คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Maybe ? 100% [4/5]
Title : [SF] Maybe ? [4/ 5]
Author : FLOCKYCHOU’DONUT
Couple : ?? X XIUMIN
Rate : PG
Author’s note : มีพระเอกนะคะ ไม่ต้องกลัว…. คยองซูเสน่ห์แรงก็จริง แต่มินซอกเป็นเด็กเกษตรทำแปลง ขุดหลุมรักแบบไม่ได้ตั้งใจไว้เป็นโหลเลยละคะ ใครไม่ระวังก็ตกเอาได้ง่ายๆนะ
มินซอกมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกคนภายในสัปดาห์นี้ โอ เซฮุน ดูเป็นคนดีมากกว่าจะกลายเป็นหัวขโมยบล็อกโคลี่จริงๆนั่นแหละ เพราะหลังจากช่วยเขาดูแลแปลงผักเสร็จแล้ว เจ้าตัวยังอุตส่าห์อาสามาส่งที่หอพัก…. ทั้งๆที่มินซอกเองปั่นจักรยานมา ส่วนเพื่อนใหม่คนนี้น่ะหรอ รถยนต์คันหรูเชียวละ เถียงกันไปมานานสองนานก็จบที่คนแก้มกลมเองขอตัวเอาจักรยานไปเก็บที่หอพักเสียก่อน และตกลงกันว่าจะให้ไปส่งร้านกาแฟที่นัดกับลู่หานไว้วันนี้แทน เซฮุนถึงยอมง่ายๆ
“เราจะขับช้าๆ รอมินซอกนะ”
ประโยคสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเอารถก็แบบนี้ละมั้ง แล้วก็พูดจริงทำจริงเสียด้วย
ต่อให้เสียงแตรรถคันหลังจะบีบดัง หรือจะขับเร็วแค่ไหน ก็ต้องมาชะลอที่เบ๊นซ์คันหรูของคุณเดือนอย่างโอ เซฮุน ที่ขับติดชิดกับทางจักรยานด้วยความเร็วระดับหอยทากบนหลังเต่า น่าโมโห… หมายถึง ถ้าเป็นคนที่ขับรถต่อหลังคนเอาแต่ใจคนนี้ละนะ
“ย๊าห์ ! นายขับไปรอฉันที่หอก็นาย เซฮุน คนเขาจะด่าถึงต้นตระกูลอยู่แล้วนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่รีบ !”พอโดนสวนมาแบบนั้น มินซอกก็นิ่วหน้า ทั้งอายทั้งโกรธ ก็จริงนี่นา นี่คงไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนกันหรอกนะเซฮุน !!!! ร่างเล็กถอนหายใจก็จะเปลี่ยนเป็นเร่งความเร็วของจักรยานคันเก่าของตัวเองแทน ถ้าให้อีกคนขับเร็วๆไม่ได้ ก็คงต้องเริ่มจากตัวเองนี่แหละ
“เฮ้ ! จะรีบไปไหนเล่า อยากเจอไอ้ลู่หานมากขนาดนั้นเลยรึไง”คราวนี้คนตัวเล็กหันไปมองแทบจะทันทีแถมยังตะโกนตอบกลับแบบแทบไม่คิดจนทำเอาคนฟังตกใจไม่น้อย
“งั้นนายกับขับรถเร็วๆสิ !!!!!!!”
.
.
.
