คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : SF: FLY AWAY // 2
FLY AWAY
part 2
โอเคครับ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพี่เขาเรียกผมมาทำไม .. -_- แค่คุณป้าฮันนาอยากเต้นกับผมพี่ไม่จำเป็นต้องชวนให้ผมใจหวิวก็ได้มั้งครับ เอาจริงๆผมก็ว่าอะไรพี่ไม่ได้นักหรอก ก็เป็นเพราะผมเองที่มโนไปคนเดียว ... นี่ถ้าเกิดผมไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้ฮยอกแจฟัง มันคงจะด่าผมว่าแรดแน่นอน
มือซ้ายของหนุ่มหนุ่มน้อยจับไปที่มือขวากร้านวัยของหญิงตรงหน้า มืออีกข้างจับที่เอวบาง คุณป้าสูงวัยเอื้อมแขนอีกข้างมาจับไหล่ของหลานรักไว้ เมื่อบทเพลงเริ่มบรรเลง ซองมินเป็นคนเริ่มก้าวไปข้างหน้าและคุณนายฮันนาเป็นคนก้าวตาม จากนั้นคุณนายเธอก็เริ่มบทสนทนาทันที
“น้องซองมินจ๊ะ ปีนี้หนูจะเข้ามหาลัยแล้ว หนูอยากเรียนอะไร”
“ผมว่า ผมอยากเรียนธุรกิจการบินหรือไม่ก็อะไรเกี่ยวกับภาษาน่ะครับ”
“ หนูอยากเป็นสจ๊วดหรอลูก เก่งจัง ตอนที่ตาคยูฮยอนเด็กๆ รายนั้นนะ เรียนเก่งเป็นบ้าเลย ได้ท็อปคณิตตลอด ป้าน่ะอยากให้ตาคยูเป็นหมอหรือไม่ก็เป็นทนายความเก่งๆ แต่เจ้าตัวน่ะเอาแต่ร้องเพลงเล่นดนตรีเหมือนพี่สาวไม่มีผิด ตอนพี่เขาอายุเท่าหนูบ้านป้านี่ทะเลาะกันใหญ่โตเลยเพราะตาคยูจะเรียนนิเทศ พอมาลองนึกดู ถ้าวันนั้นป้าบังคับให้เขาเรียนกฏหมายหรือไม่ก็เป็นหมอ ตอนนี้คงจะเป็นไอ้เนิร์ดใส่แว่นไปแล้ว คิคิ” พอลองนึกดูว่าถ้าตอนนี้พี่คยูใส่แว่นเดินหลังค่อมๆดูคงแก่เรียน คงจะตลกไม่น้อย เสียดายหน้าตาและความหล่อเหลาที่มีมานะครับว่าไหม
“ ผมว่าคุณป้าคิดถูกแล้วล่ะครับที่ปล่อยพี่เขาไป ผมเองก็เรียนสายวิทย์มา แต่พอมารู้ทีหลังว่าเรามีสิ่งที่เป็นเรามากกว่านี้และตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมโตแล้วผมมีสิทธิ์เลือก ผมเองก็อยากทำตามที่ผมฝันไว้เหมือนกัน ผมว่าพี่เขาคงคิดแบบผมแหละ บางทีการที่เราได้ทำสิ่งที่เรารัก มันอาจจะดีกว่าการทำในสิ่งที่เราทำได้ดีแต่ไม่ได้รักมันมากกว่า”
ผมเชื่อมาตลอดว่าหัวใจตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมรู้ว่าตัวผมต้องการอะไร และทุกๆคนก็มีความต้องการในใจทั้งนั้น ผมเห็นคนหลายคนที่ปิดใจและมัวแต่เปิดหูฟังแต่เสียงรอบข้าง ทั้งที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิดกับชีวิตของเรา และผมจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่ยอมให้คนอื่นมาทำลายความฝันผมเพราะเพียงแค่เสียงของคนอื่นที่เขาพูดกัน
คำพูดของคนตรงหน้านั้นทำให้เธอชะงักไปครู่หนึ่ง .... การที่เราได้ทำสิ่งที่เรารัก มันอาจจะดีกว่าการทำในสิ่งที่เราทำได้ดีแต่ไม่ได้รักมันมากกว่างั้นหรอ ... หึ เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลยจริงๆ เด็กที่ดูดื้อรั้นอย่างซองมิน เด็กที่ดูกะโปโลในสายตาของเธอตอนแรก พอมาได้คุยจริงๆมันกลับตาละปัดไปหมด ยอมรับว่าตอนแรกไม่คิดเลยว่าวิสัยทัศของซองมินจะเป็นแบบนี้ คิดว่าจะเป็นเด็กที่พูดเก่งไร้แก่นสารเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป คงต้องจูนความคิดกันใหม่..
