ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF [KYUMIN] : YI SAN QI : love potion

    ลำดับตอนที่ #8 : SF: FLY AWAY // 7

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 58


    FLY AWAY













    part - 7








     

                     มันก็ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้วที่ผมอยู่ที่นี่กับพี่คยูฮยอน แต่รู้สึกเหมือนผมอยู่คนเดียวมากกว่า...อย่างที่พี่เขาบอกไว้เลยว่ากลับบ้านไม่เป็นเวลา ตั้งแต่วันแรกที่ผมมาอยู่ที่นี่เจอพี่คยูวันละไม่แทบไม่เกิน 2 ชม. แล้วบางวันก็ไม่ได้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้ก่อนออกจากบ้านทุกๆครั้งคือเงินค่าข้าวที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาพร้อมโพสอิทที่เขียนว่า  พี่ไม่ว่างพาเราทานข้าว ถ้าซองมินหิวแล้วขี้เกียจทำข้าวกินเอาเงินนี้ไปซื้อข้าวนะครับมีคนเคยบอกว่าผู้ปกครองที่เลี้ยงลูกด้วยการวางเงินให้ก่อนออกจากบ้านไปทำงานเด็กจะมีปัญหาจริงไหมครับ?  ตอนนี้ผมเข้าใจไอ้เด็กเปรตพวกนั้นเลยว่าทำไมมันถึงทำตัวเกเรบางทีพ่อแม่มันอาจะเป็นแบบนี้ก็ได้ ...มันทำให้ผมรู้เลยว่าบางทีสิ่งที่เราอยากได้ไม่ใช่เงินแต่มันคือความอบอุ่นนะ บางที...

     

     

                      เงินที่พี่เขาวางให้...ผมไม่เคยใช้มันเลยสักแดงเดียวแต่มันก็ไม่มีคำถามอะไรจากพี่คยูเพราะพี่เขาไม่ว่างที่จะถามผมว่าทำไมผมถึงไม่ใช้มัน  บางทีพี่เขากลับบ้านดึกผมก็อยากจะถามว่าพี่คยูได้กินข้าวมาหรือเปล่า วันไหนที่ผมไปโรงเรียนพี่มีเพื่อนชวนกินข้าวบ้างไหม ทุกอย่างถูกพับลงไปเมื่อผมเห็นพี่คยูฮยอนกลับบ้านมาดูเหนื่อยล้าแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอนของเขา ...  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมก็รู้สึกเหมือนถูกทิ้งให้เคว้งอยู่หน้าทีวี ทั้งที่ผมเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับใคร นานๆจะออกจากห้องสักทีแต่ผมกลายเป็นคนที่คลุกตัวอยู่แต่ข้างนอกเพราะผมอยากคุยกับพี่เขาบ้างถึงแม้ว่าผมจะคุยไม่เก่งก็เหอะ  มันก็โทษอะไรไม่ได้คงเป็นเพราะพี่เขาเหนื่อยจากการทำงานมากเกินไป ผมไม่ยากเป็นภาระให้พี่คยูต้องเหนื่อยอีกเลยคิดว่าตั้งแต่นี้ไปทำมื้อดึกให้ก็คงจะดี...

     

     

                          “อ่านหนังสือดีกว่า อีกเดือนนึงก็จะสอบละ” ซองมินพูดกับตัวเอง  อีกเดือนนึงจะมีการสอบของหมาวิทยาลัยโซล ผมเลือกที่จะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อที่จะนำความรู้ไปสอบเป็นสจ๊วตตามที่ผมฝันไว้

     

     

                          ซองมินหยิบหนังสือภาษาอังกฤษในห้องมาอ่าน สักพักเขาก็เปิดวีดีโอติวข้อสอบภาษาอังกฤษแล้วเอาข้อสอบมาทำ การเรียนหนังสือเป็นสิ่งที่ซองมินเกลียดแต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดี ตอนเด็กๆซองมินไม่ใช่คนเรียนเก่งหน้าก็เหมือนเด็กผู้หญิงจนถูกล้อถูกแกล้งบ่อยๆ แถมยังเข้ากับใครเขาไม่ได้...เลยคิดว่าถ้าเรียนเก่งเป็นคนที่ใครๆก็อิจฉาก็คงจะดี

     

     

                          “เฮ้อ....” ซองมินบิดขี้เกียจไปมา  นี่ก็อ่านไปได้สักพักผมว่าอยากจะลงไปที่ร้านอาหารจีนข้างล่างสักหน่อย เพราะคิดว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่พี่คยูจะกลับดึกถ้ามีอะไรรองท้องตอนที่กลับมาก็คงจะดี

     

     

                          ซองมินหยิบคีย์การ์ดกับกระเป๋าเงินเดินออกไปขึ้นลิฟที่หน้าห้องเพื่อที่จะไปร้านอาหารจีนข้างๆคอนโด  ยอมรับเลยว่าการอยู่ที่คอนโดหรูๆมันก็ดีแต่อีกความรู้สึกหนึ่งมันก็เหงาเหมือนกัน เมื่อก่อนผมอยู่บ้านที่มีพื้นที่วิ่งเล่นข้างนอกได้ เดินไปรดน้ำต้นไม้ก็เจอเพื่อนบ้านเวลาฝนตกก็ได้กลิ่นดินกลิ่นหญ้าแต่พออยู่ที่นี่ได้กลิ่นเดียวเลยก็คือน้ำยาปรับอากาศ  อึดอัดโคตรๆแล้วก็เหตุผลหนึ่งที่เหงาก็คือ ...ผม..อาจจะคิดถึงพี่เขาก็ได้

