ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SFllOS] ALL FOR MINSEOK ft.exo

    ลำดับตอนที่ #16 : [SF] Maybe ? 100% [5/5]

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 57




    Title : [SF] Maybe ? [5/ 5]

    Author : FLOCKYCHOU’DONUT

    Couple : ??  X XIUMIN

    Rate : PG

    Author’s note :  หายไปนานเลยใช่มั้ยคะ  ขอโทษด้วยนะคะ... ไม่คิดว่าจะค้างกัน กว๊ากกก  วันนี้เอามาลงแล้วนะคะ  มีแต่คนเชียร์น้องฮุน  คอมเม้นตอนที่ฮุนเปิดตัวนี่พุ่งกระฉูดมาก  มีไม่กี่คนที่เชียร์อาลู่ และส่วนน้อยที่เชียร์ฌองแดร์  อืมมมม...  อาจมีสิทธิ์เท่าๆกันละมั้งคะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกก

     

     

     

                    มินซอกเดินลงมาจากหอด้วยท่าทางสะลึมสะลือ  วันนี้เขามีเรียนเช้า..  และเมื่อคืนดันมัวแต่นั่งฟังจุนมยอนพูดกรอกหูเรื่องของสามหนุ่มที่ถูกหมายหัวมาตามจีบเขาอยู่ให้ฟัง  มินซอกนั่งฟังข้อดีมากมายของทั้งสามคนจนจำได้มากกว่าสูตรเคมีทั้งหมดที่ไปเรียนมากับลู่หานเสียอีก กว่าจะฟังจบกว่าจะทำการบ้านที่ลู่หานให้มาเสร็จก็โครตดึก เน้นว่า เช้าเลยดีกว่า  เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขสามไปเลยด้วยซ้ำ จุนมยอนยังนอนกรนรบกวนอีกต่างหาก..  เออ ดี !

                    ขาเรียวก้าวไปตามทางจนมาหยุดที่หน้าประตูเพราะเห็นใครบางคนกำลังยืนพิงมอเตอร์ไซด์แล้วส่งยิ้มมาทางเขา  มินซอกพยายามเปิดตาให้กว้างมากขึ้น ก่อนจะต้องอุทานร้องเรียกชื่ออีกฝ่าย

                   

    “จงแด !

     

                    “ครับ  มินซอก”คนโดนเรียกโปรยยิ้มหวานตามแบบฉบับตัวเองมาให้  มินซอกสาวเท้าเร็วขึ้นจนเกือบวิ่ง  ไม่ลืมยิ้มทั้งตาบวมๆเพราะนอนน้อยให้อีกคน  เห็นแบบนั้นจงแดเลยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมอีก

    “ค่อยๆ เดินก็ได้มินซอก  ทำไมวันนี้ตาบวมๆละ”โดนยิงคำถามที่จี้ใจแบบนั้น  คนตัวเล็กก็เผลอทำตัวล่อกแล่ก ออกไปจนไม่รู้ว่าจงแดจะผิดสังเกตหรือเปล่า

     

    ...ให้บอกได้ยังไงละ  ว่าที่นอนดึกน่ะ เพราะฟังเรื่องจงแดนั่นแหละ....

     

    “เรานอนน้อยน่ะ  พอดีอ่านเคมีเยอะไปหน่อยน่ะ”มินซอกไม่ได้โกหกออกไปหรอกนะ  แค่บอกความจริงไม่หมดต่างหากละ  รอยยิ้มของจงแดหุบลงแล้วกลายเป็นสีหน้ากระวนกระวายแทน  มือใหญ่ถูกยกมาจับไหล่ของเขาอย่างถือวิสาสะแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม

    “ให้เราช่วยก็ได้นะ  ไม่ต้องเกรงใจ”

    ดวงตาคมของจงแดนั้นมองมาที่ตาของเขาแสดงความจริงใจอย่างไม่ปิดบัง  มองตอบนานๆก็รู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าว คงเป็นเพราะจุนมยอนนั้นแหละเป่าหูเขาว่าจงแดน่ะเขานี่นา...

