ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF [KYUMIN] : YI SAN QI : love potion

    ลำดับตอนที่ #9 : SF: FLY AWAY // 8

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 58


    FLY AWAY






    part- 8









     

                     หลายวันมาแล้วที่ซองมินไม่ค่อยเห็นหน้าโจวคยูฮยอน แต่ซองมินยังคงซื้อของให้คยูฮยอนกินตอนดึกๆทุกคืน ไม่กี่วันก็ใกล้สอบชิงทุนแล้วเขาก็ไม่ได้เครียดเรื่องนั้นเท่าไรแต่ที่เครียดคือการสอบเข้าคณะของเขาในไม่ช้า ซองมินอ่านหนังสือในห้องจนแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย บอกกับตัวเองว่าจะแพ้ไม่ได้เพราะอยากทำตามความฝันที่คิดไว้แล้วเลือกคณะนี้ที่เดียวถ้าหากพลาดคงต้องเสียดายแน่ๆ ระหว่างที่อ่านหนังสือหลายครั้งพี่คยูฮยอนมาเรียกให้ไปกินข้าวบ้าง จะพาไปเดินเล่นบ้างแต่เขาก็ปฏิเสธแม้ว่าเรื่องในวันนั้นจะไม่ได้โกรธเคืองอะไรแล้วแต่ซองมินยังมีภาระอันใหญ่หลวงอยู่ตรงหน้า

     

     

                     นี่เป็นเวลาพิเศษที่ซองมินคิดว่าจะออกไปสูดอากาศยามเช้าบ้างเพราะวันนี้เป็นวันหยุดยาวราชการที่เขาไม่ต้องไปโรงเรียน แค่เปิดประตูออกมาจากห้องก็มีเสียงของเจ้าของบ้านตอนรับด้วยความดีใจอันสุดซึ้งที่ซองมินออกมาจากห้องให้เห็นหน้าอีกที

     

     

                     “ยอมออกมาแล้วหรอ นี่พี่คิดว่าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าซองมินอีกแล้วนะ”  คำพูดทักทายยามเช้ากับรอยยิ้มที่เหมือนดีใจสุดขีดนั้นทำให้ซองมินลืมเรื่องร้ายๆไปเสียหมดสิ้น

     

     

                     “ครับ ผมต้องอ่านหนังสือหนักอีกสามวันสอบชิงทุนไปฮังการีและเดือนหน้าก็สอบเข้ามหาลัย”  ซองมินตอบไปตามน้ำแต่มันทำให้คนฟังทำหน้าตาช็อคสุดๆ

     

     

                     “ จะสอบชิงทุนไปฮังการีหรอ! แล้วทำไมไม่บอกพี่ล่ะจะทิ้งพี่ให้อยู่คนเดียวแล้วหรอ...” คยูฮยอนแสร้งทำเสียงเศร้าแต่มันก็เรียกรอยยิ้มให้คนตัวเล็กได้

     

     

                     “ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับผมแค่ไปสอบเล่นๆไม่คิดว่าจะได้หรอก ถึงจะได้ผมก็ไม่ไปหรอกครับจะอยู่เรียนที่นี่แหละ พี่คยูอย่ามาเวอร์หน่อยเลยพอพ่อผมหายผมก็กลับบ้านแล้วล่ะ”

     

     

                    “ซองมินจะเรียนมหาลัยไหนล่ะ”  คยูฮยอนพูดพลางตบเบาะข้างๆตัวเชิงให้ซองมินมานั่งคุยด้วย

     

     

                    “คงจะม.โซลมั้งครับ”

     

     

                   “ถ้าเราสอบได้มหาวิทยาลัยโซลแล้ว มาอยู่ที่คอนโดพี่ไหมจะได้ไม่ต้องเดินทางลำบาก”  คนตัวสูงเอ่ยชวนคนที่นั่งข้างๆ  คยูฮยอนคิดว่าการที่มีซองมินอยู่ด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ออกมาเจอหน้ากันเท่าไรแต่มันก็ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ทำให้เขารู้สึกว่าเมื่อกลับบ้านมาแล้วยังมีอีกคนที่รอซื้อข้าวให้เขากินอยู่...

     

     

                   “พี่ให้ผมอยู่กับพี่ได้จริงหรอครับ!”  ซองมินยิ้มไม่หุบเมื่อคยูฮยอนเอ่ยชวนให้มาอยู่ด้วยกันอีก ความดีใจที่ปิดไม่มิดบนใบหน้าของซองมินมันก็ทำให้คนตัวสูงข้างๆยิ้มตาม

     

     

                  “จริงครับ”

     

     

    ....