     

     

                          “เจ๊ ขอจาจังมยอนทะเลที่นึงเพิ่มหัวไชเท้าดองกับกระเทียมด้วย ใส่กุ้งเยอะๆนะ เอากลับบ้าน”  ซองมินตะโกนสั่งเจ้าของร้าน  เขามากินที่นี่บ่อยเพราะตอนเย็นพี่คยูฮยอนมักกลับดึกเลยต้องหาอะไรกินไปพลางๆแล้วตอนกลับมาจากโรงเรียนบะหมี่ข้างคอนโดเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สุด

     

     

                            “ได้เลยอาซองมิน!  วันนี้อยู่คนเดียวหรอ” หญิงใหญ่คนจีนถาม แต่ก่อนตอนแรกเจ๊เขาเจอผมมาทานครั้งแรกเจ๊แกก็แปลกใจไม่เคยเห็นหน้า เลยถามไปถามมาก็ได้เรื่องว่าผมเป็นน้องของพี่คยูฮยอน  ผมบอกแบบนั้นเองแหละใจจริงอยากบอกว่าคนรู้ใจด้วยซ้ำเดี๋ยวเจ๊แกตกใจเอา คิคิคิ

     

     

                             “รายนั้นเขาไปทำงานอ่ะกลับบ้านดึกทุกวัน ผมเลยอุดหนุนเจ๊ไปให้พี่เขาไง”

     

     

                             “ไม่ใช่ว่าไปติดสาวที่ไหนแล้วทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวหร๊อ”  อ่าวววว อิเจ๊นี่...

     

     

                             “ไม่รู้หรอก! จะไปติดสาวที่ไหนก็เรื่องของเขา เจ๊อ่ะทำเร็วๆเถอะจะรีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือ!”  ประโยคของเจ้าของร้านทำเอาซองมินหน้าหงิกทันที

     

     

                             “ อ่ะจ้า นี่เจ๊เร่งลูกน้องสุดๆละ เห้ยตี๋! ทำเสร็จยังอาซองมินหน้าหงิกแล้วนะ”  ผมจะหน้าหงิกเพราะปากเจ๊เนี่ยแหละ

     

     

                             ซองมินเดินกลับมาที่ห้อง มือเล็กควานหาโพสอิทสีดำที่ชอบใช้กับปากกานีออนสีชมพู  มืออวบๆบรรจงเขียนสายมือที่จะพยายามสวยให้ได้มากที่สุดลงไป

     

     

                             ....ถ้าเห็นมันแล้วก็อุ่นกินสะนะครับ ผมซื้อมื้อดึกมาให้....

     

     

                        คนตัวเล็กเอามันไปติดที่ชามห่อซีนใสๆ  ผมตกลงกับตัวเองแล้วว่าจะทำอย่างนี้ทุกๆวันตั้งแต่นี้เป็นต้นไป!  ตอนดึกๆพี่เขาอาจจะหิวมาก็ได้ผมไม่อยากให้พี่เขาทนท้องร้องก่อนนอนหรอกนะ... ซองมินเดินเข้าไปในห้องนอน นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้วผมกะว่าจะอ่านถึงห้าทุ่มแล้วนอน พรุ่งภาวนาให้ผมได้อยู่กับพี่เขานานๆบ้างเถอะ...

     

     

     

    ....

    ...

    ..

    .

     

     

     

                         ตีหนึ่งกว่าๆหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วออกไปดื่มกับเพื่อน คยูฮยอนก็กลับบ้านมาจนได้ แน่นอนว่าอยู่ดึกจนเป็นคนสุดท้ายในร้าน มือเรียวยาวของเขารูดคีย์การ์ดสีดำหน้าห้อง...บางทีก็รู้สึกผิดกับน้องบ้างเหมือนกันที่กลับดึกแบบนี้...

     

     

                         ขายาวๆก้าวไปที่โซฟากลางห้อง แต่ก็สะดุดตากับจาจังมยอนชามยักชุดหนึ่งที่ตั้งไว้กลางโต๊ะ คยูฮยอนยื่นหยิบโพสอิทที่แปะไว้

     

     

     

                                                   ....ถ้าเห็นมันแล้วก็อุ่นกินสะนะครับ ผมซื้อมื้อดึกมาให้....

     

     

     

                           “หึ เด็กดื้อ... พี่บอกว่าไม่ต้องรอไง”  คยูฮยอนยกยิ้มเบาๆเมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กในห้องเป็นคนนำมาให้

     

     

                           เขานำจาจังมยอนในชามนั้นใส่จานกระเบื้องแล้วเอาเข้าไมโครเวฟ ไหนๆน้องก็ซื้อมาให้แล้วผมก็จะกินมันถึงแม้ว่าจะกินอะไรไปเยอะตอนดื่มก็เถอะ  เมื่อเสียงเตือนดังขึ้นคยูฮยอนก็หยิบมันออกมาลงมือกินอย่างสบายใจโดยที่มีใครอีกคนแอบมองอยู่หลังประตูห้องบานหนึ่ง...

     

     

                           “ กินให้อร่อยนะครับพี่คยู...”