    “เออ..  ขอบใจนะ  แต่ช่วงนี้จงแดต้องไปช่วยอาจารย์ทำแล๊ปนี่นะ ไม่เป็นไรหรอก  เรามีเพื่อนมาช่วยติวให้แล้ว”

    ยิ้มตาหยีตอบก่อนที่จะต่อบทสนทนาถามเรื่องแล๊ปจากอีกคนสองสามประโยค  จบท้ายด้วยการที่จงแดชวนให้ไปเรียนพร้อมกัน  มินซอกพยักหน้าตกลงแทบจะทันที เพราะอาคารเรียนรวมนั้นอยู่ไกลจากหอในนี่มากโขอยู่ทีเดียว  ถึงในใจจะแอบคิดไปเองคนเดียวแล้วเรียบร้อยว่าจงแดจงใจหรือเปล่านะ  แต่ปากเจ้ากรรมก็ดันถามออกไป เพราะอยากรู้จากอีกคนจริงๆเลยมากกว่า

    “จงแดมารอรับเราหรอ  ว๊ากกก”พูดไม่ทันจบดี  รถมอเตอร์ไซด์ก็เหมือนเซเล็กน้อยจนเขาเสียความทรงตัว  ได้ยินเสียงกระแอ่มของคนขับแล้ว  มินซอกเลยยิ่งใจเต้นเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ

    “เอ่ออ..  เอาจริงๆ  เราก็อยากเจอมินซอกแหละ”

    “...”

     

     

     

    “คือ  ถ้าบอกว่า คิดถึง ได้ไหม ?

     

     

    แก้มใสขึ้นสีจนแรง..  มินซอกดีใจที่จงแดหันหลังให้ตัวเขาในตอนนั้น  การนั่งซ้อนท้ายทำให้ระยะห่างของทั้งคู่มันน้อยเกินไป  แถมพอได้ยินคำว่า  “คิดถึง” ก็เหมือนบรรยายกาศรอบตัวมันช้าลงจนเกือบหยุด  ได้ยินเสียงตุบๆเหมือนหัวใจเต้นเบาๆ  แต่เขาไม่รู้เลยว่าเป็นของใคร

     

    มันเป็นของ...  มินซอก หรือ จงแด กันนะ ?

     

    รถมอเตอร์ไซด์ถูกขับไปตามทางเรื่อยๆ ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นอีก  นอกจากใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวของทั้งสองคนที่กำลังเดินทางร่วมกันอยู่  มือเล็กของมินซอกประสานกันหลับตาพริ้ม กลั้นหายใจแล้วค่อยๆปล่อยถ้อยคำเพื่อคลายสถานการณ์ที่ดูกดดันนี่ลงอย่างแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงแค่จงแดกับเขาเท่านั้น

     

     

    “ขอบคุณที่คิดถึงนะ”

     

     

     

    จังหวะพอดีกับที่ถึงอาคารเรียนรวม  คนตัวเล็กกระโดดลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคออกจากหัวยื่นคืนให้คนเป็นเจ้าของ  จงแดยื่นมือไปรับพร้อมรอยยิ้ม  มินซอกยืนรออีกคนจอดรถอยู่ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นอีก

    “มินซอก !

                    หันไปตามเสียงเรียกก่อนที่ดวงตาเรียวที่ปรือๆเมื่อไม่นานจะต้องเบิกกว้าง  ใบหน้าหวานหันควับกลับมา ยกมือขึ้นปิดปาดแล้วแอบกรีดร้องในใจ

     

                    นี่วันอะไรวะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

                    มินซอกหันไปยิ้มให้ “เพื่อนต่างชาติ” สามคนที่กำลังโบกมือแล้วเดินมาทางเขา  ในขณะที่จงแดก็กำลังเดินมาจากอีกทางเช่นกัน  ยกมือขึ้นส่ายไปมาเบาๆ  นักศึกษาแลกเปลี่ยนทั้งสามคนเดินมาถึงตัวเขาก่อน ในขณะที่นักศึกษาอนาคตไกลอย่างจงแดกำลังข้ามถนนมาจากลานจอดรถ

                    “มีเรียนตึกนี้ก็ไม่บอก จะได้ไปรับ”อี้ชิงเป็นคนเปิดบทสนทนา  คนตัวเล็กส่ายหน้ารัวๆ ตอบปฏิเสธเสียงใสว่าไม่เป็นไร  ในขณะที่เทาเองก็มัวแต่เอ่ยแซวเขาในจังหวะที่จงแดเดินมาใกล้พอดี

     

                    “เขินลู่หานหรอมินซอก !

