ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bleach] For you forever - Ichiruki

    ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER 08 : Friend

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 58


    CHAPTER 8

    Friend…

     

     

     


     

     

    "นั่นมันเจ้าอิจิโกะกับลูเคียไม่ใช่เหรอ ทำไมมาด้วยกันได้นะ"

     

    น้ำเสียงเชิงเยาะเย้ยของกริมมจอว์ดังขึ้นเมื่อเห็นอิจิโกะกับลูเคียเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง ซึ่งเขาเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันไปได้ยังไง ทั้งที่เมื่อวานเกือบจะฆ่ากันตายแท้ๆ

     

     

    กริมมจอว์จงใจกระแทกเสียง พลางเหล่มองคนข้างตัวว่าจะมีปฏิกิริยายังไงบ้าง ซึ่งคนๆนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน อาชิโดะนั่นเอง และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่กริมมจอว์คาดไว้ เมื่ออาชิโดะเห็นก็แทบจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทันที สายตาเขาแสดงถึงความไม่พอใจชัดเจน แต่สุดท้ายอาชิโดะก็ตั้งสติได้ทัน แล้วนั่งลงอย่างเดิมให้ใจตัวเองสงบลง

     

     

    "ไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง อาชโดะ ทำหน้าที่ให้ดีหน่อยสิ เดี๋ยวก็เสียแผนกันพอดี"

     

    กริมมจอว์หันมากระซิบให้อาชิโดะกับเขาได้ยินเพียงสองคน เขายิ้มมุมปากอย่างสนุกที่ได้ยั่วอารมณ์คนอื่น ส่วนอาชิโดะนั้นทำได้เพียงหลับตานิ่งทนฟังเสียงเพื่อนของตัวเอง ก่อนมองไปยังโต๊ะที่ลูเคียนั่งอยู่

     

     

    ใบหน้าหวานของคนที่เขากำลังมองอยู่นั้นเหมือนคนละคนกับเมื่อวานที่เขารู้จัก เธอยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน รอยยิ้มที่มาจากใจจริง รอยยิ้มที่มาจากความสุข และรอยยิ้มที่ไม่ใช่การเสแสร้งเพื่อทำให้คนอื่นสบายใจ รอยยิ้มที่เกิดจากใครคนอื่น ใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา...

     

     

    อาชิโดะมองดูภาพที่ลูเคียกำลังยิ้ม หัวเราะอย่างร่าเริง ท่ามกลางเพื่อนๆในห้องที่เข้ามารายล้อมรอบตัวเธออย่างแสดงความเป็นห่วงเรื่องเหตุการณ์เมื่อวาน ทั้งยาจิรุ ฮินาโมริ รันงิคุ แต่คนที่ทำให้อาชิโดะรู้สึกไม่ชอบใจมากที่สุดก็คืออิจิโกะ

     

     

    ...ไม่เข้าใจเลย ลูเคีย ทำไมเธอถึงได้คุยกับอิจิโกะได้อย่างสนิทสนมขนาดนี้ ทำไมถึงยิ้มให้กับอิจิโกะแบบนั้นได้อีก ทั้งที่อิจิโกะคือคนที่ต้องการจะเอาชนะเธอมากที่สุด ทั้งที่อิจิโกะทำให้เธอเจ็บตัว...

     

     

     

     

     

    หรือจริงๆแล้ว เขาต่างหากที่เป็นคนทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มว้าวุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อตระหนักได้ว่าลูเคียในตอนที่ไม่มีเขาอยู่เคียงข้างก็สามารถยิ้มและมีความสุขได้เสมอ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แต่ไม่ใช่อาชิโดะคนเดียวที่ว้าวุ่นใจ เร็นจิที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็เห็นเช่นกัน เขารู้สึกเจ็บใจยิ่งกว่าเดิม ทุกคนได้อยู่ใกล้เธอ ทุกคนได้คุยกับเธอ ยกเว้นเขา เขาจะทำอย่างไรดี เขาถึงจะสามารถกลับไปคุยกับเธอเหมือนเมื่อก่อนได้

     

     

    เร็นจิได้แต่นั่งคอตก พลางกำมือแน่น รู้สึกโกรธตัวเองที่ทำเรื่องงี่เง่าลงไปโดยที่ไม่คิดให้ดีเสียก่อน จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องเรียนเงียบๆคนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

