ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF [KYUMIN] : YI SAN QI : love potion

    ลำดับตอนที่ #4 : SF: FLY AWAY // 3

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 58


    FLY AWAY














    part 3








     

                          คุณหญิงแม่ขับรถมาได้ 30 นาทีแล้วล่ะครับ เธอปาดหน้าทีหลังทีจนผมเวียนหัวอยากจะอ้วกใส่รถคุณเธอให้ได้ แต่ผมต้องทำเป็นไม่ใส่ใจพยายามมองออกนอกรถไปเรื่อย เพราะการที่แม่ผมตีนผีขนาดนี้ก็เพราะผมแต่งตัวช้านั่นแหละ ไม่นานรถสีขาวน้อยๆของพวกเราก็จอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่  ลุงคนเฝ้าประตูก้าวเข้ามาหาแม่ผมเมื่อเราหยุดรถสนิท และทันทีที่ผมก้าวเท้าลงไปผมก็รู้สึกทันทีว่า .... เนี่ยแหละสนามรบที่แท้จริง ...

     

                          เสียงดังวอแวของผู้คนจำนวนมากทำเอาซองมินหน้าหงิกขึ้นมาอัตโนมัติ ผมละเกลียดจริงๆกับงานแบบนี้! งานที่คุณหญิงคุณนายพากันเม้าท์แตกเสียงนี่ยิ่งกว่าจิ้งหรีดร้องตอนกลางคืนเสียอีก(ถึงแม้ผมจะชอบฝ่อยกับไอ้ฮยอกแจก็เหอะ แต่เสียงของผมยังคงน่าฟังมากกว่านี้อ่ะนะ) เสียงพวกนี้ทำผมปวดหัว แต่ผมก็จำใจแหละครับ จะว่าให้ชินก็ไม่ชินผมก็ยังเกลียดมันเหมือนเดิม -_- 

     
     

                          หลังจากที่ซองมินบ่นในใจได้ไม่กี่อึดใจ อีซองจาก็เดินมาสะกิดลูกชายที่ยืนหน้าหงิกตรงประตูทางเข้าบ้านให้เข้าไปข้างในกัน เมื่อเธอเห็นลูกชายติสแตกของเธอหน้าไม่บอกบุญก็หันไปบีบมือให้กำลังใจลูก เธอรู้ว่าซองมินไม่ชอบงานแบบนี้ ไม่ชอบคนเยอะ ไม่ชอบเสียงดัง แต่ทำยังไงได้เธอมีลูกคนเดียวแล้วเธอชอบสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจนี่ สามีก็ไปอยู่ที่อเมริกาบ้านช่องก็ไม่ค่อยกลับ จะไปไหนมาไหนก็พ่วงลูกชายให้ไปเป็นเพื่อนตลอด ยังไม่รู้เลยว่าถ้าหากลูกชายของเธอเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วเรียนจบถ้าเกิดซองมินได้เป็นสจ๊วตตามที่ใจหวัง มั่นใจได้เลยว่าซองมินต้องไม่ว่างมาอยู่กับเธอแน่ๆ เพราะซองมินไม่ใช่คนติดแม่

     
     

                          “แม่ นี่ผมเวียนหัวมากเลย สี่ทุ่มเมื่อไรเรากลับกันนะ”  ยังไม่ทันไรซองมินก็ร้องกลับบ้านซะแล้ว นี่แค่เดินยังไม่ถึงตัวบ้านเลย ซองจาก้มดูเวลาที่นาฬิกาเรือนสวยของเธอ

     
     

                         “ซองมินนี่มันสองทุ่มนะลูก ถ้าเบื่อมากก็ไปนั่งเงียบๆตรงพุ่มไม้ข้างบ้าน ไม่ต้องไปกับแม่ก็ได้ เข้าไปแล้วไปสวัสดีป้าฮันนาก่อนแล้วค่อยว่ากัน” อีซองจาชี้บอกลูกที่พุ่มไม้สวนหลังบ้านที่มีม้านั่งสีขาวเล็กๆวางอยู่ตัวหนึ่งใกล้กับป้อมยาม