     

     

                            ซองมินพูดเพียงเบาๆกับตัวเอง พยายามไม่ให้อีกคนที่นั่งกินบะหมี่อยู่หน้าโทรทัศน์ได้ยิน ตอนแรกกะว่าจะตื่นมาดื่มน้ำแต่ก็เจอแจ็คพอตเด็กโข่งนั่งกินจาจังมยอนที่เขาซื้อมาให้จนได้ รู้ยังงี้ซื้อมาแต่ทีแรกดีกว่าถ้ารู้ว่าพี่คยูจะชอบ เหตุการณ์ครั้งนี้มันทำเอาซองมินยิ้มไม่หุบเลยล่ะ

     

     

                           รุ่งอรุณเข้ามาซองมินตื่นเช้าเพื่อไปเรียนวันแรกของอาทิตย์ ขาสั้นของเขาก้าวเข้าห้องน้ำเพื่อแต่งตัวไปโรงเรียน วันๆแทนที่ผมจะกังวลกับการที่จะสอบเดือนหน้า แต่หัวมันกลับคิดแต่เรื่องพี่คยูจนได้ เมื่อคืนตอนที่พี่เขามากินจาจังมยอนที่ผมซื้อให้พอเห็นช็อตนั้นไปก็ทำเอากว่าจะนอนได้ก็ตีสาม...

     

     

                        “ซองมิน มึงนี่มันแรดจริงๆหัดตั้งใจเรียนซะบ้างเถอะ”   ซองมินพูดกับตัวเองหน้ากระจก 

     

     

                       พอคิดไปคิดมาวันนี้คงเป็นอีกวันที่อยู่คนเดียว ก็ดี!...อย่าไปฟุ้งซ่านมากจะได้อ่านหนังสือเยอะๆเตรียมสอบอย่างที่ตั้งใจหวังไว้ ผมต้องมองเห็นอนาคตให้มากกว่าเห็นผู้ชายอยู่แล้วจริงไหม

     

     

                       ซองมินอาบน้ำแต่งตัวได้สักพักก็เดินออกมากับเสื้อและสูทนักเรียนของตน ความหิวประเดประดังมาพร้อมกับความง่วงแล้วเขาก็พบกับคนทำให้ซองมินนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้...

     

     

                        “อรุณสวัสดิ์ซองมิน!”   คนตัวสูงส่งยิ้มเฉ่งมาให้

     

     

                       “เอ่อ ... พี่ตื่นแล้วหรอครับ”  ซองมินค้างไปพักหนึ่งก่อนที่เขาจะรายยิ้มอ่อนๆออกมา

     

     

                       “ ซองมินจะไปเรียนใช่ไหม พี่ไปซื้อโจ๊กมาให้แล้วนะมากินก่อนสิ ”   คยูฮยอนกวักมือเรียกคนตัวเล็กกว่าให้มานั่งที่โซฟาที่มีโจ๊กในถ้วยน้อยๆตั้งไว้

     

     

                       นี่พี่คยูซื้อมาให้ผมงั้นหรอ ... เขาตั้งใจซื้อให้ผมจริงๆใช่ไหม แล้วพี่เขาตื่นกี่โมงกันถึงเดินไปซื้อให้ผมแต่เช้าได้ จะได้นอนไปกี่ชั่วโมงนะ.. แค่คิดได้นั้นความร้อนมันก็ลามแดงไปถึงหู คนตัวเล็กเดินไปที่โซฟาพร้อมนั่งลงข้างล่างพื้นด้วยความเคยชินเหมือนอยู่คนเดียว

     

     

                       “ นี่ ลงไปนั่งพื้นทำไมครับมานั่งกับพี่สิ ”   มือยาวตบที่เบาะดังปึ๊กๆ แค่นั้นมันก็ทำเอาซองมินหน้าเห่อไปอีก

     

     

                      “ ไม่เป็นไรครับผมชินนั่งพื้นมากกว่า จริงๆพี่ไม่ต้องลำบากไปซื้อให้ผมก็ได้เมื่อคืนนี้พี่คยูกลับดึกได้นอนต่ออีกหน่อยก็น่าจะดี ”   ซองมินตักข้าวคำปรกเข้าไปในปากหลังพูดเสร็จ ด้วยความหิวที่มีมาก่อนหน้านี้ทำให้โจ๊กธรรมดาๆมันอร่อยขึ้นมาได้ หรือว่าจะอร่อยเพราะคนซื้อให้กันแน่นะ...

     

     

                       “ ทีเมื่อคืนเรายังซื้อจาจังมยอนให้พี่กินเลย ซองมินวันนี้พี่ไม่มีงานตอนเช้าพี่ไปส่งเราที่โรงเรียนได้นะ!”  เพื่อเป็นการตอบแทนซองมินที่เอาใจใส่ผมเสมอมา ผมเองก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลเขาอย่างเต็มที่แบบที่แม่หวังไว้ ผมมาคิดๆดูแล้วการที่น้องอยู่ตัวคนเดียวที่นี่(ถึงแม้ว่าอยู่กับผมแต่ก็เหมือนไม่มีใครอยู่ด้วย) มันก็ทำให้ผมต้องชดเชยสิ่งที่เด็กคนนี้ขาดหายไปก่อนที่จะกลายเป็นเด็กดื้อจริงๆสะก่อน

     

     

                       “ คือไม่เป็นไรครับ ผมไปรถเมล์ได้”  ซองมินโบกมือปฎิเสธพัลวัน  ความเกรงใจที่คนตรงหน้ามีให้มันทำให้คยูฮยอนแน่วแน่ในปณิธานมากขึ้น

     

     

