ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SFllOS] ALL FOR MINSEOK ft.exo

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Maybe ? 100% [4/5]

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.พ. 57


    Title : [SF] Maybe ? [4/ 5]

    Author : FLOCKYCHOU’DONUT

    Couple : ??  X XIUMIN

    Rate : PG

    Author’s note :  มีพระเอกนะคะ ไม่ต้องกลัว…. คยองซูเสน่ห์แรงก็จริง แต่มินซอกเป็นเด็กเกษตรทำแปลง ขุดหลุมรักแบบไม่ได้ตั้งใจไว้เป็นโหลเลยละคะ ใครไม่ระวังก็ตกเอาได้ง่ายๆนะ

     

                    มินซอกมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นอีกคนภายในสัปดาห์นี้  โอ เซฮุน ดูเป็นคนดีมากกว่าจะกลายเป็นหัวขโมยบล็อกโคลี่จริงๆนั่นแหละ เพราะหลังจากช่วยเขาดูแลแปลงผักเสร็จแล้ว เจ้าตัวยังอุตส่าห์อาสามาส่งที่หอพัก…. ทั้งๆที่มินซอกเองปั่นจักรยานมา ส่วนเพื่อนใหม่คนนี้น่ะหรอ รถยนต์คันหรูเชียวละ เถียงกันไปมานานสองนานก็จบที่คนแก้มกลมเองขอตัวเอาจักรยานไปเก็บที่หอพักเสียก่อน  และตกลงกันว่าจะให้ไปส่งร้านกาแฟที่นัดกับลู่หานไว้วันนี้แทน เซฮุนถึงยอมง่ายๆ

                    “เราจะขับช้าๆ รอมินซอกนะ”

                ประโยคสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเอารถก็แบบนี้ละมั้ง  แล้วก็พูดจริงทำจริงเสียด้วย

                    ต่อให้เสียงแตรรถคันหลังจะบีบดัง หรือจะขับเร็วแค่ไหน ก็ต้องมาชะลอที่เบ๊นซ์คันหรูของคุณเดือนอย่างโอ เซฮุน ที่ขับติดชิดกับทางจักรยานด้วยความเร็วระดับหอยทากบนหลังเต่า น่าโมโหหมายถึง ถ้าเป็นคนที่ขับรถต่อหลังคนเอาแต่ใจคนนี้ละนะ

                    “ย๊าห์ ! นายขับไปรอฉันที่หอก็นาย เซฮุน คนเขาจะด่าถึงต้นตระกูลอยู่แล้วนะ”

                    “ไม่เป็นไร ฉันไม่รีบ !”พอโดนสวนมาแบบนั้น มินซอกก็นิ่วหน้า ทั้งอายทั้งโกรธ ก็จริงนี่นา  นี่คงไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนกันหรอกนะเซฮุน !!!!  ร่างเล็กถอนหายใจก็จะเปลี่ยนเป็นเร่งความเร็วของจักรยานคันเก่าของตัวเองแทน ถ้าให้อีกคนขับเร็วๆไม่ได้ ก็คงต้องเริ่มจากตัวเองนี่แหละ

                    “เฮ้ ! จะรีบไปไหนเล่า อยากเจอไอ้ลู่หานมากขนาดนั้นเลยรึไง”คราวนี้คนตัวเล็กหันไปมองแทบจะทันทีแถมยังตะโกนตอบกลับแบบแทบไม่คิดจนทำเอาคนฟังตกใจไม่น้อย

                    “งั้นนายกับขับรถเร็วๆสิ !!!!!!!

     

    .

     

    .

     

     

    .

               

                    “ใครมาส่งนายน่ะมินซอก”เสียงของลู่หานดังขึ้นทันทีที่มาถึงร้านกาแฟที่นัดกันไว้ คนถูกถามกระพริบตาถี่ราวกับยังมึนงงกับคำถามก่อนจะตอบเสียงใสแต่กลับทำให้หนุ่มจีนหัวเสียแบบไม่ทราบสาเหตุหรือไม่ยอมรับก็ไม่รู้

                    “อ๋อ เซฮุนน่ะ”

                    “เพื่อนหรอ ?”ลู่หานยังคนยิงคำถามต่อ มินซอกขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนขุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ แถมยังเอ่ยแซวเสียจนอีกคนกลืนคำถามต่อไปลงไปในลำคอ

