ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love story of seoul .. วุ่นนัก..รักนี้ที่โซล!

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 52


     

     

     

    "ว่าไงนะหนูมีน..ป๊าไม่ให้หนูไป!!"เสียงตวาดดังลั่นคฤหาสน์หลังโตที่พอจะคำนวณราคาได้มากกว่าร้อยล้าน สาวใช้ต่างก็หยุดทำงานและหันมาสนใจกับสถานการณ์ตรงหน้า คุณธนา ประสงวิสุทธิ์ เจ้าของกิจการใหญ่ของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังแนวหน้าของประเทศไทย และแถมยังเป็นนักการเมืองอันดับต้นๆของประเทศอีก..แต่เขาก็เปรียบเสมือนนักบุญนั่นแหละ..เพราะเขาสร้างโครงการช่วยเหลือคนยากไร้ไว้มากมายทั่วท้องที่ตามต่างจังหวัด

    ที่สำคัญ...เขาไม่เคยดุด่าบุตรคนใดของตัวเองซักครั้ง เขามักจะกล่าววาจาที่สุภาพไพเราะกับลูกทุกคน..และโดยเฉพาะกับ 'มีนตรา ประสงวิสุทธิ์' ลูกสาวคนสุดท้องที่ใครๆก็รู้ว่าเขาน่ะหวงแสนหวง!

     

    "ป๊า..ป๊าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้ามีนสอบทุนได้ ป๊าจะให้มีนไป!"ร่างเล็กกล่าวทวงคำสัญญาจากบิดา ผู้เป็นบิดาก็ถึงกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะยัยลูกสาวตัวดีคนนี้..ก็เขาจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ..ว่าลูกสาวคนสุดท้องผู้ไม่เคยจะเรียนหนังสือสอบได้ถึงเกรดสามตั้งแต่เกิดมา จะสามารถสอบชิงทุนไปประเทศเกาหลีได้อย่างที่เขาท้าเอาไว้..เงินน่ะรึก็มีล้นเหลือ เขาพอจะส่งลูกสาวไปเรียนได้อย่างสบายๆเลยทีเดียว แล้วจะให้เขาจะเชื่อใจโครงการทุนบ้าๆนี่ได้อย่างไร เกิดมันจับลูกสาวผู้แสนจะเปิ่นเป๋อคนนี้ไปขาย หรือไปใช้แรงงานล่ะ..?

     

    "ป๊าก็แค่บอกหนูไปอย่างนั้นเอง ถ้ามีนอยากจะไปเรียนที่นั่น ก็ได้ ป๊าพร้อมจะส่งการ์ดไปดูแลหนูถึงที่ ตกลงไหม ไม่ต้องไปกับโครงการห่วยๆนี่หรอก"

     

    "โธ่..ป๊าคะ รู้มั้ยกว่ามีน(จะฟลุค)สอบทุนนี่ได้น่ะ มันไม่ใช่ง่ายๆ มีนแค่อยากจะแสดงประสิทธิภาพของตัวเองก็เท่านั้นแหละค่ะ"สาวน้อยตากลมบอกบิดาก่อนจะออดอ้อนเต็มที่ ในใจเธอก็รู้ว่าบิดาจะทั้งห่วงทั้งหวงเธอขนาดไหน เท่าที่จำความได้ ตั้งแต่เกิดบิดาของเธอทั้งตามเอกอกเอาใจทุกอย่าง อยากได้อะไร 'ก็ต้องได้' ทำอะไรผิดก็ไม่เคยแม้แต่จะตำหนิซักคำ บิดาของเธอทั้งใจดีและอ่อนโยน ห่วงเธอเหมือนไข่ในหิน.. แต่ก็เพราะแบบนั้น ทั้งนักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนถึงได้มองว่าเธอเป็นเพียงลูกแหง่ติดพ่อแม่ และไม่เคยทำอะไรได้ด้วยตนเอง และแค่เพื่อที่จะอยากลบคำครหาพวกนั้น วิธีสอบชิงทุนเป็นทางเดียวที่เธอจะแสดงให้เห็น ถึงแม้ตัวเธอเองจะไม่เข้าใจก็เถอะ ก็ไอ้ข้อสอบแสนยากมหาประลัยที่เธอหมดหวังไปตั้งแต่เห็นโจทย์ข้อแรก..และกามันมั่วไปเกือบทุกข้อ แม้แต่โจทย์ก็ไม่ได้อ่าน มันกลับผ่านได้ด้วยคะแนนเกือบเต็ม ..แต่เหล่าหัวกะทิที่ลงทุนลงแรงอ่านหนังสือตั้งแต่เช้ายันค่ำอย่างนักเรียนคนอื่นๆในชั้นเรียน ทำได้มากที่สุดก็แค่เส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้น!!

