คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : SF: FLY AWAY // 7
FLY AWAY
part - 7
มันก็ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้วที่ผมอยู่ที่นี่กับพี่คยูฮยอน แต่รู้สึกเหมือนผมอยู่คนเดียวมากกว่า...อย่างที่พี่เขาบอกไว้เลยว่ากลับบ้านไม่เป็นเวลา ตั้งแต่วันแรกที่ผมมาอยู่ที่นี่เจอพี่คยูวันละไม่แทบไม่เกิน 2 ชม. แล้วบางวันก็ไม่ได้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้ก่อนออกจากบ้านทุกๆครั้งคือเงินค่าข้าวที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาพร้อมโพสอิทที่เขียนว่า พี่ไม่ว่างพาเราทานข้าว ถ้าซองมินหิวแล้วขี้เกียจทำข้าวกินเอาเงินนี้ไปซื้อข้าวนะครับ… มีคนเคยบอกว่าผู้ปกครองที่เลี้ยงลูกด้วยการวางเงินให้ก่อนออกจากบ้านไปทำงานเด็กจะมีปัญหาจริงไหมครับ? ตอนนี้ผมเข้าใจไอ้เด็กเปรตพวกนั้นเลยว่าทำไมมันถึงทำตัวเกเรบางทีพ่อแม่มันอาจะเป็นแบบนี้ก็ได้ ...มันทำให้ผมรู้เลยว่าบางทีสิ่งที่เราอยากได้ไม่ใช่เงินแต่มันคือความอบอุ่นนะ บางที...
เงินที่พี่เขาวางให้...ผมไม่เคยใช้มันเลยสักแดงเดียวแต่มันก็ไม่มีคำถามอะไรจากพี่คยูเพราะพี่เขาไม่ว่างที่จะถามผมว่าทำไมผมถึงไม่ใช้มัน บางทีพี่เขากลับบ้านดึกผมก็อยากจะถามว่าพี่คยูได้กินข้าวมาหรือเปล่า วันไหนที่ผมไปโรงเรียนพี่มีเพื่อนชวนกินข้าวบ้างไหม ทุกอย่างถูกพับลงไปเมื่อผมเห็นพี่คยูฮยอนกลับบ้านมาดูเหนื่อยล้าแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอนของเขา ... นี่เป็นครั้งแรกที่ผมก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้เคว้งอยู่หน้าทีวี ทั้งที่ผมเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับใคร นานๆจะออกจากห้องสักทีแต่ผมกลายเป็นคนที่คลุกตัวอยู่แต่ข้างนอกเพราะผมอยากคุยกับพี่เขาบ้างถึงแม้ว่าผมจะคุยไม่เก่งก็เหอะ มันก็โทษอะไรไม่ได้คงเป็นเพราะพี่เขาเหนื่อยจากการทำงานมากเกินไป ผมไม่ยากเป็นภาระให้พี่คยูต้องเหนื่อยอีกเลยคิดว่าตั้งแต่นี้ไปทำมื้อดึกให้ก็คงจะดี...
“อ่านหนังสือดีกว่า อีกเดือนนึงก็จะสอบละ” ซองมินพูดกับตัวเอง อีกเดือนนึงจะมีการสอบของหมาวิทยาลัยโซล ผมเลือกที่จะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อที่จะนำความรู้ไปสอบเป็นสจ๊วตตามที่ผมฝันไว้
ซองมินหยิบหนังสือภาษาอังกฤษในห้องมาอ่าน สักพักเขาก็เปิดวีดีโอติวข้อสอบภาษาอังกฤษแล้วเอาข้อสอบมาทำ การเรียนหนังสือเป็นสิ่งที่ซองมินเกลียดแต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดี ตอนเด็กๆซองมินไม่ใช่คนเรียนเก่งหน้าก็เหมือนเด็กผู้หญิงจนถูกล้อถูกแกล้งบ่อยๆ แถมยังเข้ากับใครเขาไม่ได้...เลยคิดว่าถ้าเรียนเก่งเป็นคนที่ใครๆก็อิจฉาก็คงจะดี
“เฮ้อ....” ซองมินบิดขี้เกียจไปมา นี่ก็อ่านไปได้สักพักผมว่าอยากจะลงไปที่ร้านอาหารจีนข้างล่างสักหน่อย เพราะคิดว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่พี่คยูจะกลับดึกถ้ามีอะไรรองท้องตอนที่กลับมาก็คงจะดี
