ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จดหมายจากนัดดา
สุดสัปดาห์กับการไปดูหนังของนัดดาคงเป็นเรื่องตลกของเพื่อนสนิททั้งสอง  เสียงหัวเราะของพวกเค้าดูจะไม่มีวันหยุดลงได้โดยง่าย    แม้ว่าหนังเรื่องที่พวกเค้าไปดูนั้นจะมีฉากจบที่สุดแสนจะประทับใจมากสักแค่ไหนก็ตาม  ยิ่งเมื่อนัดดานั่งฟังและมองดูท่าทางที่ แอ้ม ล้อเลียน ยิ่งทำให้นัดดาอยากจะบินหนีไปให้พ้นจากที่นี่  ครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสเจอกับ ยุทธ  อาจไม่สวยหรูเหมือนที่เคยจินตนาการ  จนกลายเป็นฉากหนึ่งในหนังที่คิดว่าเศร้า และน่าอายมากกว่าเรื่องที่เธอพึ่งจะดูมาก็เป็นได้     
ในคาบเรียนวิชาสุดท้ายของวัน  นัดดาจดจ่อกับการเขียนข้อความบางอย่าง  คำทุกคำที่เขียนลงบนกระดาษ  ดูเหมือนนัดดาพยายามกลั่นกลองข้อความนั้นออกมาให้ดีที่สุด  เสียงปากกาที่ขีดละเลงไปแนวยาว  หรือแม้แต่กระดาษที่ถูกขยำทิ้งและข้างโต๊ะ  ยิ่งย้ำถึงความตั้งใจของเธอเป็นอย่างมาก  ไม่แปลกที่ แอ้ม จะนั่งมองอย่างสงสัยกับพฤติกรรมประหลาดในครั้งนี้ของนัดดาด้วย
“ นัด  เมื่อกี้เธอนั่งเขียนอะไรอยู่ ? “  แอ้มรีบถามทันทีที่ชั่วโมงเรียนสิ้นสุดลง
“ อ๋อ... ก็ไม่มีอะไรหรอก  ฉันพยายามจะจดเนื้อหาสำคัญ ๆ ที่อาจารย์ท่านย้ำในวิชานั่นแหละ  เธอก็รู้ว่ามันยากนี่เนอะ “
“ เธอตั้งใจเรียนขนาดนั้นเชียว !    วันนี้ฝนคงต้องตกแน่ ๆ  สงสัยฉันต้องไปฟังรายงานพยากรณ์อากาศซะหน่อยแล้วมั้ง  “
“  แหม...เธอนี่ก็พูดเกินไป  เออนี่ แอ้ม !  พอจะรู้ไหมว่าคาบนี้ โจ เค้าเรียนวิชาอะไร ? “
“  ฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นะ  ทำไมเธอไม่ลองเดินไปดูที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกล่ะ  โจเค้าชอบนั่งขลุกอยู่กับเพื่อนที่นั่นทั้งวันไม่ใช่เหรอ  เธอลองไปถาม ๆ ดูแล้วกัน .... ว่าแต่เธอมีอะไรกับโจ เหรอ ? “
“  ก็นิดหน่อย ไม่มีอะไรมากหรอก  ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปหา โจ ก่อนนะ “  นัดดารีบวิ่งออกไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของแอ้มเลยสักนิดเดียว
กลุ่มนักศึกษามากมายที่ต่างพากันนั่งจับกลุ่มบนโต๊ะมาหินอ่อน  บ้างก็นั่งทบทวนทำความเข้าใจกับวิชาที่เรียนมา  บ้างก็คุยเฮฮาตามประสาเพื่อนพ้อง  จะมีบ้างที่นั่งจับกลุ่มนินทาเรื่องของคนอื่น  ไม่แปลกที่เราพอจะเดาถึงเรื่องราว หรือบทสนทนาต่าง ๆของกลุ่มคนเหล่านั้นได้ว่าจะเป็นไปในลักษณะใด  บางทีอาจพิจารณาได้จากสีหน้า  แววตา  ท่าทาง  รวมไปถึงน้ำเสียงจากกลุ่มคนเหล่านั้น