                      “ ไม่ได้! อย่าดื้อนะซองมิน พี่เคยบอกไว้ไม่ใช่หรอว่าถ้าว่างจะขับรถไปส่ง แค่นี้มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงพี่หรอกพี่ยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ” คนตัวสูงเอ่ยหยอก  ซองมินน่ะเป็นเด็กดีไม่แปลกที่ใครหลายคนเอ็นดูตอนนี้ผมก็คงเป็นอีกหนึ่งคนแล้วล่ะที่เอ็นดูน้อง…

     

     

                   หลังจากซองมินทานข้าวเสร็จก็โทรไปบอกเพื่อนรักว่าวันนี้ขาดนัดประจำวันหนึ่ง ทุกๆวันไอ้ฮยอกแจมันจะมีคนขับรถไปส่งที่โรงเรียน แต่พอผมย้ายมาที่นี่ผมก็บังคับให้มันมานั่งรถเมล์เป็นเพื่อนโดยที่คอนโดมันห่างจากคอนโดพี่คยูสองป้ายรถเมล์ ผมเป็นเพื่อนที่ดีใช่ไหมล่ะครับช่วยเพื่อนประหยัดค่าน้ำมันด้วย...

     

     

                        หลังจากที่ขึ้นมาบนรถพ่อพระเอกคนหล่อของซองมินก็เอาแต่เปิดเพลงบัลลาดช้าๆที่เป็นตัวขับกล่อมชั้นดี คนนอนดึกตื่นสายเป็นประจำอย่างซองมินก็สลบเหมือดไปกว่าครึ่งทางทำให้คนที่มาส่งไม่ได้ชวนคุยอะไรก่อนที่เขาจะตื่นเสียงเสียงคุยโทรศัพท์ของคนที่ขับรถอยู่เนี่ยแหละ

     

     

                         “อื้อ...ครับฮานึล ได้ครับ...อีกไม่นานก็ได้เจอกันแล้วนะ ครับ...หึ คิดถึงเหมือนกันครับ”  ประโยคสุดท้ายสารถีหน้าหล่อก็วางสายไป โดยที่ไม่รู้ว่าคนข้างๆแอบได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ตลอดแต่ก็ทำเป็นแกล้งหลับต่อไป

     

     

                          ไม่ต้องบอกว่าผู้หญิงที่ชื่อ ฮานึล คนนี้คือใคร... ด้วยรูปประโยคที่คนตัวสูงพูดเมื่อกี้มันก็บอกอะไรหลายๆอย่าง ถึงจะให้ซองมินมองโลกในแง่ดีแค่ไหนต่อให้โง่เป็นควายยังรู้เลย... ตอนแรกก็ทำใจไว้แล้วหลังจากที่ไอ้ฮยอกแจพูดกับที่โดนแซวเรื่องนี้บ่อยๆแต่ผมก็ไม่เคยคิดมากกับมันเลยสักครั้ง จนมาถึงวันนี้..ยอมรับว่าตั้งตัวไม่ทันจริงๆ ถึงจะอยากร้องไห้แต่ไหนก็ต้องทำเป็นหลับต่อไปอยู่ดี...อีซองมินมึงนี่โคตรป๊อดเลยว่ะ...

     

     

                      ขับรถไปได้สักพักคยูฮยอนก็ปลุกให้ซองมินตื่นขึ้นมา คนตัวเล็กแกล้งทำเป็นงัวเงียทั้งที่ตื่นตั้งแต่ครึ่งทางแรก ภาพเด็กน้อยที่ทำหน้าใสซื่อตอนตื่นทำให้คยูอยอนยิ้มรับกับความน่ารักของซองมินอีกครั้ง การแสดงชุดนี้ของซองมินมันเยี่ยมไปเลยไช่ไหมล่ะ

     

     

                          “เย็นนี้เดี๋ยวพี่มารับแล้วเราไปกินหม้อไฟกันนะ แล้วเลิกเรียนกี่โมงครับพี่จะได้มาถูก”

     

     

                          “บ่ายสามครับ” ซองมินหยิบกระเป๋าด้วยท่าทีสดใสเหมือนเดิม คนตัวเล็กยิ้มกลับไปให้คยูฮยอน ...อีกนานแค่ไหนนะที่ผมจะหยุดเสแสร้ง คงจนกว่าผมจะรับความจริงได้...

     

     

                          “โอเคครับ” 

     

     

                         ซองมินเดินลงมาจากรถ พอหันหลังให้รถคันหรูก็ขับออกไปทันที...อย่างนี้สินะพอเจอเรื่องร้ายๆแม้ว่าจะเป็นอะไรเล็กๆน้อยก็กระทบความรู้สึกได้ทุกอย่าง ทันทีที่ผมหันหลังให้รถเหมือนผมจะต้องจากกับพี่คยูคนเดิมในจินตนาการตลอดกาล...

     

     

                         “มึง เป็นห่าไรมาหน้างอเชียว”  พอซองมินเดินเข้ามาในห้องได้ไม่เกินสิบวิฮยอกแจก็ถามถึงสีหน้าทันที

     

     

                         “เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้ฟัง ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์ คุยเรื่องอื่นได้ไหม”  ซองมินพูดโดยไม่หันหน้ามาหาใครทั้งนั้น สายตาที่ว่างเปล่าและหน้าตาที่บอกบุญไม่รับก็ทำให้ฮยอกแจรู้ว่าเขาควรทำอย่างไร

     

     

                        “เออๆ กูก็เบื่อที่จะรับมือมึงเหมือนกัน... นี่! เมื่อกี้ก่อนมึงเข้ามาอาจารย์ซึงฮยอนเขามาคุยกับกูแล้วเขาถามหามึงด้วยล่ะ”