     
     

                         ถึงผมจะอยากดูหน้าพี่คยูอีกทีนึงแค่ไหน แต่ความเบื่อของผมนี่เต็มแม็กซ์มาก จนพูดได้เลยว่ามันชนะความอยากเจอพี่คยูไปหมด แค่เอาไว้เห็นๆแล้วเอาไปพูดต่อได้ก็พอแล้ว เพราะยังไงพี่เขาคงไม่สนใจผมอยู่ดี ไม่แน่บางทีผมอาจจะเห็นหน้าพี่เขาแล้วไม่อยากกลับบ้านอีกก็ได้ เหมือนงานวันเลี้ยงรุ่น ฮ่าฮ่าๆ เอาจริงวันนั้นผมก็รู้สึกเบื่อๆงี้แหละหลังจากที่โดนแอคเทคนี่ไปไม่เป็นเลยมองหน้าพี่เขาอย่างเดียว ... ผมว่าถ้าเจอพี่คยูเมื่อไรก็จะชวนพี่เขาคุยบ้าง.. แล้วตอนไหนที่พี่เขาต้องเดินสายทัวร์สวัสดีผู้ใหญ่คนอื่นๆผมคงมาหลบที่พุ่มไม้ข้างบ้านตามที่แม่บอกแหละ

     
     

                        ผมก้าวขาอย่างเหนื่อยๆเดินตามแม่ไปได้แป๊ปนึงก็เห็นบ้านหลังใหญ่ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม อย่าเรียกว่าบ้านหลังใหญ่เลยเรียกกว่าคฤหาสน์เลยดีกว่า บ้านสองชั้นที่กว้างกว่าบ้านผมประมาณ 5 เท่าได้ ทำไมผมไม่แอะใจตั้งแต่ลงมาจากรั้วใหญ่นั่นล่ะ อาจจะเป็นเพราะผมมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยจนมองข้ามบ้านที่โคตรใหญ่! ตรงหน้านี่ เหมาะสมกับครอบครัวของพี่เขาจริงๆเลย เมื่อเทียบกับบ้านผมนี่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงทาสในเรือนเบี้ย ถ้าเปรียบเทียบย้อนกลับไปสมัยโชชอนนี่พี่เขาคงเป็นขุนนางใหญ่ ผมคงเก็บเห็ดขายข้างรั้วบ้านพี่เขาแน่ๆ -_-  ผมล่ะสงสัยเลยว่าแม่ไปรู้จักมักจีกับป้าฮันนาได้ยังไง

     
     

                          “แม่ ทำงานอีกกี่ชาติเนี่ยถึงได้บ้านอย่างนี้” ซองมินเอ่ยถามผู้เป็นแม่ ถึงบ้านผมจะไม่ได้ขัดสนทางการเงินขนาดนั้น ก็มีกินมีใช้ตามคนฐานะปานกลาง แต่พอเทียบกับพี่เขา ...อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ ทาสในเรือนเบี้ย...

     
     

                          “ก็แม่รอซองมินเรียนจบแล้วทำงานดีๆ หาเงินมาให้แม่ใช้ไงล่ะ” ประโยคคลาสสิก ... ที่ผมได้ยินแทบทุกครั้งตอนที่เรียกร้องอะไรจากคุณเธอทำเอาผมหุบปากฉับ

     
     

                           “เข้าไปกันเถอะซองมิน ไปหาป้าฮันนากัน”

     

     

    .....

    ...

    ..

    .




