ตอนที่ 5 : Kill Me | งานแรก
“ไม่ถือหรอก เรื่องมันก็นานมาแล้ว”
“มึงนี่มัน ...” คยองซูอ้าปากค้างไว้ทั้งอย่างนั้นเมื่อมองสบกับคนตรงหน้า ... จะด่าก็ด่าไม่ออก
ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าดี
คนตัวเล็กผลักคนที่ตัวสูงกว่าออกห่างตัวอย่างขยะแขยงแต่มันกลับไม่เป็นผลเลยสักนิดเมื่อร่างของจงอินไม่ได้ขยับออกไปเลยแม่แต่น้อย ผู้ชายตรงหน้ายังทำเหมือนกับคยองซูเป็นสัตว์เหมือนเดิมไม่มีผิด ! คิดจะทำอะไรก็ได้ยังงั้นหรอ ?
“หายไปตั้งนาน ... ไม่คิดถึงกันบ้างหรือไง”
ประโยคเรียบ ๆ ถูกเอ่ยออกมาจากปากของปีศาจใจร้ายตรงหน้า คยองซูมองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูว่าจงอินจะพูดอะไรบ้า ๆ แบบนี้ออกมา
ตาคมที่มองลงมาไม่ได้ทำให้คยองซูรู้สึกใจเต้นหรือหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับทำให้คนตัวเล็กรู้สึกขยะแขยงคนหน้ามากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวเมื่อคยองซูเองก็รู้ว่าคำพูดของจงอินมันโกหกตอแหลมากขนาดไหน
“คิดถึงกับขยะแขยง ... นี่ความหมายเดียวกันหรือเปล่า ?” คยองซูเอ่ยถามใบหน้าที่อยู่ห่างแค่คืบและจ้องตากลับอย่างไม่ยอมแพ้
“...”
“เพราะถ้าใช่ ...”
“...”
“กูคงคิดถึงมาก ถึงได้ขยะแขยงมึงขนาดนี้”
จงอินหัวเราะเบา ๆ เมื่อคยองซูพูดคำสุดท้ายนั่นก่อนจะหันหน้าหนีเขาไปอีกทาง เหมือนประโยคเมื่อครู่จะทำให้คนตัวสูงหงุดหงิดอยู่เหมือนกันคนตัวสูงก้มลงตรงลำคอของคยองซูและกัดเข้าที่ซอกคอขาวอย่างแรงจนคนตัวเล็กสะดุ้ง !
คยองซูตกใจกับการกระทำที่สร้างความเจ็บปวดนั้นมือเล็กยกขึ้นมาเพื่อหวังจะผลักร่างสูงให้พ้นแต่กลับช้ากว่ามือใหญ่ที่รั้งร่างเล็กเข้ามาใกล้จนแทบจะแนบชิดเป็นเนื้อเดียวกันและฝังเขี้ยวลงจนลำคอขาวเป็นรอยแดงและมีบาดแผลเล็ก ๆ
“ปะ ... เป็นบ้าอะไรน่ะ”
ครืด ... เพล้ง !
แก้วเซรามิกเนื้อดีที่วางอยู่บนโต๊ะถูกปัดลงไปที่พื้นจนแตกกระจายไม่มีชิ้นดีพร้อม ๆ กับของอื่น ๆ ที่อยู่บนโต๊ะทำงานของคนตัวสูงและถูกแทนด้วยร่างเล็ก ๆ ที่โดนกดให้แนบแผ่นหลังลงกับโต๊ะตัวนั้นแทน ตาโตเบิกขึ้นนิด ๆ เมื่อถูกร่างสูงรุกเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัวคยองซูไม่มีโอกาสแม้แต่จะเอ่ยด่าคนตรงหน้าเมื่อร่างเล็กถูกตามมาแนบสนิททั้ง ๆ ริมฝีปากและคมเขี้ยวของจงอินยังไม่ได้ผละออกจากร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย
“อ้ะ!”
ข้อมือเล็กถูกตรึงแน่นให้ติดกับโต๊ะนั้น คยองซูมองจงอินที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากคอของเขาและยังขบเม้มจนมันมีรอยแดงเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ เป็นจ้ำ ๆ แต่มันไม่ใช่คิสมาร์ค ... มันเหมือนการกัดเพื่อให้เกิดรอยเขี้ยวขึ้นที่คอของคยองซูมากกว่า
คยองซูร้องออกมาเบา ๆ เมื่อเลือดถูกร่างสูงดูดเม้มออกมาช้า ๆ จนคนตัวเล็กถึงกับหมดเรี่ยวแรง สัมผัสหวาบหวิวกึ่งเจ็บปวดทำให้สมองของคยองซูเบลอและเลิกต่อต้านไปชั่วขณะ จงอินไซร้ไปที่ใบหูเล็ก ๆ และงับเบา ๆ ก่อนจะผละออกจากลำคอขาวเมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่ต่อต้านแล้ว ตาคมมองสำรวจไปทั่วใบหน้าของคยองซูที่กำลังขึ้นสีนิด ๆ ก่อนจะยิ้มเย็น ๆ ให้
คยองซูตามอะไรไม่เคยทันเลยสักอย่าง แค่นี้คนตัวเล็กก็นิ่งเหมือนถูกสาบไปซะแล้ว ...
