ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพนิยายกรีก

    ลำดับตอนที่ #32 : ^0^เทพออร์ฟิอัส หรือ ออร์ฟุส (Orpheus) ค่ะ^0^

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 640
      1
      11 ส.ค. 48





                                  ^0^เทพออร์ฟิอัส หรือ ออร์ฟุส (Orpheus) ค่ะ^0^





                         ...ในสมัยโบราณ ชาวกรีกถึอเอาการดนตรีเป็นของสูง และยกย่องนักดนตรีมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจเท่าไรนักในการที่เขาอุปโลกน์ให้เทพเจ้าหลายองค์เป็นนักดนตรีมีฝีมือ หรือย่างน้อยก็เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีขึ้น เช่นเทพีเอเธน่า หรือ มิเนอร์วา ซึ่งครองเกษตรกรรมและการฝีมือเย็บปักถักร้อย เป็นผู้ประดิษฐ์ขลุ่ย แม้ว่าจะไม่ได้เล่นเองก็ดี แพนเทพขาแพะก็เป็นผู้ประดิษฐ์ปี่อ้อ เป่าเสียงเสนาะดังเสียงนกไนติงเกลในวสันตฤดู เฮอร์มิสเทพครองการพาณิชกรรมและการสื่อสาร เป็นผู้ประดิษฐ์พิณถึอที่เรียกว่า ไลร์ (Lyre) และมอบให้อพอลโลใช้ดีดปรรเลงเพลงขับกล่อมเทพบนเขาโอลิมปัสเป็นประจำ คณะศิลปวิทยาเทวีถึงจะไม่มีเครื่องดนตรีทำเพลง แต่ก็มีเสียงขับร้องไพเราะหาที่เสมอเหมือนมิได้ ส่วนอพอลโลเอง นอกจากครองเกษตรกรรมและประณีตศิลปแล้ว ยังครองการดนตรีโดยตรงอีกด้วย





                         ถัดจากเทพเจ้า ก็มีนักดนตรีในหมู่มนุษย์หลายคนที่มีตำนานปรากฏว่ามีฝีมือเยี่ยมเกือบเสมอด้วยเทพ แต่ที่เห็นเด่นสุดไม่มีใครเกินและเสมอเหมือนก็คือ ออร์ฟิอัส (Orpheus) ตามตำนานกล่าวว่าฝีมือดีดพิณของออร์ฟิอัสไพเราะหนักหนา จนถึงแก่ว่าคราใดเสียงเสนาะจากเพลงพิณของออร์ฟิอัสล่องลอยโหยหวนไปในกลางดง  ครานั้นแม้แต่กระแสน้ำอันเชี่ยวกรากก็หยุดไหล เสือ สิงห์ และสัตว์ไพรที่แสนดุร้ายก็กลับเชื่องและมีอาการซบเซาไปถนัดตา  นางอัปสรทั้งปวงก็เคลิบเคลิ้มหลงไหลรัญจวนใจใคร่ก็จะให้ออร์ฟิอัสเชยชิดพิสมัยไปตามๆ กัน





                         ตามตำนานได้แสดงฝีมือบรรเลงเพลงอันไพเราะไว้มากมายอย่างเช่น เมื่อครั้งออร์ฟิอัสสมทบไปในเรือของเยสัน ในการไปเอาขนแกะทองคำ ยามที่พวกฝีพายเหนื่อยอ่อนโรยกำลังเต็มทีจนเกือบจะพายต่อไปไม่ไหว  ออร์ฟิอัสได้ดีดพิณขับกล่อมให้เกิดกำลังลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปหมดสิ้น หรือเมื่อพวกผู้กล้าในเรือเกิดขัดใจทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนเกือบจะทำร้ายกัน ออร์ฟิอัสก็ใช้พิณขับกล่อมทำให้โทสะของคนกล้าในเรือเหล่านั้นให้บรรเทาเบาลงจนเหือดหายไปหมดสิ้น  ไม่เกิดเหตุร้าย หรือในยามเมื่อเรือผ่านน่านน้ำแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้แหลมปิโลรัสในเกาะซิสิลี   ซึ่งเป็นน่านน้ำที่ชาวกรีกโบราณกลัวเกรงกันนัก   เนื่องจากในน่านน้ำแห่งนั้นเป็นที่อยู่ของนางอัปสรไซเรน (Siren) ซึ่งมีเสียงไพเราะจับใจยิ่งนัก  จะล่อให้เรือไปหลงคว้างจนคนในเรืออดอาหารตายมาเสียนักต่อนักแล้ว   ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงเพลงของนางไซเรน ออร์ฟิอัสก็ได้ดีดพิณขับเพลงกลบเสียงนางไซเรนจนสิ้น จูงใจคนในเรือให้มาฟังเสียงพิณของตน และแล่นเรือไปตามร่องน้ำจนรอดผ่านมาได้ เรือของเยสันจึงรอดมาได้เพราะออร์ฟิอัสโดยแท้