     

                        พอผมก้าวเข้าไปในบ้าน สิ่งแรกที่ผมทำคือทำตาเป็นไข่ห่านกับบันไดวนอันใหญ่โตอลังการในบ้านหลังนี้   แชนเดอร์เลียอันเบอเริ่มที่ผมคาดว่าถ้ามันตกมาตอนนี้คนอาจตายได้หลายสิบอยู่... โอเคยอมแพ้เลยเอาจริง นี่ถ้าผมคิดจะจีบพี่คยูแบบจริงจังนี่ถอยทัพแทบไม่ทัน ถ้าผมเดินชนรูปวาดที่แขวนอยู่คงเสียหายหลายล้านวอนคิดว่าชาตินี้ผมคงชดใช้ไม่หมดพูดแล้วสงสารตัวเอง 

     
     

                         “แม่ งานมีข้างนอกไม่ใช่หรอ แล้วพาผมเข้ามาข้างในทำไม” ผมก็ได้แต่สงสัยว่าคุณนายเธอพาผมเข้าบ้านมาทำไมทั้งๆที่เพื่อนๆของเธอก็อยู่ที่สวนข้างบ้านนั่น

     
     

                         “ป้าฮันนาโทรมาบอกแม่ว่าให้ช่วยไปดูขนมในห้องครัวกับเขาหน่อย ซองมินก็ไปกินขนมกับป้าเขาในครัวเลยสิ จะได้ไม่แต่งไปแย่งคนข้างนอกกิน โอเคไหม” แม่นี่รู้ใจผมที่สุดเลย นอกจากผมจะไม่ชอบคนเยอะแล้วผมยังไม่ชอบให้ใครแย่งของกินด้วย สงสัยผมจะติดนิสัยไอ้ฮยอกแจมา

     
     

                        ผมกับแม่เดินไปเกือบสุดปีกขวาของตัวบ้าน ห้องครัวอย่างกับภัตตาคารโรงแรมก็ปรากฏต่อหน้าผม มันเหมือนห้องครัวที่ทำขนมที่ร้านเบเกอรี่ของแม่ผมเลย ต่างกันที่แม่ผมกู้เงินลงทุนไปหลายล้านทำงานสุดเหนื่อยกว่าจะได้มันมาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน.. แต่ป้าฮันนามีมันไว้ในบ้านเพื่อทำกับข้าวกินทุกมื้อ... คนเรานี่มันเลือกเกิดไม่ได้จริงๆนะ หลังจากที่ผมได้แต่อิจฉาครอบครัวโจวอยู่ ป้าฮันนาก็เข้ามากอดแม่ผมปานว่าไม่เจอกันสิบชาติ หญิงสาววัยกลางคนส่งเสียงเหมือนจิ้งหรีดตอนกลางคืนตอนที่ได้เจอหน้ากันคล้ายกับตอนที่ผมได้ยินมันหน้าบ้าน ถ้าผมแก่ไปจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ผมคงรับตัวเองไม่ได้น่าดู...


     

                         “สวัสดีครับ” หลังจากที่ป้าฮันนาผละออกจากแม่ของผม ผมก็เอ่ยทักเธอทันที เธอยิ้มละมุนให้กับผม เธอคงดีใจที่ผมมาตามที่สัญญา

     
     

                        “สวัสดีจ๊ะหนูซองมิน วันนี้แต่งตัวน่ารักมากเลยนะ ป้าดีใจจังที่หนูมาคิดว่าจะติดอะไรเสียอีก” ยอมรับเลยว่าหลังจากที่เธอเห็นซองมินเมื่อวันนั้นแล้วเอ่ยชวน เธอไม่คิดเลยว่าซองมินจะมาเพราะดูแล้วเด็ดคนนี้คงไม่ชอบคนเยอะๆ แต่วันนี้ทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อยที่ซองมินมางาน เด็กคนนี้คงเป็นคนที่รับผิดชอบคำพูดพอควรเลยแหละ

     
     

                          ซองมินยิ้มอ่อนๆตอบเธอ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ที่จริงผมมาเพราะว่ามีแรงจูงใจคือพี่คยูนั่นแหละครับ เอาตรงๆถ้าป้าฮันนาไม่ใช่คุณแม่ของพี่คยูผมก็ไม่มาหรอกสาบาน แต่พอผมเจอเธอไปเรื่อยๆเธอก็ดูเป็นคนใจดีมาก ดีแล้วแหละที่เป็นเพื่อนกับแม่ผม อย่างน้อยเธอก็ดีกว่าคุณหญิงคุณนายเพื่อนของแม่คนอื่นๆที่ปากอย่างกับปลาปิรันย่าพูดจิกกัดไปกันมา เจอเพื่อนแม่แบบนี้ก็น่าเบื่อนะครับ   ว่าไปแล้วตั้งแต่ลงมาจากรถผมก็ไม่เห็นพี่คยูเลยครับ ไม่มีใครพูดถึงด้วยก็เพราะผมยังไม่ได้คุยกับใคร สายตาของผมกวาดหาพี่เขาอยู่นานมั้งครับจนป้าฮันนาเธอสังเกตเห็นได้ แล้วเธอก็อ่านใจผมออกด้วย...