    ...

    ..

    .

     

     

                    วันหยุดยาวของซองมินซึ่งมันก็ตรงกับที่คยูฮยอนขอเคลียตารางงานให้ตัวเองว่างไว้เพื่อพักผ่อน ทั้งสองคนจึงเที่ยวเล่นได้อย่างสบายๆ เย็นวันนี้ซองมินได้ขนมที่แม่ส่งมาจากอเมริกามาให้กินกับพี่คยู มันเป็นคุกกี้ข้าวโอ๊ตชิ้นเล็กที่รสชาติหอมหวานถ้าเอาไว้ให้พี่คยูกินกับกาแฟตอนเช้าคงดี

     

     

                    ตอนบ่ายนี้ผมมีนัดไปวิ่งที่ริมแม่น้ำฮันกับพี่คยู หลังจากที่ผมเห็นว่าการที่ตัวเองเอามื้อดึกไปประเคนพี่เขาบ่อยๆมันทำให้พี่คยูเริ่มมีนำมีนวลขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนผมที่กินข้าวไม่เป็นเวลาบวกกับกินแต่อะไรไร้ประโยชน์ก็ทำเอาลงพุงไปเหมือนกัน สรุปว่าตอนนี้ผมกับพี่คยูก็พากันเป็นหมูไปโดยปริยาย...

     

     

                    “ซองมินไปหรือยังพี่พร้อมแล้วนะ!” เสียงร่าเริงของคนตัวสูงทำให้วันนี้เป็นวันที่สดใสสำหรับซองมินแม้ว่ามองออกไปหน้าต่างแล้วฟ้าจะมืดครึ้มก็ตาม

     

     

                   “เดี๋ยวผมหาร่มก่อน เหมือนฝนจะตกเลย”  ซองมินเดินหาร่มคันโตของคยูฮยอนที่เขามักจะฉวยเอามาใช้บ่อยๆตอนไปโรงเรียนเพราะมันใหญ่มากจนสามารถใช้สองคนได้

     

     

                    “ อ่ะ!  เจอแล้วครับ ไปกันเถอะ”

     

     

                    ซองมินและคยูฮยอนนั่งรถสีดำคันเดิมออกไปยันริมแม่น้ำฮันที่ห่างจากคอนโดเพียงไม่กี่กิโลเมตร ภาพของคนสูงวัย คู่รัก หรือครอบครัวที่พากันมาวิ่งออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ทำให้คนมองชื่นใจขึ้นเยอะ การที่ไม่ได้ออกมานอกห้องนานๆเหมือนเป็นการขังตัวเองอยู่ในคุกเล็กๆพอได้มาเจอผู้คนที่ใช่วิถีชีวิตดำเนินไปเรื่อย ก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

     

     

                    “ซองมินเราเริ่มวิ่งจากตรงนี้กันเถอะ แล้วอ้อมสะพานฝั่งนู้นหนึ่งรอบนะ”  คนมีอายุมากกว่าเอ่ยบอก คยูฮยอนเป็นนักแสดงต้องรักษารูปร่างเป็นธรรมดาไม่แปลกที่เขามักจะออกกำลังกายเพื่อไดเอทบ่อยครั้ง

     

     

                    “ครับพี่!

     

     

                     คยูฮยอนและซองมินเริ่มออกวิ่งเหยาะๆไปเรื่อยๆตามทางเรียบริมแม่น้ำ  ผู้คนมากหน้าหลายตาพากันจ้องมองคนข้างตัวของซองมิน การที่มีนักแสดงดังมาเดินออกกำลังกายบ่ายๆแบบนี้แน่นอนว่าเป็นที่แปลกประหลาดแก่ผู้พบเห็นแต่ดูท่าคนตัวสูงก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนหรือยินดียินร้ายอะไร เขากลับทำตัวเฉยๆราวกับไม่ได้ตกเป็นเป้าสายตานั้น

     

     

                    “อึดอัดหรือเปล่าซองมิน” คยูฮยอนหันไปถามทั้งที่ขายังพากันก้าววิ่งไปเรื่อยๆ

     

     