     

    และหากเธอชวดการไปเกาหลีครั้งนี้ล่ะ..ทุกคนก็จะต้องมองอีกว่าเธอไม่มีความกล้าหาญ ใครๆจะมองได้ว่าเธอกลัวที่จะต้องไปอยู่ต่างแดนโดยไม่มีพ่อแม่คุ้มกะลาหัว.. และเพราะแบบนั้น..ผู้ที่รักในศักดิ์ศรีอย่างเธอ ก็แค่อยากจะนึกสนุกไปจริงๆขึ้นมาเท่านั้น!!

     

    แล้วบิดาล่ะ..คุณธนาเป็นผู้ที่รู้อะไรต่อมิอะไรในตัวของบุตรสาวดีที่สุด เขาเลี้ยงดูบุตรสาวแท้ๆของตัวเองชนิดที่เรียกว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม..นึกแล้วเขาก็อยากจะตบปากตัวเองในเวลานั้นเสียจริง เขาไม่น่าไปท้าทายลูกสาวหัวรั้นคนนี้เลย เขารู้ดีว่ามีนตราไม่เคยยอมใคร แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูดื้อรั้นหรือหัวแข็งไปบ้าง แต่ธนารู้ดีว่าลึกๆแล้วลูกสาวตัวดีของเขาช่างบอบบางเพียงไร..แต่เพราะเธอต้องซ่อนมันไว้ข้างใน ถ้าใครที่ไม่สนิทจริงๆ ก็ไม่รู้หรอก..ว่าบุตรสาวของเขาอ่อนไหวเป็นที่สุด แต่มีนตรากลับไม่เคยแสดงมันออกมาให้ใครได้เห็น แม้แต่น้ำตาสักหยด..หากเธอจะปล่อยมันออกมา ก็ไม่มีวันที่ใครจะได้เห็นเป็นแน่!  แล้วจะปล่อยให้เขาวางเฉยได้อย่างไร..เมื่อเด็กสาวผู้ซึ่งอ่อนต่อโลกอย่างมีนตรา..เธอจะเผชิญหน้ากับสังคมภายนอกได้อย่างไรกัน..และท้ายที่สุด เธอจะต้องเผชิญกับสังคมซึ่งมันไม่ใช่สังคมไทย หากแต่เป็นสังคมของต่างบ้านต่างเมืองต่างหาก..เขาจะยอมปล่อยให้ลูกสาวคนสุดท้องเพียงคนเดียวของบ้านไปเผชิญกับโลกภายนอกได้อย่างนั้นหรือ.. ธนาได้แต่คิดในใจ..

     

    ถึงแม้อีกใจจะค้านก็เถอะว่า..ปล่อยให้ลูกสาวของเขาได้ลองเปิดโลกกว้างดูบ้าง แต่ถึงอย่างไรความห่วงใยของผู้เป็นพ่อก็ยังมีมากมายอยู่วันยังค่ำ..