ซองมินหยิบคีย์การ์ดกับกระเป๋าเงินเดินออกไปขึ้นลิฟที่หน้าห้องเพื่อที่จะไปร้านอาหารจีนข้างๆคอนโด ยอมรับเลยว่าการอยู่ที่คอนโดหรูๆมันก็ดีแต่อีกความรู้สึกหนึ่งมันก็เหงาเหมือนกัน เมื่อก่อนผมอยู่บ้านที่มีพื้นที่วิ่งเล่นข้างนอกได้ เดินไปรดน้ำต้นไม้ก็เจอเพื่อนบ้านเวลาฝนตกก็ได้กลิ่นดินกลิ่นหญ้าแต่พออยู่ที่นี่ได้กลิ่นเดียวเลยก็คือน้ำยาปรับอากาศ อึดอัดโคตรๆแล้วก็เหตุผลหนึ่งที่เหงาก็คือ ...ผม..อาจจะคิดถึงพี่เขาก็ได้
“เจ๊ ขอจาจังมยอนทะเลที่นึงเพิ่มหัวไชเท้าดองกับกระเทียมด้วย ใส่กุ้งเยอะๆนะ เอากลับบ้าน” ซองมินตะโกนสั่งเจ้าของร้าน เขามากินที่นี่บ่อยเพราะตอนเย็นพี่คยูฮยอนมักกลับดึกเลยต้องหาอะไรกินไปพลางๆแล้วตอนกลับมาจากโรงเรียนบะหมี่ข้างคอนโดเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สุด
“ได้เลยอาซองมิน! วันนี้อยู่คนเดียวหรอ” หญิงใหญ่คนจีนถาม แต่ก่อนตอนแรกเจ๊เขาเจอผมมาทานครั้งแรกเจ๊แกก็แปลกใจไม่เคยเห็นหน้า เลยถามไปถามมาก็ได้เรื่องว่าผมเป็นน้องของพี่คยูฮยอน ผมบอกแบบนั้นเองแหละใจจริงอยากบอกว่าคนรู้ใจด้วยซ้ำเดี๋ยวเจ๊แกตกใจเอา คิคิคิ
“รายนั้นเขาไปทำงานอ่ะกลับบ้านดึกทุกวัน ผมเลยอุดหนุนเจ๊ไปให้พี่เขาไง”
“ไม่ใช่ว่าไปติดสาวที่ไหนแล้วทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวหร๊อ” อ่าวววว อิเจ๊นี่...
“ไม่รู้หรอก! จะไปติดสาวที่ไหนก็เรื่องของเขา เจ๊อ่ะทำเร็วๆเถอะจะรีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือ!” ประโยคของเจ้าของร้านทำเอาซองมินหน้าหงิกทันที
“ อ่ะจ้า นี่เจ๊เร่งลูกน้องสุดๆละ เห้ยตี๋! ทำเสร็จยังอาซองมินหน้าหงิกแล้วนะ” ผมจะหน้าหงิกเพราะปากเจ๊เนี่ยแหละ
ซองมินเดินกลับมาที่ห้อง มือเล็กควานหาโพสอิทสีดำที่ชอบใช้กับปากกานีออนสีชมพู มืออวบๆบรรจงเขียนสายมือที่จะพยายามสวยให้ได้มากที่สุดลงไป
....ถ้าเห็นมันแล้วก็อุ่นกินสะนะครับ ผมซื้อมื้อดึกมาให้....
คนตัวเล็กเอามันไปติดที่ชามห่อซีนใสๆ ผมตกลงกับตัวเองแล้วว่าจะทำอย่างนี้ทุกๆวันตั้งแต่นี้เป็นต้นไป! ตอนดึกๆพี่เขาอาจจะหิวมาก็ได้ผมไม่อยากให้พี่เขาทนท้องร้องก่อนนอนหรอกนะ... ซองมินเดินเข้าไปในห้องนอน นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้วผมกะว่าจะอ่านถึงห้าทุ่มแล้วนอน พรุ่งภาวนาให้ผมได้อยู่กับพี่เขานานๆบ้างเถอะ...
....
...
..
.
ตีหนึ่งกว่าๆหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วออกไปดื่มกับเพื่อน คยูฮยอนก็กลับบ้านมาจนได้ แน่นอนว่าอยู่ดึกจนเป็นคนสุดท้ายในร้าน มือเรียวยาวของเขารูดคีย์การ์ดสีดำหน้าห้อง...บางทีก็รู้สึกผิดกับน้องบ้างเหมือนกันที่กลับดึกแบบนี้...
ขายาวๆก้าวไปที่โซฟากลางห้อง แต่ก็สะดุดตากับจาจังมยอนชามยักชุดหนึ่งที่ตั้งไว้กลางโต๊ะ คยูฮยอนยื่นหยิบโพสอิทที่แปะไว้
....ถ้าเห็นมันแล้วก็อุ่นกินสะนะครับ ผมซื้อมื้อดึกมาให้....
“หึ เด็กดื้อ... พี่บอกว่าไม่ต้องรอไง” คยูฮยอนยกยิ้มเบาๆเมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กในห้องเป็นคนนำมาให้
เขานำจาจังมยอนในชามนั้นใส่จานกระเบื้องแล้วเอาเข้าไมโครเวฟ ไหนๆน้องก็ซื้อมาให้แล้วผมก็จะกินมันถึงแม้ว่าจะกินอะไรไปเยอะตอนดื่มก็เถอะ เมื่อเสียงเตือนดังขึ้นคยูฮยอนก็หยิบมันออกมาลงมือกินอย่างสบายใจโดยที่มีใครอีกคนแอบมองอยู่หลังประตูห้องบานหนึ่ง...
“ กินให้อร่อยนะครับพี่คยู...”