โทนเสียงเรียบ ๆ อาจมีเสียงหนัก  ดูเคร่งขรึมบ้าง  ก็อาจเดาได้ไม่ยากว่าคงจะพูดคุยกันในเรื่องบทเรียน  ทบทวนเนื้อหาวิชาต่าง ๆ กันอย่างตั้งอกตั้งใจ  น้ำเสียงใส ๆ ดูจริงใจ เปื้อนเสียงหัวเราะเป็นระยะ ๆ  ก็น่าจะเป็นการพูดคุยเรื่องจิปาถะของกลุ่มเพื่อนฝูง    และพวกที่มีแววตา และท่าทางที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ  ใช้เสียงเล็กเสียงน้อยเวลาพูดจา  จนทำให้รู้สึกถึงความร้อนที่แฝงอยู่ในกายผู้พูดได้นั้นก็น่าจะเป็นพวกที่มีเวลาว่างมาก ๆ ไม่ค่อยคิดถึงเรื่องของตัวเองสักเท่าไร  และคงจะมีความสามารถสูงในการพูดถึงเรื่องของคนอื่น
นัดดาพยายามเดินมองหา โจ  จากกลุ่มของนักศึกษาหลาย ๆ กลุ่มที่นั่งอยู่บริเวณนั้น  ความพยายามของนัดดาดูเหมือนจะไม่สำเร็จ  ไม่มีทีท่าว่า โจ จะนั่งอยู่ที่นี่เลยสักนิดเดียว    แต่สิ่งที่ทำให้นัดดาเลิกถอดใจ  จนลืมเรื่องที่กำลังตามหาโจอยู่ก็เพราะว่า  ยุทธ นั้นกำลังนั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะม้าหินด้านในสุด ทันทีที่จุดรวมสายตาของนัดดาเพ่งไปที่เค้า  เสียงหัวใจของเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างเคยอีกต่อไป  ยุทธ ในอีกมุมที่นัดดาได้เห็นนั้น ยิ่งย้ำถึงความรู้สึกที่คิดว่า เค้าเป็นผู้ชายที่ใกล้เคียงกับผู้ชายในอุดมคติของเธอมากถึงมากที่สุด   
                                “  รู้ตัวหรือเปล่าว่ามีคนแอบชอบนายอยู่  ...  รักนะเด็กโง่ “
                                                                                          นัดดา 
นัดดานึกถึงข้อความในซองจดหมายเล็ก ๆที่ถืออยู่ในมือของเธอซ้ำอีกครั้ง  คาบเรียนวิชาสุดท้ายของวันที่ผ่านมาเธอใช้เวลาไปกับการเขียนข้อความน่าอายสั้น ๆ นี้ซึ่งมีเพียงไม่กี่ประโยค    ความตั้งใจเดิมของนัดดาคือฝาก โจ นำเอาข้อความนี้ไปให้กับยุทธ    แต่ในเมื่อ  ยุทธ นั้นก็นั่งอยู่ตรงหน้านี้  อีกทั้ง โจ  ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่  เธอควรจะเดินเอาจดหมายนี้ไปให้เค้าเองเลยดีหรือเปล่า  คำถามที่นัดดาเองก็ยังลังเลไม่กล้าที่จะระบุคำตอบ  แต่โอกาสที่ดี เหมาะเจาะลงตัวอย่างนี้คงจะมีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น  นี่คงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่นัดดาบอกกับตัวเอง  และเป็นจุดเริ่มต้นในการรวบรวมความกล้าที่จะเดินตรงเข้าไปหา ยุทธ ในที่สุด
“  ยุทธ  เย็นมากแล้วนะยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ  ?  “ 