                    “ดูสังเกตเราจัง  เซฮุนมาส่งเราแทนคำขอโทษน่ะ”

                    ต่อให้ประโยคนี้มันถูกพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่นขนาดไหน แต่ใบหน้าของกวางหนุ่มก็ขึ้นสีแถมยังร้อนจนแทบจะระเบิด ได้แต่ก้มหน้ายกคาปูชิโน่ร้อนของตนขึ้นจิบ มินซอกทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย เปิดกระเป๋าแล้วหยิบหนังสือเคมีออกมากางออกด้วยท่าทีกระตือรือร้น

                    “จะกินอะไรไหม ?”ดวงตาคู่สวยทอดมองคนตัวเล็กที่กำลังเปิดหนังสืออยู่ด้วยสายตาที่ปิดความเป็นห่วงไม่มิด ก่อนจะส่งเมนูที่อยู่ข้างตัวให้อีกคน

                    “เอานมร้อนละกันนะ ถึงเราจะชอบกลิ่นกาแฟแต่กินทีไรก็ง่วงทุกที”

                    .....เด็ก คิมมินซอกคนนี้เหมือนเด็กทั้งใบหน้าและนิสัยจริงๆนั่นแหละ เด็กไปเสียหมด......

                    “อือ เอาขนมอะไรไหม ฉันจะได้เดินไปสั่งรวดเดียว”ว่าจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มินซอกกวาดสายตาทั่วเมนูอีกครั้ง  ก่อนจะถามอีกฝ่ายเสียงเบาเหมือนต้องการออดอ้อน

                    “ถ้าเรากินไม่หมด ลู่หานช่วยเรากินหน่อยได้ไหม ?

     

     

                    เบื้องหน้าของลู่หานมีวาฟเฟิลร้อนๆวางอยู่ และยังมีเครปเค้กชุ่มซอสสตอร์เบอร์รี่สีแดงสดอยู่อีกต่างหาก แถมนักเรียนของเขาในตอนนี้ก็กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มนมร้อนของตนจนลืมสนใจหนังสือไปเสียสนิท ถึงจะยังคงกรุ่นเรื่องคนที่มาส่งมินซอกอยู่ แต่ตอนนี้ท่าทางน่ารักของคนที่น่าโกรธนั่น ทำให้โกรธไม่ลงเลยทีเดียว

                    “อืมมม.... อร่อยมากเลยอ่า”วางแก้มลงแล้วก็ยิ้มจนแก้มแทบจะปริ ลู่หานได้แต่ภาวนาให้อี้ชิงรีบมา ก่อนที่เขาจะอดใจไม่ไหว เผลอเก็บอีกคนใส่กระเป๋ากลับหอไปนอนกอด แต่แล้วความคิดนี้ก็ชะงักลงเมื่ออีกฝ่ายกล่าวถึงบุคคลที่สามที่ลู่หานไม่ได้รู้จักเลยซักน้อย

                    “วันหลังต้องชวนจงแดมาแล้วละ”

                    จงแดคือใคร ?

                    ไหนจะไอ้สารถีเซฮุน เดือนคณะรัฐศาสตร์ที่ลู่หานคุ้นเคยดีนั่นอีก.....

                    ตอนนี้คนตัวเล็กตรงหน้ามีคนอยากจับจองกี่คนกันนะ ?

                    ......แล้วถ้าคนที่ได้จับจองจะเป็นเสี่ยวลู่หานคนนี้ได้ไหมนะ ?......

                   

                    “จงแดนี่คือใครหรอ ?”เขาเก็บความสงสัยไม่อยู่อีกแล้วจริงๆนั่นแหละ  ตัวของมินซอกกระตุกเล็กน้อยเหมือนสำลักเครื่องดื่มของตนเอง ไอค่อกแค่กสองสามทีจนลู่หานขมวดคิ้วเป็นปมเพราะท่าทีที่ดูตกใจเกินไปของคนตรงหน้า

                    “แฟน ?