     

                โอยยย...  ริมฝีปากถูกเม้มติดกันทั้งที่ตาเรียวกำลังยิ้มจนหยี  สถานการณ์ตอนนี้ทำให้มินซอกรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก แสงเข้าตา  อยากจะหายไปจากตรงนี้ และยิ่งแอบเห็นว่าจงแดหันไปมองลู่หานที่ยืนหัวเราะอยู่นั้น  เขายิ่งอยากจะวิ่งไปเอาหัวโขกต้นไม้แถวนี้ซักสองสามที

                    “เพื่อนหรอมินซอก”

                    “อื้อ  นี่.. อี้ชิง  เทา  แล้วก็ลู่หานนะ  ส่วนนี่..  จงแดนะทุกคน”

                    ผายมือไปที่แต่ละคนพร้อมเอ่ยแนะนำชื่อ  อี้ชิงและเทาก้มหัวน้อยให้กับเพื่อนคนใหม่  ก่อนบรรยากาศจะเริ่มมาคุขึ้นทันที่สายตาของลู่หานและจงแดประสบกัน   ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะดูไม่ชอบขี้หน้ากันเอาเสียเลย 

                    “จะเข้าเรียนแล้ว  เรากับจงแดไปก่อนนะ”มินซอกเอ่ยทำลายความเงียบ  อี้ชิงและเทาที่เหมือนเพิ่งเข้าใจสถานการณ์เออออตาม แล้วจัดการลากร่างโปร่งของลู่หานออกไป  ในขณะที่มินซอกเองก็ถือวิสาสะคว้ามือแขนของจงแดแล้วออกแรงลากออกมาเช่นกัน  ระหว่างทางเดินนั้น จงแดไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว  จนเขารู้สึกใจเสีย แอบเหลือบมองก็เห็นใบที่ไม่แสดงอารมณ์ของร่างผอมอีกต่างหาก

                    “จงแด...”

                    “...”

                    “จงแด...”

                    “หืม ?”กว่าอีกคนจะตอบ  มินซอกก็แทบจะน้ำตาตกใน  ไม่ชอบเอาเสียเลยกับสถานการณ์แบบนี้  เรียกก็ไม่ขาน พอตอบก็มาซะสั้น  นี่ไม่กล้าจะถามอะไรต่อไปทั้งนั้น  เลยส่ายหัวจนผมกระจาย คลายมือที่กำแขนอีกคนออกแล้วสาวเท้าเร็วไปยังห้องเรียน   ไม่อยากคุยด้วยแล้ว ! 

                   

     

     

     

     

    มินซอกน่าจะถามจุมนยอนว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้  มันน่าอึดอัด  ก็ไม่คิดว่าจะมาบังเอิญเจอกัน ท่าทีสองคนนี้ยังทำเหมือนไม่ชอบขี้หน้ากันอีก  ใจของมินซอกเลยเริ่มกลัวเรื่องแบบนี้เสียแล้ว  ทั้งสองคนชอบเขาจริงๆหรือเปล่านะ ? สไลด์หน้าห้องของอาจารย์เลื่อนไปเรื่อยๆ แต่สติของคนตัวเล็กไม่ได้จับจ้องมันแต่น้อย  แรงสะกิดเบาๆจากคยองซูดึงความคิดทุกอย่างให้กลับมา

                    “มินซอก  วันนี้เหม่อจัง  เป็นอะไรรึเปล่า”พอโดนถามจี้ใจเข้าหน่อย  มินซอกก็ถอนหายใจพรืดใหญ่  เกยใบหน้ากับไหล่ของเพื่อนร่วมเซคอย่างเหนื่อยอ่อน เอ่ยเสียงออดอ้อน

                    “วันนี้เรียนไม่รู้เรื่องแล้วละคยองอ่า  ฉันมีเรื่องคิดมาก”