                    “ไม่หรอกครับผมควรถามพี่มากกว่า คนอื่นเขามองพี่คยู ไม่ได้มองผมหนิ” ซองมินตอบคนข้างตัว บางทีเขาก็สงสัยว่าทำไมคนดังเหล่านั้นถึงไม่ชอบออกมาข้างนอกแม้แต่ร้านอาหารใกล้บ้าน วันนี้เขาก็ได้รู้ของจริง ถ้าเจอกับสายตานับพันแบบนี้เป็นผม ผมขอนอนในห้องเฉยๆดีกว่า

     

     

                    “พี่ชินแล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก” คยูฮยอนยิ้มตอบ สองขาก็พากันวิ่งนำซองมินไปเรื่อยๆ

     

     

                    “เร็ว! วิ่งให้เร็วกว่านี้ครับจะได้ผอมขึ้น ฮ่าๆ”  คนตัวสูงหันมาบอกซองมินที่วิ่งตามอยู่ข้างหลังทำให้คนที่ช่วงตัวสั้นกว่าออกแรงมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ตามคนข้างหน้าทัน

     

     

                    “รอผมด้วย ผมวิ่งไม่ไหว แฮ่กๆ” ซองมินผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายวิ่งไปหอบไปอย่างทรมาน เส้นทางที่คนตัวสูงกำหนดให้มันก็ยากเกินไปสำหรับซองมินอยู่ดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่เอ่ยปากค้านอาจจะเป็นเพราะความสนิทสนมและเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันอยู่ตรงนี้ บางที...มันก็มีความสุขจนผมอยากจะลืมทุกสิ่ง

     

     

                  “ซองมิน ตอนที่เราอยู่ที่โรงเรียนมีเพื่อนแกล้งเราบ้างหรือเปล่า” คยูฮยอนย่นระยะทางด้วยการชะลอฝีเท้าเพื่อมาพูดคุยเรื่องส่วนตัวกับน้อง

     

     

                    “ทำไมพี่ถึงถามอย่างนั้นล่ะครับ”  คำถามที่คนแก่กว่าให้มา ทำเอาซองมินงงคิ้วขมวดนี่ พี่คยูเห็นเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ

     

     

                    “ก็ซองมินน่ะ ดูไม่ค่อยพูดแล้วก็ไม่ค่อยยุ่งกับใคร ดูเหมือนจะเป็นเด็กเรียนด้วยพี่ก็กลัวว่าเราจะถูกรังแก”

     

     

                    “ไม่มีใครแกล้งผมหรอกครับ มันไม่ใช่สมัยเมื่อสิบปีก่อนที่เด็กเนิร์ดจะถูกแกล้งเล่นแล้วนะ อีกอย่างอยู่ที่โรงเรียนผมก็ไม่ได้เป็นเด็กเรียนแบบที่พี่คยูฮยอนเข้าใจด้วย”  ซองมินตอบแบบขำๆ ใครจะรู้ว่าพี่คยูจะมองว่าเราเป็นคนแบบนี้ ถึงแม้ว่าผมจะมีเพื่อนสนิทคนเดียวแต่เพื่อนที่คุยได้ในห้องก็ยังมีอีกเยอะเพียงแต่ผมไม่ชอบยุ่งกับคนเยอะๆเท่านั้น

     

     

                    “นี่หาว่าพี่แก่หรอ เด็กดื้อ!  คยูฮยอนหยุดวิ่งแล้วจับหัวซองมินมาขยี้ให้สาแก่ใจ  หมั่นเขี้ยวมานานแล้วเด็กคนนี้

     

     

                    “อื้อ! อย่านะ!”   สองมือเล็กปัดป้ายคนตัวสูง แต่ทำยังไงก็สู้แรงคนตัวใหญ่กว่าไม่ได้อยู่ดี หน้าของคนตัวเล็กห่อแดงเพราะความเหนื่อยพร้อมๆกับความอาย

     

     

                    ฟ้าครึ้มเมฆบังแสงแดดจ้า ดูท่าทางว่าอีกไม่นานฝนจะตก ดีไม่น้อยที่ซองมินหยิบร่มติดตัวมาแต่โชคร้ายที่ลืมไว้ในรถ ฝีเท้าน้อยหยุดวิ่งพร้อมตะโกนบอกคนตัวสูง

     

     

                    “พี่คยูกลับกันเถอะครับ ฝนจะตกแล้วอ่ะ” ซองมินชี้ไปที่ท้องฟ้าครึ้ม ไม่นานเม็ดฝนก็ค่อยๆโปรยลงมา คยูฮยอนถอดเสื้อวอร์มตัวนอกออกมาเพื่อคลุมหัวให้ซองมิน

     

     