“  อ้าว ! นัด  .... ยุทธก็นั่งอ่านหนังสือเพลิน ๆ  อีกสักพักก็คงจะกลับแล้วล่ะ  แล้วนี่นัดมาหาโจ เหรอ? “
“  อืมใช่  พอดีอาจารย์ให้ทำรายงาน  ก็ว่าจะยืมหนังสือของโจเค้ามาค้นคว้าเพิ่มเติมซะหน่อย  “ นัดดารีบตอบ เธออยากจะเอามือทุบหัวตัวเองกับสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่  เพราะนั่นไม่ได้อยู่ในประเด็นกันที่เธอต้องการคุยกับยุทธ เลยสักนิดเดียว
“  อ๋อ ... โจยังไม่ออกมาจากห้องเรียนเลย  เห็นว่าจะปรึกษาอาจารย์เรื่องรายงานต่อน่ะ  นัดนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนก็ได้นะ  เดี๋ยว โจ ก็คงจะมาแล้วล่ะ  “
“  ไม่ดีกว่า  เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันแวะมาใหม่แล้วกัน  ฝากบอกโจ ด้วยนะ  บ๊ายบาย ...“ 
“  เอางั้นเหรอ  ...  งั้นเดี๋ยวยุทธจะบอกโจให้แล้วกัน  “           
นัดดาหันหลังกลับและยืนอึ้งกับสิ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เตรียมตัวไว้เพื่อที่จะพูดกับยุทธ  บทสนทนาของเค้าและเธอดูสั้น  กระชับ  และจบลงอย่างรวดเร็ว  คำพูดมากมายหลายประโยคก้องอยู่ในหัวของนัดดา    “ เธอนี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ พูดอะไรออกไปแบบนั้น    อยากจะบ้าตาย...เป็นอะไรไป นัดดา “    ถ้าหากเป็นไปได้เธออยากจะพูดคำเหล่านั้นออกมาให้ดังที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้เลยซะมากกว่า นั่นคงจะทำให้ตัวของนัดดารู้สึกดีขึ้นกว่านี้ 
“  นัด  เป็นอะไรหรือเปล่า ? “  ยุทธถามเมื่อเห็นนัดดาหันหลังยืนนิ่ง 
“  ป่ะ....เปล่า  ไม่เป็นไร  แค่ยืนคิดอะไรนิดหน่อยนะ  “ 
“  อ่ะนี่ ! จดหมายของเธอ  “    ยุทธรีบหยิบจดหมายที่ตกลงบนพื้นขึ้น และยื่นให้กับนัดดาที่พึ่งหันกลับมา
เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน  นัดดาอยากให้เข็มนาฬิกาหยุดเดิน  เวลาจะได้หยุดนิ่งเพื่อไม่ให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปไหน    เงาของนัดดาที่มองผ่านจากดวงตาของยุทธนั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมากที่สุด  แม้จะเป็นแค่เสี้ยวเวลาเธอที่คิดว่าได้เข้าไปอยู่ในสายตาของยุทธเพียงชั่วครู่  แต่นั่นก็เพียงพอที่จะเป็นส่วนหนึงของเรื่องดี ๆ ในชีวิตเธอเลยก็ว่าได้  เสียงหัวใจของนัดดาเต้นเร็วและดังจนเธอกลัวว่า ยุทธ จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้    เป็นเรื่องประหลาดเมื่อเวลาที่เราต้องการจะมองสิ่งของให้กับคนที่รักหรืออยากจะมอบให้นั้นจะต้องผ่านเพื่อนสนิท ญาติ หรือคนใกล้ตัวของเค้าเสมอ    แม้ว่าเค้าคนนั้นจะยืนอยู่ตรงหน้า  เราเองมักจะสั่น กลัว  ไม่กล้าแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก  นี่คงเป็นสิ่งที่นัดดารู้สึกอยู่ด้วยเช่นกัน  นัดดารีบคว้าจดหมายจากมือของยุทธมาไว้ด้านหลัง  กล่าวเพียงคำขอบคุณสั้น ๆ กับยุทธเท่านั้น ก่อนที่จะรีบหันหลังวิ่งจากไป
