ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF [KYUMIN] : YI SAN QI : love potion

    ลำดับตอนที่ #3 : SF: FLY AWAY // 2

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 58


    FLY AWAY





    part 2


     

     

                       โอเคครับ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพี่เขาเรียกผมมาทำไม .. -_- แค่คุณป้าฮันนาอยากเต้นกับผมพี่ไม่จำเป็นต้องชวนให้ผมใจหวิวก็ได้มั้งครับ  เอาจริงๆผมก็ว่าอะไรพี่ไม่ได้นักหรอก ก็เป็นเพราะผมเองที่มโนไปคนเดียว ... นี่ถ้าเกิดผมไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้ฮยอกแจฟัง มันคงจะด่าผมว่าแรดแน่นอน

     

                       มือซ้ายของหนุ่มหนุ่มน้อยจับไปที่มือขวากร้านวัยของหญิงตรงหน้า มืออีกข้างจับที่เอวบาง คุณป้าสูงวัยเอื้อมแขนอีกข้างมาจับไหล่ของหลานรักไว้ เมื่อบทเพลงเริ่มบรรเลง ซองมินเป็นคนเริ่มก้าวไปข้างหน้าและคุณนายฮันนาเป็นคนก้าวตาม  จากนั้นคุณนายเธอก็เริ่มบทสนทนาทันที

     

                      “น้องซองมินจ๊ะ  ปีนี้หนูจะเข้ามหาลัยแล้ว หนูอยากเรียนอะไร”

     

                      “ผมว่า ผมอยากเรียนธุรกิจการบินหรือไม่ก็อะไรเกี่ยวกับภาษาน่ะครับ”

     

                       “ หนูอยากเป็นสจ๊วดหรอลูก  เก่งจัง ตอนที่ตาคยูฮยอนเด็กๆ รายนั้นนะ เรียนเก่งเป็นบ้าเลย ได้ท็อปคณิตตลอด ป้าน่ะอยากให้ตาคยูเป็นหมอหรือไม่ก็เป็นทนายความเก่งๆ แต่เจ้าตัวน่ะเอาแต่ร้องเพลงเล่นดนตรีเหมือนพี่สาวไม่มีผิด ตอนพี่เขาอายุเท่าหนูบ้านป้านี่ทะเลาะกันใหญ่โตเลยเพราะตาคยูจะเรียนนิเทศ พอมาลองนึกดู ถ้าวันนั้นป้าบังคับให้เขาเรียนกฏหมายหรือไม่ก็เป็นหมอ ตอนนี้คงจะเป็นไอ้เนิร์ดใส่แว่นไปแล้ว คิคิ”  พอลองนึกดูว่าถ้าตอนนี้พี่คยูใส่แว่นเดินหลังค่อมๆดูคงแก่เรียน คงจะตลกไม่น้อย เสียดายหน้าตาและความหล่อเหลาที่มีมานะครับว่าไหม

     

                         “ ผมว่าคุณป้าคิดถูกแล้วล่ะครับที่ปล่อยพี่เขาไป  ผมเองก็เรียนสายวิทย์มา แต่พอมารู้ทีหลังว่าเรามีสิ่งที่เป็นเรามากกว่านี้และตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมโตแล้วผมมีสิทธิ์เลือก ผมเองก็อยากทำตามที่ผมฝันไว้เหมือนกัน ผมว่าพี่เขาคงคิดแบบผมแหละ บางทีการที่เราได้ทำสิ่งที่เรารัก มันอาจจะดีกว่าการทำในสิ่งที่เราทำได้ดีแต่ไม่ได้รักมันมากกว่า” 

                        

                       ผมเชื่อมาตลอดว่าหัวใจตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  ผมรู้ว่าตัวผมต้องการอะไร และทุกๆคนก็มีความต้องการในใจทั้งนั้น ผมเห็นคนหลายคนที่ปิดใจและมัวแต่เปิดหูฟังแต่เสียงรอบข้าง  ทั้งที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิดกับชีวิตของเรา  และผมจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่ยอมให้คนอื่นมาทำลายความฝันผมเพราะเพียงแค่เสียงของคนอื่นที่เขาพูดกัน

     

                      

                        คำพูดของคนตรงหน้านั้นทำให้เธอชะงักไปครู่หนึ่ง .... การที่เราได้ทำสิ่งที่เรารัก มันอาจจะดีกว่าการทำในสิ่งที่เราทำได้ดีแต่ไม่ได้รักมันมากกว่างั้นหรอ ... หึ เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลยจริงๆ  เด็กที่ดูดื้อรั้นอย่างซองมิน เด็กที่ดูกะโปโลในสายตาของเธอตอนแรก พอมาได้คุยจริงๆมันกลับตาละปัดไปหมด ยอมรับว่าตอนแรกไม่คิดเลยว่าวิสัยทัศของซองมินจะเป็นแบบนี้ คิดว่าจะเป็นเด็กที่พูดเก่งไร้แก่นสารเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป คงต้องจูนความคิดกันใหม่..