ทันทีที่ตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้นมือเล็กก็ผลักร่างสูงออกทันทีที่ได้โอกาสซึ่งจงอินก็ยอมปล่อยคนตัวเล็กออกจากอ้อมกอดแต่โดยดีโดยไม่ได้มีท่าทีโมโหอะไร
“นี่มึงทำบ้าอะไรของมึง” คยองซูถามขึ้นหลังจากเป็นอิสระจากคนคนนั้นและรีบยืดตัวขึ้นมายืนตรงมองคนตัวสูงทันที
ไอ้สารเลวนี่มันทำอะไร ? แล้วสัมผัสเมื่อกี้มันบ้าอะไรกันน่ะ ! คยองซูคิดและยกมือขึ้นปิดรอยที่คอของตัวเองซึ่งมีเลือดซึมนิด ๆ ก่อนจะมองร่างสูงด้วยสายตาไม่พอใจ
ทั้งโกรธทั้งโมโหและยังรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่แปลกไปจากเดิมอีกด้วย
“คิดว่ากูจะปล้ำมึงรึไง ?” จงอินถามเรียบ ๆ ก่อนจะเอามือเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนถ่มลงพื้นอย่างหยาบคาย
“...” คยองซูนิ่งเงียบและมองจงอินอย่างไม่ค่อยพอใจแม้จะไม่เข้าใจการกระทำของจงอินสักเท่าไหร่
“ร่างกายของมึงมันผ่านมือคนอื่นมาตั้งหลายคน”
“!!!”
“สกปรก”
ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นกับประโยคดูถูกที่เชือดเฉือนนั่น สติและอารมณ์ที่พยายามกักเก็บเอาไว้ขาดกระจุยเมื่อถูกพูดจาดูถูกใส่แบบนี้ ร่างเล็กง้างมือขึ้นก่อนจะฟาดลงที่ใบหน้าคมนั่นอย่างแรงจนหน้าหัน
“หึ” จงอินนิ่งค้างเมื่อหน้าเขาหันไปตามแรงตบ มือหนาเอื้อมไปข้างลำตัวก่อนจะคว้าบางอย่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
กริ๊ก !
หน้าคมหันกลับมามองคยองซูที่หน้าเปลี่ยนสีเป็นซีดลงทันทีเมื่อปลายกระบอกปืนสีดำสนิทจ่อแนบอยู่กับศีรษะ ความรู้สึกชาที่ข้างแก้มของจงอินทำให้ร่างสูงโมโหไม่น้อยเส้นเลือดในสมองของเขากำลังเต้นตุบ ๆ และสั่งให้เหนี่ยวไกใส่ร่างเล็กนี้เป็นการลงโทษซะ
กล้าดียังไงมาตบเขา
“ตบกูอีกทีสิ”
คยองซูมองปืนในมือของจงอินก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ร่างเล็กทั้งร่างเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อรับรู้ได้ว่าปลายกระบอกปืนที่จ่อหัวเขาอยู่มันเย็นเพียงใด มือเล็กนิ่งอยู่ข้างลำตัวไม่ได้ยกขึ้นมาตบลงที่ใบหน้านั้นตามคำท้าแต่อย่างใด
ทั้ง ๆ ที่เคยพูดว่าฆ่าคยองซูให้ตายยังดีกว่ามาขังกันไว้แบบนี้แต่พอจะได้ตายจริง ๆ ร่างเล็กกลับรู้สึกกลัวกระสุนขึ้นมาซะอย่างนั้น แค่คิดว่าคนแบบจงอินกล้าทำอย่างที่พูดแน่ ๆ มือเรียวก็สั่นขึ้นมาดื้อ ๆ
“อีกสองวันไปส่งยาที่นั่นซะ”
“...”
“ไม่อย่างนั้น ...”
ปัง !!!!!!!!
