คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 12 : Past Time IV - Our Pain
CHAPTER 12
Past Time IV – Our Pain
อิจิโกะลุกพรวดจากที่นั่งอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้เกือบล้ม
เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซด์ตัวเก่ง ก่อนขึ้นขี่ สวมหมวกกันน็อค
แล้วขับออกไปทันที
ไอเซ็นนั่งมองการกระทำอันใจร้อนของเด็กหนุ่มผมส้มแล้วยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจและนึกขัน
จะไม่ให้เขารู้สึกสนุกได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างนั้นไม่ใช่แผนของตระกูลคุจิกิ แต่เป็นแผนของเขาต่างหาก
ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนี้ เมื่อหลายปีก่อน
คนที่ขับรถชนแม่ของเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่คุจิกิ โซจุน ลูกน้องของเขาต่างหากที่เป็นคนลงมือ
และเดิมทีเป้าหมายก็ไม่ใช่คุโรซากิ มาซาคิ แต่เป็นอิจิโกะ
ลูกชายคนเดียวของตระกูลคุโรซากิ
ไอเซ็นต้องการกำจัดทุกคนที่ขวางทางเขา ไม่สิ... คนที่ต้องการกำจัดทุกคนคือเขา กับจูฮาบัช ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่ไอเซ็นกำลังร่วมธุรกิจอยู่ แต่ใน 5 ตระกูลใหญ่นี้ เขาต้องเอาทุกๆตระกูลมาเป็นพวกให้ได้ เพื่อความสะดวกในการทำธุรกิจ
แต่ศัตรูตัวตั้งตัวตีของเขาก็คือ 'ชิบะ' เพราะอย่างนั้นเขาถึงต้องกำจัดไคเอ็น และ 'คุจิกิ'
ตระกูลที่แข็งแกร่งพอตัว จนไอเซ็นไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่ถ้าหากสามารถสร้างความร้าวฉานระหว่างความสัมพันธ์ของสองตระกูลได้ล่ะก็...
คงจะดีไม่น้อย...
ทีแรกเขาต้องการฆ่าอิจิโกะเพื่อคุโรซากิจะได้ไม่มีทายาทสืบตระกูล
แต่สุดท้ายแม่ของเขาก็ต้องมาตายแทน ถึงอย่างนั้นผลที่ออกมาก็คือสองตระกูลนี้บาดหมางกันในที่สุด
ส่วน 'ชิโฮอิน' นั้นเป็นอะไรที่กำจัดยากมากที่สุด
เขาจึงใช้วิธีเกลี้ยกล่อม แต่ชิโฮอินก็ไม่ยอมร่วมด้วย แต่ก็รับปากว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
เขาจึงปล่อยไป
เพราะฉะนั้นคืนนี้ไคเอ็นก็ต้องหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้
แต่ไอเซ็นรู้ดีว่าไคเอ็นเป็นคนมีฝีมือ
เขาจึงต้องหลอกล่อจุดอ่อนของไคเอ็นออกไปที่นั่น อย่างเด็กผู้หญิงที่ชื่อ 'ลูเคีย'
"หึหึ..."
ทางด้านลูเคียที่เพิ่งมาถึงภูเขาที่เป็นจุดหมาย
ดวงตาสีม่วงเป็นประกายเริ่มสอดส่องหาร่างของคนที่เธออยากจะเจอ เด็กสาวรีบก้าวเท้าเดินขึ้นเขาตามขั้นบันไดเก่าๆที่ถูกสร้างขึ้นมานานพอสมควร
เท่าที่ลูเคียรู้มา บนภูเขาแห่งนี้มีศาลเจ้าร้างอยู่หลังหนึ่ง
ภูเขานี้จึงไม่ค่อยมีผู้คนนิยมขึ้นไปเท่าไหร่นัก
แข้งขาเรียวเล็กก้าวขึ้นตามขั้นบันไดเรื่อยๆจนมองเห็นยอดศาลเจ้าร้างหลังเก่า
และลานกว้างที่ปกคลุมไปด้วยยอดหญ้า รายล้อมไปด้วยต้นไม้พุ่มไม้
บรรยากาศข้างกายมีแต่ความมืดมิด ลมเย็นที่พัดกระทบใบหน้าพร้อมกับกลิ่นไอฝนบวกกับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
ก้อนเมฆบดบงแสงดาวและแสงจันทร์อยู่เป็นระยะๆ
บ่งบอกว่าอีกไม่นานสายฝนก็คงจะโปรยปรายลงมาไม่หนักก็เบา
ลูเคียก้าวเท้าขึ้นไปที่ลานนั้นอย่างรวดเร็ว
เพราะดูแล้วเหมือนจะไม่มีผู้คนอยู่ที่นี่เลยสักคน ยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นวิตก
กลัวว่าคนๆนั้นและเพื่อนของเธอจะเป็นอะไรไป
แต่เท้าเล็กๆของเธอดันไปสะดุดเข้ากับบางอย่างจนร่างบางเสียหลักหกล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น
"โอ๊ย!"