     

                          “น้องซองมินวันพุธหน้าวันเกิดป้าน่ะ  พอเรียนเสร็จเราก็มางานวันเกิดป้ากับแม่สิ ป้าคิดว่าจะทำของอร่อยๆไว้เพียบเลยแหละ” เธอเอ่ยชวนนุ่มน้อยตรงน้า ท่าทางลักษณะซองมินคงจะชอบการกินอยู่ไม่น้อย

     

                           “ได้ครับ ถ้าผมไม่มีธุระผมจะไปครับ” บทสนทนาก็จบพร้อมกับบทเพลงแรกไป  เท้าของคนทั้งสองหยุดก้าวเมื่อจบเสียงดนตรี ซองมินตบยิ้มไปหนึ่งทีให้คุณป้าฮันนา เธอนี่เป็นคนพูดเก่งมากเลยครับ พอๆกับแม่ผมเลย ถึงว่าสองคนนี้ถึงอยู่ด้วยกันได้

                           

                           ชินฮันนาเดินจูงมือซองมินมาที่โต๊ะ ซองจา คยูฮยอนและสามีของเธอนั่งอยู่ ร่างอวบๆของซองมินขยับตัวลงนั่งข้างๆแม่ของตนก่อนที่เธอจะเปิดบทสนทนาอีกครั้ง

     

                           “อ้าว คุณมาแล้วหรอ นึกว่าไปตายที่ไหนมา”

     

                           “โถ่ ที่รัก ผมแค่ไปล็อกรถมา ก็ผมกลัวรถหายหนิก็เลยฝากบริกรเขาไว้ พอดีเจอไอ้จินฮวานผมเลยอยู่คุยด้วยนิดหน่อยเลยยาวจนเมื่อกี้เพิ่งได้กลับมา”

     

                           “อย่าให้รู้นะว่าไปหาสาวที่ไหน ฉันแก่แล้ว ไม่ตามไปด่าเหมือนตอนสาวๆหรอกนะ จะจัดการคุณเนี่ยแหละ”

                          

     

                           ผมเห็นคุณป้าฮันนากับสามีของเธอแล้วก็อิจฉาครอบครัวนี้  ดูเป็นครอบครัวอบอุ่นที่ผมอยากได้ ถึงแม้จะทะเลาะกันบ่อยๆแต่ก็ยังมีเวลาให้กัน พ่อผมนานๆจะกลับบ้านทีเพราะมัวแต่ทำคดีอยู่ที่อมเริกา  ถึงกลับมาเขาก็ไม่ค่อยจะสนใจผมเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะพ่อและผมเป็นคนโลกส่วนตัวสูงทั้งคู่เลยเข้ากันไม่ค่อยได้ ...

     

                          ถึงชีวิตผมจะน่าเบื่อยังไง แต่ผมว่ามันคงจะไม่เสมอไปแล้วมั้ง อย่างน้อยวันนี้ผมก็โชคดีมากที่ได้เจอแล้วก็ทำความรู้จักกับพี่คยูฮยอน  เรื่องนี้ต้องเม้าส์สิครับ ผมว่ากลับบ้านไปผมคงจะแหกปากกับไอ้ฮยอกแจเป็นอันดับแรก ฮุ ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมดลใจมองที่พี่เขาตลอดเวลา ยอมรับจริงๆว่าพี่เขาดึงดูดสายตาคนอื่นได้อย่างมากโดยเฉพาะผม อาจเป็นเพราะพี่เขาตัวขาวมาก หน้าตาก็ดี หรืออาจจะเป็นเพราะมือเรียวๆปากแดงๆของเขากัน .......เห็นแล้วมันน่างับสิ้นดี -///-  บ้าน่าอีซองมินคนหื่น ผมนี่เลวมากเลย คิคิ

     

                         “พี่คะ พอดีฉันต้องขอกลับก่อนนะ เด็กในร้านโทรมาบอกว่ามีคนสั่งขนมล็อตใหญ่ต้องเข้าไปดู ยังไงเจอกันวันพุธนะคะ” แม่ก็คัดอารมณ์ผมจัง  ผมยังมองพี่คยูไม่อื่มเลย

    ..