     
     

                             “หนูซองมินจ๊ะ ทนเหงานิดนึงนะตาคยูยังมาไม่ถึงเลย กำลังขับรถจากคอนโดอยู่ ถ้าหิวก็ไปบอกป้าแม่บ้านเลยว่าอยากกินอันไหนเดี๋ยวป้ากับแม่หนูจะเดินดูขนมอยู่แถวๆนี้ กินมาการองไปก่อนนะลูก” ชินฮันนาหยิบจานที่ใส่มาการองสี่ห้าชิ้นให้อีซองมินพร้อมชามะลิหลังจากที่เธอดูหน้าของซองมินที่เหมือนมองหาอะไรสักอย่างมันก็ทำให้เธอนึกได้ เธอรู้สึกว่าซองมินก็เหมือนจะปลื้มตาคยูฮยอนอยู่ไม่น้อย ไม่ต้องบอกว่ามองหาใคร ให้เดาได้เลยว่ามองหาลูกชายของเธอนั่นแหละ

     
     

                               หลังจากที่ป้าฮันนายัดขนมใส่มือผม ผมก็ได้กลายเป็นแมวน้อยแสนว่าง่ายไปเลยเมื่อเจอของโปรด ผมนั่งลงตรงบาร์เล็กๆริมห้องครัวที่เหล่าพ่อบ้านแม่บ้านกำลังวุ่นวาย กลิ่นอบขนมลอยคลุ้งในจมูกผมมันเป็นกลิ่นที่ผมคุ้นชินดี กลิ่นของแป้งและยีสที่แม่ผมมักจะยัดเยียดความรู้เกี่ยวกับมัน แต่ผมก็ไม่ใส่ใจกับอะไรสักอย่างอยู่ดี ผมชอบที่จะชิมมันมากกว่าทำ

     
     

                               ซองมินหยิบมาการองชิ้นแรกขึ้นมาสีของมันเป็นสีชมพูหวาน ดมๆดูแล้วมันคงจะเป็นรสกุหลาบแต่ผมก็ไม่ค่อยชอบรสนี้เท่าไรนัก ปากเล็กกัดส่วนหนึ่งเข้าไปในปากเพื่อละเลียดชิมมัน .....มันโคตรไม่อร่อยเลย....... ผมละอยากจะถามคนทำว่าตอนทำไส้นี่ทำถุงน้ำตาหกลงไปหรือเปล่า มันหวานเสียจนผมปวดหัวตุบๆ หรือว่าไฮโซเขาจะชอบกินของแบบนี้กัน ถึงแม้ว่าผมจะบ่นว่ามันไม่อร่อยแต่ก็กินจนหมดจานถือซะว่าเสียดายของแล้วตอนนี้ผมก็หิวมาก ผมเดินสำรวจขนมอันต่อๆไปที่พ่อบ้านดูท่าจะแก่กว่าผมสักปีสองปีเป็นคนทำ คุกกี้ช็อคชิพที่อบเสร็จใหม่ๆวางอยู่ในถาดอุ่นๆตรงหน้าผม ไม่รู้ว่าผมทำหน้าน้ำลายสอหรือจ้องมากจนเกินไปทำให้พี่เขายื่นคุกกี้นั้นให้ผมสองอัน ถามว่าอายไหม ถ้าอายคงไม่ได้กิน...ปากน้อยๆของซองมินกำลังแทะเจ้าคุกกี้อันเท่าฝ่ามืออย่างจริงจัง  มันแข็งไปหน่อยแต่อันนี้อร่อยมาก

     

                                 “สวัสดีครับ”

                           


                               หือ
    ?