     

     

                        “เรื่องอะไร”  คนตัวเล็กยังตอบห้วนๆเหมือนเคย

     

     

                        “เขามาบอกเรื่องทุนป.ตรี วิทยาศาสตร์ที่ฮังการี อาจารย์บอกว่างานนี้รับ 5 คนในเขตแต่ไม่มีใครสนใจไปเลย เขาบอกให้เราสองคนไปสอบดูน่าจะติดง่ายๆอ่ะ”  สิ่งที่ฮยอกแจเสนอไม่ได้ทำให้ซองมินสนใจนัก อย่างที่คิดเขาไม่อยากจะเรียนวิทยาศาสตร์อีกต่อไปแล้วล่ะ

     

     

                       “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเรียนวิทย์ แล้วมึงอ่ะ..ถ้าได้ไปจะทิ้งงานถ่ายแบบเลยหรือไง ยืนเก๊กท่าสบายๆดีกว่าไปตกระกำลำบากตั้งเยอะ”

     

     

                        “นี่มึงก็เรียนเก่งทำไมไม่สอบดูวะ เผื่อมึงสอบอิ้งค์ไม่ได้ขึ้นมาอย่างน้อยก็ได้เที่ยวนะเว้ยยยย ยืนยันสิทธิ์ตั้งนานมึงรอตัดสินใจแล้วตัดสินใจอีกว่าจะเอาไม่เอาก็ได้”  ฮยอกแจเสนอข้อคิดเห็น มันก็ทำให้ซองมินสนใจขึ้นมานิดๆแล้วแหละ

     

     

                         “ฮังการี 4 ปีก็ไม่เลว แล้วเขาสอบวันไหนวะ มึงสอบเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”

     

     

                         “ก็ได้ แต่อีกสองอาทิตย์สอบนะ..”  ประโยคสุดท้ายทำซองมินสตั้นไปนิด

     

     

                         “....”

     

     

                         “อะไร! มองหน้ากูแบบนั้นทำไม”

     

     

                         “ไอ้สัส!

     

     

                         จากที่ผมกับไอ้ฮยอกแจพากันเรียนเสร็จภาคเช้าก็เดินเข้าไปที่ห้องพักครูเพื่อไปเอาเอกสารสมัครสอบชิงทุน ซึ่งก็ได้ข่าวลือมาว่าโรงเรียนเราก็มีคนไปแค่สองคนคือผมกับไอ้ฮยอกแจเนี่ยแหละ แค่พูดว่าทุนวิทยาศาสตร์ต่างประเทศคนก็จะนึกถึง อมเริกา อังกฤษ เยอรมัน จีน หรือออสเตรเลียใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งไอ้ทุนของประเทศพวกนี้มันชอบมาให้สมัครในเวลาไล่เลี่ยอาจารย์ซึงฮยอนบอกว่าเด็กที่เก่งๆหลายๆเขตก็แห่กันไปสอบ มันก็เหลือฮังการีกับสโลวาเกียให้ผมพวกที่ไม่มีใครสอบเนี่ยแหละ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าไรนักเมื่อเราทั้งสองไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะเรียนด้านนี้ แค่ไปสอบเอาใบประกาศเฉยๆเผื่อโปรไฟล์ดีแล้วมหาลัยในเกาหลีจะสนใจก็แค่นั้น

     

     

                         ซองมินและฮยอกแจพากันซื้อขนมปังที่โรงอาหารก่อนมานั่งที่ดาดฟ้าตึกวิทย์ที่ใครๆไม่ชอบจะมากันทั้งที่บรรยากาศก็ดี เห็นคนอื่นพูดกันว่ามันน่ากลัวนี่จริงไหมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือมันเป็นที่เหมาะแก่การพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามาก...

     

     

                        “เมื่อเช้าพี่คยูฮยอนขับรถมาส่งกูว่ะ”  ซองมินเปิดประเด็นขึ้นมา

     

     

                        “ก็ดีหนิ แล้วมึงเซ็งทำไมชอบพี่เขาไม่ใช่หรอ”   ฮยอกแจพูดพลางกัดขนมปังที่มือไปเรื่อยๆ

     

     

                       “ก็เกือบจะดีถ้ากูไม่เจออะไรเหี้ยๆก่อน...”

     

     

                       “พี่คยูเขามีแฟนแล้วว่ะ...”  สายตาของซองมินหันมองไปที่ขอบฟ้าเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด ฮยอกแจหันมามองเพื่อนหลังจากจบประโยคนั้นแล้วก็เงียบไปสักพักเพื่อให้ซองมินได้เล่าทุกอย่างออกมา

     

     

                       “....”

     

     

                       “เมื่อเช้ากูอยู่บนรถกับพี่คยูเผลอหลับไป แต่ก็ดันตื่นตอนที่ได้ยินเสียงพี่เขาคุยโทรศัพท์... ผู้หญิงคนนั้นชื่อฮานึล...มึงคิดว่ากูควรจะทำยังไงดี”

     

     

                      “ควรจะทำยังไงดีนี่คืออะไร? ควรทำอะไรกับหัวใจมึงหรือควรทำยังไงกับพี่คยูฮยอนงั้นหรอ” 

     

     

                       “ทั้งสองอย่าง”  ซองมินหยิบขนมในมือมานั่งกินบ้างเมื่อเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิมหลังจากที่เล่าเรื่องให้เพื่อนรักฟัง

     

     

                       “มึงจำที่กูบอกมึงที่ร้านไอติมได้ป่ะ คิดว่าพี่คยูฮยอนเป็นเกย์งั้นหรอ เขาชอบผู้ชายไหม...เขามีแฟนเป็นชะนีกูก็คิดว่ามึงคงจะคิดได้อ่ะนะ”  คำพูดของคนข้างๆทำเอาซองมินสะอึก...                                     