    .

    .

     

                        “ฮยอกแจ วันนี้กูมีเรื่องจะเม้าส์เว้ยยยยยย” ครับพอถึงบ้านผมก็วิ่งขึ้นไปบนห้อง พอจับโทรศัพท์ได้ก็รีบโทรหาไอ้ฮยอกแจเพื่อนรักทันที

     

                        “อะไรของมึงอีกอ่ะ  วันนี้ไปเจอหนุ่มคนไหนถูกใจอีกรึไง” เพื่อนรักของผมตอบกลับมาอย่างเหนื่อยหน่าย แหม...รู้ใจผมจริงเลย

     

                        “รู้ดีนะมึง แต่คนนี้นี่โคตรไม่ธรรมดา ให้ทายว่าใคร คิคิ ” ซองมินพูดไปหัวเราะไป

     

                        “อ่าวไอ้นี่ ก็มึงโทรมาหากูยังไม่เล่าอะไรให้กูฟังสักอย่างแล้วกูจะรู้ไหมล่ะ!

     

                        “ เออ! งั้นกูจะบอกให้นะ  วันนี้กูไปงานเลี้ยงรุ่นแม่กูมาเว้ย.. แล้วเจอกับผู้ชายคนนึง พี่เขาเป็นลูกของเพื่อนแม่กู คือแบบพี่เขางานพรีเมี่ยมมาก  สมบัติของชาติเลยอ่ะมึง ฮ่าๆ “

     

                        “หล่อมากขนาดนั้นเลยหรือไง ใครว่ะที่ทำให้ไอ้หมูอ้วนของกูถึงขั้นโทรมาหากูดึกๆแบบนี้ ”  แหม่ ...ถ้าผมบอกว่าเป็นใครฮยอกแจมึงต้องไม่เชื่อแน่ๆเลย

     

                        “ก็.....โจวคยูฮยอนไงมึง พี่เขาชื่อโจวคยูฮยอน...” พอพูดชื่อหนุ่มหล่อคนนั้นซองมินก็ออกอาการขึ้นมาทันที มืออวบหยิบตุ๊กตาหมาข้างๆตามาบิดบี้สะจนไม่เหลือชิ้นดี

     

                        “ตอแหลล่ะมึงอ่ะจะบอกว่าผู้ชายที่ชื่อโจวคยูฮยอนคือพระเอกที่เล่นเรื่อง prince of snow ตอนนี้อ่ะหรอ กูเชื่อตายแหละห่าน!

     

                        “โอเค  มึงจะไม่เชื่อก็ได้นะ เดี๋ยวพุธหน้ากูจะไปบ้านพี่เขาแล้วกูจะถ่ายรูปมา อย่ามาขอกูแล้วกัน” ซองมินยิ้มให้กับคนปลายสายอย่างมีชัย  ว่าไปแล้ววันพุธหน้าก็จะไปบ้านพี่เขาแล้วผมยังไม่ได้ดูชุดใส่ไปเลยอ่า ....

     

                        “อย่าไปอ่อยเขาให้มากล่ะ ระวังเมียเขามาตบแล้วจะยุ่งนะจ๊ะน้องซองมิน!

     

                        “กูเนี่ยแหละตัวสร้างความร้าวฉานเลยแหละมึง หึหึหึ”  ซองมินเอ่ยหยอกเพื่อนรัก  แล้วกดวางสาย ผมก็แค่พูดเล่นๆเท่านั้นแหละ ตัวสร้างความร้าวฉานอะไร ขนาดผมสะดิ้งขนาดนี้ไม่มีแม้แต่หญิงชายคนไหนจะแลเลยครับ  ในชีวิตผมเคยมีคนมาชอบแค่ 3 คน 2 คนเป็นผู้ชาย อีก 1 คนผู้หญิง แต่ก็อย่าหวังว่าจะได้คบใครเพราะผมนี่ขี้เลือกที่สุด  กว่าจะคิดได้ก็เข้าม.ปลายตอนที่เพื่อนๆมีแฟนกันหมดเนี่ยแหละ แต่ก็ด้วยเวรกรรมไม่มีใครมาสนใจผมอีกเลยหลังจากนั้น ส่งผลให้โสดมาทั้งชีวิตจนถึงตอนนี้  รันทดชีวิตตัวเองสุดติ่ง -_-