ลูเคียร้องอุทานขึ้นด้วยความเจ็บ
ก่อนที่สายตาจะไปสบกับร่างของ'คน'ที่นอนจมกองเลือดอยู่
ร่างของชายคนนั้นนอนคว่ำหน้า สวมชุดสีดำคล่องตัว และเสื้อเกราะของตำรวจ
ในขณะที่มือยังจับปืนและดาบที่เหน็บอยู่ข้างลำตัว ราวกับว่าเขาสิ้นลมหายใจไปโดยที่ยังไม่ได้สู้เลยด้วยซ้ำ
"!!!"
ทันทีที่เห็น
ลูเคียก็ขยับร่างถอยกรูดไปข้างหลังอย่างหวาดกลัว ดวงตาเบิกกว้างกับภาพที่ได้เห็น
เพราะไม่ใช่แค่คนเดียวที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น แต่มันเยอะมากกว่าสิบคน
และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ลูเคียตกใจ
ยังไม่ทันที่สมองของลูเคียจะได้คิดอะไรต่อ
ก็มีมือใหญ่เข้ามาประกบเข้าที่ใบหน้าปิดปากปิดจมูกเธอเอาไว้
พร้อมกับอีกมือหนึ่งที่โอบดึงเอวบางอย่างแรงจากด้านหลัง
ทำให้ร่างเล็กถูกฉุดกระชากไปตามแรงดึงทันที
"อื้อ...อื้อ..."
ลูเคียส่งเสียงประท้วงในลำคออื้ออึง
พลางดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของคนๆนั้น และใช้มือป่ายปะไปตามท่อนแขนใหญ่ ทั้งออกแรงดึง
ทั้งออกแรงจิก
แต่ไม่มีทีท่าว่าคนที่จับเธอมาจะรู้สึกสะทกสะท้านกับสิ่งที่เธอทำสักนิด
คนๆนั้นพาร่างของลูเคียไปหลบอยู่ที่หลังพุ่มไม้มุมหนึ่งที่มิดชิดพอสมควร
"ลูเคีย..."
เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูของลูเคีย
ทำให้เธอชะงัก และหยุดการกระทำตอบโต้ทั้งหมด เสียงนี้มัน...พี่ไคเอ็น
ลูเคียรีบหันหน้าไปมอง ก็พบกับใบหน้าของคนที่เธออยากเจอมากที่สุดในเวลานี้
แววตาทอประกายความดีใจและโล่งอกเมื่อพบว่าเขาปลอดภัย แต่กลับยังรู้สึกไม่สบายใจ
เพราะสภาพเสื้อผ้าของเขามีแต่คราบเลือดสีแดงสดติดอยู่เต็มไปหมด
ไคเอ็นเห็นดังนั้นจึงละฝ่ามือออกจากใบหน้าของเด็กสาวช้าๆ
พร้อมกับคลายอ้อมแขนออกจากเอวบางปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ก่อนจะออกปากถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ที่กล้าเข้ามาในสถานที่แบบนี้ในตอนกลางคืนเพียงคนเดียว
"ลูเคีย! เธอมาที่นี่ทำไม รู้มั้ยว่ามันอันตรายมากแค่ไหน!"
"คือฉัน... ฉันมาหาเพื่อน..."
ลูเคียตอบเสียงสั่น
เพราะสายที่ไคเอ็นใช้มองเธอนั้นเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
สายตาของความโกรธและโมโหมากถึงมากที่สุด
"เพื่อน? มันไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นเลยซักนิด
พี่บอกแล้วไงว่าเพื่อนของเธอจะต้องปลอดภัย เธอไม่เชื่อใจพี่งั้นเหรอ ลูเคีย
แล้วเธอมาที่นี่ตอนดึกๆคนเดียว มันอันตรายมากนะ... รู้รึเปล่า? คุณโซเดะโนะคงไม่รู้สินะว่าเธอมาที่นี่ แล้วตอนนี้..."