            “ ยังไม่นอนอีกเหรอนัด  “    แอ้มถามเมื่อเห็นนัดนอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง
            “  ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ  นี่แอ้ม! สมมุติว่าถ้าตอนนี้เธอแอบชอบคน ๆ นึงอยู่  เธอจะบอกความรู้สึกกับเค้าไปตรง ๆ เลย      รึเปล่า?  “
            “  อึ้ม... ถ้าเป็นฉันคงพูดกับเค้าไปตรง ๆ เลยล่ะ  มัวมาอ้ำอึ้งเดี๋ยวก็อดกันพอดี  นั่นแน่! อย่าบอกนะว่าเธอกำลังแอบปิ๊งใครบางคนอยู่  “
              “  เธอจะบ้าเหรอไง !!  ฉันก็ลองถามดูไปอย่างนั้นแหละ  ก็แหม...พวกเราก็อยู่ตั้งปี 3 แล้วยังไม่มีแฟนกะใครเค้าเลย  “
            “  นัด ..... ฉันคบกับเธอมากี่ปีแล้ว  ฉันดูออกนะว่าเธอกำลังมีความลับบางอย่างกับฉันอยู่  บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะไม่อย่างนั้นฉันจะไม่พูดกับเธออีกต่อไป “  แอ้มพูดเสียงเข้ม นั่งกอดอกบนเตียงข้างนัดดา  ด้วยท่าทางแอบน้อยใจเล็ก ๆ
              “  โอ๋... อย่างอนไปเลยนะ  ฉันก็แค่ ....  ก็แค่ชอบคน ๆ นึงอยู่เท่านั้นเอง ไม่ได้สำคัญอะไรมากนักหรอก “
              “  อะไรนะนัด !  เมื่อกี้เธอบอกว่าเธอแอบชอบใครอยู่นะ  ตายแล้ว ๆ  ใครบอกเธอว่านี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ  ความรู้สึกว่าเรารักใครสักคนนะ  ไม่ใช่  ความรู้สึกเวลาเราหิวจะได้เกิดกัน บ่อย ๆ  ง่าย ๆ นี่นัด....ฉันถามจริง ๆนะว่าตอนนี้เธอแอบชอบใครอยู่ “
              “  เอ่อ.... ฉันคิดว่า    คิดว่า  ฉันชอบ ยุทธ  ....  “ 
คำพูดเพียงไม่กี่คำของนัดดานั้นกลายเป็นหัวข้อสนทนาครั้งใหญ่ระหว่างเพื่อนสนิททั้งสอง  นัดดาพยายามเล่ารายละเอียดทั้งหมดเท่าที่เธอสามารถจะบรรยายได้ให้เพื่อนสุดที่รักฟัง  น้ำเสียง และท่าทางในทุก ๆ คำพูดของนัดดาทำให้แอ้มรู้สึกประทับใจราวกับได้อ่านนวนิยายชื่อดังของโลก  นัดดาอาจสะดุด หยุดเล่าเรื่องราวของเธอไปบ้างเมื่อแอ้มตั้งข้อสงสัยว่าสิ่งที่เธอเล่าอยู่นี้เป็นเพียงจินตนาการที่นัดดาคิดเตลิดไปเองฝ่ายเดียว    จนแอ้มต้องพูดขอโทษอยู่นานกว่าที่นัดดาจะเริ่มต้นเล่าต่ออีกครั้ง                     