     

     

                          เห้อ วันพุธผมต้องไปงานแล้วแหละครับ นี่ก็วันจันทร์ผมยังไม่มีชุดยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย หลังจากที่คุยกับไอ้ฮยอกแจเสร็จวันเสาร์ เมื่อวานก็โทรเลื่อนนัดเรียนดนตรีกับอาจารย์อย่างไวเลย  นี่ก็เลยมา 10 นาทีแล้วที่อาจารย์คณิตยังไม่เข้าสอน สงสัยท่านคงไม่มาแล้วล่ะครับ เพราะปรกตินี่ตรงเวลามากขนาดออดโรงเรียนยังไม่แป๊ะเท่าท่านเลย  พูดถึงไอ้ฮยอกแจก็เดินมาพอดีหลังจากไปเข้าห้องน้ำ งานนี้คงต้องขอความช่วยเหลือมันสักหน่อย

     

     

                          “มึงวันนี้พากูไปเลือกชุดหน่อย” ซองมินหันไปถามฮยอกแจที่นั่งโต๊ะข้างๆ

     

                          “ชุดไร ชุดไปวันพุธไง๊!” ฮยอกแจหันมาพูดใส่คนข้างๆ แหมผมล่ะเบื่อไอ้ซองมินมันจริงๆเลยครับ  ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ปรกติมันเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว เสื้อยืดกางเกงยีนทุกงานไม่ว่าจะออกไปไหน วันนี้นึกครึ้มจะแต่งตัวโชว์ผู้ชายอีก

     

                          “ก็เออน่ะสิ  มึงจะให้กูใส่กางเกงยีนส์รัดๆเสื้อย้วยๆของกูไปงานวันเกิดผู้ใหญ่หรอห๊ะ อีกอย่างก็ให้พี่เขาเห็นกูสภาพนั้นไม่ได้หรอก”

     

                         “แรดนะมึงอ่ะ ไหนบอกชอบหญิงก็ได้ชายก็ได้ไง ทำไม..เดี๋ยวนี้ชะนีผีสิงมึงหรอ”

     

                         “สัส มึงจะช่วยกูเลือกไหม นี่กูขอความช่วยเหลือไม่ได้ขอให้มึงมาด่ากู โอเคป่ะ”

     

                         “กูแค่ล้อเล่น งั้นเย็นนี้ที่พาราไดซ์นะ เลี้ยงไอติมกูด้วย กูจะเมครีโคฟเวอร์มึงให้กลายเป็นเจนนิเฟอร์โรเปสเลย”

     

                         “อย่างกูหนิต้องหล่อแบบทอม เฟลตัลเว้ยยยยย”

     

         พาราไดซ์ปาร์ค 16:45 น.
     







     

     

     

     

     

     

     

                           

     

     

                           หนุ่มน้อยร่างบางกับเพื่อนตัวอวบที่ผิวคล้ำกว่าเจ้าตัวเล็กน้อยเดินเคียงข้างกันที่ย่านคนเดินของเหล่าวัยรุ่น  ซองมินถูกเพื่อนรักลากเข้าไปในช็อปแบรนด์ชื่อดังของเด็กวัยรุ่นชายที่นิยมใส่กัน  ร้านที่ตกแต่งเป็นสีดำให้ความรู้สึกเป็นผู้ชายมากๆกลับไม่เข้ากับหน้าตาของเด็กหนุ่มสองคนนี้เลย แต่ที่ไหนได้ นอกจากซองมินจะชอบสีชมพูแล้ว สีดำเนี่ยแหละที่ตนชื่นชอบพอๆกัน นี่มันสวรรค์ของพวกเขาเลย

     

                            “ซองมินมึงดูยีนส์นี่ดิอย่างสวยอ่ะ” ฮยอกแจหยิบกางเกงยีนส์รัดรูปสีมืด ที่มีรอยขาดวิ่นเต็มขากางเกงมาให้ซองมินดู ให้ตายเหอะนี่จะให้ใส่ไปงานวันเกิดผู้ใหญ่หรือไปบาร์กันแน่เนี่ย

     

                            “ กูใส่ไปงานวันเกิดป้านะ ไม่ได้ไปแดนซ์ที่ผับ อีกอย่างมันขาดๆแบบนี้ มึงช่วยดูสารรูปกูก่อนว่าใส่แล้วเนี่ย ไขมันที่ต้นขากูมันจะทะลักไหม กูไม่ได้ผอมเหมือนผีตายซากแบบมึงนะ”