ไคเอ็นพูดแทรก พร้อมกับเทศนาให้ลูเคียฟัง
ในขณะที่ลูเคียได้แต่จ้องเขานิ่ง เพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดเลยแม้แต่น้อย
ลูเคียยังคงนั่งจ้องเขานิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร
เธอทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆที่หลงทาง แล้วเพิ่งหาพ่อแม่เจอ เด็กสาวไม่คัดค้าน
ไม่พูดแทรกคำพูดของเขาสักคำ จนไคเอ็นชะงัก แล้วผ่อนเสียงลง
สายตาที่มองเธอก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง สงสัยเขาคงจะเป็นห่วงเธอมากเกินไปจริงๆ
"ให้ตายสิ ยัยเด็กโง่เอ๊ย รู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงเธอมากแค่ไหน"
ไคเอ็นพูดขึ้น แล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างทะนุถนอมโดยที่ลูเคียไม่ทันตั้งตัว
"พ...พี่ไคเอ็น ฉันขอโทษ ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องเป็นห่วง"
ลูเคียตกใจอยู่สักพัก ก่อนยกแขนเรียวเล็กทั้งสองขึ้นมากอดตอบเขา
แล้วเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงละมุนเหมือนกับที่เขาพูดกับเธอ
ไคเอ็นนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วผละออกจากเธอ
พลางมองเธอด้วยสายตาอันอบอุ่น พร้อมกับพยักหน้ารับเข้าใจ ก่อนที่ลูเคียจะเป็นคนเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง
"อิจิมารุงั้นเหรอ?"
ไคเอ็นทวนชื่อนี้อีกครั้ง
เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฟังลูเคียผิดไป
เดิมที 'อิจิมารุ งิน' เป็นคนของตระกูลคุจิกิ แต่เมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่คุจิกิ
โซจุนเสียชีวิต งินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน
กำลังทำอะไรอยู่ และยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า อีกทั้งยังไม่มีร่องรอยอะไรเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว
แต่เมื่อไม่นานมานี้ไคเอ็นได้สืบค้นเกี่ยวกับคดีนี้ไป
จนกระทั่งพบว่าคนที่คอยทำงานอยู่เบื้องหลังให้กับไอเซ็นอยู่ก็คือ อิจิมารุ งิน
ก่อนที่ลูเคียจะมาถึงภูเขาแห่งนี้
ไคเอ็นเดินสำรวจรอบๆภูเขา และพบกับร่างสูงโปร่งสวมเสื้อคลุมหนังสีดำ
ปกปิดใบหน้าด้วยฮูทของเสื้อคลุม และด้วยความมืดทำให้มองไม่ชัดว่าเป็นใคร
แต่คนๆนั้นกำลังยืนคุยอยู่กับ 'จูฮาบัช' เหมือนกำลังเจรจาอะไรกันสักอย่างอยู่หน้าศาลเจ้า
โดยด้านข้างของคนทั้งสอง มีเด็กๆกลุ่มหนึ่งที่ไอเซ็นรับไปเลี้ยงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้า
ใบหน้าของเด็กพวกนั้นดูอิดโรย ร่างกายซูบผอมราวกับคนอดอาหาร พวกเด็กๆร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือจากชายทั้งสองคนนั้น
แต่กลับถูกลูกน้องของคนพวกนั้นทำร้ายอย่างไร้ความปราณี
ไคเอ็นได้แต่กำหมัดแน่นอย่างอดกลั้นอารมณ์โกรธและโมโหที่ปะทุขึ้นมาภายในอก
เพราะตอนนี้เขายังทำอะไรไม่ได้ จากการสังเกตแล้ว
ดูเหมือนว่าคนของไอเซ็นกับจูฮาบัชก็ซุ่มอยู่รอบๆจำนวนไม่น้อย
ถ้าขืนเขาผลีผลามทำอะไรลงไปโดยไม่คิด คงจะไม่มีทางรอดแน่นอน
ไคเอ็นตัดสินใจรีบเดินอ้อมไปอีกทางอย่างระมัดระวัง
เพื่อสมทบกับกลุ่มกำลังที่ทางหน่วยพิทักษ์ส่งมาให้แต่กลับพบพวกเขาในสภาพร่างไร้วิญญาณเสียแล้ว
เขามาช้าไป ไอเซ็นรู้แผนการของเขาทั้งหมด!