ค่ำคืนที่ฟ้าไร้แสงดาว  ดูเงียบสงบและยาวนานกว่าคืนไหน ๆ  อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกเศร้า  เหงา หว้าเหว่หัวใจในเสี้ยวนาที  นัดดาเองก็เคยคิดถึงเรื่องนี้เมื่อตอนที่เธอยังไม่รู้จักกับความรู้สึกที่เรียกว่ารัก  แต่ในเมื่อความรักของเธอเกิดขึ้น  คืนที่ฟ้ามิดมิดก็จะไม่เป็นเหมือนเคยอีกต่อไป  บทเพลงช้า ๆ ที่พูดถึงเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังคงจะต้องโยนทิ้งไปให้ไกลที่สุด  แล้วคงเลือกหยิบแต่เพลงรักใส ๆ  มาเปิดฟังให้อบอุ่นหัวใจก่อนที่เธอจะเข้านอน
“ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอชอบยุทธเค้ามากขนาดนี้ “    แอ้มยังสงสัยในสิ่งที่นัดดาเล่าเมื่อคืน  ซึ่งกำลังเดินตรงไปเข้าเรียนวิชาแรกของวันพร้อมนัดดา
“  ฉันก็ไม่ได้บอกให้เธอเชื่อซะหน่อย    ก็เพียงแค่เล่าความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมีให้เธอฟังก็เท่านั้นแหละ “
“  แล้วจดหมายที่เธอเขียนให้ยุทธล่ะ  เธอไม่เอาไปให้เค้าแล้วเหรอ ? “
“  ก็อยากจะเอาไปให้อ่ะนะ  แต่ติดอยู่นิดเดียวเอง ....  ติดอยู่ตรงที่ฉันไม่กล้านี่แหละ “
“  อ้าว ! เพื่อนฉันเป็นงั้นไป  เอาอย่างนี้ดีไหมให้ฉันเป็นแม่สื่อเอาจดหมายรักของเธอไปให้ยุทธเค้าเอง  ฉันพร้อมและยินดีช่วยเหลือเพื่อนสุดที่รักคนนี้เสมอ  “
“  ไม่ต้องเลย  ๆ    เรื่องแบบนี้ถนัดเชียว  รีบเสนอตัวเองก่อนเลยนะจ้า  “
“  นัด ... นัดดา  “  โจตะโกนเรียก  ในขณะที่นัดดาและแอ้มกำลังเดินผ่านกลุ่มโต๊ะม้าหินหน้าตึก  “ เมื่อวานเห็นยุทธบอกว่า เธอมาหาฉัน  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ? “
“  นัดเค้าอยากจะเอาจดหมายให้....... “  แอ้มพยายามพูดแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะถูกนัดดากระแอมส่งสัญญาณเตือนภัยซะก่อน
“  อ๋อ  พอดีฉันจะมายืมหนังสือขางนายซะหน่อย  แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้วล่ะ พอดีไปขอยืมจากเพื่อนอีกคนได้แล้ว “
“  อย่างนั้นเองเหรอ  ฉันก็กลัวว่าเธอมีเรื่องด่วนอะไรซะอีก เ  ออนี่ ๆ เดี๋ยวถ้าเลิกเรียนแล้วแวะมาที่นี่หน่อยนะ ฉันมีเรื่องจะบอกพวกเธอด้วย ”
“  บอกตอนนี้เลยก็ได้นี่ !  พวกเราไม่ได้รีบร้อนอะไร “  แอ้มเสนอ  ดูเหมือนว่าเธอต้องการรู้เรื่องที่โจ จะพูดมากกว่าที่พวกเธอจะไปเข้าเรียนซะอีก
“  เรื่องมันยาวน่ะเอาไว้ค่อยมาคุยกันทีหลังดีกว่า    ว่าแต่เมื่อกี้  แอ้มเธอพูดว่าจดหมาย...  จดหมายอะไรนะ? “
