน ตอบกริมมจอว์แทนอิจิโกะ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือในมือต่อ
"ไม่ใช่แฟนเฟ้ย!!! แค่'เพื่อน'ที่สนิทกันมากๆเท่านั้นเอง" จู่ๆอิจิโกะก็กระแทกตัวลุกขึ้น ตะคอกเสียงดังออกมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์เสียอีกคน
"เฮ้ย นี่เจ้าบ้าสองคนนี่เป็นไรของมันวะ"
กริมมจอว์ที่ยังไม่รู้อะไร บ่นขึ้นเพราะยังสงสัยไม่หาย
"ถ้านายอยากรู้ก็ไปถามเองสิ ฉันไปล่ะ"
อุลคิโอร่าบอกกับกริมมจอว์ พลางใช้ดวงตาสีเขียวมรกตมองทางประตูโรงเรียนด้วยสายตาที่นิ่งเรียบจนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ จากนั้นอุลคิโอร่าก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอีกคน โดยทิ้งให้กริมมจอว์นั่งงงอยู่คนเดียว
"โว้ยยยย ทำไมทุกคนต้องทิ้งฉันด้วยเนี่ย ชิ... กลับบ้านก็ได้ฟะ" กริมมจอว์บ่นกับตัวเอง รีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามอุลคิโอร่าไป
ระหว่างทางกลับบ้าน ทั้งลูเคียและอาชิโดะเดินอยู่ริมถนนซึ่งในเวลานี้ รอบๆตัวก็เริ่มมืดลงแล้ว จะมีก็แต่แสงจากดวงจันทร์ และดวงไฟตามถนน สาดส่องให้ความสว่างตลอดทางเพียงเท่านั้น
"นี่ ลูเคีย" อาชิโดะเริ่มชวนคุย หลังจากที่เงียบกันมาสักพัก
"หืม... ว่าไง"
"ใครสอนดาบให้เธอหรอ ฝีดาบอย่างเธอต้องได้วิชาจากใครมาแน่ๆ"
เมื่อสิ้นคำพูดของอาชิโดะ ลูเคียก็ยิ้มให้กับตัวเองก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุนจนคนข้างกายอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าคนที่เธอกำลังพูดถึงมีความหมายกับชีวิตของเธอมากเพียงใด
"คนที่สำคัญกับฉันมากๆคนนึงน่ะ" ในใจนึกถึงใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา เรือนผมสีดำอมม่วง ดวงตาสีครามน้ำทะเล เขาคนนั้นหน้าตาเหมือนอิจิโกะไม่มีผิด ต่างกันตรงที่สีผมและดวงตาเท่านั้น
...นี่ฉันกำลังคิดถึงเจ้าบ้าอิจิโกะอยู่รึไงกัน...
"ใช่คนที่ชื่อไคเอ็นรึเปล่า"
คราวนี้ลูเคียหยุดเดินแล้วนิ่งไป ส่งสายตาประหลาดใจจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของอาชิโดะอย่างต้องการจะจับผิด
"นายรู้ได้ยังไง แล้วนายรู้จักเขาด้วยหรอ"
"เปล่าหรอก..." เขายิ้ม แล้วใช้มือดุนหลัง ให้เธอเดินต่อไป
"ฉันก็แค่เคยได้ยินเธอพึมพำถึงชื่อนี้อยู่ตั้งหลายครั้ง เธอน่ะชอบปีนต้นไม้ใช่มั้ยล่ะ เธอไม่รู้หรอกว่าฉันก็แอบโดดไปงีบอยู่ข้างล่างต้นไม้ที่เธอปีนอยู่นั่นแหละ"
ลูเคียทำท่านึก ใช่...ว่างๆที่โรงเรียน เธอชอบอยู่คนเดียว แล้วหาที่สงบๆนั่งพัก ไม่นึกว่าหมอนี่จะมานอนใต้ต้นไม้ที่เธอปีนขึ้นไป
"นายนี่เป็นสตอล์คเกอร์รึไง รู้เรื่องของฉันทุกฝีก้าวเลยนะ"
"อย่าว่าฉันเลยน่า ฉันก็แค่บังเอิญได้ยินเท่านั้นเอง จริงๆนะ" เขาว่า แล้วยิ้มแหยๆอย่างไม่รู้เรื่องจริงๆ
"ว่าแต่ใช่ใช่มั้ย เขาเป็นแฟนเธอหรอ"
ลูเคียรู้สึกสะดุ้งอีกครั้ง แก้มของเธอเริ่มขึ้นสีแดงอมชมพูจางๆ จนคนมองรู้สึกอดขำไม่ได้
"ไม่ใช่ซักหน่อย" ลูเคียพูดกระแทกเสียงเบาๆ แล้วเดินเร็วนำหน้าอาชิโดะไปอีก
อาชิโดะมองร่างเล็กเดินฟึดฟัดไปแล้วก็ต้องอมยิ้ม เขาไม่เคยมาส่งผู้หญิงคนไหนถึงที่บ้านมาก่อน คิดแล้วก็นึกขำตัวเอง ทำไมถึงอยากจะรู้จักลูเคียให้มากกว่านี้ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาชอบที่จะมองใบหน้าของเธอ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม เขาอยากเห็นเธอยิ้ม อยากเห็นเธอมีความสุข เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเริ่มมีสีสันเพิ่มขึ้นมาบ้าง ตั้งแต่ได้รู้จักกับลูเคีย แต่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะเขา...