เขาพยายามหาค้นหาคนที่ยังพอรอดชีวิต ทำให้เลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนตามลำตัวของเขาไปทั่ว
แต่สุดท้ายเขาก็หาไม่พบ จนกระทั่งเดินมาเรื่อยๆ จึงพบกับลูเคียโดยบังเอิญ แล้วรีบนำตัวเธอมาหลบซ่อนหลังพุ่มไม้นี้
การที่ไคเอ็นได้เห็นลูเคียมาที่นี่มันทำให้เขาตกใจ
และรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย ความรู้สึกกลัวที่ไม่เคยมี
กลับถาโถมเข้ามาในจิตใจอย่างไม่เคยเป็น เขากลัว... กลัวลูเคียจะต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะเขา
"ลูเคีย เธอรีบกลับไปซะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ"
"แต่..."
ลูเคียทำท่าจะท้วง
แต่กลับมีเสียงๆหนึ่งที่แทรกเข้ามาเบนความสนใจคนทั้งสอง
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
เสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิง... ลูเคียหันควับมองไปตามทางของต้นเสียงนั้น
แล้วรีบออกวิ่งไปพร้อมกับไคเอ็น จนมาถึงหน้าศาลเจ้า
ก็พบกับเพื่อนชายของเธอคนหนึ่งที่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นหญ้า
และดิ้นพร่านอย่างทรมาน เพราะเขาถูกฟันด้วยดาบคมของชายคนนั้น
ลูเคียมองเพื่อนของตนอยู่ไม่ไกล
พลางก้าวขาเตรียมวิ่งเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนตามสัญชาตญาณ
แต่กลับถูกไคเอ็นรั้งตัวเอาไว้เสียก่อน
ไคเอ็นรีบพาลูเคียหลบหลังพุ่มไม้ก่อนที่ชายคนนั้นจะหันมาเห็น
พวกเขาอยู่ในจุดที่มองเห็นคนๆนั้นกับพวกเด็กๆได้ชัดเจน
แต่ไคเอ็นมั่นใจว่าชายคนนั้นมองไม่เห็นเขากับลูเคียแน่นอน
"ลูเคียจัง เธออยู่ไหนน่ะ รีบๆออกมาซักทีสิ ฉันรอจนเบื่อแล้วน้า"
น้ำเสียงนี้ลูเคียจำได้แม่น เสียงของอิจิมารุ
งิน และมันทำให้ลูเคียถึงกับสะดุ้ง และขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
"ถ้าเธอไม่รีบออกมา เพื่อนๆของเธออาจจะต้อง'ตาย'หมดเลยก็ได้นะ"
อิจิมารุ
งินในชุดคลุมสีดำพูดออกมาทั้งๆที่ยืนอยู่คนเดียว ราวกับรู้ว่าเธอซ่อนอยู่แถวๆนั้น
ลูเคียอยากจะออกไปให้รู้แล้วรู้รอด
อยากให้เรื่องทุกอย่างจบ แต่เธอกลับถูกมือของไคเอ็นปิดปาก
และโอบรัดร่างของเธอเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ เขารู้แล้วว่าทำไมอิจิมารุถึงโทรให้ลูเคียออกมาที่นี่
ลูเคียต้องทนมองดูเพื่อนของเธอตายไปอย่างทรมานโดยที่เธอช่วยอะไรไม่ได้
ทั้งๆที่อยู่ใกล้กันเพียงแค่นี้
น้ำตาหยดใสไหลรินอาบแก้มอย่างรู้สึกเสียใจ
และรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จากหนึ่งคน เป็นสองคน และ...คนที่ 3
ไคเอ็นรู้สึกถึงหยดน้ำตาอุ่นๆที่หยดลงกระทบกับฝ่ามือของเขา
ลูเคียกำลังร้องไห้ เขาดึงเธอให้หันมามองหน้าเขาแทน เพื่อให้เธอหลีกหนีภาพพวกนั้น
ก่อนจะกดหัวของเธอให้ซบลงบนไหล่กว้างของเขาเบาๆ สองมือค่อยๆโอบกอดร่างบางแน่นอย่างที่ไม่ต้องการปล่อยเธอไป
เพราะเขาไม่ยอม...ไม่ยอมให้เธอออกไปเด็ดขาด!