“ใครมาส่งนายน่ะมินซอก”เสียงของลู่หานดังขึ้นทันทีที่มาถึงร้านกาแฟที่นัดกันไว้ คนถูกถามกระพริบตาถี่ราวกับยังมึนงงกับคำถามก่อนจะตอบเสียงใสแต่กลับทำให้หนุ่มจีนหัวเสียแบบไม่ทราบสาเหตุ… หรือไม่ยอมรับก็ไม่รู้
“อ๋อ เซฮุนน่ะ”
“เพื่อนหรอ ?”ลู่หานยังคนยิงคำถามต่อ มินซอกขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนขุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ แถมยังเอ่ยแซวเสียจนอีกคนกลืนคำถามต่อไปลงไปในลำคอ
“ดูสังเกตเราจัง เซฮุนมาส่งเราแทนคำขอโทษน่ะ”
ต่อให้ประโยคนี้มันถูกพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่นขนาดไหน แต่ใบหน้าของกวางหนุ่มก็ขึ้นสีแถมยังร้อนจนแทบจะระเบิด ได้แต่ก้มหน้ายกคาปูชิโน่ร้อนของตนขึ้นจิบ มินซอกทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย เปิดกระเป๋าแล้วหยิบหนังสือเคมีออกมากางออกด้วยท่าทีกระตือรือร้น
“จะกินอะไรไหม ?”ดวงตาคู่สวยทอดมองคนตัวเล็กที่กำลังเปิดหนังสืออยู่ด้วยสายตาที่ปิดความเป็นห่วงไม่มิด ก่อนจะส่งเมนูที่อยู่ข้างตัวให้อีกคน
“เอานมร้อนละกันนะ ถึงเราจะชอบกลิ่นกาแฟแต่กินทีไรก็ง่วงทุกที”
.....เด็ก คิมมินซอกคนนี้เหมือนเด็กทั้งใบหน้าและนิสัยจริงๆนั่นแหละ เด็กไปเสียหมด......
“อือ เอาขนมอะไรไหม ฉันจะได้เดินไปสั่งรวดเดียว”ว่าจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มินซอกกวาดสายตาทั่วเมนูอีกครั้ง ก่อนจะถามอีกฝ่ายเสียงเบาเหมือนต้องการออดอ้อน
“ถ้าเรากินไม่หมด ลู่หานช่วยเรากินหน่อยได้ไหม ?”
เบื้องหน้าของลู่หานมีวาฟเฟิลร้อนๆวางอยู่ และยังมีเครปเค้กชุ่มซอสสตอร์เบอร์รี่สีแดงสดอยู่อีกต่างหาก แถมนักเรียนของเขาในตอนนี้ก็กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มนมร้อนของตนจนลืมสนใจหนังสือไปเสียสนิท ถึงจะยังคงกรุ่นเรื่องคนที่มาส่งมินซอกอยู่ แต่ตอนนี้ท่าทางน่ารักของคนที่น่าโกรธนั่น ทำให้โกรธไม่ลงเลยทีเดียว
“อืมมม.... อร่อยมากเลยอ่า”วางแก้มลงแล้วก็ยิ้มจนแก้มแทบจะปริ ลู่หานได้แต่ภาวนาให้อี้ชิงรีบมา ก่อนที่เขาจะอดใจไม่ไหว เผลอเก็บอีกคนใส่กระเป๋ากลับหอไปนอนกอด แต่แล้วความคิดนี้ก็ชะงักลงเมื่ออีกฝ่ายกล่าวถึงบุคคลที่สามที่ลู่หานไม่ได้รู้จักเลยซักน้อย
“วันหลังต้องชวนจงแดมาแล้วละ”
จงแดคือใคร ?
ไหนจะไอ้สารถีเซฮุน เดือนคณะรัฐศาสตร์ที่ลู่หานคุ้นเคยดีนั่นอีก.....
ตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้ามีคนอยากจับจองกี่คนกันนะ ?
......แล้วถ้าคนที่ได้จับจองจะเป็นเสี่ยวลู่หานคนนี้ได้ไหมนะ ?......
“จงแดนี่คือใครหรอ ?”เขาเก็บความสงสัยไม่อยู่อีกแล้วจริงๆนั่นแหละ ตัวของมินซอกกระตุกเล็กน้อยเหมือนสำลักเครื่องดื่มของตนเอง ไอค่อกแค่กสองสามทีจนลู่หานขมวดคิ้วเป็นปมเพราะท่าทีที่ดูตกใจเกินไปของคนตรงหน้า
“แฟน ?”