     

     

    "ว่าไงนะ!! หนูมีนน่ะเหรอจะไปเกาหลี!!"เสียงแหลมสูงอุทานขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของสามี 'โสมทรวง ประสงวิสุทธิ์' หรือเธอก็คือมารดาแท้ๆของมีนตรานั่นเอง แต่เธอกับลูกสาวช่างแตกต่างกันเสียนี่กะไร..

     

    "ใช่สิ ยัยหนูมีนไม่ฟังผมเลย! ผมพยายามบอกแกแล้วว่าอย่าไป คุณก็รู้ คนอย่างเลนเดียร์น่ะอ่อนนอกแข็งในจะตายไป ขืนส่งให้เธอไป อาจจะร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับบ้านก็ได้ ผมไม่ยอมหรอก!"

     

    " ฉันว่าปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของลูกเราดีกว่า อย่าฝืนใจแก..อย่าคิดว่าแกจะทำอะไรไม่เป็น คนเรา..ถ้าจะต้องอดตายจริงๆ ก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดให้ได้ เพราะมันเป็นสัญชาตญาณ ฉันคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้แกได้เปิดโลกใหม่..บางที อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน เราสองคนจะเลี้ยงดูแกได้จนถึงปลายฝั่งหรือ ถึงแม้ทรัพย์สินเงินทองมากมายที่คุณจะทิ้งไว้ให้ก็ตาม แต่ประสบการณ์ คือสิ่งที่แกต้องมี..ฉันอยากให้แกไปเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ โดยที่ไม่มีเราคอยค้ำจุนอยู่ เพราะบางทีนี่อาจเป็นก้าวแรกที่แกจะต้องหัดเดินด้วยตัวเองบ้าง..."

     

    ใครจะรู้..ว่าในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันตามประสาผู้ใหญ่ ร่างบางกำลังจงใจฟังคำพูดเหล่านั้นอยู่เต็มสองรูหู..!! แล้วเธอก็ตัดสินใจได้..ในขณะที่ก่อนหน้านี้เธอยังคงลังเล ในใจเธอเอง..ก็กลัว กลัวว่าที่นั่นจะไม่มีใครยอมรับเธอในฐานะนักเรียนใหม่ แต่อีกใจ..ก็แค่อยากลอง..อยากลอง.. เธอไม่เคยไปไหนโดยที่ไม่มีพ่อแม่ หรือทุกครั้งที่ต้องไปเข้าค่าย สิ่งที่จะติดตามเธอตลอดเวลาคือ 'บอดี้การ์ด' อาจเป็นเพราะพ่อของเธอมีศัตรูมากมาย ทั้งเรื่องธุรกิจ หรือแม้ว่าจะเรื่องการเมืองก็ตาม เป้าหมายที่สำคัญอาจเป็นเธอ เพราะฉะนั้นทุกย่างก้าวในชีวิต เธอไม่เคยได้มีโอกาสเป็นอิสระสักครั้ง..และโอกาสนี้ เธอไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดมือไปแน่..จะมีสักกี่ครั้งกันเชียว ที่คนสมองทึนทึกอย่างเธอจะสอบชิงทุนได้เพราะฟลุคล้วนๆ! ถึงมันจะไม่ใช่ความสามารถ แต่นี่อาจเป็นสิ่งที่อะไรบางอย่างมากำหนดให้เป็นไป..

     

    ฉันจะยอมเดินตามเส้นทางนี้เอง..เอาน่า..แลกเปลี่ยนแค่ปีสองปี มันจะยากแค่ไหนกันเชียว..

     

    คนตัวเล็กคิดในใจก่อนจะเดินออกจากห้องโถงออกไปด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมจนล้นออกมา ใบหน้ายิ้มแย้มที่แฝงไปด้วยความคิดต่างๆนาๆถึงการใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน แต่ใครจะรู้..ความคิดแบบเด็กๆ มันคงไม่สามารถใช้ในชีวิตจริงได้ นั่นเป็นเพราะทุกอย่างไม่สวยหรูอย่างที่คิดซะเสมอไปซะหรอก!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×