"ออกมาซะดีๆเถอะน่า อย่าให้ฉันต้องกลายเป็นคนใจร้ายอย่างนี้สิ 'ชิบะ ไคเอ็น'..."
ไคเอ็นรู้ดี เป้าหมายของคนพวกนั้นไม่ใช่ลูเคีย
แต่เป็นเขาต่างหาก ความจริงเขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าไอเซ็นต้องการกำจัดเขาให้พ้นทางธุรกิจมืดที่มันกำลังร่วมมือกับจูฮาบัชอยู่
คนพวกนั้นจึงคอยส่งคนสะกดรอยตามเขา แล้วใช้ลูเคียเป็นเหยื่อล่อ
"ออกมาได้แล้ว ไคเอ็น ถ้าไม่อยากให้เด็กพวกนี้ตายน่ะนะ..."
ใบหน้าของงินกำลังแสยะยิ้มร้าย
ในขณะคมดาบก็จรดที่ลำคอของเด็กผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไป
"ฮึก..."
ลูเคียพยายามปิดบังเสียงสะอื้นภายใต้อ้อมกอดของไคเอ็น
ชายหนุ่มยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น
ในตอนนี้เด็กสาวที่ดูเข้มแข็งในสายตาของทุกคน
กำลังร้องไห้อย่างหนักเหมือนเด็กเล็กๆ
ตั้งแต่รู้จักกันมา
ไคเอ็นไม่เคยเห็นน้ำตาของลูเคียเลยแม้แต่หยดเดียว
ถึงแม้ว่าแววตาของเธอจะเศร้ามากแค่ไหนก็ตาม
และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นน้ำตาของเธอ ยิ่งลูเคียเสียน้ำตามากเท่าไหร่
หัวใจของเขาก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องจบลงโดยเร็วที่สุด
"ลูเคีย..."
ไคเอ็นกระซิบเบาๆข้างหูลูเคียให้เขาและเธอได้ยินเพียงแค่สองคน
ก่อนจะคลายอ้อมกอดให้เธอเป็นอิสระ
เขามองใบหน้าของเด็กสาวที่มีหยาดน้ำตากำลังคลออยู่รอบดวงตาเบาๆ เขารู้ได้ในทันทีว่าลูเคียกำลังพยายามอดกลั้นที่จะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็น
"เอานี่ไว้ป้องกันตัวนะ"
ไคเอ็นยื่นดาบของเขาให้ลูเคีย
พลางกระชับมือเล็กให้ถือดาบนั้นไว้
"หนีไปซะ ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วก็...อย่าหันกลับมาเด็ดขาด
เข้าใจมั้ย!?"
ลูเคียได้แต่นิ่งอึ้งกับคำพูดของเขา
เด็กสาวจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีครามของอีกฝ่าย พร้อมกับความรู้สึกที่เอ่อล้นจนยากจะบรรยาย
เธอส่ายหัวช้าๆบ่งบอกว่าไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาสั่ง
จะให้เธอหนีเอาตัวรอดคนเดียวอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง เธอทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก
ไคเอ็นทำทีไม่สนใจปฏิกิริยาโต้ตอบของลูเคีย
พลางเบือนหน้าหนีหลบดวงตาคู่นั้น ก่อนจะหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ
แล้วคว้ามือข้างหนึ่งของลูเคียมารับมันไป
เขารีบยัดของสิ่งนั้นใส่มือของลูเคียอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกุมมือและบีบมือเธอแน่น
"รักษาของสิ่งนี้ไว้ให้ดีนะลูเคีย มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ให้มันเป็นตัวแทนของพี่นะ"
ไคเอ็นพยายามคงน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
ถึงแม้ว่าภายในใจของเขาจะไม่ปกติแค่ไหนก็ตาม ไม่ได้มีเพียงลูเคียที่กลัว
แต่เขาเองก็กลัว
เมื่อก่อนเขาไม่กลัวที่จะต้องตายในหน้าที่
แต่ตอนนี้เขามีลูเคีย เพราะเขามีลูเคีย ทำให้เขาคิดว่าเขาไม่อยากจากเธอไป
และไม่อยากให้เธอจากไป เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อลูเคียตลอดไป...
"พี่ไคเอ็น..."
"ไปซะ แล้วอย่าหันหลังกลับมาที่นี่อีกเป็นอันขาด"
ไคเอ็นปล่อยมือจากลูเคียพลางขยับตัวออกห่าง
แล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกมือเล็กรั้งชายเสื้อเอาไว้
"ฉันขี้เกียจเล่นซ่อนหากับนายแล้วนะ ชิบะ ไคเอ็น..."