“ไม่ใช่นะ !!!!” แก้มกลมๆนั่นพองขึ้นเหมือนไม่พอใจที่โดนเข้าใจผิดแบบนั้น
“แล้ว.....?”มินซอกถอนหายใจ คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมง่ายๆแน่ถ้าไม่รู้คำตอบ ช้อนตามองดวงตาที่สวยเหมือนกวางของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ลู่หานใจชื้นขึ้นแบบไม่ต้องมีน้ำมารด
“เพื่อนที่คณะน่ะ.....”เงียบไปเล็กน้อยเหมือนลังเลว่าจะพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกหรือไม่ ก็ความจริงแล้วมันมากกว่านั้นเล็กน้อยนี่นา คิดไปคิดมาแล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก เขาเลยตัดสินใจพูดไปให้หมดไปเลยเสียดีกว่า หารู้ไม่ว่าประโยคเสริมนี่ราวกับมีดเล่มเล็กๆที่กรีดเข้าใจของร่างโปร่งยังไงยังงั้น
“แต่จงแดน่ะใจดีมากเลยนะ มารับมาส่งเราบ่อยๆ แถมยังชอบเลี้ยงข้าว เลี้ยงขนมเราด้วยละ”
คิ้วเรียวๆถูกเลิกขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ตัว ลู่หานใช้สายตาคาดคั้นกับอีกฝ่ายก่อนเอ่ยเสียงเรียบเชิงให้อีกฝ่ายคิดละวิเคราะห์ให้ดี
“แบบนั้น เรียกว่าจีบไม่ใช่หรือไง ?”
มินซอกสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตากลมเรียวนั้นแสดงออกถึงความงุนงง แววตาใสๆนั่นเหมือนมีคำถามมาถามคนตรงหน้าเต็มไปหมดว่า แบบนั้นคือจีบหรอกหรอ ? ถ้าเห็นในหนังในละครนี่ไม่ใช่ว่าต้องมีคำหวานๆมาหยอดกันทุกวัน หรือเล่นพ่อแง่แม่งอนกันหรอ ? เขากับจงแดแทบไม่มีโมเม้นต์แบบนั้นซักนิด
“แบบนี้ก็จีบด้วยหรอ ไม่ใช่แบบที่คนอยากเป็นเพื่อนเขาทำกันหรือไง”
“ก็ถ้าเขาให้ความสำคัญกับมินซอกขนาดนั้น มารับมาส่ง พาไปกินข้าว พาไปกินขนมก็จีบ”
หนุ่มจีนกล่าวตอบน้ำเสียงราบเรียบ ยกกาแฟนของตนขึ้นจิบอีกครั้งเหลือบมองใบหน้าอีกคนที่ดูงุนงงไม่หาย ถึงจะแทบข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองไปกระชากร่างเล็กๆตรงหน้านี่มากอดให้จมอกแล้วเดินออกไปป่าวประกาศให้ทั่วมหาลัยเลยว่า ต่อไปนี้นะ ไม่ต้องมายุ่งกับของๆเขาเลยซักคนเดียว แต่ทำไงได้ละ ก็คนตรงหน้านี่ไม่มีท่าทีจะรู้เลยว่า เสี่ยวลู่คนนี้กำลังมีใจให้
“ถ้างั้นลู่หานใจดีกับเราแบบนี้ก็กำลังจีบเราหรอ”
พรวด !
คาปูชิโน่จำนวนไม่น้อยที่กระจายอยู่กลางโต๊ะ มือเรียวคว้ากระดาษทิชชู่ก่อนจะเช็ดมันอย่างเอาเป็นเอาตายกับประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมาเมื่อครู่ ลู่หานไม่ได้คิดจะแก้ต่างอะไรแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้สมองยังประมวลผลความอายไม่เสร็จสิ้น จนมินซอกหน้าร้อนผะผ่าวเพราะคิดเองเออเองไปเรียบร้อยแล้ว
“ลู่หานจีบเราจริงๆหรอ ?”
......อี้ชิง รีบๆมาเถอะ ก่อนที่เสี่ยว ลู่หานคนนี้ จะตายไปด้วยความซึนเดะเระของคิมมินซอก.....