ร่างเล็กทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นทันทีที่มีเสียงปืนดังขึ้นทั้ง ๆ ที่คนตัวเล็กยังฟังจนอินพูดไม่จบ ตาคมมองร่างเล็ก ๆ ที่ตาปิดสนิทและทรุดลงไปกองที่พื้นโดยที่เขาก็ไม่แม้แต่จะเข้าไปรับไว้หรืออะไร ปืนที่ถูกยิงใส่กรอบรูปด้านหลังคนตัวเล็กถูกเก็บลงที่ข้างเอวเหมือนเดิม พร้อม ๆ กับที่จงอินเรียกลูกน้องให้มาลากร่างเล็ก ๆ นี่กลับไปที่ห้อง
ทำเป็นเก่งดี ... สุดท้ายก็ชิงสลบไปซะแล้ว จงอินคิดและยิ้มมุมปากเหมือนสมเพสกับร่างเล็ก ๆ นี่
"พากลับไปที่ห้อง" จงอินสั่งลูกน้องที่มองมาด้วยสายหวาด ๆ แค่เห็นเศษกระจกกรอบรูปที่แตกกระจายและร่างเล็ก ๆ นี่สลบลงไปทุกคนก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้
คนตัวเล็ก ๆ นี่รอดก็ถือว่าบุญแล้ว
"ไม่ได้ยินหรือไง"
จงอินมองพวกลูกน้องที่รีบมาอุ้มคยองซูออกไปจากห้องทำงานของเขาก่อนที่พวกมันจะเป็นฝ่ายโดนยิงซ้ำซะเอง
รีบ ๆ เอาออกไปน่ะดีแล้ว เพราะถ้าจะให้มาสลบอยู่ตรงนี้ ...
มันเกะกะ ...
---------------------------------
Kyungsoo scene
มันเป็นอะไรที่ยากและผมก็ลำบากใจพอสมควรกับการต้องทำงานพวกนี้ให้จงอิน แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ปฏิเสธมันไม่ได้อยู่ดี
ผมหันไปหยิบเอกสารที่วางข้าง ๆ ตัวมาเปิดดูอีกครั้งก่อนจะไล่สายตาอ่านข้อความที่มีรายชื่อการสั่งซื้อนั้นอีกรอบ ไม่แปลกที่การซื้อขายจะมีเพียงแค่การโทรหาและติดต่อผ่านทางจดหมายหรือแผ่นกระดาษเท่านั้น
เพราะจงอินไม่ได้ขายเป็นร้อย-พันเม็ด …
แต่มันเป็นจำนวนหลายหมื่นจนไปถึงแสนเม็ดซึ่งผมเองมั่นใจว่ามันเป็นบ่อเงินมหาศาลที่แสนจะสกปรกของจงอินเลยทีเดียว
การซื้อขายแต่ละครั้งมีจำนวนสินค้ามากกว่ากำมือจงอินจึงซื้อขายด้วยตนเองแทบทุกครั้ง อันนี้ผมก็ฟังจากพวกลูกน้องเขามาอีกทีแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมครั้งนี้ถึงต้องเป็นผม อาจจะเพราะประวัติคนซื้อดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ... หรือไม่ก็ ... จงอินต้องให้ผมใช้มือของตัวเองทำเรื่องสกปรกเหมือนกันกับเขาจะได้เท่าเทียมกันล่ะมั้ง
ผมก็แค่สงสัย ... ว่าผมยังสกปรกไม่พออีกเหรอ ?
กระดาษรายละเอียดทั้งหมดจริง ๆ มีเพียงแค่สองแผ่นส่วนที่เหลือเป็นใบที่จะรับรองว่าผู้ชายที่ชื่อ มิสเตอร์จงแดนั้นไม่ใช่สายของตำรวจเพราะมีตราประทับและรายเซ็นที่น่าจะเป็นของลูกค้าเก่าของจงอินเซ็นกำกับมาด้วย
มิสเตอร์จงแด ...