     

                           “ จ้า แม่วัวพันธุ์ดี อย่างมึงนี่น่าจะไปผลิตนมขายนะเดี๋ยวนี้นมมึงนี่ย้วยอย่างกับผู้หญิง ไปฟิตเนสลดพุงลดนมบ้าง มึงเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวพี่คยูฮยอนจะสับสนได้ว่ามึงเป็นหมูป่าหรือมาสคอตมิชลิน ฮ่าฮ่าๆ”

     

                            เอาจริงๆผมก็ไม่ได้อยากได้พี่คยูเป็นแฟนขนาดนั้นหรอกนะ ผมก็แค่กรี๊ดกร๊าดตามอาการบ้าดาราทั่วไป ที่ผมสปอยพี่คยูกับฮยอกแจขนาดนั้นเพราะว่าอยากให้มันอิจฉาเล่นเท่านั้นแหละ ถึงผมจะชอบพี่คยูแบบว่า.... เออมองแล้วก็หล่อดี แต่มันก็แค่นั้น เจอกันไม่ถึงวันจะทำให้ผมรักพี่เขาจริงๆได้ยังไง คนเรามันตกหลุมรักกันง่ายแบบนั้นได้ด้วยหรอ

     

                      

                           “ มึงคือกูก็ไม่ได้จริงจังขนาดนั้น ... กูไม่ได้ชอบเขาถึงขนาดจำเป็นลดไขมันซึ่งอันเป็นที่รักของกูออกไป”  ผมไม่อยากให้ตัวเองดูดีในสายตาของพี่เขาถ้าผมต้องทรมานตัวเอง แน่นอนว่าผมย่อมรักตัวเองมากกว่าอยู่แล้ว และผมก็รักการกินการนอนการอยู่เฉยๆเหมือนหมีแพนด้าที่นั่งแทะไผ่ไปวันๆมากกว่าจะลุกออกมาแต่งตัวให้เหมือนซุปเปอร์โมเดลเพื่อให้คนนู้นคนนี้ชอบ

     

                             “ให้มันจริงเหอะถ้ากูเห็นวันไหน มึงหันมาลดน้ำหนักเพราะอยากให้เขาสนใจ กูจะหัวเราะฟันหลุดเลย”

     

                            “ฟันมึงคงไม่ได้หลุดเพราะหัวเราะ แต่จะหลุดเพราะตีนกูเนี่ยแหละ..”  หมั่นไส้มันจริงๆเลย ไม่รู้ว่าผมเป็นเพื่อนกับคนปากแบบมันได้ยังไง หึ ถึงไอ้ฮยอกแจมันจะปากหมาๆแบบนี้แต่มีมันเนี่ยแหละที่ยังรองมือรองเท้าผมได้ขนาดนี้ 

                            

                            สองลีเพื่อนรักพากันเดินสำรวจร้านนู้นที ร้านนี้ที จนได้ของติดมือกันมาเพียบ ฮยอกแจเป็นคนตัดสินใจว่าซองมินจะใส่ชุดแบบไหนตามสัยชาตญาณความเป็นแฟชั่นนิสของมัน  แล้วซองมินก็ต้องเสียค่าเสื้อเชิ้ตสีขาวหนึ่งตัว เสื้อกั๊กสีดำหนึ่งตัวกับ กางเกงรัดรูปสีดำหนึ่งตัว แหม่ ไอ้เพื่อนรักของผมนี่มันเลือกได้ดีจริงๆเลย แต่ละตัวนี่ราคาอย่างมหาโหดทำเอาเงินเก็บผมทั้งชีวิตนี่หายไปเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์  อย่างนี้ต้องทำใบเบิกจากคุณนายแม่เสียแล้ว ค่าอีฮยอกแจพามาเสียตังค์...

     

                        “ เสื้อผ้าที่กูเลือกให้ มึงเชื่อสิใส่ไปงานถ้าไม่ได้พี่คยูฮยอนกลับมาก็ต้องได้ผู้ชายหรือไม่ก็ผู้หญิงกลับมาเข้าใจไหม มันถึงเวลาที่มึงจะต้องออกจากใยไหมแล้วซองมิน มึงจะต้องกลายเป็นผีเสื้อ มึงจะได้เทียบรัศมีกูได้ไง!