เสียงของงินดังขึ้นอีกครั้ง
เรียกความสนใจของทั้งไคเอ็นและลูเคียให้หันมองตามต้นเสียง
"ฉันจะนับ 1-3 ถ้านายไม่ออกมา
ฉันไม่รับประกันนะว่าเด็กพวกนี้จะปลอดภัย"
ไคเอ็นหันมามองหน้าลูเคียอีกครั้ง ก่อนเอื้อมมือไปสัมผัสกับแก้มเนียน
แล้วใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้กับเด็กสาวอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน สัมผัสที่ทำให้ลูเคียยากจะยืมเลือน
มันเหมือนกับการสั่งลาที่เธอไม่อาจยอมรับได้
"หนึ่ง!"
"เห็นมั้ย พี่บอกแล้วว่าเธอเป็นยัยเด็กมีปัญหา เลิกร้องไห้ได้แล้วน่า"
ไคเอ็นใช้มืออีกข้างขยี้หัวของลูเคียเบาๆ
ก่อนยิ้มกว้างให้เธออีกครั้งอย่างจริงใจ
ในขณะที่ลูเคียมองเขาด้วยแววตาที่สะท้อนถึงความเป็นห่วง และเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ
มือของลูเคียถือกระชับของที่เขาให้เธอเอาไว้ตรงหน้าอกข้างซ้าย
ตรงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวว่าจะต้องเสียเขาไป
ส่วนอีกมือหนึ่งก็ปล่อยดาบวางไว้กับพื้นแล้วนำมากำชายเสื้อของเขาแน่น
"สอง!"
"พี่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอไม่ได้
ถ้าอย่างนั้นเพื่อนๆของเธอที่เหลือจะต้องรอด อย่างที่พี่บอกไว้..."
ไคเอ็นละมือออกจากใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้า
ก่อนหันหลังให้กับเธอ
...แต่ขอโทษนะลูเคีย คืนนี้พี่อาจจะไม่รอดกลับมาหาเธอ...
ไคเอ็นคิดในใจอย่างเจ็บปวด ถ้าเขาออกไปหางิน
แน่นอนว่าเขาต้องไม่รอด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีความหวัง ขอแค่ลูเคียปลอดภัย
แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
"ไปได้แล้ว ไปสิ!"
ไคเอ็นตะคอกไล่ลูเคียที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง
พลางสะบัดตัวให้เด็กสาวปล่อยมือจากชายเสื้อของเขา
"สาม!"
ลูเคียพูดอะไรไม่ออก หัวใจเหมือนถูกบีบรัดไว้แน่นจนทรมาน
เธอรับรู้ถึงความรู้สึกของไคเอ็นได้เป็นอย่างดี ก่อนจะตัดสินใจกุมดาบไว้ในวินาทีสุดท้าย
แล้วรีบวิ่งออกไปทั้งน้ำตา
"ฉันเตือนนายแล้วนะ ไคเอ็น"
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอกพูดขึ้น
ก่อนจะเงื้อมือที่ถือดาบเตรียมฟาดฟันลงไปยังร่างของเด็กน้อยผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไป
ปัง!!!
เสียงปืนดังขึ้นในวินาทีต่อมา ความรุนแรงของกระสุนที่กระทบกับคมดาบ
ทำให้งินต้องปล่อยให้ดาบร่วงลงสู่พื้น
"โอ๊ะ โอว... ยอมออกมาแล้วเหรอ หีหึ"
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของงินนั้นเหมือนกับการเยาะเย้ยคนตรงหน้าที่กำลังจ่อปลายกระบอกปืนตรงมาทางเขา
ราวกับว่าชายหนุ่มผมดำอมม่วงคนนี้เป็นคนโง่ที่ยอมออกมาให้นักล่าอย่างเขาล่าเหยื่อถึงที่
และทั้งที่ไคเอ็นมีโอกาสยิงเขาก่อนหน้านั้นแล้วแท้ๆ แต่เขากลับไม่ทำ
ไคเอ็นมองหน้าศัตรูตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเรียบ ชายหนุ่มเกลียดรอยยิ้มนั้นของงินเหลือเกิน
เขาหันปลายกระบอกปืนไปทางคนตรงหน้าโดยไม่คิดจะละมือลง ที่เขาไม่ยิง เพราะต้องการถ่วงเวลาเพื่อรอกลุ่มกำลังที่เขาเพิ่งติดต่อเอาไว้
แล้วจับเป็นเพื่อสอบสวนและสืบไปถึงตัวการใหญ่ ดวงตาสีครามพลางสอดส่องมองหาบุคคลผู้ไม่เกี่ยวข้องที่อาจจะซุ่มลอบกัดเขาได้ทุกเมื่ออยู่ตามพุ่มไม้
และเหมือนงินจะรู้ว่าเขามองอะไรอยู่
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ลูกน้องของฉันไม่ทำอะไรนายหรอก"
งินแสยะยิ้มอีกครั้ง
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไคเอ็นกำลังห่วงอะไร ไคเอ็นไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิด
แต่กำลังห่วงเด็กผู้หญิงที่ชื่อลูเคียต่างหาก เพราะงั้น
เขาเลยส่งคนไปจัดการให้เด็กนั่นไปรอไคเอ็นอยู่ในนรกก่อนแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ชิบะ
ไคเอ็น...
เมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ลูเคียก็ชะงักฝีเท้าหันหลังกลับในทันที
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของไคเอ็นก็ทำให้เธอต้องกำดาบในมือแน่น แล้วรีบวิ่งต่อ พลางกระชับมือที่ถือของที่เขามอบให้กับเธอแน่นยิ่งขึ้น
เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้เธอได้มากที่สุดในเวลานี้ ถึงแม้ว่าหัวใจจะหล่นวูบไปตามเสียงปืนนั้นแล้วก็ตาม
//"ไปซะ แล้วอย่าหันหลังกลับมาที่นี่อีกเป็นอันขาด"//
//"รักษาของสิ่งนี้ไว้ให้ดีนะลูเคีย มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ให้มันเป็นตัวแทนของพี่นะ"//
//"เห็นมั้ย พี่บอกแล้วว่าเธอเป็นยัยเด็กมีปัญหา เลิกร้องไห้ได้แล้วน่า"//
//"พี่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเพื่อนๆของเธอที่เหลือจะต้องรอด
อย่างที่พี่บอกไว้..."//
//"หนีไปซะ ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วก็...อย่าหันกลับมาเด็ดขาด
เข้าใจมั้ย!?"//
แม้เสียงหัวใจเรียกร้องอยากจะหันหลังกลับไปอย่างทรมานมากเพียงใด
แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเธอเชื่อ... เชื่อทุกสิ่งที่เขาพูด
เชื่อทุกสิ่งที่เขาทำ เธอเชื่อใจเขา
//"ให้ตายสิ ยัยเด็กโง่เอ๊ย รู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงเธอมากแค่ไหน"//
//"พี่น่ะ ชิบะ ไคเอ็น เชียวนะ อย่าดูถูกฝีมือกันสิ ยัยเด็กมีปัญหา"//
//"มากับฉันสิ... ฉันจะสอนอะไรให้เธอ... เอาไว้ป้องกันตัวน่ะ"//
//"...ฉันมองเธอออกนะ เธอชอบทำตาเศร้าแปลกๆรู้ตัวมั้ย ลูเคีย... "//
//"ไคเอ็น ฉันชื่อ ชิบะ ไคเอ็น"//
//"ยินที่ได้รู้จักนะ ลูเคีย"//
ทุกก้าวที่ลูเคียวิ่ง
ทุกหยดน้ำตาที่กำลังไหลริน ความทรงจำเหตุการณ์ทั้งหมดหลั่งไหลเข้าสู่สมองเธอตลอดเวลา
วนเวียนไปมาในหัวใจไม่ยอมหยุดเสียที
เสียงฝีเท้าของลูเคียหยุดลง เมื่อดวงตาหม่นแสงสังเกตเห็นเงาของคนหลายคนที่กำลังยืนล้อมรอบเธออยู่ตามพุ่มไม้และหลังต้นไม้
เธอนิ่งพร้อมกับเตรียมชักดาบด้วยมือที่สั่นเทา ในมือของคนพวกนั้นมีอาวุธพร้อม
บ้างก็ถือดาบ บ้างก็ถือปืน เดาได้ไม่ยากหรอกว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
เท้าของลูเคียเริ่มก้าวถอยหลังเล็กน้อยอย่างช้าๆ
เธอละสายตาจากคนพวกนั้นเพียงเสี้ยววินาทีมองสิ่งของในมือที่เธอกำลังกำอยู่แน่น
มันคือสร้อยคอ...จี้พระจันทร์เสี้ยวสีขาวบริสุทธิ์
น้ำตาหยดสุดท้ายร่วงลงกระทบกับสร้อยเส้นนั้นในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นใช้มือปาดน้ำตาลวกๆ
เพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
น้ำตาที่เคยมีเริ่มเหือดแห้งไปทันใด เหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ
และเสียงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากด้วยความกดดันและความกลัว