ผมอ่านรายชื่อนั้นซ้ำอีกครั้ง อยากจะรู้จริง ๆ ว่าทำธุรกิจซื้อขายพวกนี้ถึงมันจะได้เงินเยอะแล้วพวกเขามีความสุขเหรอ ? ที่ต้องหาเงินท่ามกลางความลำบากเพราะต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ และทำลายอนาคตของคนอื่น ๆ ลงน่ะ
ผมส่ายหัวเล็กน้อยและเลิกสนใจเรื่องการซื้อยากซื้อง่ายอะไรนั่นพร้อมทั้งวางกระดาษที่ถืออยู่ในมือลงข้างตัวและมองไปตามทางข้างทางแทน
“ไกลแค่ไหน” ผมถามบุคคลที่สองและสามซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างหน้าผมและประจำตำแหน่งคนขับอีกหนึ่งคน
“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
ผมเงียบและไม่ได้ถามอะไรต่อ ข้างทางเหมือนป่ารกที่มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าเต็มหมด มีเพียงถนนลูกรังเส้นเล็ก ๆ ที่ทำให้รถคันนี้วิ่งไปยังที่หมายซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคือที่ไหน
“โชคดีจริง ๆ ไม่ถูกฆ่าทิ้งแถมยังได้มาส่งของด้วย”
ผมละสายตาจากข้างทางหันมาสบตาผ่านทางกระจกส่องหลังกับคนที่กำลังขับรถอยู่เมื่อเขากำลังพูดถึงผม ไม่สิ ... พูดกับผมมากกว่า ตาคู่นั้นมองสบกับผมเพียงแวบเดียวก่อนจะหันไปสนใจทางข้างหน้าต่อและปล่อยให้ผมมองกระจกค้าง
“กูทำงานมาตั้งหลายปีนายยังไม่ไว้ใจกูแบบมึงเลย”
ผมแค่นยิ้มกับประโยคที่ออกมาจากคนที่ขับรถอยู่ข้างหน้า เหอะ ... ไว้ใจงั้นเหรอ เรียกว่าข่มขู่ใช้งานมากกว่า
ถ้าผมไม่ทำมันก็เอาแม่ผมมาขู่ …
ผมยังจำความรู้สึกตอนที่ปืนสีดำสนิทนั่นถูกแนบลงกับหัวผมก่อนที่ผมจะได้ยิงเสียงมันดังขึ้นพร้อม ๆ กับสติของผมที่ดับวูบลงไปได้อยู่เลย ผู้ชายแบบนั้นน่ะเหรอดีมอบว่าโชคดีให้กับผม ... เหอะ ... แค่คำว่าเลวยังน้อยไปด้วยซ้ำ
รถคันสวยจอดสนิทลงที่ข้างโกดังเก่า ๆ แห่งหนึ่ง ทำให้ผมเลิกคิดเรื่องอื่นและหันมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน ... นี่ก็ขับเข้ามาลึกและไกลจากถนนหลักเหมือนกันแฮะ แต่ก็นั่นแหละถ้ามันซื้อกันง่าย ๆ ... จงอินคงไม่อยู่รอดปลอดภัยจากตำรวจมาจนถึงทุกวันนี้หรอก
ผมลงจากรถและมองไปยังข้าง ๆ ที่มีรถคันหรูอีกคันนึงจอดอยู่มันมีสีขาวสะอาดตาต่างกับรถคันสีดำทะมึนที่ผมนั่งมาอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือราคาของรถที่ผมมั่นใจว่าในชาตินี้ผมไม่มีปัญญาที่จะซื้อมันมาไว้ในครอบครองแน่ ๆ
คนข้างตัวผมหยิบกระเป๋าซึ่งบรรจุยาเสพติดอยู่ในนั้นลงมาถือและมองหน้าผมก่อนพยักหน้าให้ตามเขาเข้าไปข้างในทันทีโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ผมละสายตาจากรถคันสีขาวและก้าวขาตามเขาสองคนเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน
ผมไม่ได้อยากมาที่นี่ด้วยซ้ำ ...
“มาช้าจังเลยครับ คุณจงอิน”
คนตัวสูงเอ่ยทักทายเมื่อผมเดินเข้าไปถึง เส้นผมสีขาวสว่างของเขาสะดุดตาผมเป็นแรกเมื่อผมจ้องมองตรงไปมันช่วยขับให้ผิวขาว ๆ นั่นยิ่งดูน่ามองขึ้นไปอีกเท่าตัว บวกกับใบหน้าหล่อคมนั่นทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ชื่อจงแดนี่ก็หล่อใช่ย่อย
ผมหันไปรอบตัวว่าพวกเขามองไปที่ใคร ก่อนจะพบว่าสายตาและคำพูดเมื่อกี้ถูกส่งมาให้ผม เมื่อกี้เขาพูดคำว่าจงอินงั้นเหรอ ?
อ๋อ ... เขาคงคิดว่าผมคือจงอินสินะ
ผมยิ้มแบบฝืน ๆ ให้เขา ก่อนจะก้าวขาไปยืนตรงหน้าเขาและบอกเขาไปว่าคนที่ชื่อจงอินน่ะไม่ใช่ผม
“ผมไม่ใช่จงอินหรอก”
แกร็ก !