                    “อ่ะ! ขอบคุณครับ”  กลิ่นกายของผู้ชายตัวสูง น้ำหอมที่ปนกับเหงื่อหลังจากวิ่งมาหมาดๆสำหรับซองมินมันชวนให้หลงใหลได้ไม่ยาก  คนตัวเล็กกางเสื้อตัวนั้นออกเหนือหัวเพื่อให้มันบดบังสายฝนแทนศีรษะของคนสองคน

     

     

                     คยูฮยอนและซองมินออกวิ่งไปที่รถ สายฝนที่กระหน่ำแรงขึ้นมาเรื่อยๆทำให้ทางเดินที่ไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วมีผู้คนตอนนี้กลับไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ หากแต่ซองมินกลับหูไวได้ยินเสียงใครสักคนเดินตามมา

     

     

                       “แชะ!

     

     

                      เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นคนตัวเล็กก็หันหลังกลับไปมองทันที แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ท่าทางที่เหมือนหาอะไรสักอย่างของซองมินทำให้คยูฮยอนสงสัย

     

     

                       “มองอะไรหรอซองมิน”  คยูฮยอนยังคงไม่รู้สึกถึงเงาที่ตามตัวอยู่ หน้าตาที่กำลังงงกับกริยาของซองมินนั้นทำให้ซองมินเองคิดที่จะเก็บเงียบไปก่อน

     

     

                      “ไม่มีอะไรครับ แค่เห็นแมววิ่งไปหลบฝนน่ะ”   ถ้าเกิดคิดไม่ผิดซองมินคิดว่าอาจจะเป็นนักข่าวหรือไม่ก็ปาปารัสซี่ที่จะเอารูปไปขายอีกที เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเอารูปเขียนว่ายังไง แต่ความอยากรู้อยากเห็นของซองมินมันมีมากเหลือเกินเลยตัดสินใจไม่บอกอีกฝ่ายดีกว่า...

     

     

    ….

    ..

    .

     

     

                       วันนี้เป็นวันหยุดวันสุดท้ายของซองมิน เขาตื่นมาล้างหน้าแปลงฟันและอาบน้ำตั้งแต่เช้า ฝนที่เมื่อวานตกกระหน่ำไปวันนี้ดูท่าจะมาลูกใหญ่อีกครั้ง ฟ้าครึ้มบ่งบอกให้รู้ถึงพายุที่กำลังก่อตัว ความเหนียวเหนอะหนะทำให้ซองมินไม่ได้รู้สึกดีนัก แต่ก่อนที่จะออกไปข้างนอก และแล้วมันก็มีเสียงที่ทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักลงที่หน้าประตูจนได้...

     

     

                        “นี่ฮานึล! ฟังผมนะ ผมไม่ได้นอกใจคุณอะไรเลย เมื่อวานผมแค่ไปออกกำลังกายกับน้องเฉยๆ”   ท่าทางของพี่คยูที่กำลังกระวนกระวายกับคนปลายสายแบบนั้นมันทำให้ผมต้องหยุดดูเหตุการณ์ที่หลังบานประตู ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผมเกี่ยวข้องด้วย

     

     

                        “คุณต้องเชื่อใจผมนะ ผมรักคุณนะฮานึล...”  คยูฮยอนพูดเสียงอ่อน หน้าของเขามันเศร้าหมองเสียจนคนในห้องตกใจ ซองมินตัวแข็งทื่อ รู้สึกชาวาบไปทั่วร่างเมื่อได้ยินเสียงทะเลาะกันของพวกเขา

     

     

                         ...สาเหตุที่พี่คยูทะเลาะกับแฟนอาจจะเป็นเพราะผมไม่ได้บอกเรื่องวันนั้น ...มันเป็นเพราะผม...เพราะผม นักข่าวถึงเอาไปเขียนข่าวได้ ไม่รู้ตอนนี้ข่าวจะดังไปถึงไหน พี่คยูจะเสียหายขนาดไหน คนเขาจะนินทาว่าอะไร ทำไมผมถึงไม่บอกพี่คยูก่อน ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้

     

     

                      มือเล็กนั้นปิดประตูที่ง้างเอาไว้ลง ความกล้าของซองมินที่มีไม่มากพอทำให้เขาไม่สามารถที่ก้าวเข้าไปบอกว่า ขอโทษ ในสถานการณ์แบบนี้ได้ เสียงคุยโทรศัพท์ที่เกรี้ยวกราดข้างนอกทะลุเข้ามาในหูมันเหมือนเครื่องตอกย้ำในความผิดที่เขาได้ก่อไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

     

     

                      “ทำไมคุณทำแบบนี้ฮานึล เราคุยกันแล้วนะ ผมเหนื่อยแล้วนะรู้ไหม...”