“น้องซองมินวันพุธหน้าวันเกิดป้าน่ะ พอเรียนเสร็จเราก็มางานวันเกิดป้ากับแม่สิ ป้าคิดว่าจะทำของอร่อยๆไว้เพียบเลยแหละ” เธอเอ่ยชวนนุ่มน้อยตรงน้า ท่าทางลักษณะซองมินคงจะชอบการกินอยู่ไม่น้อย
“ได้ครับ ถ้าผมไม่มีธุระผมจะไปครับ” บทสนทนาก็จบพร้อมกับบทเพลงแรกไป เท้าของคนทั้งสองหยุดก้าวเมื่อจบเสียงดนตรี ซองมินตบยิ้มไปหนึ่งทีให้คุณป้าฮันนา เธอนี่เป็นคนพูดเก่งมากเลยครับ พอๆกับแม่ผมเลย ถึงว่าสองคนนี้ถึงอยู่ด้วยกันได้
ชินฮันนาเดินจูงมือซองมินมาที่โต๊ะ ซองจา คยูฮยอนและสามีของเธอนั่งอยู่ ร่างอวบๆของซองมินขยับตัวลงนั่งข้างๆแม่ของตนก่อนที่เธอจะเปิดบทสนทนาอีกครั้ง
“อ้าว คุณมาแล้วหรอ นึกว่าไปตายที่ไหนมา”
“โถ่ ที่รัก ผมแค่ไปล็อกรถมา ก็ผมกลัวรถหายหนิก็เลยฝากบริกรเขาไว้ พอดีเจอไอ้จินฮวานผมเลยอยู่คุยด้วยนิดหน่อยเลยยาวจนเมื่อกี้เพิ่งได้กลับมา”
“อย่าให้รู้นะว่าไปหาสาวที่ไหน ฉันแก่แล้ว ไม่ตามไปด่าเหมือนตอนสาวๆหรอกนะ จะจัดการคุณเนี่ยแหละ”
ผมเห็นคุณป้าฮันนากับสามีของเธอแล้วก็อิจฉาครอบครัวนี้ ดูเป็นครอบครัวอบอุ่นที่ผมอยากได้ ถึงแม้จะทะเลาะกันบ่อยๆแต่ก็ยังมีเวลาให้กัน พ่อผมนานๆจะกลับบ้านทีเพราะมัวแต่ทำคดีอยู่ที่อมเริกา ถึงกลับมาเขาก็ไม่ค่อยจะสนใจผมเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะพ่อและผมเป็นคนโลกส่วนตัวสูงทั้งคู่เลยเข้ากันไม่ค่อยได้ ...
ถึงชีวิตผมจะน่าเบื่อยังไง แต่ผมว่ามันคงจะไม่เสมอไปแล้วมั้ง อย่างน้อยวันนี้ผมก็โชคดีมากที่ได้เจอแล้วก็ทำความรู้จักกับพี่คยูฮยอน เรื่องนี้ต้องเม้าส์สิครับ ผมว่ากลับบ้านไปผมคงจะแหกปากกับไอ้ฮยอกแจเป็นอันดับแรก ฮุ ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมดลใจมองที่พี่เขาตลอดเวลา ยอมรับจริงๆว่าพี่เขาดึงดูดสายตาคนอื่นได้อย่างมากโดยเฉพาะผม อาจเป็นเพราะพี่เขาตัวขาวมาก หน้าตาก็ดี หรืออาจจะเป็นเพราะมือเรียวๆปากแดงๆของเขากัน .......เห็นแล้วมันน่างับสิ้นดี -///- บ้าน่าอีซองมินคนหื่น ผมนี่เลวมากเลย คิคิ
“พี่คะ พอดีฉันต้องขอกลับก่อนนะ เด็กในร้านโทรมาบอกว่ามีคนสั่งขนมล็อตใหญ่ต้องเข้าไปดู ยังไงเจอกันวันพุธนะคะ” แม่ก็คัดอารมณ์ผมจัง ผมยังมองพี่คยูไม่อื่มเลย
..