    "ลูเคีย หายดีแล้วเหรอ มาเรียนซะบ่ายเลยนะเธอน่ะ"

     

    อาชิโดะที่เพิ่งเดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างการสนทนาของลูเคียกับอิจิโกะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน และสายตาที่อิจิโกะพอมองออกว่าต้องการจะสื่ออะไร

     

     

    "อืม หายดีแล้วล่ะ พอดีว่าฉันตื่นสายน่ะก็เลยมาสาย"

     

    ลูเคียพยักหน้าตอบพลางส่งยิ้มและหัวเราะร่วนให้กับคนตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี ซึ่งอาชิโดะก็ยิ้มตอบ

     

     

    อิจิโกะอดหมั่นไส้กับท่าทางนั้นไม่ได้ เขาทำหน้าเบื่อโลก พลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนจะลุกออกจากตรงนั้น

     

     

    "ไปไหนน่ะ อิจิโกะ"

     

    ลูเคียถามเมื่อจู่ๆอิจิโกะก็ลุกขึ้น

     

     

    "เรื่องของฉัน"

     

    อิจิโกะตอบน้ำเสียงประชดแกมรำคาญ ก่อนหันกลับมามองลูเคียอีกรอบ แล้วเดินออกไปทันที

     

     

    "หืม...เจ้าบ้านี่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่เข้าใจอารมณ์คนเลยจริงๆแฮะ เนอะอาชิโดะ"

     

    ลูเคียขมวดคิ้วสงสัย พลางใช้มือเท้าคาง มองตามคนผมส้มไปจนลับสายตา แล้วหันมาถามความเห็นอาชิโดะอย่างไม่ต้องการคำตอบสักเท่าไร

     

     

    "อะ...อืม"

     

    อาชิโดะตอบไม่ค่อยเต็มเสียง ด้วยรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะเรื่องเมื่อกี้นี้ กับเรื่องเมื่อวานที่เขาได้คุยกับกริมมจอว์และอุลคิโอร่า

     

     

    'ฉันไม่ได้รักคุจิกิ ลูเคีย'

     

     

    ใช่แล้ว เขาต้องไม่รักเธอ แต่ยิ่งเขาพยายามตัดใจ เขาก็ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่ได้ ถ้าหากพ่อของเขารู้จะว่ายังไงนะ

     

     

    ลูเคียเห็นอาชิโดะเงียบไป และดวงตาดูเหม่อลอยกว่าทุกวัน จนเธอต้องโบกมือเล็กไปมาผ่านใบหน้าของเขา

     

     

     

     

     

    "เฮ้ อาชิโดะ เป็นอะไรไปน่ะ"

     

    "เปล่า ฉันไม่เป็นไร"

     

    อาชิโดะรู้สึกตัวแล้วหันมาคุยกับเธอต่อ ทั้งๆที่ในใจแทบบ้าตายกับความรู้สึกพวกนี้เต็มที

     

     

    "จริงนะ ดูนายไม่ค่อยโอเคเลย ไม่สบายรึเปล่า"

     

    ลูเคียถามอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาดูอ่อนแรง ใบหน้าซีดเซียวจนดูเหมือนคนป่วย เธอใช้ฝ่ามือหลังข้างหนึ่งเอื้อมไปแตะที่หน้าผากเขาเบาๆ เพื่อวัดอุณหภูมิความร้อนจากตัวชายหนุ่ม ด้วยความเป็นห่วงอย่างเพื่อนกัน

     

     

    "ตัวก็ไม่ร้อนนี่"

     

     

    เพียงแค่สัมผัสเพียงบางเบาจากมือเล็กของเธอ ทำให้เขาใจสั่นไม่หยุด จนเขาหายใจไม่เป็นจังหวะ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะทำอย่างนี้กับเขา ถึงแม้เขาและเธอจะสนิทกันมากกว่าเดิมแล้วก็เถอะ แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเขามันเปลี่ยนไปแล้ว ความรู้สึกที่เขาควรจะกำจัดมันออกไปเสียที

     

     

    เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็จับข้อมือของเธอเบาๆเพื่อนำมันออกไปจากใบหน้า รวมถึงหัวใจของเขาด้วย

     

     

    "ลูเคีย...มากับฉันหน่อยสิ"

     