ใช่...ตอนนี้ไม่มีเวลาให้มาเสียน้ำตาแล้ว ลูเคียพยายามตั้งหลัก
และคอยระมัดระวังตัว แล้วชักดาบออกมาทันทีทั้งที่มือยังสั่น
ถึงแม้จะเคยจับดาบมาหลายต่อหลายครั้ง แต่นี่มันคือครั้งแรกในชีวิตของการต่อสู้ที่แท้จริง
เธอยังไม่เคยลงดาบปลิดชีวิตใครแม้แต่คนเดียว
คืนนี้เธอจะต้องฆ่าคนจริงๆอย่างนั้นเหรอ
ลูเคียคิดวิธีหาทางหนีทีไล่ เพื่อเลี่ยงการปะทะโดยตรง
เพราะเธอยังไม่มีประสบการณ์ เด็กสาวเริ่มออกวิ่งเพื่อหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็ว พยายามหลบลูกกระสุนที่กระหน่ำสาดเข้ามาไม่ยั้ง
เธอหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เมื่อเสียงปืนสงบลงไปสักพัก ลูเคียก็ค่อยๆออกจากที่หลบซ่อน
แต่ก็พบกับชายอีกคนที่ยืนดักรอเธออยู่อีกทาง
ด้วยสัญชาตญาณ ลูเคียจึงตวัดดาบตามท่วงท่าที่ไคเอ็นเคยสอนไว้
คมดาบฟาดฟันลงที่ลำคอของคนตรงหน้าเต็มแรง ส่งผลให้ร่างนั้นทรุดตัวลงไปกับพื้น พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งใบหน้าของลูเคีย
มือที่เคยสั่นอยู่แล้วกลับสั่นมากยิ่งกว่าเดิม ลูเคียพยายามตั้งสติแล้วก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังพุ่งมาจากทางด้านหลัง
ทำให้เธอต้องรีบหลบและตั้งหลักเตรียมต่อสู้อย่างช่วยไม่ได้
ลูเคียใช้คมดาบปลิดชีพคนพวกนั้นไปกี่ชีวิตแล้วก็ไม่รู้ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง
รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นทุกครั้งที่ลงดาบ
เพราะยังไงพวกเขาก็คือคนที่มีชีวิตเหมือนๆกัน
ค่ำคืนอันแสนเลวร้ายที่ไอเซ็นมอบให้ ให้ตายลูเคียก็ไม่มีวันลืมเด็ดขาด
ร่างบางแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงพอที่จะยืน รอยถลอก
และบาดแผลตามร่างกายไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บเลยสักนิด หากเทียบกับหัวใจมันด้านชาไร้ความรู้สึกใดๆอย่างสิ้นเชิง
ลูเคียทิ้งตัวนั่งคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับใช้ดาบปักลงกับพื้นดินเป็นตัวค้ำ
ลมหายใจเข้าออกถี่ยิบแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าที่บ่งบอกถึงขีดจำกัดของร่างกาย
เวลานี้ในสมองว่างเปล่าไปหมด คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะหนีไปที่ไหน
ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ทางเดียวที่จะรอดออกจากที่นี่มีแค่ต้องฆ่าคนจริงๆเหรอ
แล้วพี่ไคเอ็นล่ะ... พี่ไคเอ็นยังปลอดภัยดีอยู่รึเปล่า?
คิดได้ไม่นาน ชายชุดดำอีกคนก็พุ่งมาจากทางด้านหลังอีกครั้ง ลูเคียรู้สึกได้ทันที
สมองรีบสั่งการให้ร่างกายหันกลับไปต่อสู้และป้องกันตัวเอง
แต่ร่างกายกลับไม่ทำงานตามที่สมองสั่ง มันช้าเกินไปที่จะ...
...ไม่! ฉันยังตายตรงนี้ไม่ได้
ลุกสิ ลุกขึ้นสิ!...
To Be Con.
ความคิดเห็น