     

     

                      “ไม่ ผมไม่เลิกกันคุณหรอก! ผมรักคุณนะ...”

     

     

                      ซองมินยกมือน้อยของตัวเองขึ้นมาปิดหู ขาที่อ่อนแรงเริ่มค่อยๆถอยลงนั่ง ความอัดอั้นที่เก็บเอาไว้กลั่นออกมาเป็นน้ำตา ไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น ... ไม่อยากได้ยินว่าใครรักใคร ... บางทีมันก็ดีแล้วที่เขาจะทะเลาะกัน มันอาจจะดีที่ผมสร้างความร้าวฉานให้คนสองคนนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเวรกรรมมันรวดเร็วจนคาดไม่ถึง...ผลลัพธ์ของมันคือการที่ผมได้รับรู้ว่าพี่คยูรักผู้หญิงที่ชื่อฮานึลขนาดไหน

     

     

                        “โธ่เว้ย!”  

     

     

                        ปั้ง!

     

     

                       คยูฮยอนคว้างโทรศัพท์ของตัวเองลงพื้นเสียงดังลั่นจนคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งไปพร้อมๆกับคราบน้ำตา ขายาวก้าวออกไปนอกห้องเขาตรงไปที่ลิฟ์แล้วกดมันลงไปชั้นล่างสุด ความอึดอัดและอารมณ์ที่ประทุขึ้นตลอดการสนทนาทำให้คยูฮยอนร้องไห้ออกมาทั้งที่เขาแทบไม่รู้ตัว  ท้องฟ้าที่มืดครึ้มตอนนี้มันมืดดำพอๆกับใจของเขา

     

     

                        เมื่อคยูฮยอนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินออกไปซองมินถึงได้สติกลับคืนมา เขาออกไปนอกห้องแล้วเห็นฟ้าครึ้มที่ดูท่าว่ามันจะสาดเทลงมาอีกไม่นาน ซองมินเดินไปที่ริมระเบียงเพื่อสอดส่ายสายตาหาคนตัวสูงเมื่อกี้  แล้วเขาก็เห็นคยูฮยอนนั่งตรงม้าหินหน้าคอนโดคอนเดียว ไหล่กว้างของคนตัวสูงที่ไหวน้อยๆแม้ซองมินไม่เห็นน้ำตาแต่พอเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น... ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้...พี่คยูร้องไห้เพราะผม ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง..

     

     

                    เมฆที่กำลังก่อพายุบัดนี้ได้น้ำฝนได้สาดลงมา แต่คยูฮยอนยังคงไม่หนีไปไหนเขายังนั่งอยู่ตรงที่เดิม ซองมินเห็นดังนั้นแล้วยิ่งใจเสีย ถ้าผมเป็นสาเหตุดังนั้นผมจะไปขอโทษแล้วแก้ไขมันเอง... เมื่อคิดได้ซองมินหยิบร่มใหญ่คันเดิมเดินออกไปข้างล่าง สายน้ำที่เทกระหน่ำยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสารคนตัวสูง

     

     

                     ปรกติซองมินเป็นคนชอบกลิ่นอายของสายฝน แต่ตอนนี้เขากลับเกลียดมันเสียเหลือเกิน ขาของเขาก้าวเท้าออกไปเพื่อให้เห็นคยูฮยอนได้ชัดเจนขึ้นจนซองมินพาตัวเองมาอยู่ข้างหลัง ถึงแม้จะมีกันแค่สองคนตรงนี้แต่พี่คยูก็ไม่ได้สนใจเขาเลย ซองมินขยับเท้าตัวเองไปข้างหน้าเล็กน้อย มือที่ถือร่มอยู่ยื่นไปข้างหน้าเพื่อบังฝนให้คนอีกคนแม้ว่าเขาจะต้องเปียกก็ตาม...

     

     

                        “พี่คยูครับ กลับบ้านกันเถอะเดี๋ยวเป็นไข้นะ...”

     

     

                        “...”

     

     

                    “พรุ่งนี้พี่คยูมีงานนะ เข้าบ้านเถอะ...”

     

     

                        “...”