ซองมินพูดเพียงเบาๆกับตัวเอง พยายามไม่ให้อีกคนที่นั่งกินบะหมี่อยู่หน้าโทรทัศน์ได้ยิน ตอนแรกกะว่าจะตื่นมาดื่มน้ำแต่ก็เจอแจ็คพอตเด็กโข่งนั่งกินจาจังมยอนที่เขาซื้อมาให้จนได้ รู้ยังงี้ซื้อมาแต่ทีแรกดีกว่าถ้ารู้ว่าพี่คยูจะชอบ เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำเอาซองมินยิ้มไม่หุบเลยล่ะ
รุ่งอรุณเข้ามาซองมินตื่นเช้าเพื่อไปเรียนวันแรกของอาทิตย์ ขาสั้นของเขาก้าวเข้าห้องน้ำเพื่อแต่งตัวไปโรงเรียน วันๆแทนที่ผมจะกังวลกับการที่จะสอบเดือนหน้า แต่หัวมันกลับคิดแต่เรื่องพี่คยูจนได้ เมื่อคืนตอนที่พี่เขามากินจาจังมยอนที่ผมซื้อให้พอเห็นช็อตนั้นไปก็ทำเอากว่าจะนอนได้ก็ตีสาม...
“ซองมิน มึงนี่มันแรดจริงๆหัดตั้งใจเรียนซะบ้างเถอะ” ซองมินพูดกับตัวเองหน้ากระจก
พอคิดไปคิดมาวันนี้คงเป็นอีกวันที่อยู่คนเดียว ก็ดี!...อย่าไปฟุ้งซ่านมากจะได้อ่านหนังสือเยอะๆเตรียมสอบอย่างที่ตั้งใจหวังไว้ ผมต้องมองเห็นอนาคตให้มากกว่าเห็นผู้ชายอยู่แล้วจริงไหม
ซองมินอาบน้ำแต่งตัวได้สักพักก็เดินออกมากับเสื้อและสูทนักเรียนของตน ความหิวประเดประดังมาพร้อมกับความง่วงแล้วเขาก็พบกับคนทำให้ซองมินนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้...
“อรุณสวัสดิ์ซองมิน!” คนตัวสูงส่งยิ้มเฉ่งมาให้
“เอ่อ ... พี่ตื่นแล้วหรอครับ” ซองมินค้างไปพักหนึ่งก่อนที่เขาจะรายยิ้มอ่อนๆออกมา
“ ซองมินจะไปเรียนใช่ไหม พี่ไปซื้อโจ๊กมาให้แล้วนะมากินก่อนสิ ” คยูฮยอนกวักมือเรียกคนตัวเล็กกว่าให้มานั่งที่โซฟาที่มีโจ๊กในถ้วยน้อยๆตั้งไว้
นี่พี่คยูซื้อมาให้ผมงั้นหรอ ... เขาตั้งใจซื้อให้ผมจริงๆใช่ไหม แล้วพี่เขาตื่นกี่โมงกันถึงเดินไปซื้อให้ผมแต่เช้าได้ จะได้นอนไปกี่ชั่วโมงนะ.. แค่คิดได้นั้นความร้อนมันก็ลามแดงไปถึงหู คนตัวเล็กเดินไปที่โซฟาพร้อมนั่งลงข้างล่างพื้นด้วยความเคยชินเหมือนอยู่คนเดียว
“ นี่ ลงไปนั่งพื้นทำไมครับมานั่งกับพี่สิ ” มือยาวตบที่เบาะดังปึ๊กๆ แค่นั้นมันก็ทำเอาซองมินหน้าเห่อไปอีก
“ ไม่เป็นไรครับผมชินนั่งพื้นมากกว่า จริงๆพี่ไม่ต้องลำบากไปซื้อให้ผมก็ได้เมื่อคืนนี้พี่คยูกลับดึกได้นอนต่ออีกหน่อยก็น่าจะดี ” ซองมินตักข้าวคำปรกเข้าไปในปากหลังพูดเสร็จ ด้วยความหิวที่มีมาก่อนหน้านี้ทำให้โจ๊กธรรมดาๆมันอร่อยขึ้นมาได้ หรือว่าจะอร่อยเพราะคนซื้อให้กันแน่นะ...
“ ทีเมื่อคืนเรายังซื้อจาจังมยอนให้พี่กินเลย ซองมินวันนี้พี่ไม่มีงานตอนเช้าพี่ไปส่งเราที่โรงเรียนได้นะ!” เพื่อเป็นการตอบแทนซองมินที่เอาใจใส่ผมเสมอมา ผมเองก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลเขาอย่างเต็มที่แบบที่แม่หวังไว้ ผมมาคิดๆดูแล้วการที่น้องอยู่ตัวคนเดียวที่นี่(ถึงแม้ว่าอยู่กับผมแต่ก็เหมือนไม่มีใครอยู่ด้วย) มันก็ทำให้ผมต้องชดเชยสิ่งที่เด็กคนนี้ขาดหายไปก่อนที่จะกลายเป็นเด็กดื้อจริงๆสะก่อน
“ คือไม่เป็นไรครับ ผมไปรถเมล์ได้” ซองมินโบกมือปฎิเสธพัลวัน ความเกรงใจที่คนตรงหน้ามีให้มันทำให้คยูฮยอนแน่วแน่ในปณิธานมากขึ้น
“ ไม่ได้! อย่าดื้อนะซองมิน พี่เคยบอกไว้ไม่ใช่หรอว่าถ้าว่างจะขับรถไปส่ง แค่นี้มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงพี่หรอกพี่ยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ” คนตัวสูงเอ่ยหยอก ซองมินน่ะเป็นเด็กดีไม่แปลกที่ใครหลายคนเอ็นดูตอนนี้ผมก็คงเป็นอีกหนึ่งคนแล้วล่ะที่เอ็นดูน้อง…
หลังจากซองมินทานข้าวเสร็จก็โทรไปบอกเพื่อนรักว่าวันนี้ขาดนัดประจำวันหนึ่ง ทุกๆวันไอ้ฮยอกแจมันจะมีคนขับรถไปส่งที่โรงเรียน แต่พอผมย้ายมาที่นี่ผมก็บังคับให้มันมานั่งรถเมล์เป็นเพื่อนโดยที่คอนโดมันห่างจากคอนโดพี่คยูสองป้ายรถเมล์ ผมเป็นเพื่อนที่ดีใช่ไหมล่ะครับช่วยเพื่อนประหยัดค่าน้ำมันด้วย...