     

     

                       “นี่มึงเพื่อนกูหรือเปล่าเนี่ย! กูไม่ได้ตั้งใจชอบเขานี่หว่า!

     

     

                       “ตอแหล!จะชอบคนทั้งทีก็ต้องตั้งใจแหละวะ กูรู้ว่ามึงมีเซ้นต์เรื่องพี่คยูฮยอนมีเมียมานานแล้วแต่ทำเฉยใช่ไหมล่ะ อยากได้พี่เขาก็บอก”  ฮยอกแจยังคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอะไร

     

     

                       “เออ! แต่เขามีแฟนแล้วจะให้ทำไงวะ กูพยายามห้ามความรู้สึกอยู่เนี่ย”  ซองมินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มันก็ทำให้ฮยอกแจอ่อนใจขึ้นเยอะ

     

     

                      “ทำไม ทำหน้าแบบนั้นอยากได้กำลังใจหรอ กูจะบอกอะไรให้นะ มึงก็คิดอย่างงี้สิรักได้ก็เลิกได้ กูนี่ทำสถิติให้คนอื่นเขาตบตีกันเยอะแยะมาแล้วร้อยทั้งร้อยชอบของใหม่มากกว่าเชื่อกู”

     

     

                      “มึงจะบอกให้กูไปแย่งเขางั้นสิ เขาคงเลือกกูหรอกกูเป็นผู้ชายแถมเรียนม.ปลายอีกตั้งหากหน้าตาก็ไม่ดี ไอ้คนที่ชื่อฮานึลอะไรนั้นสวยขนาดไหนก็ไม่รู้แต่ว่าถึงขนาดพี่คยูชอบคงจะไม่ธรรมดา กูไม่มีอะไรสู้เขาได้เลย”  พอพูดถึงความจริงผมก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง พอเทียบให้คู่กับพี่คยูดูไร้ค่าเข้าไปใหญ่

     

     

                       “เคยได้ยินป่ะ รักแท้แพ้ใกล้ชิด ถ้ามึงสู้อะไรไม่ได้สักอย่างก็เอาความดีเข้าแลกดิว่ะ มึงก็รู้หนิผู้ชายชอบให้คนดูแลเอาใจ ทำดีให้มากๆอาจจะหวั่นไหวก็ได้”

     

     

                       “อาจจะนี่คือเขาอาจจะชอบกูหรือไม่ก็ได้”

     

     

                       “ก็นะ..จะมีโอกาสถ้าพี่คยูฮยอนของมึงลองเปิดใจชอบผู้ชาย ฮ่าๆ”

     

     

                        “ความหวังกูดับวูบเพราะมึงเนี่ยแหละ!

     

     

     

    ....

    ...

    ..

    .

     

     

     

                     หลังจากที่ผมคุยกับไอ้ฮยอกแจไปเมื่อพักกลางวัน มันก็ทำให้ผมคลายเครียดขึ้นเยอะถึงแม้ว่าทางออกมันจะมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นแต่ผมก็ยังรู้ว่าผมคนคอยช่วยผมอยู่ หลังจากนี้ผมจะตั้งคติกับตัวเองว่าจะไม่คิดมาก พยายามมองโลกในแง่ดีขึ้นถึงแม้ว่ามันจะยากก็ตาม

     

     

                     คาบสุดท้ายพี่คยูโทรมาหาผมก่อนโรงเรียนเลิกถึงแม้ว่าวิชานี้จะเป็นคาบว่างที่เด็กนักเรียนไปทำกิจกรรมกัน แต่ก็รู้ว่าผมกับไอ้ฮยอกแจไม่มีทางไปทำแน่ๆ ผมเก็บกระเป๋าแล้วลากไอ้ฮยอกแจมาส่งเป็นเพื่อนที่หน้าประตูโรงเรียนเหมือนในหนังที่นางเอกเอาเพื่อนไปแล้วพระเอกจะเข้าใจผิดหึงคิดว่าแฟน ให้ทายว่าผลเป็นไง...

     

     

                     “ซองมินมาแล้วหรอ แล้วนั่น...” คยูฮยอนที่เลื่อนกระจกในรถเหลือบตามองเด็กผู้ชายร่างบางข้างๆซองมิน

     

     

                    “เอ่อ นี่ฮยอกแจเพื่อสนิทของผม คนที่มาโรงเรียนด้วยกันบ่อยๆไงครับ!”   ผมแอบมีความหวังเล็กๆว่าบางทีหน้าพี่คยูฮยอนอาจจะเจื่อนลงหรือว่าแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่สิ่งที่เป็นมันกลับตรงกันข้าม...