.
.
“ฮยอกแจ วันนี้กูมีเรื่องจะเม้าส์เว้ยยยยยย” ครับพอถึงบ้านผมก็วิ่งขึ้นไปบนห้อง พอจับโทรศัพท์ได้ก็รีบโทรหาไอ้ฮยอกแจเพื่อนรักทันที
“อะไรของมึงอีกอ่ะ วันนี้ไปเจอหนุ่มคนไหนถูกใจอีกรึไง” เพื่อนรักของผมตอบกลับมาอย่างเหนื่อยหน่าย แหม...รู้ใจผมจริงเลย
“รู้ดีนะมึง แต่คนนี้นี่โคตรไม่ธรรมดา ให้ทายว่าใคร คิคิ ” ซองมินพูดไปหัวเราะไป
“อ่าวไอ้นี่ ก็มึงโทรมาหากูยังไม่เล่าอะไรให้กูฟังสักอย่างแล้วกูจะรู้ไหมล่ะ!”
“ เออ! งั้นกูจะบอกให้นะ วันนี้กูไปงานเลี้ยงรุ่นแม่กูมาเว้ย.. แล้วเจอกับผู้ชายคนนึง พี่เขาเป็นลูกของเพื่อนแม่กู คือแบบพี่เขางานพรีเมี่ยมมาก สมบัติของชาติเลยอ่ะมึง ฮ่าๆ “
“หล่อมากขนาดนั้นเลยหรือไง ใครว่ะที่ทำให้ไอ้หมูอ้วนของกูถึงขั้นโทรมาหากูดึกๆแบบนี้ ” แหม่ ...ถ้าผมบอกว่าเป็นใครฮยอกแจมึงต้องไม่เชื่อแน่ๆเลย
“ก็.....โจวคยูฮยอนไงมึง พี่เขาชื่อโจวคยูฮยอน...” พอพูดชื่อหนุ่มหล่อคนนั้นซองมินก็ออกอาการขึ้นมาทันที มืออวบหยิบตุ๊กตาหมาข้างๆตามาบิดบี้สะจนไม่เหลือชิ้นดี
“ตอแหลล่ะมึงอ่ะ! จะบอกว่าผู้ชายที่ชื่อโจวคยูฮยอนคือพระเอกที่เล่นเรื่อง prince of snow ตอนนี้อ่ะหรอ กูเชื่อตายแหละห่าน! ”
“โอเค มึงจะไม่เชื่อก็ได้นะ เดี๋ยวพุธหน้ากูจะไปบ้านพี่เขาแล้วกูจะถ่ายรูปมา อย่ามาขอกูแล้วกัน” ซองมินยิ้มให้กับคนปลายสายอย่างมีชัย ว่าไปแล้ววันพุธหน้าก็จะไปบ้านพี่เขาแล้วผมยังไม่ได้ดูชุดใส่ไปเลยอ่า ....
“อย่าไปอ่อยเขาให้มากล่ะ ระวังเมียเขามาตบแล้วจะยุ่งนะจ๊ะน้องซองมิน!”