หลังจากที่ขึ้นมาบนรถพ่อพระเอกคนหล่อของซองมินก็เอาแต่เปิดเพลงบัลลาดช้าๆที่เป็นตัวขับกล่อมชั้นดี คนนอนดึกตื่นสายเป็นประจำอย่างซองมินก็สลบเหมือดไปกว่าครึ่งทางทำให้คนที่มาส่งไม่ได้ชวนคุยอะไรก่อนที่เขาจะตื่นเสียงเสียงคุยโทรศัพท์ของคนที่ขับรถอยู่เนี่ยแหละ
“อื้อ...ครับฮานึล ได้ครับ...อีกไม่นานก็ได้เจอกันแล้วนะ ครับ...หึ คิดถึงเหมือนกันครับ” ประโยคสุดท้ายสารถีหน้าหล่อก็วางสายไป โดยที่ไม่รู้ว่าคนข้างๆแอบได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ตลอดแต่ก็ทำเป็นแกล้งหลับต่อไป…
ไม่ต้องบอกว่าผู้หญิงที่ชื่อ ฮานึล คนนี้คือใคร... ด้วยรูปประโยคที่คนตัวสูงพูดเมื่อกี้มันก็บอกอะไรหลายๆอย่าง ถึงจะให้ซองมินมองโลกในแง่ดีแค่ไหนต่อให้โง่เป็นควายยังรู้เลย... ตอนแรกก็ทำใจไว้แล้วหลังจากที่ไอ้ฮยอกแจพูดกับที่โดนแซวเรื่องนี้บ่อยๆแต่ผมก็ไม่เคยคิดมากกับมันเลยสักครั้ง จนมาถึงวันนี้..ยอมรับว่าตั้งตัวไม่ทันจริงๆ ถึงจะอยากร้องไห้แต่ไหนก็ต้องทำเป็นหลับต่อไปอยู่ดี...อีซองมินมึงนี่โคตรป๊อดเลยว่ะ...
ขับรถไปได้สักพักคยูฮยอนก็ปลุกให้ซองมินตื่นขึ้นมา คนตัวเล็กแกล้งทำเป็นงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ครึ่งทางแรก ภาพเด็กน้อยที่ทำหน้าใสซื่อตอนตื่นทำให้คยูอยอนยิ้มรับกับความน่ารักของซองมินอีกครั้ง การแสดงชุดนี้ของซองมินมันเยี่ยมไปเลยไช่ไหมล่ะ
“เย็นนี้เดี๋ยวพี่มารับแล้วเราไปกินหม้อไฟกันนะ แล้วเลิกเรียนกี่โมงครับพี่จะได้มาถูก”
“บ่ายสามครับ” ซองมินหยิบกระเป๋าด้วยท่าทีสดใสเหมือนเดิม คนตัวเล็กยิ้มกลับไปให้คยูฮยอน ...อีกนานแค่ไหนนะที่ผมจะหยุดเสแสร้ง คงจนกว่าผมจะรับความจริงได้...
“โอเคครับ”
ซองมินเดินลงมาจากรถ พอหันหลังให้รถคันหรูก็ขับออกไปทันที...อย่างนี้สินะพอเจอเรื่องร้ายๆแม้ว่าจะเป็นอะไรเล็กๆน้อยก็กระทบความรู้สึกได้ทุกอย่าง ทันทีที่ผมหันหลังให้รถเหมือนผมจะต้องจากกับพี่คยูคนเดิมในจินตนาการตลอดกาล...