     

     

                   “อ้าว คนนี้เองหรอ! ฮยอกแจไปกินหม้อไฟกับพี่ไหมเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านเอง”  คนตัวสูงส่งยิ้มเอ่ยชวนเพื่อนซองมินทันที  ซองมินคงต้องตั้งคติกับตัวเองอีกอย่างหนึ่งแล้วล่ะ... อย่ามโนให้มาก

     

     

                  “ไม่เป็นไรครับวันนี้ผมว่าจะรีบกลับบ้านงานที่ทำไว้ยังไม่เสร็จ พี่ไปกับไอ้ซองมินสองคนเถอะครับผมแค่มาส่งมันเฉยๆ”  ฮยอกแจรีบบอกปฏิเสธทันที เขารู้อยู่หรอกว่าไปแล้วต้องไปเป็นก้างขวางคอเพื่อน ถึงแม้คนตัวสูงที่นั่งในรถจะไม่คิดอย่างั้นก็เหอะแต่เพื่อนเขานี่คิดแบบนั้นเต็มๆ

     

     

                 “เสียดายจัง วันหลังไปเล่นกับซองมินที่คอนโดพี่ก็ได้นะอยู่ใกล้กันไม่ใช่หรอพี่ไม่ค่อยอยู่เดี๋ยวซองมินเหงา”   นอกจากที่คยูฮยอนจะไม่หึงหวงหรือแสดงอาการไม่พอใจกับฮยอกแจแล้ว ยังมีการชวนมาเล่นที่บ้านประหนึ่งสนิทชิดเชื้อยิ่งกว่าซองมินผู้ที่อยู่ด้วยกันทุกวัน

     

     

                 “งั้นก็ขออนุญาตด้วยนะครับ บางทีถ้าผมชวนซองมินไปดื่มพี่ก็อย่าว่าผมนะ คิคิคิคิ”  ฮยอกแจพูดแหย่คยูฮยอน เพราะเขารู้แกวว่าเจ้าตัวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าคยูฮยอนเอ็นดูในตัวเพื่อนรักอยู่บ้าง แล้วมันก็เป็นไปตามคาด

     

     

                 “ไม่ได้นะ! เรายังพากันดื่มไม่ได้ถ้าจะดื่มต้องมาดื่มที่บ้านเข้าใจไหมซองมิน”   อากัปอาการเป็นห่วงซองมินทำเอาคนตัวเล็กยืนเอ๋อไปสักพักแต่เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนรักได้อย่างมาก

     

     

                   ฮยอกแจดันเพื่อนตัวอวบเข้าไปในรถหรูของคยูฮยอนพร้อมปิดประตูไล่ คนตัวบางส่งสายตาหยอกล้อให้ซองมิน พร้อมๆกับที่ตัวรถของคยูฮยอนเคลื่อนตัวออกไป ไอ้เพื่อนเวรนี่...ล้อผมจนหูแดงตลอด ถ้าเกิดผมเล่าอะไรที่มากกว่านี้ให้มันฟังเนี่ยไอ้ฮยอกแจต้องล้อผมไปจนตายแน่ๆ

     

     

                 “เพื่อนเรานี่น่ารักดีนะ รู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน”  คยูฮยอนหันมาถามซองมิน แหม...เจอไอ้ฮยอกแจแป๊ปเดียวบอกว่ามันน่ารักอยู่กับผมเกือบเดือนแล้วชมสักคำยังไม่มี ความหวังจากศูนย์พูดได้เลยว่าตอนนี้ติดลบ -_-

     

     

                 “ตั้งแต่มัธยมต้น ปี 1 ครับ”  ซองมินพูดนิ่งๆ ความมาคุรอบๆตัวอาจจะทำให้คยูฮยอนรับรู้ความรู้สึกของซองมินบ้าง

     

     

                   “ทำหน้าอย่างนั้นทำไม... หวงเพื่อนหรอพี่ไม่จีบฮยอกแจหรอก ฮ่าๆ”   ผมหวงพี่นั่นแหละครับ...

     

     

                “ผมรู้ว่าพี่ไม่จีบเพื่อนผมหรอกครับ ก็พี่มีแฟนอยู่แล้วหนิ” 

     

     

                  “...”

     

     

                     เฮือก!

     

     

                 ปากไวอีกแล้วไอ้ซองมิน หึ้ยยยย เดี๋ยวเขาก็หาว่าเราเป็นคนยุ่งเรื่องชาวบ้าน

     

     

                “ถึงพี่มีแฟนแล้วแต่เราก็ยังเป็นน้องพี่นะซองมิน...คุยกับพี่ได้”  คยูฮยอนรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงประชดประชันที่คนตัวเล็กเผลอหลุดออกมาเมื่อกี้ มันทำให้เขาคิดว่าซองมินอาจจะ...ชอบเขา?

     

     

                   “ครับ ผมอิจฉาพี่นะมีผู้หญิงเข้ามาให้เลือกเยอะแยะ ผมก็ว่าจะหาสักคนเหมือนกันช่วงนี้จะได้ไม่เหงา”  ด้วยความน้อยใจทำให้ซองมินพูดไปแบบนั้น ความจริงเขามาคิดจะหาใครอีกแล้วในเมื่อคนที่รักมันนั่งอยู่ข้างๆตอนนี้

     

     

                    “ซองมิน...การที่เราอยากได้แฟนสักคนพี่อยากให้เราคิดเยอะๆนะ มันไม่ใช่เดินไปหาใครสักคนแล้วแค่เป็นแฟนกัน ถ้าเราไม่ได้รักเขาเราจะมีความสุขหรอ” คยูฮยอนพูดสอนซองมิน  ...มีความสุขแบบที่พี่มีความสุขกับผู้หญิงที่ชื่อฮานึลน่ะหรอ..