                    “ไม่ใช่นะ !!!! แก้มกลมๆนั่นพองขึ้นเหมือนไม่พอใจที่โดนเข้าใจผิดแบบนั้น 

                    “แล้ว.....?”มินซอกถอนหายใจ คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมง่ายๆแน่ถ้าไม่รู้คำตอบ  ช้อนตามองดวงตาที่สวยเหมือนกวางของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ลู่หานใจชื้นขึ้นแบบไม่ต้องมีน้ำมารด

                    “เพื่อนที่คณะน่ะ.....”เงียบไปเล็กน้อยเหมือนลังเลว่าจะพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกหรือไม่ ก็ความจริงแล้วมันมากกว่านั้นเล็กน้อยนี่นา คิดไปคิดมาแล้วก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก เขาเลยตัดสินใจพูดไปให้หมดไปเลยเสียดีกว่า หารู้ไม่ว่าประโยคเสริมนี่ราวกับมีดเล่มเล็กๆที่กรีดเข้าใจของร่างโปร่งยังไงยังงั้น

                    “แต่จงแดน่ะใจดีมากเลยนะ มารับมาส่งเราบ่อยๆ แถมยังชอบเลี้ยงข้าว เลี้ยงขนมเราด้วยละ”

                คิ้วเรียวๆถูกเลิกขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ และไม่รู้ตัว ลู่หานใช้สายตาคาดคั้นกับอีกฝ่ายก่อนเอ่ยเสียงเรียบเชิงให้อีกฝ่ายคิดละวิเคราะห์ให้ดี

                    “แบบนั้น เรียกว่าจีบไม่ใช่หรือไง ?

                    มินซอกสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตากลมเรียวนั้นแสดงออกถึงความงุนงง แววตาใสๆนั่นเหมือนมีคำถามมาถามคนตรงหน้าเต็มไปหมดว่า แบบนั้นคือจีบหรอกหรอ ? ถ้าเห็นในหนังในละครนี่ไม่ใช่ว่าต้องมีคำหวานๆมาหยอดกันทุกวัน หรือเล่นพ่อแง่แม่งอนกันหรอ ? เขากับจงแดแทบไม่มีโมเม้นต์แบบนั้นซักนิด

                    “แบบนี้ก็จีบด้วยหรอ ไม่ใช่แบบที่คนอยากเป็นเพื่อนเขาทำกันหรือไง”

                    “ก็ถ้าเขาให้ความสำคัญกับมินซอกขนาดนั้น มารับมาส่ง พาไปกินข้าว  พาไปกินขนมก็จีบ”

                    หนุ่มจีนกล่าวตอบน้ำเสียงราบเรียบ  ยกกาแฟนของตนขึ้นจิบอีกครั้งเหลือบมองใบหน้าอีกคนที่ดูงุนงงไม่หาย  ถึงจะแทบข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองไปกระชากร่างเล็กๆตรงหน้านี่มากอดให้จมอกแล้วเดินออกไปป่าวประกาศให้ทั่วมหาลัยเลยว่า ต่อไปนี้นะ ไม่ต้องมายุ่งกับของๆเขาเลยซักคนเดียว แต่ทำไงได้ละ ก็คนตรงหน้านี่ไม่มีท่าทีจะรู้เลยว่า เสี่ยวลู่คนนี้กำลังมีใจให้

                    “ถ้างั้นลู่หานใจดีกับเราแบบนี้ก็กำลังจีบเราหรอ”

                พรวด !

                คาปูชิโน่จำนวนไม่น้อยที่กระจายอยู่กลางโต๊ะ มือเรียวคว้ากระดาษทิชชู่ก่อนจะเช็ดมันอย่างเอาเป็นเอาตายกับประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมาเมื่อครู่  ลู่หานไม่ได้คิดจะแก้ต่างอะไรแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้สมองยังประมวลผลความอายไม่เสร็จสิ้น จนมินซอกหน้าร้อนผะผ่าวเพราะคิดเองเออเองไปเรียบร้อยแล้ว

                    “ลู่หานจีบเราจริงๆหรอ ?

                    ......อี้ชิง  รีบๆมาเถอะ ก่อนที่เสี่ยว ลู่หานคนนี้ จะตายไปด้วยความซึนเดะเระของคิมมินซอก.....