     

                        “ ทำไมกูต้องเทียบรัศมีกับตั๊กแตนตำข้าวอย่างมึงด้วย ..-_-

     

                        “แน่นอน กูนี่ซุปต้าร์ของโรงเรียน รอขึ้นมหาลัยก่อน เดือนนี่จองตัวกูไว้เลย..”

     

                       “ แม่ มึงให้มึงแดกอะไร ทำไมความมั่นหน้ามึงเกินร้อยขนาดนี้”

     

                        ที่ไอ้ฮยอกแจมันว่าก็ถูกแหละครับ มันน่ะไม่หล่อแต่ก็ดูดีระดับหนึ่ง(ในสายตาคนอื่นนะไม่ใช่ผม) ผมละก็ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมรุ่นน้องผู้หญิงในโรงเรียนถึงชอบมันหนักหนา มันมีอะไรดี ไอ้ตาเล็กๆ ตัวที่ขาวเหมือนไก้ต้ม ปากทีเลี้ยงหมาไว้สามพันตัวได้ แถมท่าทางเก๊กๆนั่นที่ผมนึกอยากถีบมันทุกทีที่ไอ้ฮยอกแจทำ  แต่อย่างว่าความดูดีที่ทุกคนว่ากันว่ามันมีสเน่ห์(ที่ผมยังหาไม่เคยเจอตั้งแต่เป็นเพื่อนมันมา) จนทำให้มันได้ไปถ่ายแบบให้นิตยสารวัยรุ่นหลายฉบับ เป็นที่รู้จักกันในหมู่สาวๆมัธยม มีหญิงมาพัวพันไม่ขาดสายนี่คือสิ่งที่ผมอิจฉามันข้อนึงแหละ นอกนั้นก็..ไม่มีเลยครับ...
       ....

     .
     .

     .
     .



                          ตอนนี้อีซองมินสุดหล่อยืนอยู่หน้ากระจกได้ครึ่งชั่วโมงแล้วครับ  ผมใส่เสื้อที่ไอ้ฮยอกแจเลือกให้แล้วส่องกระจกดูแล้วดูอีก โคตรไม่เหมือนตัวเองเลย... จะว่าไปมันก็ดูดีขึ้นมานิดนึงแต่เพราะผมไม่ค่อยชินมากกว่า หรือว่าเขินที่พี่คยูจะเห็นผมแต่งตัวแบบนี้กันแน่ ... ส่วนมากชุดที่มันไม่ใช่เสื้อยืดกางเกงยีนส์นี่ผมก็สนิทกับสูทสีดำที่ใส่ไปงานวันนั้นมากที่สุดแล้ว พอนึกถึงหน้าหล่อๆของพี่คยูกับแวดวงไฮโซที่คงจะมางานวันเกิดคุณป้าฮันนา ผมคงน้อยหน้าไม่ได้แน่ๆ ผมไม่ยอมเป็นเด็กเนิร์ดในงานนั้นเด็ดขาด นอกจากจะเสียภาพพจน์ในสายตาสุดหล่อแล้ว ยังต้องโดนสายตาที่มองผมเหมือนแมลงสาปของป้าๆพวกนั้นอีก ทำเอาผมมีกำลังใจแต่งตัวขึ้นเยอะเลย...

     

                       

                      “ซองมิน เมื่อไหร่จะแต่งตัวเสร็จห๊ะ! แม่รอนานแล้วนะ เร็วๆสิ” เสียงของคุณหญิงแม่ดังมาแต่ไกล .... ครอบครัวผมนี่มีอะไรที่เหมือนกันอยู่อย่างนึง เวลาอยู่ในบ้านพวกเราจะโผงผางกันมาก พอออกนอกบ้านทีไรสวมวิญญาณผู้ดีทันที -_-

     

                      “แป๊ปสิแม่! ทีผมรอแม่แต่งตัวนานผมยังไม่บ่นเลย” ผมรีบติดกระดุมบนให้เรียบร้อยเช็คเสื้อกางเกงเป็นรอบสุดท้าย 

     

                      “อีซองมินวันนี้นายต้องดูดีที่สุด ดูดีที่สุด ท่องไว้ อย่าทำตัวเองขายหน้าเด็ดขาด อย่าให้คนอื่นเขาหัวเราะ” ซองมินพูดกับหน้ากระจกเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนออกจากบ้าน

     

     

                      “แม่ผมพร้อมแล้ว ไปกันเหอะ!

     

     

                         

            

               

     

          

          

     

     

            

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×