“มึง เป็นห่าไรมาหน้างอเชียว” พอซองมินเดินเข้ามาในห้องได้ไม่เกินสิบวิฮยอกแจก็ถามถึงสีหน้าทันที
“เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้ฟัง ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ คุยเรื่องอื่นได้ไหม” ซองมินพูดโดยไม่หันหน้ามาหาใครทั้งนั้น สายตาที่ว่างเปล่าและหน้าตาที่บอกบุญไม่รับก็ทำให้ฮยอกแจรู้ว่าเขาควรทำอย่างไร
“เออๆ กูก็เบื่อที่จะรับมือมึงเหมือนกัน... นี่! เมื่อกี้ก่อนมึงเข้ามาอาจารย์ซึงฮยอนเขามาคุยกับกูแล้วเขาถามหามึงด้วยล่ะ”
“เรื่องอะไร” คนตัวเล็กยังตอบห้วนๆเหมือนเคย
“เขามาบอกเรื่องทุนป.ตรี วิทยาศาสตร์ที่ฮังการี อาจารย์บอกว่างานนี้รับ 5 คนในเขตแต่ไม่มีใครสนใจไปเลย เขาบอกให้เราสองคนไปสอบดูน่าจะติดง่ายๆอ่ะ” สิ่งที่ฮยอกแจเสนอไม่ได้ทำให้ซองมินสนใจนัก อย่างที่คิดเขาไม่อยากจะเรียนวิทยาศาสตร์อีกต่อไปแล้วล่ะ
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเรียนวิทย์ แล้วมึงอ่ะ..ถ้าได้ไปจะทิ้งงานถ่ายแบบเลยหรือไง ยืนเก๊กท่าสบายๆดีกว่าไปตกระกำลำบากตั้งเยอะ”
“นี่มึงก็เรียนเก่งทำไมไม่สอบดูวะ เผื่อมึงสอบอิ้งค์ไม่ได้ขึ้นมาอย่างน้อยก็ได้เที่ยวนะเว้ยยยย ยืนยันสิทธิ์ตั้งนานมึงรอตัดสินใจแล้วตัดสินใจอีกว่าจะเอาไม่เอาก็ได้” ฮยอกแจเสนอข้อคิดเห็น มันก็ทำให้ซองมินสนใจขึ้นมานิดๆแล้วแหละ
“ฮังการี 4 ปีก็ไม่เลว แล้วเขาสอบวันไหนวะ มึงสอบเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”
“ก็ได้ แต่อีกสองอาทิตย์สอบนะ..” ประโยคสุดท้ายทำซองมินสตั้นไปนิด
“....”
“อะไร! มองหน้ากูแบบนั้นทำไม”
“ไอ้สัส!”
จากที่ผมกับไอ้ฮยอกแจพากันเรียนเสร็จภาคเช้าก็เดินเข้าไปที่ห้องพักครูเพื่อไปเอาเอกสารสมัครสอบชิงทุน ซึ่งก็ได้ข่าวลือมาว่าโรงเรียนเราก็มีคนไปแค่สองคนคือผมกับไอ้ฮยอกแจเนี่ยแหละ แค่พูดว่าทุนวิทยาศาสตร์ต่างประเทศคนก็จะนึกถึง อมเริกา อังกฤษ เยอรมัน จีน หรือออสเตรเลียใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งไอ้ทุนของประเทศพวกนี้มันชอบมาให้สมัครในเวลาไล่เลี่ยอาจารย์ซึงฮยอนบอกว่าเด็กที่เก่งๆหลายๆเขตก็แห่กันไปสอบ มันก็เหลือฮังการีกับสโลวาเกียให้ผมพวกที่ไม่มีใครสอบเนี่ยแหละ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าไรนักเมื่อเราทั้งสองไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะเรียนด้านนี้ แค่ไปสอบเอาใบประกาศเฉยๆเผื่อโปรไฟล์ดีแล้วมหาลัยในเกาหลีจะสนใจก็แค่นั้น
ซองมินและฮยอกแจพากันซื้อขนมปังที่โรงอาหารก่อนมานั่งที่ดาดฟ้าตึกวิทย์ที่ใครๆไม่ชอบจะมากันทั้งที่บรรยากาศก็ดี เห็นคนอื่นพูดกันว่ามันน่ากลัวนี่จริงไหมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือมันเป็นที่เหมาะแก่การพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามาก...
“เมื่อเช้าพี่คยูฮยอนขับรถมาส่งกูว่ะ” ซองมินเปิดประเด็นขึ้นมา
“ก็ดีหนิ แล้วมึงเซ็งทำไมชอบพี่เขาไม่ใช่หรอ” ฮยอกแจพูดพลางกัดขนมปังที่มือไปเรื่อยๆ
“ก็เกือบจะดีถ้ากูไม่เจออะไรเหี้ยๆก่อน...”
“พี่คยูเขามีแฟนแล้วว่ะ...” สายตาของซองมินหันมองไปที่ขอบฟ้าเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด ฮยอกแจหันมามองเพื่อนหลังจากจบประโยคนั้นแล้วก็เงียบไปสักพักเพื่อให้ซองมินได้เล่าทุกอย่างออกมา
“....”
“เมื่อเช้ากูอยู่บนรถกับพี่คยูเผลอหลับไป แต่ก็ดันตื่นตอนที่ได้ยินเสียงพี่เขาคุยโทรศัพท์... ผู้หญิงคนนั้นชื่อฮานึล...มึงคิดว่ากูควรจะทำยังไงดี”
“ควรจะทำยังไงดีนี่คืออะไร? ควรทำอะไรกับหัวใจมึงหรือควรทำยังไงกับพี่คยูฮยอนงั้นหรอ”
“ทั้งสองอย่าง” ซองมินหยิบขนมในมือมานั่งกินบ้างเมื่อเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิมหลังจากที่เล่าเรื่องให้เพื่อนรักฟัง
“มึงจำที่กูบอกมึงที่ร้านไอติมได้ป่ะ คิดว่าพี่คยูฮยอนเป็นเกย์งั้นหรอ เขาชอบผู้ชายไหม...เขามีแฟนเป็นชะนีกูก็คิดว่ามึงคงจะคิดได้อ่ะนะ” คำพูดของคนข้างๆทำเอาซองมินสะอึก...