     

                    “ฉ...ฉัน...ฉันแค่มาติวหนังสือให้นายเองนะ อีกอย่างก็แค่นัดมาร้านนี่เพราะว่ามันเงียบดี แล้วก็ขนมอร่อย ไม่ได้ไปรับนายมาด้วยซ้ำ  ใครจะ... จะ... จีบนายเล่า โถ่เว้ย”

                    ถึงน้ำเสียงจะสั่นแถมยังพูดเร็วเสียจนฟังแทบไม่ทัน แต่คนแก้มกลมก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วพร่ำบ่นว่า นั่นสิเนาะ เรานี่หลงตัวเองไปได้ยังไง แถมยังยิ้มเสียจนใจที่มันเต้นรัวเพราะความตื่นกลัวว่าจะโดนจับได้อยู่แล้วนี่เต้นแรงขึ้นอีกจนแทบจะระเบิด ก็มินซอกน่ะ... น่ารัก น่าเป็นเจ้าของซะขนาดนี้

                    “ติวได้แล้วนะ นายจะได้ไม่กลับดึก”

                    และแล้วลู่หานก็ตัดบทไปเสียดื้อๆ.... เพราะกลัวว่าใจของตัวเองจะไม่อยู่ที่หนังสือเคมีอีกต่อไป

     

                    เวลาผ่านไปเร็วเสียจนมินซอกอดตกใจไม่ได้ สรุปแล้วก็มีแต่ลู่หานนั่นแหละที่มาติวให้มินซอก เพราะอี้ชิงนั้นต้องไปส่งจื่อเทาเรียนเสริมภาษาเกาหลีที่เจ้าตัวเองยังลืมว่าลงเรียนไว้  ร่างโปร่งตรงหน้าปิดหนังสือเคมี จากนั้นก็กำชับให้เขาทำแบบฝึกหัดที่ให้ไปให้เสร็จแล้วมาให้ตรวจในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าเขาตบปากรับคำไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้งที่ในใจกำลังโอดครวญกับความยากของมันอยู่

                    “งั้นถ้าเราไม่เข้าใจ  เราเว้นไว้ก่อนก็ได้ใช่ไหม ?

                    ลู่หานทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหยิบกระดาษแบบฝึกหัดที่ตนเป็นคนคิดเมื่อครู่กลับมาดูอีกครั้ง แล้วบอกเสียงราบเรียบกับเขาว่ามันง่ายเสียจนไม่น่าจะมีส่วนไหนที่ไม่เข้าใจแล้วนะ จนมินซอกได้แต่พยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบแบบปลงๆ หลังจากนั้นก็ต้องรีบลุกออกจากโต๊ะเมื่อเห็นว่าอาจารย์จำเป็นได้เดินไปยังเคาท์เตอร์เพื่อรับผิดชอบค่าขนมและเครื่องดื่มบนโต๊ะเสียแล้ว

                    “อย่าจ่ายนะ !!”เสียงหวานๆนั้นเอ่ยดุขึ้น  คนที่กำลังล้วงกระเป๋าเงินตกใจเล็กน้อยหันไปมองต้นเสียงน้อยๆ ก่อนจะหยิบเงินออกจากกระเป๋าทำราวกับไม่ได้ยินเสียงเมื่อครู่

                    “ถ้าลู่หานจ่าย เราจะไม่มาด้วยอีกแล้วนะ”

                    .......ลู่หานคิดว่าประโยคนี้ช่างเป็นคำขู่ที่น่ากลัวเสียจนไม่น่าขัดจริงๆนั่นแหละ.......

                    “ทำไม จะเลี้ยงอีกหรือไง เมื่อวานก็หมดไปเยอะแล้วนิ”มันเป็นประโยคคำถามที่แฝงด้วยความเป็นห่วง ถ้าเพียงแค่มินซอกไม่ได้ตีความว่ามันเป็นการประชดของอีกฝ่ายละก็นะ

                    “อย่าประชดเราได้ไหมละ เรากินเยอะกว่าลู่หานอีก ถ้างั้นเราจ่ายส่วนของเราเอง โอเค๊ ?”พูดจบก็แทรกตัวไปหน้าเคาท์เตอร์แทน จากนั้นก็จัดการจ่ายเงินในส่วนของตัวเองแล้วหันมายิ้มร่าให้ร่างโปร่งที่ได้แต่ยืนมองแผ่นหลังเล็กๆนั้น  หนุ่มจีนรับผิดชอบค่าเสียหายสำหรับคาปูชิโน่ร้อนของตนแล้วจึงเดินตามคนตัวเล็กออกมานอกร้าน

                    “กลับยังไง ?