อาชิโดะหลุดจากความคิดของตัวเอง ก่อนรีบเร่งฝีเท้าตามเธอไป ไม่นานทั้งคู่ก็เดินมาถึงหน้าคฤหาสน์คุจิกิ
"ฉันไปล่ะ ขอบใจนะที่มาส่ง" ลูเคียหันมายิ้มให้กับอาชิโดะอย่างรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
"ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจน่ะ"
"อืม... งั้นกลับบ้านดีๆนะ โชคดีล่ะ"
ลูเคียบอกแล้วหันหลังกลับเตรียมจะเดินเข้าทางประตูเล็กของคฤหาสน์คุจิกิ แต่แล้วเท้าของเธอก็สะดุดเข้ากับบางอย่าง ทำให้เธอเซและล้มไปข้างหน้าด้วยเสียการทรงตัว
"ลูเคีย!!!"
อาชิโดะเห็นดังนั้น ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปคว้าเอวบางจากทางด้านหลังทันที ชายหนุ่มดึงเอวของร่างเล็กเข้าหาตัวด้วยมือเพียงข้างเดียว ใบหน้าของเขาก้มลงอยู่ที่ข้างแก้มเนียนของเธอ
ด้วยความตกใจและไม่ทันระวังตัว ลูเคียจึงค่อยๆหันหน้ามามองอาชิโดะ ทำให้จมูกของเธอแตะเข้าที่แก้มของเขาเบาๆ วินาทีนั้นอาชิโดะรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะถี่รัว ทั้งสองเบิกตากว้างตกใจพอกัน ก่อนจะผละออกจากกัน แล้วต่างคนต่างยืนตั้งหลักโดยที่ไม่กล้ามองหน้ากัน
"อ่า... ขอโทษนะอาชิโดะ ฉันเข้าบ้านก่อนล่ะ" ลูเคียพูดพลางโบกมือให้อาชิโดะอย่างรีบๆ แล้วรีบเดินเข้าบ้านไปทันที
อาชิโดะยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะดึงสติของตัวเองกลับมาได้ แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเชื่องช้า ใบหน้าคมขึ้นสีแดงระเรื่อจางๆ หัวใจของเขายังคงไม่ยอมหยุดเต้นแรงเสียที อีกทั้งใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เหตุการณ์ทั้งหมดนั้น อยู่ในสายตาของเจ้าบ้านตระกูลคุจิกิคนที่ 28 คุจิกิ เบียคุยะ เขามารอลูเคียกลับบ้านตั้งแต่เย็น และได้แต่นั่งอยู่ตรงหน้าจอมอร์นิเตอร์ที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าบ้าน
ภาพการกระทำของคนสองคนที่เขาได้เฝ้ามองดูมาสักระยะหนึ่งนั้นทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก เบียคุยะจ้องไปที่ชายหนุ่มผมสีเลือดหมูที่กำลังยิ้มกับตัวเอง และเอามือแตะที่แก้มเบาๆผ่านกระจก ถ้าหากเขาสามารถฆ่าคนผ่านทางนี้ได้ เขาคงทำไปนานแล้ว
"เซเกะ ไปสืบดูทีสิ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร" เขาสั่งพ่อบ้านประจำตัวก่อนเดินออกไปจากห้องนั้น
เบียคุยะเดินลงมาตามบันได แล้วพบกับลูเคียที่กำลังเดินเข้ามาพอดี ลูเคียเห็นผู้เป็นพี่ชายก็มีท่าทีตกใจเล็กน้อย เพราะนึกไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะกลับมาเร็ว โดยปกติแล้วเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายรอเขากลับมาทานอาหารเย็นพร้อมกัน