“นี่มึงเพื่อนกูหรือเปล่าเนี่ย! กูไม่ได้ตั้งใจชอบเขานี่หว่า!”
“ตอแหล!จะชอบคนทั้งทีก็ต้องตั้งใจแหละวะ กูรู้ว่ามึงมีเซ้นต์เรื่องพี่คยูฮยอนมีเมียมานานแล้วแต่ทำเฉยใช่ไหมล่ะ อยากได้พี่เขาก็บอก” ฮยอกแจยังคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอะไร
“เออ! แต่เขามีแฟนแล้วจะให้ทำไงวะ กูพยายามห้ามความรู้สึกอยู่เนี่ย” ซองมินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มันก็ทำให้ฮยอกแจอ่อนใจขึ้นเยอะ
“ทำไม ทำหน้าแบบนั้นอยากได้กำลังใจหรอ กูจะบอกอะไรให้นะ มึงก็คิดอย่างงี้สิรักได้ก็เลิกได้ กูนี่ทำสถิติให้คนอื่นเขาตบตีกันเยอะแยะมาแล้วร้อยทั้งร้อยชอบของใหม่มากกว่าเชื่อกู”
“มึงจะบอกให้กูไปแย่งเขางั้นสิ เขาคงเลือกกูหรอกกูเป็นผู้ชายแถมเรียนม.ปลายอีกตั้งหากหน้าตาก็ไม่ดี ไอ้คนที่ชื่อฮานึลอะไรนั้นสวยขนาดไหนก็ไม่รู้แต่ว่าถึงขนาดพี่คยูชอบคงจะไม่ธรรมดา กูไม่มีอะไรสู้เขาได้เลย” พอพูดถึงความจริงผมก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง พอเทียบให้คู่กับพี่คยูดูไร้ค่าเข้าไปใหญ่
“เคยได้ยินป่ะ รักแท้แพ้ใกล้ชิด ถ้ามึงสู้อะไรไม่ได้สักอย่างก็เอาความดีเข้าแลกดิว่ะ มึงก็รู้หนิผู้ชายชอบให้คนดูแลเอาใจ ทำดีให้มากๆอาจจะหวั่นไหวก็ได้”
“อาจจะนี่คือเขาอาจจะชอบกูหรือไม่ก็ได้”
“ก็นะ..จะมีโอกาสถ้าพี่คยูฮยอนของมึงลองเปิดใจชอบผู้ชาย ฮ่าๆ”
“ความหวังกูดับวูบเพราะมึงเนี่ยแหละ!”
....
...
..
.
หลังจากที่ผมคุยกับไอ้ฮยอกแจไปเมื่อพักกลางวัน มันก็ทำให้ผมคลายเครียดขึ้นเยอะถึงแม้ว่าทางออกมันจะมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นแต่ผมก็ยังรู้ว่าผมคนคอยช่วยผมอยู่ หลังจากนี้ผมจะตั้งคติกับตัวเองว่าจะไม่คิดมาก พยายามมองโลกในแง่ดีขึ้นถึงแม้ว่ามันจะยากก็ตาม
คาบสุดท้ายพี่คยูโทรมาหาผมก่อนโรงเรียนเลิกถึงแม้ว่าวิชานี้จะเป็นคาบว่างที่เด็กนักเรียนไปทำกิจกรรมกัน แต่ก็รู้ว่าผมกับไอ้ฮยอกแจไม่มีทางไปทำแน่ๆ ผมเก็บกระเป๋าแล้วลากไอ้ฮยอกแจมาส่งเป็นเพื่อนที่หน้าประตูโรงเรียนเหมือนในหนังที่นางเอกเอาเพื่อนไปแล้วพระเอกจะเข้าใจผิดหึงคิดว่าแฟน ให้ทายว่าผลเป็นไง...
“ซองมินมาแล้วหรอ แล้วนั่น...” คยูฮยอนที่เลื่อนกระจกในรถเหลือบตามองเด็กผู้ชายร่างบางข้างๆซองมิน
“เอ่อ นี่ฮยอกแจเพื่อสนิทของผม คนที่มาโรงเรียนด้วยกันบ่อยๆไงครับ!” ผมแอบมีความหวังเล็กๆว่าบางทีหน้าพี่คยูฮยอนอาจจะเจื่อนลงหรือว่าแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่สิ่งที่เป็นมันกลับตรงกันข้าม...