     

     

                        การไร้ซึ่งเสียงตอบรับของคยูอยอนทำให้คนตัวเล็กคิดไปต่างๆนาๆ ผู้หญิงคนนั้นสำคัญกับหัวใจพี่คยูมากสินะ...สำคัญจนยอมทำร้ายตัวเอง ยอมตากฝนเพราะความเสียใจ ยอมร้องไห้เพราะไม่เข้าใจกัน

     

     

                        “พี่จะอยู่ตรงนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา! ตากฝนร้องไห้แบบนี้แล้วอะไรมันจะดีขึ้นหรือไ! ” ด้วยความโมโหซองมินได้ตะคอกใส่คนตัวสูงไป แล้วมันก็ทำให้คยูฮยอนประทุเช่นเดียวกัน

     

     

                        “ซองมินไม่เข้าใจพี่หรอก! ฮึก เราไม่เคยรักใครจะรู้ได้ยังไง ตอนนี้พี่ดูน่าสมเพชมากใช่ไหมถึงมาทำแบบนี้กับพี่น่ะ”  คยูฮยอนขึ้นเสียงใส่ซองมินทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน พี่คยูคนร่าเริงของเขามันหายไปไหนแล้วนะ...

     

     

                        “ คนที่ไม่รู้อะไรเลยน่ะ...มันคือพี่คยูต่างหาก...แล้วพี่ก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนที่ผมเห็นพี่ร้องไห้น่ะผมรู้สึกยังไง...” ซองมินพูดไปน้ำตาก็ไหลไป ไม่มีเสียงสะอื้นอะไรทั้งนั้นเพราะว่าเขาถือร่มอยู่ข้างหลังคนคนนี้ คนที่พูดกับเขาแล้วหันหลังใส่ให้ตลอด คนที่เขาต้องไล่ตามแม้ไม่มีความหวังสักนิด คนคนนี้จะไม่มีทางได้เห็นน้ำตาของซองมินเป็นอันขาดเพราะเขาไม่เคยหันมามองเลย...

     

     

                        “...”

     

     

                        “อยากดีกับเขาก็ไปง้อเขาสิ ... ถ้าอยากร้องไห้อยู่ตอนนี้ก็ถือร่มไว้...ผมไม่อยากให้พี่คยูไม่สบาย ผมขอโทษที่เข้ามายุ่ง ขอโทษที่เป็นตัวต้นเรื่องให้พี่ไม่สบายใจ ถ้าวันนั้นผมบอกว่ามีคนตามมาถ่ายรูปก็คงดี เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้นักข่าวคงจะไม่เขียนข่าวเสียๆหายๆ พี่คยูกับคุณฮานึลคงจะไม่ต้องทะเลาะกัน ขอโทษครับ”   ซองมินโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งให้กับคนตรงหน้าแม้เขาจะไม่หันหลังมามองก็ตาม เขายัดคันร่มใส่มือของคยูฮยอน ถึงจะต้องบอกให้เขารักกัน แต่ถ้ามันทำให้พี่คยูมีความสุขผมคงต้องยอม...ผมไม่อยากจะสู้กับอะไรแบบนี้อีกแล้ว มันเหนื่อยเกินไป

     

     

                       “ซองมินเข้าใจผิดแล้วล่ะ...คนที่ตามมาถ่ายรูปน่ะฮานึลจ้างมาตามถ่ายพี่เอง พี่นี่โง่เนอะทั้งที่รู้ว่าเขาทำเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่ก็ยังรัก...  ทั้งที่เขาจ้างคนมาตามพี่เพราะไม่ไว้ใจเป็นเรื่องให้ทะเลากันแต่ก็เป็นพี่ที่ร้องไห้...”

     

     

                       “ถ้าพี่คยูอยากคืนดีดับเขาก็ไม่ต้องสนอะไรหรอก ผมรู้ว่าพี่รักเขามากก็ไปแสดงให้เขาดูเถอะ...ว่าพี่คยูน่ะ..รักเขามากขนาดไหน...” ซองมินปล่อยมือจากคันร่มทันทีที่พูดเสร็จ เขาเดินออกมาตัวเปียกเพียงเพราะไปพูดให้พี่คยูกับคุณฮานึลคืนดีกัน...มันไม่ได้เป็นตัวของเขาเลย อีซองมินไม่ใช่คนดีขนาดนี้...แต่พอเห็นคยูฮยอนเจ็บซองมินก็ทนไม่ได้

     

     