     

                          
                                 “สวัสดีครับน้องซองมิน”


     

                           ใครมันบังอาจเรียกผมตอนที่กำลังมีความสุขกับคุกกี้ว่ะ?

     
     

                                 “คุกกี้เปื้อนเสื้อแล้วครับ” มือขาวจัดของคนตัวสูงเอื้อมมาไปที่ไหล่ของคนข้างหน้าที่กำลังแทะขนมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่?

     
     

                                 ทันใดนั้นคนซองมินก็หันหลังกลับมาพร้อมกับคุกกี้ที่คาปากอยู่อย่างไม่ต้องสงสัยหน้าของคนตัวเล็กหงิกเต็มที่แต่ก็ต้องช็อคสุดใจเมื่อ ... โอ้... เชี่ยแล้วครับ พระเจ้ากลั่นแกล้งผมแน่ๆ ทำไมท่านให้ผมเจอกับพี่คยูพร้อมกับสภาพเหมือนหมูป่ากำลังแทะมันเผาอย่างนี้ นอกจากภาพจน์ที่เสียไปแล้ว อนาคตของผมกับพี่คยูนี่ป่นปี้เลย...

     
     

                                “ หึหึหึ กินเหมือนเด็กเลย” ร่างสูงของคยูฮยอนหันมายิ้มกว้างให้คนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู

     
     

                                “เอ่อ ... ขอโทษครับ เมื่อกี้ ..เมื่อกี้ผมไม่เห็นว่าเป็นพี่คยูฮยอน ก็เลย ...” ก็เลยทำหน้าหมูป่าตกมันใส่ไป .. แล้วยังสภาพการกินที่ดูไม่ค่อยเป็นปัญญาชนเท่าไร จบกันเลยชีวิตผม แถมพี่เขายังมาหัวเราะใส่อีก ต่อให้หน้าหนาเป็นคอนกรีตก็แตกเป็นเสี่ยงๆงานนี้

     
     

                               “ไม่เป็นไรครับ พอดีแม่พี่ให้มาทักซองมินน่ะ บอกว่าเรานั่งอยู่คนเดียวกลัวเหงาพี่เลยมาอยู่เป็นเพื่อน” 

     
     

                               แหม่...ผมก็คิดว่าเข้ามาแล้วเจอผมยืนอยู่เคยเห็นหน้าคร่าตาแล้วเข้ามาทัก -_- แต่ที่ไหนได้ป้าฮันนาก็ใช้ให้มาใช่ไหมล่ะครับ อยากงอนมากแต่สำเนียกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ นี่ถ้าเกิดป้าฮันนาไม่บอกพี่เขา พี่เขาคงเดินไปไม่สนใจผมเลยใช่ไหม อีซองมินนี่ไม่เคยอยู่ในสายตาของใครยกเว้นไอ้ฮยอกแจ กับแม่บังเกิดเกล้า

     
     

                               “แล้วพี่ไม่ไปสวัสดีผู้ใหญ่คนอื่นๆหรอครับ” ซองมินถามด้วยความสงสัยการที่พี่เขาจะปลีกความวุ่นวายมาหาผมนี่เป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร พี่เขาควรที่จะไปพูดคุยออกงานกับกลุ่มป้าๆพวกนั้นมากกว่า ไปให้เขาชื่นชมในความเก่งและความหล่อที่พี่เขามี

     
     