“อ้าว คนนี้เองหรอ! ฮยอกแจไปกินหม้อไฟกับพี่ไหมเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านเอง” คนตัวสูงส่งยิ้มเอ่ยชวนเพื่อนซองมินทันที ซองมินคงต้องตั้งคติกับตัวเองอีกอย่างหนึ่งแล้วล่ะ... อย่ามโนให้มาก
“ไม่เป็นไรครับวันนี้ผมว่าจะรีบกลับบ้านงานที่ทำไว้ยังไม่เสร็จ พี่ไปกับไอ้ซองมินสองคนเถอะครับผมแค่มาส่งมันเฉยๆ” ฮยอกแจรีบบอกปฏิเสธทันที เขารู้อยู่หรอกว่าไปแล้วต้องไปเป็นก้างขวางคอเพื่อน ถึงแม้คนตัวสูงที่นั่งในรถจะไม่คิดอย่างั้นก็เหอะแต่เพื่อนเขานี่คิดแบบนั้นเต็มๆ
“เสียดายจัง วันหลังไปเล่นกับซองมินที่คอนโดพี่ก็ได้นะอยู่ใกล้กันไม่ใช่หรอพี่ไม่ค่อยอยู่เดี๋ยวซองมินเหงา” นอกจากที่คยูฮยอนจะไม่หึงหวงหรือแสดงอาการไม่พอใจกับฮยอกแจแล้ว ยังมีการชวนมาเล่นที่บ้านประหนึ่งสนิทชิดเชื้อยิ่งกว่าซองมินผู้ที่อยู่ด้วยกันทุกวัน
“งั้นก็ขออนุญาตด้วยนะครับ บางทีถ้าผมชวนซองมินไปดื่มพี่ก็อย่าว่าผมนะ คิคิคิคิ” ฮยอกแจพูดแหย่คยูฮยอน เพราะเขารู้แกวว่าเจ้าตัวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าคยูฮยอนเอ็นดูในตัวเพื่อนรักอยู่บ้าง แล้วมันก็เป็นไปตามคาด
“ไม่ได้นะ! เรายังพากันดื่มไม่ได้ถ้าจะดื่มต้องมาดื่มที่บ้านเข้าใจไหมซองมิน” อากัปอาการเป็นห่วงซองมินทำเอาคนตัวเล็กยืนเอ๋อไปสักพักแต่เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนรักได้อย่างมาก
ฮยอกแจดันเพื่อนตัวอวบเข้าไปในรถหรูของคยูฮยอนพร้อมปิดประตูไล่ คนตัวบางส่งสายตาหยอกล้อให้ซองมิน พร้อมๆกับที่ตัวรถของคยูฮยอนเคลื่อนตัวออกไป ไอ้เพื่อนเวรนี่...ล้อผมจนหูแดงตลอด ถ้าเกิดผมเล่าอะไรที่มากกว่านี้ให้มันฟังเนี่ยไอ้ฮยอกแจต้องล้อผมไปจนตายแน่ๆ
“เพื่อนเรานี่น่ารักดีนะ รู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน” คยูฮยอนหันมาถามซองมิน แหม...เจอไอ้ฮยอกแจแป๊ปเดียวบอกว่ามันน่ารักอยู่กับผมเกือบเดือนแล้วชมสักคำยังไม่มี ความหวังจากศูนย์พูดได้เลยว่าตอนนี้ติดลบ -_-
“ตั้งแต่มัธยมต้น ปี 1 ครับ” ซองมินพูดนิ่งๆ ความมาคุรอบๆตัวอาจจะทำให้คยูฮยอนรับรู้ความรู้สึกของซองมินบ้าง
“ทำหน้าอย่างนั้นทำไม... หวงเพื่อนหรอพี่ไม่จีบฮยอกแจหรอก ฮ่าๆ” ผมหวงพี่นั่นแหละครับ...
“ผมรู้ว่าพี่ไม่จีบเพื่อนผมหรอกครับ ก็พี่มีแฟนอยู่แล้วหนิ”
“...”
เฮือก!
ปากไวอีกแล้วไอ้ซองมิน หึ้ยยยย เดี๋ยวเขาก็หาว่าเราเป็นคนยุ่งเรื่องชาวบ้าน
“ถึงพี่มีแฟนแล้วแต่เราก็ยังเป็นน้องพี่นะซองมิน...คุยกับพี่ได้” คยูฮยอนรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงประชดประชันที่คนตัวเล็กเผลอหลุดออกมาเมื่อกี้ มันทำให้เขาคิดว่าซองมินอาจจะ...ชอบเขา?
“ครับ ผมอิจฉาพี่นะมีผู้หญิงเข้ามาให้เลือกเยอะแยะ ผมก็ว่าจะหาสักคนเหมือนกันช่วงนี้จะได้ไม่เหงา” ด้วยความน้อยใจทำให้ซองมินพูดไปแบบนั้น ความจริงเขามาคิดจะหาใครอีกแล้วในเมื่อคนที่รักมันนั่งอยู่ข้างๆตอนนี้
“ซองมิน...การที่เราอยากได้แฟนสักคนพี่อยากให้เราคิดเยอะๆนะ มันไม่ใช่เดินไปหาใครสักคนแล้วแค่เป็นแฟนกัน ถ้าเราไม่ได้รักเขาเราจะมีความสุขหรอ” คยูฮยอนพูดสอนซองมิน ...มีความสุขแบบที่พี่มีความสุขกับผู้หญิงที่ชื่อฮานึลน่ะหรอ..