ปืนถูกจ่อมาที่ผมทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นออกไป คนของมิสเตอร์จงแดชักและเล็งปลายกระบอกปืนขึ้นมาจ่อที่หัวผมและทำท่าพร้อมจะยิงทันทีถ้าผมตุกติกหรือทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากล วัตถุสีดำที่จ่อมานั้นทำเอาผมแทบจะร้องออกมาเพราะความตกใจแต่ยังดีที่ผมเก็บอาการไว้ได้ทัน
ช่วงระยะเวลาอาทิตย์เดียวที่ผ่านมานี่ผมถูกปืนจ่อไปกี่ครั้งแล้วนะ - -
“ผมเป็นคนที่จงอินส่งมาแทน”
กระบอกปืนถูกสั่งให้ลดลงเมื่อคนตัวสูงหันไปพูดกับลูกน้องให้เก็บมันซะ ผมรู้สึกหายใจสะดวกขึ้นมานิดหน่อยเมื่อไม่มีอะไรเล็งมาที่ตัวเองนอกจากสายตาของผู้ชายกลุ่มนั้น
“งั้นต้องขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ ผมมาร์ค คุณจงแดก็ให้ผมมาแทนเหมือนกัน”
“ผมคยองซูครับ น่าแปลกนะครับที่เจ้านายของคุณกับจงอินไม่ยอมมาเจอกันด้วยตัวเอง” ผมแนะนำตัวพร้อมทั้งชวนคุยไปตามมารยาท ... ย้ำ ! ว่ามารยาท ที่จริงผมไม่อยากรู้จักกับคนที่ทำธุรกิจพวกนี้สักเท่าไหร่ ผมไม่ชอบสิ่งผิดกฎหมาย ... และไม่ชอบสายตาของเหล่าคนที่จ่อปืนมาทางผมเมื่อกี้ด้วย
“หึ ธุรกิจสมัยนี้มันอันตรายน่ะครับ ยิ่งพบปะกับคนใหม่ ๆ ก็ยิ่งต้องระวัง” ผู้ชายที่ชื่อมาร์คพูดพร้อมทั้งยื่นมือส่งมาให้ผมก่อนจะยิ้มอย่างเป็นมิตรที่ช่วยให้ผมผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นในระดับหนึ่ง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“เช่นกันครับ” ผมยิ้มและยื่นมือไปแตะมือของเขาแค่แผ่วเบาเพราะไม่ค่อยชินกับการถูกตัวคนแปลกหน้าเท่าไหร่ แต่คนตัวสูงนั้นก็ดึงมือผมไว้และจับหมับเข้าซะเอง ผมมองนิ่ง ๆ เมื่อมาร์คเขย่ามือผมเป็นการทักทายแต่เมื่อทักทายเสร็จเขากลับจับมือผมไว้อย่างนั้นจนเกือบสิบวินาที
ผมมองเขาอย่างงุนงงและเขาเองก็ทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ กลับมา
ผมหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอามือออกอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป ผมมองมาร์คที่จ้องตาผมด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แวบหนึ่งผมเหมือนเห็นสายตาของเขาที่มองมาทางผมเหมือนถูกใจอะไรบางอย่าง ... แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้นแหละ ... ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้
“ไหนของล่ะครับ”
ความคิดของผมถูกหยุดไว้แค่นั้นเมื่อประโยคต่อมาทางธุรกิจของมาร์คถูกเอ่ยออกมา อ่า ... นี่ผมมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเกือบลืมไปแล้วสินะว่ามาเพื่ออะไร
ผมกำลังจะหันไปหาลูกน้องของจงอินที่ยืนข้าง ๆ แต่ผมก็ช้ากว่าเขาที่ยื่นของไปข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว ผมมองการกระทำนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แน่นอน ... ลูกน้องของจงอินทำงานพวกนี้มาหลายปีเขาย่อมรู้ว่าต้องทำอะไรยังไงต่างกับผมซึ่งไม่รู้อะไรเลย สรุปนี่ผมได้ทำหน้าที่อะไรบ้างรึยังเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะไม่ต้องทำอะไรก็ดี ผมไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าการมาครั้งนี้จะเหมือนกับว่าก้าวขาข้างนึงเข้ามาในเส้นทางนรกนี่แล้วก็ตาม