    ลูเคียดูตกใจเล็กน้อยที่อาชิโดะเอามือของเธอออก แล้วอาชิโดะก็จ้องหน้าเธอสักพัก ก่อนจะดึงข้อมือเธอเดินออกไปจากห้องเรียนนี้พร้อมกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    และเป็นอีกครั้งที่การกระทำของทั้งคู่ถูกลอบสังเกตอยู่ห่างๆโดยบุคคลสองคน อุลคิโอร่ากับกริมมจอว์

     

     

    "ดูท่าจะไม่ใช่เล่นๆแล้วว่ะ อุล"

     

    กริมมจอว์บอกอุลที่นั่งมองอยู่เงียบๆด้วยน้ำเสียงตึงเครียดที่นานๆเขาจะทำที

     

    ตอนแรกก็แซวสนุกดีอยู่หรอก แต่เมื่อเห็นอาการของเพื่อนตัวเองที่เริ่มไม่ปกติก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นอาชิโดะเป็นแบบนี้มาก่อนตั้งแต่รู้จักกันมา และถ้างานนี้พังเพราะความรู้สึกของอาชิโดะจริงๆ แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาต้องเจอมันยิ่งกว่านรก

     

     

    "อืม"

     

    อุลคิโอร่าพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเหมือนเคย

     

     

     

     

     

    Rrrrrrrrr~~

     

     

     

     

    เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของอุลคิโอร่าดังขึ้น เขารู้สึกตัวแล้วเดินออกไปที่ๆไม่ค่อยมีคนโดยมีกริมมจอว์เดินตามไปด้วย จากนั้นเขาก็ยกมันขึ้นมารับสายอย่างไม่รีบร้อน

     

     

    "ครับ ท่านไอเซ็น..."

     

    กริมมจอว์เบิกตากว้างทันทีเมื่อได้ยินชื่อของคนปลายสาย เขารู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก พลางมองสีหน้าของอุลคิโอร่าที่คุยโทรศัพท์กับท่านไอเซ็นด้วยใบหน้านิ่งเรียบอย่างไม่รู้สึกอะไร

     

     

    ...ไอบ้านี่ จะหน้านิ่งไปถึงไหนกันฟะ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อิจิโกะเดินเล่นมาเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งมาเจอกับใครบางคนที่นั่งจมปุกอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้คนเดียว

     

     

    "ไง เร็นจิ มานั่งทำบ้าอะไรแถวนี้วะ"

     

    อิจิโกะเดินเข้าไปหาเร็นจิ แล้วนั่งลงข้างๆ พลางตบไหล่เพื่อนของตัวเองเบาๆ ดูจากสีหน้าแล้วก็คงคิดเรื่องของลูเคียเหมือนเดิมนั่นแหละ

     

     

    "ช่างฉันเถอะน่า นายจะไปไหนก็ไป ไป"

     

    เร็นจิิออกปากไล่ เพราะตอนนี้เขาอยากอยู่คนเดียวจริงๆ

     

     

    "ทำหน้าอย่างกับคนเพิ่งอกหักมาได้ ถ้าอยากคุยกับยัยนั่นทำไมไม่เข้าไปคุยซะล่ะ"

     

    อิจิโกะเปิดประเด็น พยายามข่มอารมณไม่พอใจที่เห็นเพื่อนของตัวเองมานั่งเป็นหมาหงอยอยู่แบบนี้ ความจริงเขาอยากจะซัดหน้าเร็นจิเข้าไปซักหมัดเพื่อเตือนสติ เผื่บางทีเร็นจิอาจจะคิดอะไรได้ขึ้นมาบ้าง

     

     

    "เหอะ นายคิดว่ามันง่ายนักรึไง ทีนายยังคุยกับยัยนั่นได้เลย เป็นเพราะอะไรกันนะ"

     

    เร็นจิบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันให้กับความขี้ขลาดของตัวเองเมื่อเทียบกับอิจิโกะแล้ว เขาก็แค่...ไม่กล้า และกลัว...

     

     

    "แล้วแต่นายนะ ถ้าไม่ลอง ชาตินี้คงจะได้คุยกันหรอก"

     

    อิจิโกะกอดอก พลางทำสายตาเอือมระอาเบื่อหน่ายกับปัญหาชีวิตของเร็นจิเต็มที

     

     

    "นายไม่เข้าใจหรอกอิจิโกะ ฉันกับลูเคียน่ะ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ ฉันไม่เคยมีใครเลยนอกจากลูเคีย ถึงยัยนั่นชอบจะทำอะไรห่ามๆ ดูฮ้าวอย่างกับเด็กผู้ชาย แต่ฉันก็รู้สึกผูกพันธ์กับยัยนั่นมากกว่าเพื่อนคนอื่น ยัยนั่นคอยเตือนสติฉัน คอยช่วยฉันในทุกๆเรื่อง แล้วที่ฉันได้เข้ามาอยู่ในโรงเรียนนี้ได้ก็เพราะลูเคีย ถ้าไม่มีลูเคีย ป่านนี้ฉันคงจะทำบ้าอะไรไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ฉันน่ะ..."