“พี่ครับ ผมว่าพี่ส่งผมที่ป้ายรถเมล์ป้ายหน้านี่ดีกว่า พอดีผมนึกได้ว่างานที่ทำกับไอ้ฮยอกแจยังไม่เสร็จจะรีบกลับไปทำที่คอนโด ขอโทษที่ไปกินด้วยไม่ได้แล้ว” ความเสียใจของซองมินทำให้ตนเสียมารยาทกับคยูฮยอน คนตัวสูงหน้าเสียไปนิดเมื่อนึกว่าตนพูดอะไรไม่เข้าหูซองมินหรือเปล่า
“ไม่เป็นไรเราซื้อไปทำกินกันที่บ้านก็ได้เนอะ เดี๋ยวซองมินกลับไปคนเดียวจะไม่ได้กินข้าวเย็นอีก” คยูฮยอนเลือกที่จะซื้อหม้อไฟไปกินที่บ้านเมื่อเห็นน้องอารมณ์เสีย เขาไม่ค่อยเห็นซองมินในโหมดนี้เท่าไรนักแต่คยูฮยอนก็ไม่อยากจะซักถามอะไรให้น้องอึดอัด แต่ที่รู้ๆมันอาจจะเป็นเพราะเขาเองที่ให้น้องเป็นแบบนี้
การสนทนาจบลงมันก็เหมือนจบโลกสังคมที่เราสื่อสารกัน ความเงียบที่ลอยอบอวนอยู่ในรถยาวนานจนถึงที่คยูฮยอนพาตนเองและซองมินถึงร้าน คนตัวสูงรีบกุลีกุจอลงจากรถไปสั่งหม้อไฟกลับบ้าน ไม่นานก็เข้ามาในรถเพื่อเป็นการคลายความเงียบเขาจึงเปิดเพลงในรถอีกครั้งแต่มันก็ไม่ทำให้เด็กดื้อของเขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้เลย...
ตัวรถจอดที่โรงจอดรถเฉกเช่นทุกวัน เมื่อลงจากรถไม่มีคำพูดใดๆจากซองมินที่เจ้าตัวพาร่างตัวเองนำดิ่งเข้าไปในตัวคอนโดโดยที่ไม่สนใจคยูฮยอนเลย ทิ้งให้คนร่างสูงเดินถือถุงที่ได้มากจากร้านหม้อไฟตามหลังมา เมื่อถึงห้องคยูฮยอนก็ไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ของน้องตอนนี้ยังไงก็ได้แต่ชวนให้น้องทำของที่ซื้อมา
“ซองมินเรามาเตรียมของกันเถอะ!” คยูอยอนพูดอย่าร่าเริงเพื่อหวังให้บรรยากาศที่น่าอึกอัดนี้ดีขึ้น
“พี่คยูนั่งรอที่โซฟาเลยครับ พี่เป็นคนซื้อมาเดี๋ยวผมทำให้” ซองมินเปิดประตูห้องแล้วเขวี้ยงกระเป๋าตัวเองเข้าไป เขาถอดสูทนักเรียนและพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น ซองมินหยิบของที่ซื้อมาจากมือของคยูฮยอนอย่างรวดเร็ว เขานำผักมาหั่นเอาหมูและเนื้อสัตว์อื่นๆใส่จาน พร้อมกับที่คยูฮยอนหยิบหม้อไฟฟ้าจากห้องครัวมาตั้ง คนตัวเล็กหยิบของที่เตรียมไว้มาที่โซฟาพร้อมจานกับตะเกียบเพียงชุดเดียว...
“เราไม่กินกับพี่หรอ...”คยูฮยอนถามขึ้นเมื่อเขาเห็นน้องกำลังจะเดินเข้าไปในห้องของตัวเองเมื่อเตรียมของให้เขาเสร็จ
“พี่กินก่อนเถอะครับ ผมว่าจะทำงานก่อนคงจะกินตอนดึกๆพอดีงานส่งพรุ่งนี้ขอโทษนะครับที่ไม่ได้กินเป็นเพื่อน” คำขอโทษของซองมินมันไม่ได้ดูจริงใจเลยในสายตาคยูฮยอน ตอนแรกก็กะจะกินที่ร้านด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วแท้ๆ พอซองมินพูดแบบนี้รู้เลยว่าน้องคงไม่ออกมากินแบบที่พูดไว้หรอก
เมื่อประตูปิดลงความอ่อนแอที่มีก็เข้ามาโจมตีซองมิน เขาเดินไปนั่งร้องไห้ที่เตียงนอนของตัวเองเงียบๆ ความกดดันที่สะสมมามันพลั่งพลูเป็นน้ำตา ผมพยายามจะมองโลกในแง่ดีแล้วแท้ๆ...พยายามจะไม่ใส่ใจ...แต่ผมก็ทำมันไม่ได้อยู่ดี การที่เรารักใครสักคนมันลำบากขนาดนี้เลยหรอ ผมไม่เคยรู้เพราะผมไม่เคยรักใครไม่เคยคิดที่จะรักใครจริงๆสักครั้ง...ผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมนางร้ายในละครถึงได้ฟูมฟายนักตอนพระเอกไม่สนใจ ตอนนี้มันทำให้ผมรู้ทุกอย่าง...การที่ผมคิดจะรักพี่เขาทั้งที่พี่เขามีเจ้าของอยู่แล้ว คงไม่ต่างจากตัวร้ายพวกนั้นที่คอยแย่งชิงพระเอกจากนางเอกหรอก...
.......................................................................................................................................
**รู้สึกว่าแต่งไปแต่งมา SF เรื่องนี้จะยาวมาก คาดว่าเกินสิบตอน
ความคิดเห็น