“กูเนี่ยแหละตัวสร้างความร้าวฉานเลยแหละมึง หึหึหึ” ซองมินเอ่ยหยอกเพื่อนรัก แล้วกดวางสาย ผมก็แค่พูดเล่นๆเท่านั้นแหละ ตัวสร้างความร้าวฉานอะไร ขนาดผมสะดิ้งขนาดนี้ไม่มีแม้แต่หญิงชายคนไหนจะแลเลยครับ ในชีวิตผมเคยมีคนมาชอบแค่ 3 คน 2 คนเป็นผู้ชาย อีก 1 คนผู้หญิง แต่ก็อย่าหวังว่าจะได้คบใครเพราะผมนี่ขี้เลือกที่สุด กว่าจะคิดได้ก็เข้าม.ปลายตอนที่เพื่อนๆมีแฟนกันหมดเนี่ยแหละ แต่ก็ด้วยเวรกรรมไม่มีใครมาสนใจผมอีกเลยหลังจากนั้น ส่งผลให้โสดมาทั้งชีวิตจนถึงตอนนี้ รันทดชีวิตตัวเองสุดติ่ง -_-
เห้อ วันพุธผมต้องไปงานแล้วแหละครับ นี่ก็วันจันทร์ผมยังไม่มีชุดยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย หลังจากที่คุยกับไอ้ฮยอกแจเสร็จวันเสาร์ เมื่อวานก็โทรเลื่อนนัดเรียนดนตรีกับอาจารย์อย่างไวเลย นี่ก็เลยมา 10 นาทีแล้วที่อาจารย์คณิตยังไม่เข้าสอน สงสัยท่านคงไม่มาแล้วล่ะครับ เพราะปรกตินี่ตรงเวลามากขนาดออดโรงเรียนยังไม่แป๊ะเท่าท่านเลย พูดถึงไอ้ฮยอกแจก็เดินมาพอดีหลังจากไปเข้าห้องน้ำ งานนี้คงต้องขอความช่วยเหลือมันสักหน่อย
“มึงวันนี้พากูไปเลือกชุดหน่อย” ซองมินหันไปถามฮยอกแจที่นั่งโต๊ะข้างๆ
“ชุดไร ชุดไปวันพุธไง๊!” ฮยอกแจหันมาพูดใส่คนข้างๆ แหมผมล่ะเบื่อไอ้ซองมินมันจริงๆเลยครับ ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ปรกติมันเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว เสื้อยืดกางเกงยีนทุกงานไม่ว่าจะออกไปไหน วันนี้นึกครึ้มจะแต่งตัวโชว์ผู้ชายอีก
“ก็เออน่ะสิ มึงจะให้กูใส่กางเกงยีนส์รัดๆเสื้อย้วยๆของกูไปงานวันเกิดผู้ใหญ่หรอห๊ะ อีกอย่างก็ให้พี่เขาเห็นกูสภาพนั้นไม่ได้หรอก”
“แรดนะมึงอ่ะ ไหนบอกชอบหญิงก็ได้ชายก็ได้ไง ทำไม..เดี๋ยวนี้ชะนีผีสิงมึงหรอ”
“สัส มึงจะช่วยกูเลือกไหม นี่กูขอความช่วยเหลือไม่ได้ขอให้มึงมาด่ากู โอเคป่ะ”
“กูแค่ล้อเล่น งั้นเย็นนี้ที่พาราไดซ์นะ เลี้ยงไอติมกูด้วย กูจะเมครีโคฟเวอร์มึงให้กลายเป็นเจนนิเฟอร์โรเปสเลย”
“อย่างกูหนิต้องหล่อแบบทอม เฟลตัลเว้ยยยยย”
พาราไดซ์ปาร์ค 16:45 น.
หนุ่มน้อยร่างบางกับเพื่อนตัวอวบที่ผิวคล้ำกว่าเจ้าตัวเล็กน้อยเดินเคียงข้างกันที่ย่านคนเดินของเหล่าวัยรุ่น ซองมินถูกเพื่อนรักลากเข้าไปในช็อปแบรนด์ชื่อดังของเด็กวัยรุ่นชายที่นิยมใส่กัน ร้านที่ตกแต่งเป็นสีดำให้ความรู้สึกเป็นผู้ชายมากๆกลับไม่เข้ากับหน้าตาของเด็กหนุ่มสองคนนี้เลย แต่ที่ไหนได้ นอกจากซองมินจะชอบสีชมพูแล้ว สีดำเนี่ยแหละที่ตนชื่นชอบพอๆกัน นี่มันสวรรค์ของพวกเขาเลย