กระเป๋าสีดำถูกเปิดให้คนตัวสูงดูสิ่งของที่อยู่ในนั้นและความอยากรู้ก็ทำให้ผมอดเหลือบตามองตามไปไม่ได้ ยาเม็ดเล็ก ๆ สีขาวในบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกอีกทีถูกมาร์คหยิบขึ้นมาดูก่อนจะพิจารณาซ้ายขวา เขาบีบมันให้แตกละเอียดและถูเบา ๆ จงฝุ่นผงกระจายลงพื้นและปลิวหายไปตามสายลม
ผมหันหน้าหนีไปอีกทางเมื่อเห็นฝุ่นผงนั้นปลิว แม้มันจะแค่จำนวนนิดเดียวแต่ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าผมสูดเข้าไปมันจะทำให้ผมติดหรือเปล่า ผมไม่มีความรู้เรื่องของพวกนี้หรอกนะ
“มันใช้ละลายน้ำและฉีดเข้าเส้นเลือด” ลูกน้องจงอินที่ยืนข้างผมพูดเมื่อเห็นผมหลบฝุ่นพวกนั้น นี่เขากำลังหาว่าผมโง่หรือเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ๆ ก็สบายใจได้อย่างนึงว่าผมจะไม่ติดมันน่ะนะ
ผมว่าที่จริงผมควรถามชื่อพวกเขามากกว่าเรียกลูกน้องจงอินอยู่แบบนี้
ผมไม่รู้ว่าจงอินจะเลิกเอาแม่ผมมาขู่เมื่อไหร่ บางทีกว่ามันจะเลิกขู่ ... ผมอาจจะต้องทำงานเลว ๆ นี่กับพวกเขาไปอีกหลายครั้ง เพราะงั้นการถามชื่อไว้ก็น่าจะมีประโยชน์
“ของดีสมที่เขาว่ากันมาจริง ๆ ด้วยแฮะ” มาร์คยิ้มอย่างพอใจและละสายตาจากยาเม็ดพวกนั้นก่อนจะหันไปหาลูกน้องของเขาที่ส่งกระเป๋าอีกใบมาแลกกัน
ผมมองจำนวนเงินในกระเป๋าของฝั่งมาร์คอย่างตะลึงนิด ๆ ที่จริงผมก็พอรู้มาบ้างว่ายาเสพติดของจงอินมีราคาที่ค่อนข้างสูงเพราะเป็นของเกรดดีเยี่ยมแต่ผมไม่นึกว่ามันจะมากมายขนาดนี้
กระเป๋าสองใบถูกแลกกันเรียบร้อยโดยที่ฝั่งผมไม่ได้สนใจนับเงินในกระเป๋านั้นเลยแต่น้อย อาจจะเพราะจำนวนของมันมากเกินกว่าจะนับไหวด้วยแหละ ไม่กลัวถูกโกงกันเลยรึไงนะ
“ไม่มีอะไรแล้วนะครับ ผมขอตัว” ผมพูดขึ้นมาทันทีอย่างเสียมารยาทและก้มหัวให้มาร์คเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเสร็จธุระหมดแล้ว
ยิ่งอยู่นานผมก็ยิ่งอึดอัด
“เดี๋ยวครับ”
ผมชะงักขาที่กำลังจะก้าวก่อนจะมองคนตัวสูงตรงหน้าอย่างสงสัย
“เราคงได้ทำธุรกิจด้วยกันอีกนะครับ”
คำพูดมาพร้อมกับมือที่ยื่นออกมาอีกครั้ง ผมมองมือข้างนั้นอย่างลังเล เมื่อกี้เขาก็จับแถมยังไม่ยอมปล่อยแล้วคราวนี้เขาจะจับไม่ปล่อยอีกหรือเปล่า
ผมมองและลังเลเล็กน้อย หน้ามาร์คนิ่งไปเมื่อเห็นว่าผมมองแต่ไม่ได้ส่งมือกลับไปให้เขาอย่างที่เขาตั้งใจ คนตัวสูงทำหน้าเหมือนเสียเซลฟ์เล็กน้อยและกำลังจะชักมือกลับ แต่ก่อนที่เขาจะชักมือกลับผมก็ตัดสินใจยื่นมือออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก ยังไงผมก็มีลูกน้องของจงอินอยู่ด้วย มาร์คคงไม่กล้าทำอะไรรุ่มร่ามมากกับผมหรอก
“หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกันครับ” ผมพูดและยิ้มให้เขาบาง ๆ
มาร์คไม่ได้จับมือผมแน่นหรือว่าดึงไว้เหมือนตอนแรกเขาดึงมือผมขึ้นช้า ๆ ก่อนที่เขาจะแนบริมฝีปากแดงอย่างคนสุขภาพดีนั่นลงกับหลังมือของผมอย่างแผ่วเบา
ผมคิดผิดไปสินะที่คิดว่าเขาจะไม่รุ่มร่ามกับผม มาร์คเงยหน้าจากมือของผมขึ้นมายิ้มมุมปาก แต่ผมกลับยืนนิ่งเป็นหินไปเรียบร้อย
เหมือนโลกหยุดหมุน ...