                        หลังจากที่ซองมินเดินเข้ามาในห้องหลายชั่วโมงผ่านมาก็ไม่ได้รับรู้ถึงคยูฮยอนเลย สิ่งที่เขาคิดตอนนี้คือพี่คยูคงจะออกไปพึ่งแอลกอฮอล์เหมือนเดิม ซองมินเปลี่ยนเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าของเขา เมื่อเหลือบตาไปเห็นอีกตะกร้านึงที่มีเสื้อกองพูนก็นึกขึ้นมาได้เลยยกทั้งสองตะกร้าเข้าเครื่องสักแล้วกดสตาร์ท เสียงของเวลาที่ดังไปเรื่อยๆ มันนานมากเมื่อเทียบกับความกังวลที่มีในใจของซองมิน

     

     

    ....

    ...

    ..

    .

     

     

                      เที่ยงคืนแล้วคยูอยอนก็ยังคงไม่กลับมา ซองมินคิดว่าเขาควรเข้าไปนอนหรือไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์มากกว่าการนั่งรอหน้าโซฟาตัวเดิมหลายๆชั่วโมง หนังสือที่คิดว่าจะอ่านหลังซักผ้าเสร็จก็ไม่ได้แตะมัน ข้าวเย็นที่คิดว่าจะออกไปกินก็ไม่ได้กิน กลับพาตัวเองมานั่งนิ่งๆตรงนี้โดยที่ไม่ได้ทำอะไร สิ่งที่ได้ทำอย่างเดียวคือนั่งรอคนตัวสูงกลับมากินรามยอนที่เขาตั้งใจจะทำให้...

     

     

              ตึ้ง ตึ่ง~

     

     

                       เสียงออดของห้องที่ตั้งแต่อยู่มาซองมินไม่เคยได้ยินเลยสักครั้งดังขึ้น ทำให้ซองมินฉงนใจเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามา  เมื่อตั้งสติดีๆเขาก็เห็นเงาผู้ชายร่างสูงคนนึ่งที่ไม่คุ้นหน้าแบกผู้ชายร่างหนาอีกคนไว้ข้างไหล่ ไม่ต้องเดาว่าใครเพราะตอนที่แสงลอดออกมาเขาก็เห็นใบหน้าของโจคยูฮยอนที่กำลังหมดสติและคาดว่ากำลังเมามายอย่างเต็มที่  ซองมินก้าวเท้าไปช่วยพยุงคนตัวสูงทั้งที่ไม่รู้ว่าคนที่นำคยูฮยอนมานั้นคือใคร ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นเพื่อนที่ไปกินเหล้าด้วยกันมา ทั้งสองพากันยกร่างหนาของคยูฮยอนไปที่โซฟาตัวเก่งพอเอาคนตัวสูงลงนอนได้ผู้ชายคนนั้นก็แนะนำตัวทันที

     

     

                     “น้องชื่อซองมินใช่ไหมครับ? พี่ชื่อชางมินเป็นเพื่อนไอ้คยูฮยอนมัน วันนี้มันไปเมากับพี่ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เป็นห่วง”   ชางมินเอ่ยทักทายคนตัวเล็กทันทีที่เห็นหน้า เด็กคนนี้คงเป็นคนที่คยูอยอนเล่าให้ฟังสินะ

     

     

                      “อ่อ...ครับ”  ซองมินพยักหน้ารับรู้ คำตอบเพียงสั้นๆของซองมินทำให้ชางมินอึดอัดเล็กน้อย

     

     

                       “คือพี่...ขับรถไอ้คยูฮยอนมาแล้วพี่ก็เพิ่งดื่มไป ถ้าไม่รังเกียจพี่ขอค้างที่นี่คืนนึงได้ไหมครับ!”  ชางมินกลั้นใจพูดจนจบ คยูฮยอนเคยบอกผมว่าซองมินเป็นเด็กโลกส่วนตัวสูงคงไม่ให้เขาพักที่นี่แน่ๆเลย ด้วยความหน้าด้านของตัวเองก็เลยลองขอไป แต่คำตอบของคนตรงหน้าก็ทำให้เขาประหลาดใจ

     

     

                    “ได้ครับ...พี่ไปนอนห้องพี่คยูเถอะ”

     

     

                     “ให้พี่ช่วยไหมครับ” ชางมินอาสาเมื่อเขาเห็นซองมินเริ่มถอดรองเท้าและถุงเท้าให้คยูฮยอน บางทีก็อิจฉาที่เพื่อนมีเด็กคอยเอาใจแบบนี้

     

     