                         ออร์ฟิอัสเป็นบุตรนางคัลลิโอพี เทวีประจำบทกวีในคณะเทวีศิลปวิทยา โดยบางตำนานกล่าวว่า มีบิดาเป็นเทพอพอลโลเลยทีเดียว (บ้างก็ว่าเป็น เฮอร์มิส) ประทานพิณให้ออร์ฟิอัสดีดมาแต่น้อย และเมื่อเจริญวัยเติบโตขึ้น ออร์ฟิอัสก็ไม่เอาใจใส่อะไรทั้งหมด นอกจากการดึดพิณ  ถึงมาตรว่านางอัปสรทั้งปวงพากันมั่นหมายออร์ฟิอัสเป็นคู่ชิดชม แต่อย่างไรก็ตามสามารถชนะใจออร์ฟิอัสได้ นางนั้นคือนางอัปสรยุริดดิซี่ (Eurydice)





                         แต่ชะตากับเล่นตลก ออร์ฟิอัสกับนางยุริดดีซีเป็นคู่โศกไม่ใช่คู่สุข เมื่อขณะทำการวิวาห์นั้น  คบเพลิงของไฮเมน (Hymen) เทพครองการวิวาห์เป็นควันโขมง   แทนที่จะเป็นเปลวไฟอันสว่างไสว   ซึ่งเป็นการบอกลางร้ายในการวิวาห์   อยู่มาไม่นานนางยุริดดิซึก็ถูกงูกัดตาย   ดวงวิญญาณออกจากร่างไปสู่ยมโลก   ออร์ฟิอัสเสียใจในการตายก่อนถึงวัยอันสมควรของคู่ครองเป็นอย่างยิ่ง  จึงบนบานขอให้ซูสเทพปริณายกโปรดชุบนางยุริดดิซีให้คืนชีวิต ซูสสงสารออร์ฟิอัส   แต่ไม่อาจสนองได้จึงแนะนำให้ออร์ฟิอัสลงไปตามหานางในบาดาล และขอนางคืนต่อเทพฮาเดส เจ้าแห่งบาดาลนั้นเอง





                         ออร์ฟิอัสดั้นบาดาลลงไปถึงเขตที่มีสุนัขสามหัวชื่อเซอร์บิรัส เฝ้าประตูเข้าตรุชั้นใน อันเป็นที่ประทับของฮาเดส มันไม่ยอมให้คนเป็นผ่านเข้าประตู หรือวิญญาณคนตายออกจากประตูเป็นอันขาด พอแลเห็นออร์ฟิอัสตรงมา มันก็คำรามเห่าแยกเขี้ยวคุกคามอย่างดุร้าย แต่ออร์ฟิอัสก็ไม่ถอยหนี  เขาเพียงแต่หยุดเท่านั้น  แล้วดีดพิณคู่มือขับกล่อมเซอร์บิรัสด้วยเพลงอันไพเราะจนมันเซื่องเซาลงและในที่สุดมันก็ยอมให้ออร์ฟิอัสล่วงเข้าประตูไปด้วยความสงบ   เสียงเพลงอันแสนขลังประดุจมนต์สะกดของออร์ฟิอัส   ดังกังวานไปจนถึงส่วนลึกล้ำของตรุทาร์ทะรัส ทำให้เหล่าพวกที่ต้องโทษทัณฑ์ได้รับความทรมานอยู่ในยมโลก   ลืมความทรมานไปได้ชั่วขณะหนึ่ง  แต่อำนาจความขลังของเพลงออร์ฟิอัสจะได้มีเพียงเท่านี้ก็หาไม่ ด้วยเหตุการณ์ที่จะแสดงอำนาจความขลังเป็นที่สุดยังมีอีก





