ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพนิยายกรีก

    ลำดับตอนที่ #2 : ^0^เดดาลัสกับอิคารัส^0^

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      4
      19 ก.ค. 48





                                                        ^0^เดดาลัสกับอิคารัส^0^



                       กาลครั้งหนึ่ง  มีเด็กชายผู้หนึ่งนามว่า  อิคารัส   กับบิดาของเขานามว่า   เดดาลัส   ทั้งสองถูกจองจำอยู่ ณ  หอคอยเเห่งหนึ่งบนเกาะครีต



                       จากช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ของหอคอยซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายเเห่งนี้   สองพ่อลูกก็สามารถมองออกไปเห็นท้องสมุทรสีน้ำเงิน  เเละเฝ้ามองหมู่นกนางนวลกับนกอินทรีโผบินไป - มาในท้องฟ้าเหนือเกาะ



                       บางครั้ง  จะมีเรือสักลำหนึ่งเเล่นใบออกไปยังโพ้นทะเล   เเละเเล้ว  เดดาลัสกับอิคารัสก็เริ่มโหยหาอิสรภาพ   เเละปรารถนาที่จะล่องเรือออกไปยังดีลาสเเล้วไม่ต้องกลับมาพบเห็นเกาะครีตอีกต่อไป



                       สองพ่อลูกจำต้องหลบเร้นซ่อนตัวอยู่ในอาณาบริเวณอันรกร้างว่างเปล่าของเกาะ   เพราะกษัตริย์ไมนอสผู้สั่งให้นำตัวสองพ่อลูกไปคุมขังยังจับตาเฝ้าดูเรือทุกลำที่เเล่นเข้ามาหรือเเล่นออกจากเกาะ   ดังนั้นเดดาลัสกับอิคารัสจึงไม่กล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้ท่าเรือ   ซึ่งที่นั่น  มีเรือโบราณกรีกจอดทอดสมออยู่   เเละพร้อมที่จะลอยลำออกไปจากเกาะ

      

                       เเม้ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น   อิคารัสก็ค่อนข้างมีความสุข   นอกจากท้องทะเลสีน้ำเงิน   เรือทั้งหลาย   เเละเหล่านกกา   ซึ่งเขาชอบเฝ้ามองเเล้ว  เขาก็ยังเที่ยวหาจับหอยจับกุ้งตามชายฝั่ง   หาจับปูตามซอกหิน   รวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย



                       เเต่เดดาลัสกลับรู้สึกเดียวดายเเละเศร้าหมองยิ่งขึ้น   เขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเฝ้ามองหมู่นกนางนวลโผบินไปในท้องฟ้า  พล่างครุ่นคิดหาหนทางที่เขากับอิคารัสจะสามารถหลบลี้หนีไปจากเกาะเเห่งนี้



                      

                       ในที่สุด  เดดาลัสสามารถหาวิธีหลบหนีออกจากหอคอยได้...



                       ... วันหนึ่ง  เมื่ออิคารัสเอาก้อนหินขว่างฝูงนกนางนวล   เขาก็สามารถสังหารนกได้ตัวหนึ่ง  จึงนำกลับมาให้พ่อ



                       \"พ่อ  ดูสิ  ขนของมันเป็นมันวาว  เเละปีกก็ยาวเหลือเกิน\"  เด็กน้อยพูดกับพ่อ



                       เดดาลัสรับนกไปถือไว้ในมือ   เขาพลิกไปพลิกมาอย่างช้า ๆ พลางพินิจพิจารณาดูปีกของมัน



                       \"คราวนี้  หากเรามีปีก\"   อิคารัพูดปนเสียงหัวเราะ   \"เราก็สามารถโบยบินออกไปสู่อิสรภาพ\"



                       พ่อของเขานิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน  ขณะถือซากนกไว้ในมือพลางเเหงนหน้ามองดูฝูงนกเป็นระยะ ๆ  นกเหล่านั้นกำลังบินวนเป็นวงอยู่ในท้องฟ้าเหนือเกาะครีต



                       ในที่สุด  เขาก็เกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา  เขาจึงกล่าวกับลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เเผ่วเบาว่า   \"เเล้วเราก็จะมีปีกเช่นกัน\"



                       นับเเต่นั้นมา  เดดาลัสก็ไม่นิ่งเฉยเซื่องซึมอีกต่อไปเเล้ว   เขาถอนขนนกออกจากนกทุกตัวที่อิคารัสสามารถล่ามาได้   เเล้วลงมือทำปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่ง    เขายึดขนนกติดเข้ากับโครงปีกด้วยขี้ผึ้งละลายเเละเส้นด้ายที่ดึงออกมาจากเสื้อคลุมของเขา



                       เมื่อปีกทั้งสองเสร็จเรียบร้อย   เดดาลัสก็นำมันมามัดเข้ากับเเขนของตน  เเละเมื่อกระพือเเขนขึ้น ๆ ลง ๆ เขาก็สามารถลอยตัวขึ้นไปในอากาศ   เเล้วเขาก็โผบินไกลออกไปเหนือท้องน้ำ