“ฉ...ฉัน...ฉันแค่มาติวหนังสือให้นายเองนะ อีกอย่างก็แค่นัดมาร้านนี่เพราะว่ามันเงียบดี แล้วก็ขนมอร่อย ไม่ได้ไปรับนายมาด้วยซ้ำ ใครจะ... จะ... จีบนายเล่า โถ่เว้ย”
ถึงน้ำเสียงจะสั่นแถมยังพูดเร็วเสียจนฟังแทบไม่ทัน แต่คนแก้มกลมก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วพร่ำบ่นว่า นั่นสิเนาะ เรานี่หลงตัวเองไปได้ยังไง แถมยังยิ้มเสียจนใจที่มันเต้นรัวเพราะความตื่นกลัวว่าจะโดนจับได้อยู่แล้วนี่เต้นแรงขึ้นอีกจนแทบจะระเบิด ก็มินซอกน่ะ... น่ารัก น่าเป็นเจ้าของซะขนาดนี้
“ติวได้แล้วนะ นายจะได้ไม่กลับดึก”
และแล้วลู่หานก็ตัดบทไปเสียดื้อๆ.... เพราะกลัวว่าใจของตัวเองจะไม่อยู่ที่หนังสือเคมีอีกต่อไป
เวลาผ่านไปเร็วเสียจนมินซอกอดตกใจไม่ได้ สรุปแล้วก็มีแต่ลู่หานนั่นแหละที่มาติวให้มินซอก เพราะอี้ชิงนั้นต้องไปส่งจื่อเทาเรียนเสริมภาษาเกาหลีที่เจ้าตัวเองยังลืมว่าลงเรียนไว้ ร่างโปร่งตรงหน้าปิดหนังสือเคมี จากนั้นก็กำชับให้เขาทำแบบฝึกหัดที่ให้ไปให้เสร็จแล้วมาให้ตรวจในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าเขาตบปากรับคำไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้งที่ในใจกำลังโอดครวญกับความยากของมันอยู่
“งั้นถ้าเราไม่เข้าใจ เราเว้นไว้ก่อนก็ได้ใช่ไหม ?”
ลู่หานทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหยิบกระดาษแบบฝึกหัดที่ตนเป็นคนคิดเมื่อครู่กลับมาดูอีกครั้ง แล้วบอกเสียงราบเรียบกับเขาว่ามันง่ายเสียจนไม่น่าจะมีส่วนไหนที่ไม่เข้าใจแล้วนะ จนมินซอกได้แต่พยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบแบบปลงๆ หลังจากนั้นก็ต้องรีบลุกออกจากโต๊ะเมื่อเห็นว่าอาจารย์จำเป็นได้เดินไปยังเคาท์เตอร์เพื่อรับผิดชอบค่าขนมและเครื่องดื่มบนโต๊ะเสียแล้ว
“อย่าจ่ายนะ !!”เสียงหวานๆนั้นเอ่ยดุขึ้น คนที่กำลังล้วงกระเป๋าเงินตกใจเล็กน้อยหันไปมองต้นเสียงน้อยๆ ก่อนจะหยิบเงินออกจากกระเป๋าทำราวกับไม่ได้ยินเสียงเมื่อครู่
“ถ้าลู่หานจ่าย เราจะไม่มาด้วยอีกแล้วนะ”
.......ลู่หานคิดว่าประโยคนี้ช่างเป็นคำขู่ที่น่ากลัวเสียจนไม่น่าขัดจริงๆนั่นแหละ.......
“ทำไม จะเลี้ยงอีกหรือไง เมื่อวานก็หมดไปเยอะแล้วนิ”มันเป็นประโยคคำถามที่แฝงด้วยความเป็นห่วง ถ้าเพียงแค่มินซอกไม่ได้ตีความว่ามันเป็นการประชดของอีกฝ่ายละก็นะ
“อย่าประชดเราได้ไหมละ เรากินเยอะกว่าลู่หานอีก ถ้างั้นเราจ่ายส่วนของเราเอง โอเค๊ ?”พูดจบก็แทรกตัวไปหน้าเคาท์เตอร์แทน จากนั้นก็จัดการจ่ายเงินในส่วนของตัวเองแล้วหันมายิ้มร่าให้ร่างโปร่งที่ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังเล็กๆนั้น หนุ่มจีนรับผิดชอบค่าเสียหายสำหรับคาปูชิโน่ร้อนของตนแล้วจึงเดินตามคนตัวเล็กออกมานอกร้าน
“กลับยังไง ?”
คำถามแสนสั้น แต่ท่าทางฉุกคิดที่นานเกินไปมันทำให้เขาหงุดหงิด ลู่หานส่ายหน้าเบาๆก่อนจะคลี่ยิ้มที่มินซอกคิดว่ามันดูใจดีและอบอุ่นเสียเหลือเกินในเวลานี้
......แต่สำหรับลู่หานแล้ว รอยยิ้มนี้มันคือ รอยยิ้มของความดีใจละมั้ง.......