                    คำถามแสนสั้น แต่ท่าทางฉุกคิดที่นานเกินไปมันทำให้เขาหงุดหงิด ลู่หานส่ายหน้าเบาๆก่อนจะคลี่ยิ้มที่มินซอกคิดว่ามันดูใจดีและอบอุ่นเสียเหลือเกินในเวลานี้

                    ......แต่สำหรับลู่หานแล้ว รอยยิ้มนี้มันคือ รอยยิ้มของความดีใจละมั้ง.......

                    “งั้นกลับกับเราละกันนะ”

                มันไม่ใช่ประโยคคำสั่ง หรือบังคับอะไรเสียด้วยซ้ำ แต่ที่หัวใจและสมองคิดได้ก็มีแต่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเท่านั้นแหละ

     

    .

     

     

     

    .

     

     

     

    .

                   

                    “มีแต่คุณมึงนั่นแหละที่โง่ไม่รู้ว่าใครเขามีใจให้”

                    นี่คือประโยคแรกที่ได้ยินหลังจากที่เล่าเรื่องในวันนี้แชร์ให้กับเมทร่วมห้องอย่างจุนมยอนฟัง  คนตัวขาวมือขึ้นกอดอกก่อนจะมองเขาด้วยสายตาคาดโทษสุดๆ ก่อนจะแจงความผิดของเขาโดยที่มินซอกเองยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิด

                    แต่ก็นั่นแหละ... มันผิด

                    ผิดมากด้วยในความคิดจุนมยอนคนนี้

                    ข้อหาขโมยหัวใจสองเดือนคณะ และหนึ่งอนาคตนักวิจัย สำหรับจุนมยอนมันใหญ่หลวงนัก

                    “ย่าห์ !! มินซอก ต้องเลือกแล้วนะ  ถ้าพลาดนี่ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมาอีกเมื่อไหร่”พูดจบก็เขย่าไหล่ผู้ต้องหาของตนเบาๆเชิงเรียกสติให้กลับมา

                    “คิดดูดีๆนะ เซฮุนน่ะ เดือนรัฐศาสตร์ หล่อ รวย การเรียนก็ไม่ได้แย่ เล่นกีฬาก็เพอร์เฟคนะ”

                    หลังจากจบคำโฆษณาของโอ เซฮุน จุนมยอนก็เดินไปที่กระดานเล็กๆของตัวเอง ที่ปกติจะเขียนกำหนดการในแต่ละเดือนของตน แล้วจัดการลบมันออกทั้งหมด จากนั้นก็เขียนตารางสามตารางขึ้นมาใหม่โดยมีชื่อ โอ เซฮุน ลู่หาน และคิมจงแดตามลำดับพร้อมเขียนคุณสมบัติของแต่ละคนที่ทำให้มินซอกหน้าแดงผะผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อคิดเป็นตุเป็นตะว่าชายเพอร์เฟคเหล่านั้นชอบตน

                    “ฟังนะ มินซอก”

                    คนโดนเรียกพยักหน้ารับแล้วมองตามอย่างตื่นเต้นเพราะท่าทางเพื่อนร่วมห้องดูสนุกกับสิ่งที่กำลังทำเสียเหลือเกิน

                    “โอเซฮุน  เดือนคณะรัฐศาสตร์ หล่อ รวย เรียนเก่ง กีฬาได้ เส้นสายมี”จบประโยคแล้ว  คนแก้มกลมก็ได้แต่พูดว่า โอโห เท่ดีเนาะๆ จนจุนมยอนต้องหันไปหยิบทั้งปากกาและกระดาษข้างตัวยื่นให้ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่ดูมีน้ำโหมากขึ้น

                    “จดสิ จดๆๆๆ มึงต้องจดรายละเอียดผู้เข้าแข่งขันนะ เข้าใจไหมม !!!

                    “ข.. เข้าใจแล้วครับคุณมึง”ว่าพร้อมจดตามทุกอย่างบนกระดานด้วยลายมือที่แสนจะบรรจงทำให้จุนมยอนยิ้มออกมา

                    “ต่อไปๆ  ลู่หาน หล่อ ที่บ้านทำธุรกิจระหว่างประเทศ เรียนเก่งมากถึงมากที่สุด กีฬานี่ก็ตัวเทพ เส้นสายก็ใหญ่พอๆกับกล้ามขานั่นแหละ”มินซอกจดตามทุกคำที่จุนมยอนพูดและเขียนลงไปบนกระดาน  ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมากับประโยคสุดท้าย

                    “มึงแอบไปดูกล้ามขาลู่หานตอนไหนวะ ?