“ซองมินมึงดูยีนส์นี่ดิอย่างสวยอ่ะ” ฮยอกแจหยิบกางเกงยีนส์รัดรูปสีมืด ที่มีรอยขาดวิ่นเต็มขากางเกงมาให้ซองมินดู ให้ตายเหอะนี่จะให้ใส่ไปงานวันเกิดผู้ใหญ่หรือไปบาร์กันแน่เนี่ย
“ กูใส่ไปงานวันเกิดป้านะ ไม่ได้ไปแดนซ์ที่ผับ อีกอย่างมันขาดๆแบบนี้ มึงช่วยดูสารรูปกูก่อนว่าใส่แล้วเนี่ย ไขมันที่ต้นขากูมันจะทะลักไหม กูไม่ได้ผอมเหมือนผีตายซากแบบมึงนะ”
“ จ้า แม่วัวพันธุ์ดี อย่างมึงนี่น่าจะไปผลิตนมขายนะเดี๋ยวนี้นมมึงนี่ย้วยอย่างกับผู้หญิง ไปฟิตเนสลดพุงลดนมบ้าง มึงเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวพี่คยูฮยอนจะสับสนได้ว่ามึงเป็นหมูป่าหรือมาสคอตมิชลิน ฮ่าฮ่าๆ”
เอาจริงๆผมก็ไม่ได้อยากได้พี่คยูเป็นแฟนขนาดนั้นหรอกนะ ผมก็แค่กรี๊ดกร๊าดตามอาการบ้าดาราทั่วไป ที่ผมสปอยพี่คยูกับฮยอกแจขนาดนั้นเพราะว่าอยากให้มันอิจฉาเล่นเท่านั้นแหละ ถึงผมจะชอบพี่คยูแบบว่า.... เออมองแล้วก็หล่อดี แต่มันก็แค่นั้น เจอกันไม่ถึงวันจะทำให้ผมรักพี่เขาจริงๆได้ยังไง คนเรามันตกหลุมรักกันง่ายแบบนั้นได้ด้วยหรอ…
“ มึงคือกูก็ไม่ได้จริงจังขนาดนั้น ... กูไม่ได้ชอบเขาถึงขนาดจำเป็นลดไขมันซึ่งอันเป็นที่รักของกูออกไป” ผมไม่อยากให้ตัวเองดูดีในสายตาของพี่เขาถ้าผมต้องทรมานตัวเอง แน่นอนว่าผมย่อมรักตัวเองมากกว่าอยู่แล้ว และผมก็รักการกินการนอนการอยู่เฉยๆเหมือนหมีแพนด้าที่นั่งแทะไผ่ไปวันๆมากกว่าจะลุกออกมาแต่งตัวให้เหมือนซุปเปอร์โมเดลเพื่อให้คนนู้นคนนี้ชอบ
“ให้มันจริงเหอะถ้ากูเห็นวันไหน มึงหันมาลดน้ำหนักเพราะอยากให้เขาสนใจ กูจะหัวเราะฟันหลุดเลย”
“ฟันมึงคงไม่ได้หลุดเพราะหัวเราะ แต่จะหลุดเพราะตีนกูเนี่ยแหละ..” หมั่นไส้มันจริงๆเลย ไม่รู้ว่าผมเป็นเพื่อนกับคนปากแบบมันได้ยังไง หึ ถึงไอ้ฮยอกแจมันจะปากหมาๆแบบนี้แต่มีมันเนี่ยแหละที่ยังรองมือรองเท้าผมได้ขนาดนี้
สองลีเพื่อนรักพากันเดินสำรวจร้านนู้นที ร้านนี้ที จนได้ของติดมือกันมาเพียบ ฮยอกแจเป็นคนตัดสินใจว่าซองมินจะใส่ชุดแบบไหนตามสัยชาตญาณความเป็นแฟชั่นนิสของมัน แล้วซองมินก็ต้องเสียค่าเสื้อเชิ้ตสีขาวหนึ่งตัว เสื้อกั๊กสีดำหนึ่งตัวกับ กางเกงรัดรูปสีดำหนึ่งตัว แหม่ ไอ้เพื่อนรักของผมนี่มันเลือกได้ดีจริงๆเลย แต่ละตัวนี่ราคาอย่างมหาโหดทำเอาเงินเก็บผมทั้งชีวิตนี่หายไปเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์ อย่างนี้ต้องทำใบเบิกจากคุณนายแม่เสียแล้ว ค่าอีฮยอกแจพามาเสียตังค์...
“ เสื้อผ้าที่กูเลือกให้ มึงเชื่อสิใส่ไปงานถ้าไม่ได้พี่คยูฮยอนกลับมาก็ต้องได้ผู้ชายหรือไม่ก็ผู้หญิงกลับมาเข้าใจไหม มันถึงเวลาที่มึงจะต้องออกจากใยไหมแล้วซองมิน มึงจะต้องกลายเป็นผีเสื้อ มึงจะได้เทียบรัศมีกูได้ไง!”