“งั้นกลับกับเราละกันนะ”
มันไม่ใช่ประโยคคำสั่ง หรือบังคับอะไรเสียด้วยซ้ำ แต่ที่หัวใจและสมองคิดได้ก็มีแต่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเท่านั้นแหละ
.
.
.
“มีแต่คุณมึงนั่นแหละที่โง่ไม่รู้ว่าใครเขามีใจให้”
นี่คือประโยคแรกที่ได้ยินหลังจากที่เล่าเรื่องในวันนี้แชร์ให้กับเมทร่วมห้องอย่างจุนมยอนฟัง คนตัวขาวมือขึ้นกอดอกก่อนจะมองเขาด้วยสายตาคาดโทษสุดๆ ก่อนจะแจงความผิดของเขาโดยที่มินซอกเองยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิด
แต่ก็นั่นแหละ... มันผิด
ผิดมากด้วยในความคิดจุนมยอนคนนี้
ข้อหาขโมยหัวใจสองเดือนคณะ และหนึ่งอนาคตนักวิจัย สำหรับจุนมยอนมันใหญ่หลวงนัก
“ย่าห์ !! มินซอก ต้องเลือกแล้วนะ ถ้าพลาดนี่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมาอีกเมื่อไหร่”พูดจบก็เขย่าไหล่ผู้ต้องหาของตนเบาๆเชิงเรียกสติให้กลับมา
“คิดดูดีๆนะ เซฮุนน่ะ เดือนรัฐศาสตร์ หล่อ รวย การเรียนก็ไม่ได้แย่ เล่นกีฬาก็เพอร์เฟคนะ”
หลังจากจบคำโฆษณาของโอ เซฮุน จุนมยอนก็เดินไปที่กระดานเล็กๆของตัวเอง ที่ปกติจะเขียนกำหนดการในแต่ละเดือนของตน แล้วจัดการลบมันออกทั้งหมด จากนั้นก็เขียนตารางสามตารางขึ้นมาใหม่โดยมีชื่อ โอ เซฮุน ลู่หาน และคิมจงแดตามลำดับพร้อมเขียนคุณสมบัติของแต่ละคนที่ทำให้มินซอกหน้าแดงผะผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อคิดเป็นตุเป็นตะว่าชายเพอร์เฟคเหล่านั้นชอบตน
“ฟังนะ มินซอก”
คนโดนเรียกพยักหน้ารับแล้วมองตามอย่างตื่นเต้นเพราะท่าทางเพื่อนร่วมห้องดูสนุกกับสิ่งที่กำลังทำเสียเหลือเกิน
“โอเซฮุน เดือนคณะรัฐศาสตร์ หล่อ รวย เรียนเก่ง กีฬาได้ เส้นสายมี”จบประโยคแล้ว คนแก้มกลมก็ได้แต่พูดว่า โอโห เท่ดีเนาะๆ จนจุนมยอนต้องหันไปหยิบทั้งปากกาและกระดาษข้างตัวยื่นให้ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่ดูมีน้ำโหมากขึ้น
“จดสิ จดๆๆๆ มึงต้องจดรายละเอียดผู้เข้าแข่งขันนะ เข้าใจไหมม !!!”
“ข.. เข้าใจแล้วครับคุณมึง”ว่าพร้อมจดตามทุกอย่างบนกระดานด้วยลายมือที่แสนจะบรรจงทำให้จุนมยอนยิ้มออกมา
“ต่อไปๆ ลู่หาน หล่อ ที่บ้านทำธุรกิจระหว่างประเทศ เรียนเก่งมากถึงมากที่สุด กีฬานี่ก็ตัวเทพ เส้นสายก็ใหญ่พอๆกับกล้ามขานั่นแหละ”มินซอกจดตามทุกคำที่จุนมยอนพูดและเขียนลงไปบนกระดาน ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมากับประโยคสุดท้าย
“มึงแอบไปดูกล้ามขาลู่หานตอนไหนวะ ?”