     

    เร็นจิร่ายยาวให้อิจิโกะฟัง จนคนฟังถึงกับอึ้งเล็กน้อย ทุกประโยคที่เร็นจิพูดออกมา ทุกคำล้วนคือความจริงใจ และแฝงไปด้วยความเจ็บปวดลึกๆ น้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังรู้สึกผิด และเสียใจ

     

     

    เร็นจิขมวดคิ้วเล็กน้อย กลั้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ปะทุออกมา แววตาสะท้อนถึงความเจ็บปวดออกมาอย่างปิดไม่มิด เขาสูดหายใจลึก ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วระบายความรู้สึกของตัวเองต่ออย่างอดไม่ได้ เพราะเขารู้สึกอึดอัดมานานเกินพอแล้ว

     

     

    "ฉันกับลูเคีย ตอนนี้เราต่างกันมาก ยัยนั่นเป็นถึงคนในตระกูลชั้นสูง หึ...ฉันมันก็แค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง เราห่างไกลกันเกินไปแล้วล่ะ ฉันกลัว กลัว... กลัวทุกอย่าง กลัวลูเคียจะเปลี่ยนไป กลัวลูเคียจะมองฉันไม่เหมือนเดิม แต่ยิ่งคิด ฉันว่าฉันเองต่างหากที่เปลี่ยนไป ฉันผิดเองที่พูดแบบนั้น แต่ฉันไม่อยากให้ชีวิตของยัยนั่นต้องย่ำอยู่กับที่ ถ้าเพื่อความสุขและชีวิตที่ดีของลูเคียแล้ว ฉันยอมได้ทุกอย่างแหละ"

     

     

    อิจิโกะที่ฟังอยู่รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจากน้ำเสียงของเร็นจิ เขาจึงเงียบและรู้สึกจุกอยู่ในอกเบาๆ ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดเท่านั้นที่เขาดูออก แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเร็นจิคิดยังไงกับลูเคีย

     

     

    "น่าสมเพชชะมัด ตอนนี้ทุกอย่างคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ความจริงฉันก็อยากให้ลูเคียกลับมาอยู่กับฉันนะ แต่ยัยนั่นคงไม่อยากกลับมาคุยกับฉัน คงไม่อยากกลับมาอยู่กับฉันหรอก..."

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "รู้ได้ยังไงว่าฉันไม่อยากอยู่กับนาย เร็นจิ"

     

    น้ำเสียงหวานใสคุ้นหูดังขึ้นข้างหลังอิจิโกะและเร็นจิ เสียงของลูเคียเจือไปด้วยความขุ่นเคืองอย่างชัดเจน

     

     

    ทั้งเร็นจิและอิจิโกะต่างก็สะดุ้งไปตามๆกัน เขาทั้งสองหันไปมองต้นเสียงจากหญิงสาวร่างเล็กที่บัดนี้กำลังก้มหน้าปิดบังแววตา และความรู้สึกที่แทบจะระเบิดออกมาไม่ต่างจากเร็นจิ ข้างกายของเธอมีชายหนุ่มผมสีเลือดหมูหน้าคุ้นตายืนอยู่ข้างๆ ใบหน้านั้นชวนให้อิจิโกะหงุดหงิดไม่น้อย แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาหงุดหงิดเรื่องนี้

     

     

     

     

     

    อาชิโดะชวนลูเคียออกมา ตั้งใจจะบอกความจริงทุกเรื่องให้เธอรู้ แต่เขาก็ไม่กล้าพอเช่นกัน จึงเดินเล่นไปเรื่อยๆจนมาได้ยินประโยค และคำพูดที่ออกจากปากชายหนุ่มผมแดงเพื่อนของเธอทุกคำ

     

     

     

    "...ลูเคีย"

     

    เร็นจิเอ่ยชื่อเพื่อนสาวของตนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

     

     

    เมื่อเห็นดังนั้น อิจิโกะจึงเดินเข้าไปลากตัวอาชิโดะออกจากตรงนั้น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง และไม่อยากรู้ ถึงแม้จะไม่เต็มใจที่จะปล่อยไว้ตามลำพังสองคนก็เถอะ

     

     

     

     

     

     

    "ฉันบอกว่าฉันไม่อยากคุยกับนายงั้นเหรอ ฉันบอกว่าฉันไม่อยากอยู่กับนายงั้นเหรอ ตอบฉันมาสิ เร็นจิ!"