     

     

                    “พี่ครับ ผมว่าพี่ส่งผมที่ป้ายรถเมล์ป้ายหน้านี่ดีกว่า พอดีผมนึกได้ว่างานที่ทำกับไอ้ฮยอกแจยังไม่เสร็จจะรีบกลับไปทำที่คอนโด ขอโทษที่ไปกินด้วยไม่ได้แล้ว”  ความเสียใจของซองมินทำให้ตนเสียมารยาทกับคยูฮยอน คนตัวสูงหน้าเสียไปนิดเมื่อนึกว่าตนพูดอะไรไม่เข้าหูซองมินหรือเปล่า

     

     

                    “ไม่เป็นไรเราซื้อไปทำกินกันที่บ้านก็ได้เนอะ เดี๋ยวซองมินกลับไปคนเดียวจะไม่ได้กินข้าวเย็นอีก”  คยูฮยอนเลือกที่จะซื้อหม้อไฟไปกินที่บ้านเมื่อเห็นน้องอารมณ์เสีย เขาไม่ค่อยเห็นซองมินในโหมดนี้เท่าไรนักแต่คยูฮยอนก็ไม่อยากจะซักถามอะไรให้น้องอึดอัด แต่ที่รู้ๆมันอาจจะเป็นเพราะเขาเองที่ให้น้องเป็นแบบนี้

     

     

                        การสนทนาจบลงมันก็เหมือนจบโลกสังคมที่เราสื่อสารกัน ความเงียบที่ลอยอบอวนอยู่ในรถยาวนานจนถึงที่คยูฮยอนพาตนเองและซองมินถึงร้าน  คนตัวสูงรีบกุลีกุจอลงจากรถไปสั่งหม้อไฟกลับบ้าน ไม่นานก็เข้ามาในรถเพื่อเป็นการคลายความเงียบเขาจึงเปิดเพลงในรถอีกครั้งแต่มันก็ไม่ทำให้เด็กดื้อของเขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้เลย...

     

     

                       ตัวรถจอดที่โรงจอดรถเฉกเช่นทุกวัน เมื่อลงจากรถไม่มีคำพูดใดๆจากซองมินที่เจ้าตัวพาร่างตัวเองนำดิ่งเข้าไปในตัวคอนโดโดยที่ไม่สนใจคยูฮยอนเลย  ทิ้งให้คนร่างสูงเดินถือถุงที่ได้มากจากร้านหม้อไฟตามหลังมา เมื่อถึงห้องคยูฮยอนก็ไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ของน้องตอนนี้ยังไงก็ได้แต่ชวนให้น้องทำของที่ซื้อมา

     

     

                       “ซองมินเรามาเตรียมของกันเถอะ!”  คยูอยอนพูดอย่าร่าเริงเพื่อหวังให้บรรยากาศที่น่าอึกอัดนี้ดีขึ้น

     

     

                      “พี่คยูนั่งรอที่โซฟาเลยครับ พี่เป็นคนซื้อมาเดี๋ยวผมทำให้”  ซองมินเปิดประตูห้องแล้วเขวี้ยงกระเป๋าตัวเองเข้าไป  เขาถอดสูทนักเรียนและพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น ซองมินหยิบของที่ซื้อมาจากมือของคยูฮยอนอย่างรวดเร็ว เขานำผักมาหั่นเอาหมูและเนื้อสัตว์อื่นๆใส่จาน พร้อมกับที่คยูฮยอนหยิบหม้อไฟฟ้าจากห้องครัวมาตั้ง คนตัวเล็กหยิบของที่เตรียมไว้มาที่โซฟาพร้อมจานกับตะเกียบเพียงชุดเดียว...

     

     

                     “เราไม่กินกับพี่หรอ...”คยูฮยอนถามขึ้นเมื่อเขาเห็นน้องกำลังจะเดินเข้าไปในห้องของตัวเองเมื่อเตรียมของให้เขาเสร็จ

     

     

                     “พี่กินก่อนเถอะครับ ผมว่าจะทำงานก่อนคงจะกินตอนดึกๆพอดีงานส่งพรุ่งนี้ขอโทษนะครับที่ไม่ได้กินเป็นเพื่อน”  คำขอโทษของซองมินมันไม่ได้ดูจริงใจเลยในสายตาคยูฮยอน   ตอนแรกก็กะจะกินที่ร้านด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วแท้ๆ พอซองมินพูดแบบนี้รู้เลยว่าน้องคงไม่ออกมากินแบบที่พูดไว้หรอก

     

     

                    เมื่อประตูปิดลงความอ่อนแอที่มีก็เข้ามาโจมตีซองมิน เขาเดินไปนั่งร้องไห้ที่เตียงนอนของตัวเองเงียบๆ ความกดดันที่สะสมมามันพลั่งพลูเป็นน้ำตา  ผมพยายามจะมองโลกในแง่ดีแล้วแท้ๆ...พยายามจะไม่ใส่ใจ...แต่ผมก็ทำมันไม่ได้อยู่ดี การที่เรารักใครสักคนมันลำบากขนาดนี้เลยหรอ ผมไม่เคยรู้เพราะผมไม่เคยรักใครไม่เคยคิดที่จะรักใครจริงๆสักครั้ง...ผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมนางร้ายในละครถึงได้ฟูมฟายนักตอนพระเอกไม่สนใจ ตอนนี้มันทำให้ผมรู้ทุกอย่าง...การที่ผมคิดจะรักพี่เขาทั้งที่พี่เขามีเจ้าของอยู่แล้ว คงไม่ต่างจากตัวร้ายพวกนั้นที่คอยแย่งชิงพระเอกจากนางเอกหรอก...























     

    .......................................................................................................................................
    **รู้สึกว่าแต่งไปแต่งมา SF เรื่องนี้จะยาวมาก คาดว่าเกินสิบตอน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×