“ทุกเย็น ถุยเหอะ ! เขาเรียนไซโคกับกูเว้ย มาสายจนใส่ชุดนอนขาสั้นมาเรียน นี่ถ้าอาจารย์ไซโคไม่ป้ำๆเป๋อๆนี่คงแดกเอฟตั้งแต่คาบแรกแล้วมั้ง”
“มึงแมร่งโครตโรคจิตเลยจุนมยอน กูกลัวมึงแล้วคร้าบ”
“กลัวพ่อง ต่อๆ ไร้สาระจริงเรื่องนี้ เข้าเรื่องต่อ”
.....สำหรับมินซอกตอนนี้ ก็อยากจะถามจุนมยอนเหลือเกินว่า ที่เราทำกันอยู่ตอนนี้มีสาระตรงไหนกันนะ......
“คิมจงแด ก็หล่ออยู่ ถึกดี เรียนเก่งถึงโครตเก่ง กีฬานี่ถ้าเป็นจับกบได้ระดับจังหวัด เส้นสายก็ประมาณฝากบุตรหลานเข้าโรงเรียนรัฐบาลในจังหวัด”
“จงแด ขึ้นแปลงก็เก่งนะ ปลูกต้นไม้ก็เก่งด้วย อย่าลืมสิๆ”กล่าวเสริมเพื่อนตัวเองแถมยังจดเพิ่มเอาเองอีกต่างหาก จุนมยอนมองเพื่อนตัวเล็กก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆแล้วเขียนบวกหัวใจไว้ที่ชื่อของคิมจงแด
“นี่คือมีใจให้เขาหน่อยๆ”
พอพูดจบ มินซอกที่เงยหน้ามาเห็นรูปหัวใจที่ชื่อคิมจงแดนั่นก็โวยวายออกมาชุดใหญ่ แต่จุนมยอนได้แต่หัวเราะแล้วหยักไหล่ราวกลับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเกี่ยวกับมันแม้แต่น้อย
“มีใจห่าไรละ ก็คณะเดียวกัน ก็เลยรู้ ลบดิ ลบๆๆ”
“โถ่ๆ นี่เพื่อนมึงนะครับคุณคิมมินซอก ถ้าชานยอลกับคยองซูเห็นยิ่งจะบวกหัวใจอันเท่าหน้าคุณมึงแน่ครับ”
“นี่พวกมึงเชียร์จงแดกันหรอ ?”จุนมยอนแทบจะจับหัวมินซอกมาทุบโต๊ะแล้วบอกว่า มึงเพิ่งรู้หรอครับ นี่เขาแทบจะจับคุณมึงใส่พานถวายให้จงแดกันอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายเล่นเอาใจใส่มินซอกซะมากมายแถมยังเผื่อแผ่มาถึงจุนมยอน ชานยอล คยองซูอีกด้วย เข้าทางเพื่อนและมีความดีเยอะขนาดนี้ ไม่เชียร์จงแดแล้วจะให้เชียร์ใคร
“เออดิ จงแดคนดีนะมึง ทำอะไรเพื่อมึงตั้งเยอะแยะ แค่ตอนนี้เขายุ่งๆไม่มีเวลามาตามมึงเฉยๆเหอะ”คิดแล้วก็ต้องพูดยกยอเอาจงแดเข้าข่มดีกรีสองคนนั้นเสียหน่อย
“พอเลยมึง หยุดชงกูซะ ขอร้อง”
“ทำไมอะมึง จงแดดีออกนะมึง”
“ความรักเป็นผลตอบแทนของความดีหรือไงวะ ?”
มินซอกไม่ได้โมโห.... แต่เพราะไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องรักใครเพียงเพราะคนๆนั้นถูกมองว่าเหมาะสมที่จะได้รับความรักจากใคร ถึงจะไม่เคยได้สัมผัสกับความรักจริงๆจังๆสักครั้ง แต่จะผิดไหมว่าถ้าตอนนี้มินซอกไม่ได้คาดหวังความรักที่สวยหรูกับใครในตอนนี้ไว้เสียเลย เขาแค่ยังไม่รู้สึกถึงมันเท่านั่นแหละ
ปัญหามันอยู่ที่ว่า... ใครจะทำให้รู้สึกกันละ ?
ความคิดเห็น