                             “ครับ ก็ถ้าซองมินอยู่คนเดียวได้พี่ก็จะตามแม่ออกไปแล้วล่ะครับ แต่ถ้าอยากให้พี่อยู่เป็นเพื่อนพี่ก็อยู่ได้นะ” ร่างสูงของคยูฮยอนเอนตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆซองมินที่ยืนมองหน้าเขาอยู่  เขาได้รับคำสั่งจากแม่ให้มาดูน้องที่ห้องครัว จริงๆเขาก็เตรียมนั่งตรงนี้แล้วเพราะมั่นใจว่าซองมินคงขอให้เขาอยู่เป็นเพื่อน แม่ผมว่าน้องไม่ค่อยชอบคนเยอะแต่ก็กลัวว่าน้องจะเหงาเลยบังคับให้ผมมาอยู่กับน้องตรงนี้ ทั้งที่ความจริงผมก็ต้องออกไปให้คนอื่นเห็นหน้าเหมือนปรกติ  แต่ก็นะ..บางทีผมก็เบื่อที่จะพบเจอผู้คนพบเจอกับความวุ่นวาย

     
     

                           “ ไม่เป็นไรครับพี่ รบกวนพี่คยูฮยอนเปล่าๆผมอยู่ได้ เห็นไหมมีพ่อครัวแม่ครัวตั้งเยอะ ถ้าพี่อยากออกไปข้างนอกก็ไปเถอะครับ” ซองมินเอนตัวนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆคยูฮยอนแล้วเอ่ยบอก  นี่เป็นการสนทนาครั้งแรกของผมกับพี่เขาที่เกิน 5 นาที  ใจจริงของผมนี่แบบ .. พี่อยู่กับผมเถอะครับ แต่ยังไงก็ตามพี่คยูก็มีหน้าที่ที่ต้องทำและผมก็ไม่อยากกวนเขาให้มาคลุกกับผมตามคำบอกของป้าฮันนาด้วย

     
     

                            “ได้ครับ งั้นพี่ออกไปก่อนนะ”

     
     

                             หลังจากคยูฮยอนเอ่ยลาเสร็จก็เดินออกจากห้องครัวของบ้านตนเองทันที... จริงๆผมก็อยากนั่งอยู่ตรงนั้นแหละครับ แต่คำตอบของน้องผิดคาดผมจริงๆ ผมไม่รู้ว่าน้องอาจจะไม่ชอบให้ใครยุ่งด้วยหรือเปล่า ก็เลยเดินเลี่ยงออกมาเพราะเราก็ไม่ได้สนิทกัน แต่ผมก็ต้องการแค่หลีกหนีจากฝูงชนมานั่งกินขนมในห้องครัวเหมือนซองมินบ้าง ผมเองก็ไม่ชอบที่จะเจอคนเยอะๆ การที่มานั่งกินขนมกับเด็กที่ไม่ค่อยพูด มันก็ยังดีกว่าการที่ออกไปเจอคำถามซ้ำๆเดิมๆอยู่อย่างนั้นว่าไหมครับ ... แต่ทำยังไงได้ผมคงต้องเผชิญกับความจริงแล้วล่ะ

     

     

    ..

    .

    .




                            พอผมบอกพี่เขาไปว่าไม่เป็นไร พี่เขาก็บอกลาผมได้อย่างไม่ลังเลเลยครับ ... ผมนี่ช็อคไปเลยให้ตายเหอะ พี่คยูตอบอย่างกระฉับและรวดเร็วปานไม่ได้คิด มันทำให้ผมคิดว่าพี่เขาคงเบื่อมากที่ต้องมาตามใจผมซึ่งเป็นคนที่เจอกันแค่ครั้งเดียว เสียใจเล็กๆนะ แต่ถ้าผมเป็นพี่คยูนี่คงจะบ่นใส่แม่ไปแล้วว่าให้ไปแคร์คนที่ผมไม่รู้จักทำไม ยิ่งพูดแล้วก็ยิ่งสมเพชตัวเองสิ้นดี ตอนนี้ผมเริ่มเบื่อบรรยากาศในครัวแล้วล่ะครับ ไปนั่งข่างนอกชิวๆดีกว่า ว่าแล้วซองมินก็ถือจานหยิบคุกกี้ของพี่พ่อครัวไปสองชิ้นไปเดินไปหยิบมาการองรสคาราเมลที่เจ้าตัวคิดว่ามันอร่อยที่สุดในหมู่มาการองที่กินๆมา เดินออกไปข้างนอก เป้าหมายของซองมินคือม้านั่งสีขาวที่เงียบๆตัวนั้น

     

                              แป๊ะ !