“  รีบไปเข้าเรียนกันเถอะแอ้ม !!  “  นัดดาพูดแทรกขึ้นทันที  แล้วรีบจูงมือแอ้มเดินตรงไปยังตึกเรียน เพราะกลัวว่า โจ  จะรู้เรื่องจดหมายที่แอ้มหลุดปากพูดไปเมื่อครู่จนได้    อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งคู่เดินพ้นมาได้สักระยะ นัดดาก็เริ่มสงสัยว่า โจ ต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับพวกเธอกันแน่  ทำไมถึงต้องนัดไปคุยกันอีกครั้งหลังหมดคาบเรียนแทนที่จะพูดตอนนั้นเลยก็ได้
ข้อสงสัยในเรื่องนี้ของนัดดา ดูเหมือนจะเป็นอย่างเดียวกันกับข้อสงสัยของแอ้ม  เพราะในระหว่างที่ทั้งชั้นเรียนกำลังอ่านบทความภาษาอังกฤษกันอย่างพร้อมเพรียง  นัดดา และ แอ้ม นั้นกลับนั่งเหม่อคิดอะไรบางอย่าง  จนไม่มีกระจิตกระใจที่จะอ่านบทความตามเพื่อน ๆ    แน่นอนนั่นย่อมเป็นที่สังเกตของอาจารย์ประจำวิชา  ทำให้พวกเธอทั้งคู่ถูกลงโทษโดยให้ออกมายืนอ่านบทความภาษาอังกฤษนั้นหน้าชั้นเรียนแทน
“  โดนทำโทษตั้งแต่คาบแรก เหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าวันนี้ฉันต้องซวยทั้งวันแน่ ๆ เลย น่าเบื่อชะมัด “  แอ้มบ่นตลอดทางที่กำลังเดินกลับมาที่โต๊ะม้าหินอ่อน
“  น่าสงสัยจังว่า โจ เค้ามีเรื่องอะไรกันนะ  ปกติก็ไม่เคยมีความลับอะไรนี่นา “ 
“  ฉันว่าคงไม่พ้นเรื่องชวนไปเที่ยวอีกนั่นแหละ  เธอก็รู้ดีนี่นัด หมอนี่เที่ยวเก่งจะตาย  “
“  นี่ ! กำลังนินทาอะไรฉันอยู่ล่ะ  เผาระยะประชิดตัวเลยนะแม่คุณ “  โจ พูดแทรกเข้ามา ดูเหมือนว่าเค้าจะเดินตามหลังนัดดา และแอ้มมาได้สักระยะแล้ว
“ คิดจะโผล่เข้ามา ก็เดินมาให้เห็นหน้าซะก่อนก็ได้นี่  ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็พูดขึ้นมาแบบนี้ ตกใจหมด !!  “  แอ้มพูด
“  แล้วนี่ตกลงว่านายมีเรื่องอะไรกันแน่  บอกมาซะดี ๆ ปล่อยให้พวกเรานั่งสงสัยอยู่ได้  รู้ตัวหรือเปล่าว่านายทำให้ฉันกับแอ้มต้องโดนทำโทษ  “
“  จริงเหรอ !!  “  โจหัวเราะร่วน ไม่คิดว่าคำพูดของเค้าจะทำให้ทั้งแอ้ม และนัดดาสงสัยได้มากขนาดนี้  “ ที่ฉันอยากจะบอกพวกเธอก็คือว่า  พรุ่งนี้วันเกิดของยุทธน่ะ  เค้าให้ฉันมาชวนพวกเธอไปงานวันเกิดด้วย ก็จัดแบบกันเอง ง่าย ๆ อ่ะนะ  พวกเธอว่างจะไปไหมล่ะ ? “
“  ว่าง  ว่างสิไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว “  แอ้มรีบตอบ  และรู้ดีว่านี่คงเป็นคำตอบเดียวกันกับนัดดา  เธอหันไปยิ้ม พร้อมขยิบตาเป็นสัญญาณรู้กันของพวกเธอทั้งคู่
“  ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย  พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วไปเจอกันที่ร้านเบเกอรี่หน้ามหาวิทยาลัยนะ  เห็นยุทธบอกว่าที่นั่นมีขนมปังอร่อย ๆ เพียบเลยล่ะ  เข้าทางเธอพอดีเลยนะนัด  ชอบกินขนมปังอยู่แล้วนี่  ยังไงเดี๋ยวฉันขอไปเรียนต่อและกันต้องรีบไป present งานด้วย  ไปนะ “