“ ทำไมกูต้องเทียบรัศมีกับตั๊กแตนตำข้าวอย่างมึงด้วย ..-_-“
“แน่นอน กูนี่ซุปต้าร์ของโรงเรียน รอขึ้นมหาลัยก่อน เดือนนี่จองตัวกูไว้เลย..”
“ แม่ มึงให้มึงแดกอะไร ทำไมความมั่นหน้ามึงเกินร้อยขนาดนี้”
ที่ไอ้ฮยอกแจมันว่าก็ถูกแหละครับ มันน่ะไม่หล่อแต่ก็ดูดีระดับหนึ่ง(ในสายตาคนอื่นนะไม่ใช่ผม) ผมละก็ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมรุ่นน้องผู้หญิงในโรงเรียนถึงชอบมันหนักหนา มันมีอะไรดี ไอ้ตาเล็กๆ ตัวที่ขาวเหมือนไก้ต้ม ปากทีเลี้ยงหมาไว้สามพันตัวได้ แถมท่าทางเก๊กๆนั่นที่ผมนึกอยากถีบมันทุกทีที่ไอ้ฮยอกแจทำ แต่อย่างว่าความดูดีที่ทุกคนว่ากันว่ามันมีสเน่ห์(ที่ผมยังหาไม่เคยเจอตั้งแต่เป็นเพื่อนมันมา) จนทำให้มันได้ไปถ่ายแบบให้นิตยสารวัยรุ่นหลายฉบับ เป็นที่รู้จักกันในหมู่สาวๆมัธยม มีหญิงมาพัวพันไม่ขาดสายนี่คือสิ่งที่ผมอิจฉามันข้อนึงแหละ นอกนั้นก็..ไม่มีเลยครับ...
....
.
.
.
.
ตอนนี้อีซองมินสุดหล่อยืนอยู่หน้ากระจกได้ครึ่งชั่วโมงแล้วครับ ผมใส่เสื้อที่ไอ้ฮยอกแจเลือกให้แล้วส่องกระจกดูแล้วดูอีก โคตรไม่เหมือนตัวเองเลย... จะว่าไปมันก็ดูดีขึ้นมานิดนึงแต่เพราะผมไม่ค่อยชินมากกว่า หรือว่าเขินที่พี่คยูจะเห็นผมแต่งตัวแบบนี้กันแน่ ... ส่วนมากชุดที่มันไม่ใช่เสื้อยืดกางเกงยีนส์นี่ผมก็สนิทกับสูทสีดำที่ใส่ไปงานวันนั้นมากที่สุดแล้ว พอนึกถึงหน้าหล่อๆของพี่คยูกับแวดวงไฮโซที่คงจะมางานวันเกิดคุณป้าฮันนา ผมคงน้อยหน้าไม่ได้แน่ๆ ผมไม่ยอมเป็นเด็กเนิร์ดในงานนั้นเด็ดขาด นอกจากจะเสียภาพพจน์ในสายตาสุดหล่อแล้ว ยังต้องโดนสายตาที่มองผมเหมือนแมลงสาปของป้าๆพวกนั้นอีก ทำเอาผมมีกำลังใจแต่งตัวขึ้นเยอะเลย...
“ซองมิน เมื่อไหร่จะแต่งตัวเสร็จห๊ะ! แม่รอนานแล้วนะ เร็วๆสิ” เสียงของคุณหญิงแม่ดังมาแต่ไกล .... ครอบครัวผมนี่มีอะไรที่เหมือนกันอยู่อย่างนึง เวลาอยู่ในบ้านพวกเราจะโผงผางกันมาก พอออกนอกบ้านทีไรสวมวิญญาณผู้ดีทันที -_-
“แป๊ปสิแม่! ทีผมรอแม่แต่งตัวนานผมยังไม่บ่นเลย” ผมรีบติดกระดุมบนให้เรียบร้อยเช็คเสื้อกางเกงเป็นรอบสุดท้าย
“อีซองมินวันนี้นายต้องดูดีที่สุด ดูดีที่สุด ท่องไว้ อย่าทำตัวเองขายหน้าเด็ดขาด อย่าให้คนอื่นเขาหัวเราะ” ซองมินพูดกับหน้ากระจกเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนออกจากบ้าน
“แม่ผมพร้อมแล้ว ไปกันเหอะ!”
ความคิดเห็น