                       อิคารัสกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ   พลางตะโกนเรียกให้พ่อกลับมาทำปีกอีกคู่หนึ่ง  เพื่อเขากับพ่อจะได้โบยบินออกไปจากเกาะครีตตลอดกาล



                       เมื่อเดดาลัสทำปีกคู่ที่สองซึ่งเล็กกว่าเสร็จเรียบร้อย   เขาก็เอามันมามัดเข้ากับเเขนของลูกชาย   เขาย้ำเตือนอิคารัสว่า   อย่าบินปลีกตัวออกไปตามลำพังในท้องฟ้า   เเต่จะต้องบินเคียงข้างเขาไปโดยตลอด



                       \"หากลูกบินต่ำเกินไป  ความชื้นจากน้ำทะเลจะทำให้ขนนกหนักขึ้น   เเล้วลูกก็จะร่วงลงไปเเละจมลงในทะเล\"  เดดาลัสอธิบายเหตุผล    \"เเต่หากลูกบินสูงขึ้นไปใกล้ดวงอาทิตย์   ความร้อนจะเเผดเผาให้ขี้ผึ้งละลาย   เเล้วลูกก็จะร่วงลงไปเช่นกัน\"



                       อิคารัสจึงรับปากว่าจะปฎิบัติตามดังที่พ่อกำชับไว้   เเล้วสองพ่อลูกก็พากันโผกระโจนจากชะง่อนผาที่สูงที่สุดบนเกาะเเห่งนั้น  เเละโบยบินมุ่งหน้าไปสู่ดีลาส



                       ตอนเเรก ๆ อิคารัสก็เชื่อฟังคำสั่งของพ่อเเละบินติดตามไปในระยะกระชั้นชิด   เเต่ไม่ช้าต่อมา   เขาก็เริ่มเพลิดเพลินกับการโบยบินกระทั่งลืมคำที่พ่อกำชับไว้จนหมดสิ้น    เขาเหยียดเเขนสูงขึ้น   เเล้วก็บินสูงขึ้นเเละสูงขึ้นไปยังสวรรค์เบื้องบน



                       เดดาลัสตะโกนเรียกลูกชายกลับลงมา   เเต่กระเเสลมพักกระหน่ำอย่างรุนเเรงเเละพัดพาถ้อยคำของเขาไกลห่างออกไป   อิคารัสจึงไม่ได้ยินเสียงเรียกของบิดา  ปีกทั้งสองยังคงพาเขาสูงขึ้นเเละสูงขี้นไป   กระทั่งขึ้นไปถึงเขตเเดนของหมู่เมฆ  เเละขณะที่บินสูงขึ้นเเละสูงขึ้นไป  เขาก็รู้สึกอบอุ่นเเละอบอุ่นขึ้น   เเต่เขาก็ลืมคำเตือนของพ่อ   เเละยังมุ่งหน้าบินสูงขึ้นไปอีก



                       สักครู่ต่อมา  เขาก็มองเห็นขนนกปลิวว่อนอยู่รอบตัว   ในทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำเตือนของพ่อขึ้นมาได้   เขาจึงรู้ว่า   ความร้อนของดวงตะวันได้เเผดเผาขี้ผึ้งที่ยึดขนนกติดกับโครงปีกละลายเเล้ว



                       ในที่สุด  อิคารัสก็ร่วงละลิ่วลงไป   เขาพยายามที่จะกระพือปีกเพื่อบินต่อ   เเต่กระเเสลมก็พัดกระหน่ำให้ขนนกปลิวว่อนอยู่รอบตัว  จึงทำให้เขามองไม่เห็นอะไร



                       เขาส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกขณะที่ร่างของเขาหมุนคว้างร่วงจากท้องฟ้า   เเล้วอิคารัสผู้น่าสงสารก็ดิ่งลงไปสู่ห้วงน้ำสีน้ำเงินของทะเล  ซึ่งได้รับการขนานนามว่าอิคาเรียนนับเเต่บัดนั้นมา



                       เดดาลัสได้ยินเสียงกรีดร้อง  จึงรีบบินตรงไปยังตำเเหน่งที่มาของเสียง   หากเขาก็ไม่พบเเม้เเต่อิราคัสหรือปีกของลูกน้อย  นอกจากขนนกสีขาวจำนวนหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ



                       ผู้เป็นพ่อจึงจำต้องเดินทางต่อไปด้วยความโศกเศร้า  ในที่สุดเขาก็มาถึงชายฝั่งของเกาะใกล้เคียงเเห่งหนึ่ง   บนเกาะเเห่งนั้น   เขาสร้างวิหารหลังหนึ่งขึ้นมาถวายเเด่เทพเจ้าอพอลโล  เเล้วก็เเขวนปีกของตรเป็นเครื่องสักการะบูชาพระองค์  ภายหลังที่คร่ำครวญทุกข์โศกถึงลูกชายที่จากไปเเล้ว  เขาก็ไม่เคยพยายามที่จะบินอีกเลย





                       ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านค่ะ



                       ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องของคิวปิดกับเทพเจ้าอพอลโลนะคะ  อย่าลืมติดตามอ่านให้ได้นะคะ









                      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×