โจรีบวิ่งออกไป ทิ้งให้นัดดายืนนิ่งนึกถึงเรื่องที่โจ พูดเมื่อครู่  ตอนนี้ดูเหมือนว่าแอ้มกำลังพยายามพูดอะไรบางอย่างกับเธอ  แต่นั่นไม่ทำให้นัดดาสามารถเข้าใจสิ่งที่แอ้มพูดได้เลย  บางทีอาจเป็นเพราะว่าจินตนาการของนัดดาจะเตลิดไปไกลเกินกว่าตัวเธอจะหยุดคิดลงได้  “ จะซื้ออะไรให้เป็นของขวัญวันเกิดเค้าดีล่ะ “  “ จะเลือกใส่ชุดไหนดี  นึกดูแล้วเสื้อผ้าที่มีก็คงไม่น่าจะมีชุดไหนที่จะทำให้ยุทธเค้าประทับใจได้เลย “  “ ควรจะทำการ์ดอวยพรให้เค้าด้วยดีหรือเปล่า ”    นี่เป็นแค่ความคิดเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ลอยอยู่เต็มหัวของนัดดา  แอ้มสังเกตเห็นแล้วว่านัดดาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอกำลังพูดเลยสักนิดเดียว  เธอจึงหยิบสมุดขึ้นมา บรรจงม้วนลงอย่างช้า ๆ  แล้วตีลงไปที่หัวของนัดดาอย่างเต็มแรง
“ โอ๊ย ! เจ็บนะ  เธอมาตีหัวฉันทำไมล่ะเนี๊ยะ  “  นัดดาร้อง  เอามือคลำศีรษะเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าเลือดไม่ไหล
“  ก็ยืนเหม่อคิดอะไรอยู่ได้ตั้งนาน  ฉันพูดปากจะฉีกอยู่แล้วเธอรู้เรื่องบ้างไหมล่ะนี่ “  แอ้มพูดขณะที่อีกมือกำลังคลี่สมุดเก็บลงกระเป๋า 
“  ก็คิดอะไรไปเรื่อย  แหม... เรียกกันดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องตีหัวเลย  เดี๋ยวถ้าฉันเกิดความจำเสื่อมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบล่ะ “
“  ฉันว่าความจำเธอจะดีขึ้นซะมากกว่านะสิ  โดนกระตุ้นซะบ้างรอยหยักในสมองจะได้เพิ่มขึ้น  ว่าแต่....พรุ่งนี้เธอจะเอายังไงล่ะ  “
“  ไม่รู้สิ .... แอ้มเธอคิดว่าฉันควรจะไปงานวันเกิดยุทธดีหรือเปล่า  “
“  ก็ต้องไปสิถามได้  ถ้าไม่ไปเธอก็หมดโอกาสที่จะได้สานต่อมิตรภาพและสารภาพรักกับเขานะสิ  แล้วนี่ยิ่งเป็นวันเกิด วันสำคัญของยุทธเค้าด้วย  อย่างน้อยก็ควรจะไปร่วมอวยพรวันเกิดในฐานะเพื่อนคนนึงก็ยังดีนะ  “
“  เฮ้อ ....!!  “  นัดดาถอนหายใจ  “  ฉันไม่เคยหนักใจอะไรมากขนาดนี้เลยนะแอ้ม “
“  เอานะ ๆ  สู้เพื่อหัวใจของเธอไง  ตอนนี้อย่าพึ่งคิดอะไรมาก  ฉันว่าก่อนอื่นเราไปเลือกซื้อของขวัญให้ยุทธ  กันดีกว่า          ตกลงไหม? “
<<<<<  To be Continue  >>>>>
แหะ ๆ พยายามจะเขียนตอนต่อไปให้เสร็จนะคับ
หวังว่าเพื่อนจะชอบบ้างไม่มากก็น้อย
ช่วยเป็นกำลังใจให้หับนักเขียนมือใหม่คนนี้ด้วยนะคับ  ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น