     

    ลูเคียบอกเร็นจิด้วยน้ำเสียงสั่น แล้วแผดเสียงถามออกมาด้วยความโกรธและเสียใจ หญิงสาวย่างเท้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของตนเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผัวะ!!!

     

     

     

    ลูเคียเงื้อมือข้างหนึ่งเสยคางเร็นจิอย่างแรงทีหนึ่ง ร่างของเขาล้มลงตามแรงกระทำ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธออีกครั้งก็ถึงกับผงะ เมื่อดวงตาที่เคยสดใสสวยงามของเธอกลับเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่คลออยู่เบาๆ อย่างที่เจ้าของไม่ต้องการให้มันไหลรินออกมา เขารู้ดีว่าคนอย่างลูเคียไม่มีทางร้องไห้ง่ายๆหรอก แต่นี่เธอร้องเกือบร้องไห้เพราะเขางั้นเหรอ บ้าชะมัด

     

     

    "ลูเคีย...เธอ..."

     

    เร็นจิลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับร่างเล็ก เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ ในขณะที่ดวงตายังสบประสานกันอยู่ตลอด

     

     

    "ฉันกับนายน่ะ เราไม่ได้ต่างกันสักนิด ถึงฉันจะเป็นคุจิกิ แต่ฉันก็คือลูเคีย เพื่อนของนายไม่ใช่รึไง เจ้าบ้า"

     

     

    เร็นจิถึงกับไปไม่เป็นที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ เขาไม่แม้แต่จะเคยได้เห็นน้ำตาของเธอ ถึงจะเคยแต่ก็น้อยมาก นี่เขาทำให้เธอเกือบเสียน้ำตามาสองครั้งแล้วสินะ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธตัวเอง

     

     

    "นาย...นายหลบหน้าฉันทำไม นายหนีฉันทำไม ทำไมเร็นจิ"

     

     

    ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะลูเคีย ฉันไม่ตั้งทำให้เธอเสียใจ ฉันแค่กลัว กลัวว่าฉันจะไปขวางทางชีวิตของเธอ...

     

     

    "ฉันน่ะ ไม่สบายใจเลยที่เห็นนายเป็นแบบนี้ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ นายเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันนะเร็นจิ แล้วนาย... "

     

     

    ลูเคียสาวเท้าเข้าไปใกล้เร็นจิอีกครั้ง แล้วกระชากคอเสื้อเร็นจิลงมาให้สบตากับเธอตรงๆ ก่อนตะโกนถามคนตรงหน้าที่เอาแต่เงียบไม่ยอมพูดอะไร

     

     

    "นายเห็นฉันเป็นอะไรสำหรับนายกันแน่ห้ะ!? เร็นจิ!"

     

     

    ...เธอเห็นฉันเป็นเพื่อนคนสำคัญของเธอ ขอบใจมากนะ แต่สำหรับฉัน... ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนเธอเลย ลูเคีย เธอน่ะเป็นมากกว่านั้น...

     

     

    เร็นจิไม่ตอบ สายตาของเขาเจ็บปวดไม่แพ้เธอ เขายิ้มที่มุมปากอย่างเยาะเย้ยตัวเอง ในขณะที่หัวใจนั้นเจ็บจนพูดไม่ออก

     

     

    ลูเคียเห็นสายตานั้นก็ผงะเล็กน้อย เธอรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่ทำให้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับเพื่อนคนนี้ต้องไม่เหมือนเดิม ถ้าจะบอกว่าใครผิดแล้ว เธอเองต่างหากที่ผิด 

     

     

    ลูเคียออกแรงดึงคอเสื้อเขาอีกครั้ง แล้วปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนหันหลังอย่างไม่กล้าสบตาเขา

     

     

    "นายไม่ตอบก็ไม่เป็นไร เร็นจิ ใครบอกว่านายผิด ฉันเองต่างหากที่ผิด หยุดโทษตัวเองได้แล้ว ฉัน...ฉันอยากกลับไปคุยกับนายเหมือนเมื่อก่อนนะ เร็..."