                        “ไม่เป็นไรครับพี่ชางมินไปนอนเถอะ ผมทำเองได้”  เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ไปก็เป็นภาระชิมชางมินก็เลยสาวตัวเองเข้าไปในห้องนอนเพื่อนที่เคยนั่งเล่นประจำ ตอนนี้ห้องนอนอีกห้องที่เขาเคยนอนตอนมาเล่นที่นี่ก็กลายเป็นห้องนอนของซองมินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

     

                        ซองมินหยิบผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวคนตัวสูงเรื่อยๆ มือเล็กแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าออกไล่เช็ดที่ลำคอแผงอกขาวจนคนที่ได้รับความเย็นสั่นเล็กน้อย คยูฮยอนตอนนี้ปากซีดแถมยังตัวร้อนพรุ่งนี้คงต้องได้เห็นคนเป็นไข้หวัดแน่ๆ

     

     

                       “อื้อ~ ฮานึล อย่านะ อย่าไปเลย”

     

     

                       “...”

     

     

                      “ผมไม่อยากเลิกกับคุณ อื้อ~ ผมรักคุณนะ”

     

     

                      “...”

     

     

                      เสียงพร่ำเพ้อของคยูฮยอนทำให้ซองมินชะงักมือลง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีอารมณ์เช็ดตัวให้แล้วแต่ก็ต้องทำต่อไปเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าไม่สบายในตอนเช้า วันนี้มันเป็นวันอะไรกันทำไมถึงได้อยากน้ำตาไหลตลอดแบบนี้... เห็นพี่คยูรักผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไรเขาก็ยิ่งเกลียดตัวเองเท่านั้น ทำอะไรไม่ได้....ทำอะไรไม่ได้เลย

     

     

                      “โอ้ยยย”

     

     

                      ซองมินสะดุ้งเพราะคนที่นอนอยู่ส่งเสียงร้องออกมา เมื่อเขาก้มดูก็พบว่าตัวเองบีบแขนคยูฮยอนแรงเกินไป ซองมินเอ่ยขอโทษเบาๆแล้วเก็บผ้าเช็ดตัว วันนี้ซองมินไม่ได้นอนที่ห้องของตัวเองเพราะกังวลว่าคนขี้เมาจะเป็นไข้สูงตอนกลางคืนเขากลับไปเอาหมอนและผ้าห่มที่ห้องของตัวเองเขยิบโต๊ะข้างหน้าโซฟาแล้วล้มตัวลงนอน  ภาวนาหวังว่าอย่าให้พี่คยูเป็นไข้พรุ่งนี้เลย เขาต้องไปเรียนไม่มีใครดูแลแน่ๆ...

     

     

                       ชางมินที่จะออกมาขอผ้าขนหนูจากซองมินก็เห็นว่าเด็กคนนั้นนอนหลับอยู่ตรงพื้นข้างๆเพื่อนของเขาไปแล้วจึงไม่ได้ร้องขออะไรอีก ถ้าหากเขาไม่ได้มาเจอซองมินวันนี้เขาก็คงไม่รู้ว่าเพื่อนซุกเด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารักไว้ในคอนโดอย่างแน่นอน ถึงแม้เพื่อนเขาจะเล่าเรื่องของซองมินให้ฟังบ้างก็เถอะแล้วถึงแม้ว่าเขารู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนของเขาคบกับปาร์คฮานึลแต่ก็อดที่จะสังเกตไม่ได้ว่าเวลาที่คยูฮยอนพูดถึงซองมินน่ะสายตามันอ่อนโยนแค่ไหน และในวันนี้สิ่งที่เขาสันนิษฐานไว้ก็ไม่มีผิดเมื่อเจอสายตาของซองมินที่มองคยูฮยอน

     

     

                     “มึงเนี่ยนะ เสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนเลย หึ”





     






    ..........................................................................................................................................................................

    ** 8 ตอนมาแล้วน่าจะถึงครั้งทางแล้วล่ะ ยังไงคนอ่านก็มโนว่ามันเป็นช็อตฟิคหน่อยแล้วกันนะคะ
    **บางทีช่วงนี้ฟิคอาจอัพช้าหรือว่าอัพสั้นไปบ้างเพราะช่วงนี้คนเขียนสุขภาพไม่ค่อยดีนัก หน้ามืดบ่อยๆเพิ่งไปผ่ากลีนุ่มมาเลือดออกเยอะปากบวมด้วย เดี๋ยวหายดีแล้วงานคงจะดีกว่านี้ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×