                         ออร์ฟิอัสล่วงเข้าเขตตรุทาร์ทะรัสและดั้นด้นต่อไปจนถึงประตูที่ประทับของฮาเดสเจ้าแห่งยม-โลกกับเทวีเพอร์เซโฟนีมเหสี แวดล้อมด้วยเทวีทัณฑกรที่ปราศจากความปรานี   เป็นภาพที่ไม่เคยประจักษ์แก่สายตามนุษย์เลยในกาลก่อน เพราะว่าไม่มีผู้มีชีวิตคนใดจะได้ล่วงล้ำไปถึงที่นั่นดั่งออร์ฟิอัสในครั้งนี้  ออร์ฟิอัสทูลต่อเทพฮาเดสให้รู้ถึงความมุ่งหมายของตนในการล่วงล้ำไปถึงตรุทาร์ทะรัสนั้นแล้วก็ดีดพิณขับเพลงครวญโหยหวนอย่างสุดฝีมือ รำพันถึงความทุกข์ของตน





                         การขับเพลงของออร์ฟิอัสได้ผล บันดาลให้เทพฮาเดสตื้นตันถึงกับหลั่งอัสสุชลลงพราก ๆ และอนุญาตให้ออร์ฟิอัส  พานางยุริดดิซีกลับขึ้นมาในมนุษย์โลกได้ดังประสงค์ แต่มีเงื่อนไขห้ามออร์ฟิอัสเหลียวหลังมองดูนางในระหว่างทางเป็นอันขาด จนกว่าจะพาขึ้นพ้นยมโลกเป็นที่เรียบร้อย





                         ออร์ฟิอัสยอมรับเงื่อนไขด้วยความดีใจ เดินนำหน้านางยุริดดิซีออกจากตรุทาร์ทะรัสลัดเลาะกลับตามทางเก่า โดยไม่หันหน้ามองแม้แต่ข้างซ้ายและข้างขวาเลย คอยข่มใจมิให้พะวงถึงนางผู้ตามหลังตลอดทาง แม้จะรู้อยู่แก่่ใจดีว่านางคงจะต้องเดินอยู่ใกล้ ๆ ก็ยังมิวายเป็นห่วง พอถึงที่สว่างแล้ว  ในทันทีที่ออร์ฟิอัสก้าวออกจากคูหาที่จะลงสู่บาดาล  ไม่ทันเฉลียวใจว่านางยุริดดิซียังอยู่ข้างใน เหลียวขวับไปดูเพื่อความแน่ใจว่าที่รักของเขาตามทันหรือไม่ แต่เป็นการด่วนเกินไป หล่อนยังไม่ทันออกพ้นปากคูหา  เขาได้เห็นหล่อนมัวๆ อยู่ในที่มืดสลัว  จึงยื่นมือออกไปจะรับหล่อนและพร้อมกันนั้นนางยุริดดิซีก็หายวับไปฉับพลัน ในขณะเดียวกันออร์ฟิอัสคงแว่วแต่เสียง \"ขอลาลับ\" มาเท่านั้น





                         ออร์ฟิอัสใจหายแทบคลั่ง ถลันกลับลงไปตามนางอย่างอุตลุด แต่ไม่อาจล่วงล้ำลงไปได้อีกเป็นตรั้งที่สอง จึงจำใจต้องกลับขึ้นมาด้วยความสิ้นหวังสิ้นอาลัยในชีวิต  และสิ้นจนกระทั่งความเอาใจใส่ในเพลงพิณ  เที่ยวซัดเซพเนจรไปจนถึงแดนชนชาติป่าเถื่อนที่ดุร้ายในแคว้นเธรส และในที่สุดก็ถูกหญิงชาวป่าพวกนับถือ  เทพไดโอนิซัสกลุ้มรุมฆ่าตาย  เมื่อขณะจะตายออร์ฟิอัสรำพันแต่คำว่า \"ยุริดดิซี\" ไม่ขาดปากจนชีวิตออกจากร่าง  ล่องลอยไปสมทบกับนางผู้เป็นที่รักในที่สุด   บรรดาสายน้ำลำธารรุกขชาติและน้ำพุก็จำคำ รำพันของออร์ฟิอัสนั้นมา ทวนพร่ำอยู่เป็นนิตย์ตั้งแต่บัดนั้น  ส่วนศิลปเทวีก็เอาซากศพออร์ฟิอัสฝังไว้ที่ตีนเขาโอลิมปัส ณ ตำบลซึ่งนกไนติงเกลร้องเพราะเสนาะโสตกว่าที่อื่นทั้งสิ้นตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ นอกจากนี้ทวยเทพยังประสิทธิ์ประสาทให้พิณถือของออร์ฟิอัส เป็นกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่งชื่อว่า ไลรา (Lyra) ให้คนทั้งหลายระถึงฝีมือดีดพิณและเรื่องราวอันแสนเศร้าของออร์ฟิอัสมาจนตราบเท่าทุกวันนี้





                          ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ



















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×