                    “ทุกเย็น ถุยเหอะ ! เขาเรียนไซโคกับกูเว้ย มาสายจนใส่ชุดนอนขาสั้นมาเรียน นี่ถ้าอาจารย์ไซโคไม่ป้ำๆเป๋อๆนี่คงแดกเอฟตั้งแต่คาบแรกแล้วมั้ง”

                    “มึงแมร่งโครตโรคจิตเลยจุนมยอน กูกลัวมึงแล้วคร้าบ”

                    “กลัวพ่อง ต่อๆ ไร้สาระจริงเรื่องนี้ เข้าเรื่องต่อ”

                    .....สำหรับมินซอกตอนนี้ ก็อยากจะถามจุนมยอนเหลือเกินว่า ที่เราทำกันอยู่ตอนนี้มีสาระตรงไหนกันนะ......

                    “คิมจงแด ก็หล่ออยู่ ถึกดี เรียนเก่งถึงโครตเก่ง กีฬานี่ถ้าเป็นจับกบได้ระดับจังหวัด เส้นสายก็ประมาณฝากบุตรหลานเข้าโรงเรียนรัฐบาลในจังหวัด”

                “จงแด ขึ้นแปลงก็เก่งนะ ปลูกต้นไม้ก็เก่งด้วย อย่าลืมสิๆ”กล่าวเสริมเพื่อนตัวเองแถมยังจดเพิ่มเอาเองอีกต่างหาก จุนมยอนมองเพื่อนตัวเล็กก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆแล้วเขียนบวกหัวใจไว้ที่ชื่อของคิมจงแด

                    “นี่คือมีใจให้เขาหน่อยๆ”

                    พอพูดจบ มินซอกที่เงยหน้ามาเห็นรูปหัวใจที่ชื่อคิมจงแดนั่นก็โวยวายออกมาชุดใหญ่ แต่จุนมยอนได้แต่หัวเราะแล้วหยักไหล่ราวกลับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเกี่ยวกับมันแม้แต่น้อย

                    “มีใจห่าไรละ ก็คณะเดียวกัน ก็เลยรู้ ลบดิ ลบๆๆ”

                    “โถ่ๆ นี่เพื่อนมึงนะครับคุณคิมมินซอก ถ้าชานยอลกับคยองซูเห็นยิ่งจะบวกหัวใจอันเท่าหน้าคุณมึงแน่ครับ”

                    “นี่พวกมึงเชียร์จงแดกันหรอ ?”จุนมยอนแทบจะจับหัวมินซอกมาทุบโต๊ะแล้วบอกว่า มึงเพิ่งรู้หรอครับ นี่เขาแทบจะจับคุณมึงใส่พานถวายให้จงแดกันอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายเล่นเอาใจใส่มินซอกซะมากมายแถมยังเผื่อแผ่มาถึงจุนมยอน ชานยอล คยองซูอีกด้วย เข้าทางเพื่อนและมีความดีเยอะขนาดนี้ ไม่เชียร์จงแดแล้วจะให้เชียร์ใคร

                    “เออดิ จงแดคนดีนะมึง ทำอะไรเพื่อมึงตั้งเยอะแยะ แค่ตอนนี้เขายุ่งๆไม่มีเวลามาตามมึงเฉยๆเหอะ”คิดแล้วก็ต้องพูดยกยอเอาจงแดเข้าข่มดีกรีสองคนนั้นเสียหน่อย

                    “พอเลยมึง หยุดชงกูซะ ขอร้อง”

                    “ทำไมอะมึง จงแดดีออกนะมึง”

                    “ความรักเป็นผลตอบแทนของความดีหรือไงวะ ?

                มินซอกไม่ได้โมโห.... แต่เพราะไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องรักใครเพียงเพราะคนๆนั้นถูกมองว่าเหมาะสมที่จะได้รับความรักจากใคร  ถึงจะไม่เคยได้สัมผัสกับความรักจริงๆจังๆสักครั้ง แต่จะผิดไหมว่าถ้าตอนนี้มินซอกไม่ได้คาดหวังความรักที่สวยหรูกับใครในตอนนี้ไว้เสียเลย เขาแค่ยังไม่รู้สึกถึงมันเท่านั่นแหละ

                    ปัญหามันอยู่ที่ว่า... ใครจะทำให้รู้สึกกันละ ?




    Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×