     

     

    เสียงลูเคียขาดช่วงไป เพราะชายหนุ่มที่เธอหันหลังให้พุ่งตัวเข้ามาขว้ามือเล็กของเธอมากุมไว้ ก่อนออกแรงดึงให้หันหน้ามามองเขา สบตากับเขา

     

     

    "เธอผิดที่ชอบโทษแต่ตัวเองต่างหาก ฉันขอโทษ ลูเคีย ฉันขอโทษ ฉันคิดถึงเธอนะ"

     

     

    เร็นจิพูดสั้นๆ แต่คนฟังเข้าใจทุกอย่าง แค่นี้ เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว

     

     

    เร็นจิยืนสบตาลูเคียอย่างต้องการจะเผยความรู้สึกอันลึกซึ้งออกมาผ่านดวงตาของเขา ในใจอยากจะทำมากกว่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ แม้ว่าจะความรู้สึกคิดถึง และโหยหาเธอมากแค่ไหนก็ตาม

     

     

    เขาต้องพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรเกินเส้นของคำว่าเพื่อนที่ลูเคียขีดเอาไว้ เขารู้ดีว่ามันก้าวข้ามผ่านไปยากแค่ไหน แต่สักวันเขาจะต้องข้ามเส้นๆนั้นไปให้ได้ เขาจะไม่อ่อนแอ จะไม่กลัว แล้วก็จะไม่ยอมแพ้อีกต่อไปแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ณ เนินเขาที่เมืองลูคอน

     

    ดวงตะวันยามนี้ส่องแสงสีส้มไปทั่วท้องฟ้า เพราะเข้าใกล้เวลาพลบค่ำ แสงสีสวยนั้นกระทบไปยังหลุมศพหลายหลุมที่มีไม้กางเขนปักตรงกลาง พร้อมกับดอกไม้สดที่เพิ่งถูกปักลงบนหญ้าสีเขียวสดแสดงถึงการไว้อาลัย

     

     

    ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง และร่างเล็กของหญิงสาวผมดำเข้ม มองตามป้ายชื่อหลุมศพเหล่านั้นด้วยแววตาเศร้าสร้อยไม่ต่างกัน

     

     

    "เร็นจิ ฉันไม่นึกเลยว่านายกับฉันจะได้กลับมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้งพร้อมกัน"

     

    ลูเคียพูดออกมา ในขณะที่สายตายังจับจ้องไปตรงที่เดิม

    เร็นจิไม่ตอบแต่พยักหน้ารับรู้และตอบรับในลำคอเบาๆ

     

     

    "พวกเขานี้คงคิดถึงเราน่าดู ทั้งๆที่...ฮึก ทั้งๆที่เราทุกคนควรจะได้ยืนอยู่ข้างกันแท้ๆ"

     

    ร่างของลูเคียทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น น้ำตาที่พยายามกลั้น สุดท้ายก็ไหลรินออกมาไม่ยอมหยุด

     

    "นายยังไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนใช่มั้ย เร็นจิ ไอสารเลวพวกนั้น ฉันต้องตามหามันให้เจอให้ได้!"

     

    ลูเคียเอ่ยพร้อมกับกำมือแน่นอย่างโกรธแค้น ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นกว่าที่เคย ในขณะที่น้ำตาหยดใสยังไหลรินออกจากดวงตาคู่นั้นไม่ยอมหยุด

     

     

    เร็นจิได้แต่ยืนมอง เขาเองก็โกรธแค้นคนพวกนั้นไม่แพ้เธอเช่นกัน เขาเดินไปนั่งลงข้างลูเคีย พลางใช้มือตบบ่าเล็กของเธอเบาๆ พลันในหัวคนทั้งคู่ต่างก็นึกถึงเรื่องราวอันเลวร้ายที่ไม่อาจลืมได้จนถึงทุกวันนี้





































    ขอโทษนะค้าาา ที่มาอัพช้า T^T
    ความจริงจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่อัพไม่ได้ เสียใจ -0-
    ขอบคุณหลายๆคนนะคะที่ยังรอ
    สัญญาว่าจะมาอัพเรื่อย จบแน่นอนค่ะ แต่ช่วงนี้ช้าหน่อยเท่านั้นเอง 5555
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×