ไม่ใช่ว่าผมเขินอายกับการกระทำของเขาหรอกนะ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่รอบตัวตั้งหลายคน
ผมชักมือกลับทันทีที่เป็นอิสระ และมองเขาด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“ถ้ามีเวลาว่าง ... ผมก็อยากจะกินข้าวสักมื้อนะครับ” มาร์คพูดและมองมาที่ผม ไม่ต้องแปลความหมายผมก็พอจะเข้าใจว่าเขากำลังจะชวนผมไปกินข้าว
“พวกผมคงไม่มีเวลามากขนาดนั้น”
เป็นครั้งแรกที่ผมอยากหันไปขอบคุณคนที่ยืนข้าง ๆ ผมตอนนี้เพราะเขาพูดแทนความคิดของผมไปเรียบร้อย
“แค่คุณคยองซูคนเดียวก็ได้ครับ” มาร์คพูดและหันไปมองลูกน้องของจงอินด้วยสายตานิ่ง ๆ ไร้รอยยิ้มจากใบหน้าหล่อๆนั่น และลูกน้องของจงอินก็มองกลับไปแบบนั้นเหมือนกัน
“เอ่อ ... ขอโทษครับ แต่วันนี้ผมไม่ค่อยสะดวก” ผมรีบพูดออกมาก่อนที่บรรยากาศจะมาคุไปมากกว่านี้ มาร์คละสายตาจากลูกน้องของจงอินและหันมามองทางผมแทนพร้อมทั้งพูดด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“งั้นไว้วันหลังก็ได้ครับ”
น้ำเสียงที่แสดงออกมามันก็ค่อนข้างบอกชัดเจนว่าเขาเสียดายและไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของผมเท่าไหร่ แต่ผมก็คงไม่ใจอ่อนยอมไปกับเขาหรอกนะ
“...”
ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ยิ้มให้เขาไปเท่านั้น แม้ลึก ๆ ผมจะไม่พอใจกับการกระทำห่าม ๆ ของเขาแต่ผมก็เลือกที่จะเก็บมันไว้โดยไม่พูดอะไรออกไปแทน
“ไว้เจอกันนะครับ”
“ครับ” ผมตอบรับเบา ๆ และหันหลังเดินออกมาโดยไม่สนใจเจ้าของรอยจูบที่ติดอยู่บนฝ่ามือผมอีก
คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมดนะ
{ F }
ฮัลโหลลลลล เอาไง เอายังไงงงง เปลี่ยนพระเลยเอกไหมมมมมมมมมมมมมม งื้ออออออออออ น้องคยองโดนรุกแรงมาก อะไรจะมีเสน่ห์ต่อคนแปลกหน้ามากมายขนาดนี้ ยินดีตอนรับตัวละครใหม่ มาร์คต้วนจาก Got7 วิ้ง ๆ ♥ และเหมือนเดิม ... เราจะไม่พูดไรมากนอกจากคำว่าฝากคอมเม้นและติดแท็ก #fickillme กันด้วยนะครับ ยิ่งเม้นยิ่งแท็กไรท์เตอร์ตัวน้อย ๆ (เหรอ) ก็จะยิ่งมีกำลังใจในการปั่นฟิคน้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

481 ความคิดเห็น
-
#452 Kyss (จากตอนที่ 5)วันที่ 15 ธันวาคม 2559 / 22:30นี่ชอบตอนที่ลูกน้องคุยกับคยองอะ ไม่รุ้ทำไม มันน่ารักดี ขำด้วย ขำกับความซื่อของคยอง /คยองหนูหนีไปเลย ให้มาร์คต้วนช่วยสิ พี่เขารวยนะ คึคึคึคึ แล้วจงอินก็อย่ามาตามหวงของนะ หึ#4520
-
#426 puzzle97 (จากตอนที่ 5)วันที่ 21 มิถุนายน 2559 / 10:00ใช่ คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด5555555555#4260
-
#398 ` PuGun. (จากตอนที่ 5)วันที่ 5 มิถุนายน 2559 / 17:10มาร์คฉุดคยองไปทีดิ#3980
-
#312 JJayxyz (จากตอนที่ 5)วันที่ 18 มกราคม 2559 / 00:36มาร์ค แย่งคยองซูโลดดดดด พี่เชียร์#3120
-
#273 ディオー (จากตอนที่ 5)วันที่ 7 มกราคม 2559 / 01:07เชียร์มาร์คละ เปลี่ยนๆๆ#2730
-
#258 MookMark (จากตอนที่ 5)วันที่ 31 ธันวาคม 2558 / 01:20เอามาร์คๆๆๆๆ#2580
-
#231 lufian (จากตอนที่ 5)วันที่ 26 กันยายน 2558 / 13:00ฮรึกกกกกกก ขอเป็นลูกน้องกับคยองได้มั้ย เบื่อจงอินมาก กรี๊สสสสสสสสสส#2310
-