     
     

                              “โอ้ยยยยย ไอ้ยุงนี่ สมควรตาย!” ผมว่าผมคิดผิดจริงๆที่เลือกออกมานั่งข้างนอกตรงมุมอับแบบนี้ นอกจากจะมืดแล้วยุงจะหามผมไปกินแล้วเนี่ย (T-T)// แต่ก็เกรงใจคนในครัวกลัวเขาจะหาว่าผมเยอะ เดินเข้าเดินออกประหนึ่งเป็นบ้านของตัวเอง

     
     

                               อีกมุมหนึ่งของบ้าน คยูฮยอนยังอยู่ในวงล้อมของคนมากมายเช่นเคย  คยูฮยอนช่วงนี้ทำงานเหนื่อยไหมมีคนในใจหรือยัง? งานต่อไปจะทำอะไรบ้างล่ะ? ถึงแม้ว่าคนพวกนั้นจะถามด้วยความสนอกสนใจซึ่งมนหมายความว่าเขาเป็นที่ได้รับความนิยมอยู่บ้าง แต่บางคำถามนี่เขาก็เบื่อที่จะตอบมันเหลือเกิน ... มีคนในใจหรือยัง อืม....จะว่ายังไงดีล่ะ...

     
     

                               ว่าแล้วคยูฮยอนที่กำลังเบื่อๆก็หันไปเจอ ซองมินนั่งอยู่ที่อีกฝากของงาน  ที่ตรงนั้นไม่ค่อยมีใครนั่งมานานมากแล้ว .. ตั้งแต่ผมซื้อเจ้าม้านั่งตัวนั้นมาไว้ ผมก็นั่งมันได้ครั้งสองครั้งก่อนจะย้ายไปอยู่คอนโด แต่วันนี้กลับมีคนมายึดของที่ผมซื้อมา เป็นเด็กคนนั้นคนที่แม่ผมดูท่าว่าจะถูกชะตาอยู่มาก เขาดูเป็นคนแปลกๆเหมือนจะเป็นคนช่างพูดแต่ก็ไม่ค่อยพูด เหมือนจะร่าเริงแต่ก็ดูเหมือนเบื่อโลก เวลาที่เด็กคนนั้นทำอะไรสักอย่างเขาจะดูกระตือรือร้นมากแล้วมันจะจบแล้วสีหน้าเซ็งๆเสมอ ..ก็ตั้งแต่ผมเห็นซองมินและสังเกตุพฤติกรรมมา จะว่าผมถูกชะตาไหมก็ ไม่รู้สิ ... บางทีการที่ผมเป็นลูกชายคนเล็ก ผมอาจจะอยากมีน้องเหมือนคนอื่นเขาบ้างและผมว่าแม่ผมคงจะถูกใจเด็กคนนี้มาก ถ้าเกิดผมลองเดินเข้าไปคุยกับเขา คงเป็นการดีที่เราจะสนิทกัน เพราะว่าอนาคตเราต้องรู้จักกันมากกว่านี้แน่ๆ และอีกอย่างผมอยากจะหลีกหนีผู้คนอีกครั้งซึ่งตัวช่วยของผมก็คือเด็กคนนี้เหมือนเดิม....

     
     

                                คยูฮยอนค่อยๆตีห่างจากวงสนทนาแล้วมุ่งตรงเข้าไปหาเด็กตัวอวบที่นั่งตบยุงอยู่ตรงม้านั่งสีขาวที่เขาบ่นเป็นเจ้าของตัวนั้น ทั้งๆที่ซองมินไม่ทันสังเกตุเห็นเลยด้วยซ้ำว่ากำลังเป็นเป้าหมายของใครบางคน จนได้ยินเสียงที่คิดว่าตนคงจะคุ้นหู....

     
     

                                “น้องซองมินครับ พี่นั่งด้วยได้ไหม”

                            









    ..................................................................................................................................................


    ** ถ้าพิมพ์ผิดยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ เพราะไม่ได้ตรวจละเอียดเท่าทีควร 







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×