"สวัสดีค่ะพี่" เธอทักทายเขาด้วยน้ำเสียงใส แล้วก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างเคารพ
"อืม... ไปกินข้าวกันเถอะ พี่รอนานแล้ว" เขาว่าน้ำเสียงเรียบๆ แล้วเดินนำเธอไปยังห้องอาหาร
"ค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ต้องรอนาน" ลูเคียเดินตามหลังเบียคุยะไป พลางกล่าวขอโทษชายหนุ่มอย่างจริงใจ
"ไม่เป็นไร" เบียคุยะบอกกับลูเคียโดยไม่หันหน้าไปมองเธอเลยสักนิด
ลูเคียรู้สึกเอะใจเล็กน้อย ถึงแม้จะรู้ดีว่าพี่ชายบุญธรรมของเธอคนนี้ เป็นคนเย็นชา และพูดน้อย แต่เขาก็ดีกับเธอมาก เขาดูแลเธออย่างดีทุกวัน บางวันเขาก็พยายามที่จะรีบทำงานแล้วรีบกลับมาทานข้าวพร้อมเธอ ทั้งๆที่เขาเองก็มีงานเยอะ เห็นแล้วลูเคียก็รู้สึกเหนื่อยแทน เพราะเขาต้องดูแลทั้งธุรกิจของตระกูลคุจิกิทั้งหมด และคฤหาสน์หลังนี้
ทำไมวันนี้ถึงพูดจาห่างเหินกับเธอยังไงไม่รู้ ดูจากน้ำเสียงเหมือนเขากำลังโกรธเธออยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร หรือว่าเธอแค่คิดมากไปเอง
ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ลูเคียรู้สึกว่าเบียคุยะ คอยดูแลเอาใจใส่เธอทุกอย่าง ถึงแม้จะไม่ทำให้เห็นตรงๆ แต่ก็สามารถทำให้ลูเคียเรียกเขาว่า'พี่'ได้สนิทปาก
ในช่วงสัปดาห์แรก ลูเคียมีเรื่องให้เครียดมากมาย อิจิโกะกับเร็นจิก็ไม่ค่อยจะคุยกับเธอ ทำให้เธอต้องตั้งใจเรียน ฝึกซ้อมดาบเพื่อลืมเรื่องราวต่างๆ จนตัวเองล้มป่วยไม่สบาย เขาก็คอยดูแลเธอ เช็ดตัวให้เธอ เฝ้าไข้เธอทั้งคืน จนลูเคียเองก็แปลกใจว่าทำไม เขาถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้ทั้งที่เธอเองก็ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของเขาสักหน่อย
ด้วยความสงสัยทำให้ลูเคียพยายามสืบเรื่องราวต่างๆมาคร่าวๆ จนได้รู้ว่าที่เบียคุยะรับเธอเข้ามาในตระกูล เพราะเธอมีหน้าตาเหมือนกับคนรักของเขา ที่เสียไปแล้ว แต่ที่เขาบอกเธอในวันแรกที่เจอกัน ว่าเธอไม่มีสิทธิปฏิเสธ และเหตุผลแค่นี้คงไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาดีกับเธอขนาดนี้
ลูเคียนั่งทานอาหารเย็นกับเบียคุยะสองคน ในใจก็ยังคงคิดถึงเรื่องนั้นไม่ตก อยากรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไม...
"เป็นอะไรรึเปล่า ลูเคีย" เบียคุยะถาม หลังจากเห็นเธอกำลังเหม่อ
"เอ่อ...เปล่าค่ะ" ลูเคียตอบน้ำเสียงแผ่ว
"คืนนี้ไปหาพี่ที่ห้องหน่อยนะ"
เบียคุยะบอกกับเธอเสร็จ แล้วลุกออกจากโต๊ะ ทิ้งให้เคียมองตามอย่างสงสัย
...มีเรื่องอะไรรึเปล่านะ...
ความคิดเห็น