#184 darlingKaDee (จากตอนที่ 5)วันที่ 21 กรกฎาคม 2558 / 18:18เปลี่ยนเลย เปลี่ยนพระเอกเลยค่ะ 555555 แต่เปลี่ยนเป็นลูกน้องจงอินคนนั้นแทนนะ ไม่รู้ดิ ชอบบบ#1840
-
#153 mew2233 (จากตอนที่ 5)วันที่ 13 กรกฎาคม 2558 / 22:42พี่ต้วนช่วยน้องด้วยค่ะ เอาน้องไปจากอีหมาบ้าจงอินเลย สงสารคยองซูมาก เพราะจงอินคนเดียวน้องถึงมีชีวิตและความคิดที่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ TT#1530
-
#131 E_Rung (จากตอนที่ 5)วันที่ 28 มิถุนายน 2558 / 14:47มาร์คซูได้ไหม? เกลียดจงอินจริงๆนะ555555 พระเอกไม่จำเป็นแล้วค่ะ เรื่องนี้ฉันไม่สนับสนุนแกคิมจงอิน เพราะแกมันเลววววว#1310
-
#109 รัก3ลี(เอสเจ) (จากตอนที่ 5)วันที่ 18 มิถุนายน 2558 / 00:31เดี๋ยวพอจงอินรู้ก็ด่าคยองอีก ด่าแรงด้วยนะ แล้วลูกน้องจงอินนี่พูดเหมือนคิดไม่ซื่อเลยแหะ#1090
-
#108 meenafonlovemark (จากตอนที่ 5)วันที่ 17 มิถุนายน 2558 / 21:19อร๊ายยยยย พี่มาร์คหล่อมากค่ะ เปลี่ยนพระเอกเลยก็ได้นะคะ จงอินมันเลวไปค่ะ 555 อยากรู้จังลูกน้องจงอินชื่อไร แล้วจะเอาเรื่องนี้ไปบอกจงอินมั้ย แล้วจงอินจะหึงมั้ย#1080
-
#107 ` kadi . ★8812 (จากตอนที่ 5)วันที่ 17 มิถุนายน 2558 / 20:27เปลี่ยนพระเอกด่วน -..-#1070
-
#106 Mossy Lovelyz (จากตอนที่ 5)วันที่ 17 มิถุนายน 2558 / 19:28เอาเลยคร่าพี่มาร์คมาฉุดน้องคยองไปเลย55555#1060
-
#105 FAI_9493 (จากตอนที่ 5)วันที่ 17 มิถุนายน 2558 / 19:20เปลี่ยนพระเอกด่วนนนนนนน#1050
-
#104 Kaserr (จากตอนที่ 5)วันที่ 17 มิถุนายน 2558 / 17:07ไปเลนยยไปหาพั่มาร์คเลยยยย ทิ้งไอ้คนเลวว#1040
-
#103 แมวน้อย (จากตอนที่ 5)วันที่ 17 มิถุนายน 2558 / 06:17เราจะรอ รอวันที่จงอินเจ็บปวดเพราะคยองเจียนตาย อัพบ่อยๆนะไรท์ ติดตามๆ^^#1030
-
#102 ` kadi . ★8812 (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 มิถุนายน 2558 / 23:09เราพิมพ์คำว่าเลวกับพระเอกนี่กี่เม้นแล้วนะ เลวจริงๆ ไอ้บ้า!!! สงสารคยองซู T_T#1020
-
#101 E'DO (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 มิถุนายน 2558 / 22:33เลวได้ใจ มาก จงอิน#1010
-
#100 joysd20Zaa (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 มิถุนายน 2558 / 21:59คยองฆ่าเลยเถอะลูก#1000
-
#99 thanboom (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 มิถุนายน 2558 / 21:51มาต่อเร็วนะ//ถือมีด#990
-
#98 akashi.sama (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 มิถุนายน 2558 / 19:53สงสารคยองซู จงอินว่าเขาสกปรกแล้วมายุ่งด้วยทำไมล่ะ ใครกันที่ทำให้คยองซูสกปรก? จงอินเองไม่ใช่หรอที่สั่งลูกน้องให้มารุมคยองซูน่ะ เลวเอ้ยยยยยยย ตอนจบไม่อยากให้คู่กันเลย เปลี่ยนพระเอกเลยดีมั้ย แง#980
-
#97 lunary_moon (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 มิถุนายน 2558 / 19:12ก่อนหน้านั้นบอกไม่ถือ ต่อมาบอกว่าสกปรก สงสัยจะลืมว่าพูดอะไรออกไปบ้างมั้ง#970
-
#96 Mossy Lovelyz (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 มิถุนายน 2558 / 18:19จงอินนิสัยไม่ดีเลยฮืออออออสงสารคยองสุด#960
-
#95 Llynn (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 มิถุนายน 2558 / 17:18เลวว#950