                    ไม่ทันที่คนโดนอ้อนจะได้ตอบ ด้ามปากกาก็ถูกตีเข้ามาที่หัวเสียงดังป๊อก  มือเล็กถูกยกขึ้นมาลูบหัวปอยๆ  หรี่ตามองคนหูกางตัวต้นเหตุที่ยักคิ้วยียวนใส่อย่างหัวเสีย

                    “ไอ้ชานแมร่งกาก  คยองอ่า”ฟ้องเพื่อนตัวน้อย  คยองซูหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจัดการทำโทษเพื่อนตัวสูงด้วยการตีเบาๆที่ต้นแขน  ชานยอลทำทีเป็นลูบแขนแล้วส่งเสียงโอดโอยเรียกความหมั่นไส้  เห็นแบบนั้นมินซอกเลยจัดการหยิบปากกาตัวเองมาตีไปอีกหลายที

                    “พอๆ เจ็บแล้วๆๆ โอยๆ  แค่จะถามว่าเป็นไรเฉยๆ”ดวงตากลมของชานยอลนั้นแสดงความจริงใจอย่างชัดเจน  คนตัวเล็กคลี่ยิ้มกับความสนอกสนใจในเรื่องตัวเองของเพื่อนๆ คยองซูเองก็วางปากกาลงแล้วหันมาทางเขาอย่างจริงจัง  เห็นแบบนั้นแล้วก็เลยเริ่มเล่าความรู้สึกตัวเองอย่างตรงไปตรงมา  โดยไม่ลืมชะเง้อมองว่าตำแหน่งของจงแดนั้นไกลพอที่จะไม่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด  นึกขอบคุณที่วันนี้คนมาเรียนเต็มห้อง

                   

                   

                    “ฉันรู้สึกเหมือนโดนตามจีบ..  ไม่สบายใจเลย”

     

                   

                    จบคำ ตาโตๆของเพื่อนสนิททั้งสองก็เหมือนจะถลนออกมาจากเบ้า  คยองซูกระพริบตาปริบๆมองหน้ามินซอกนิ่ง ในขณะที่ชานยอลเหมือนจะพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้เสียเต็มที่

                    “เห้ยย... ก็ไม่ต้องทำไรนิ  เค้าก็มาจีบเพราะมินซอกเป็นมินซอกนี่แหละ”ถึงมันจะจริงแบบที่ชานยอลพูด  แต่คยองซูก็ส่ายหัวก่อนจะกล่าวเสริมความคิดตรงไปตรงมาของเพื่อนอีกทีหนึ่ง  เมื่อคิดว่าคำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งที่มินซอกต้องการเป็นแน่

                    “ถ้าไม่สบายใจก็บอกเค้าไปตรงๆเลยสิ”

                    “เราไม่กล้าหรอกนะคยองซู  อีกอย่างเค้าไม่ได้บอกด้วยว่าจะจีบหรือรู้สึกยังไง  บอกไปก็เหมือนเราร้อนตัวป่ะละ”ตอบเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้ากับไหล่เล็ก  คยองซูหันไปมองชานยอลเล็กน้อย ก่อนที่คนตัวสูงจะเอ่ยคำแนะนำด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม

                    “งั้นก็คิดเอาง่ายๆ  ถามไปเลยดิ... ว่าจีบหรอ”

                    “จะบ้าหรอไง !!!

                    “ฟังก่อนดิ... “พอจะโวยวาย มือใหญ่ของชานยอลก็ส่งมาปิดปากมินซอกเอาไว้  ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ออกมาผ่านมือนั้น  คยองซูยกนิ้วชี้แล้วทำเสียงชู่วเตือนเพราะเป็นเวลาเรียน  คนตัวเล็กเลยสงบลง รอฟังคำแนะนำจากเพื่อนทั้งสองต่อ

                   

     

                “ก็ถ้าจะจีบมันก็ต้องมาแบบแมนๆป่ะวะ... จีบก็ว่าจีบ”

     

     

                “ชอบก็ต้องบอกว่าชอบ “

     

     

                    “ถามไปตรงๆเลย..  ใครกล้าบอกว่าจีบก็ค่อยให้มันจีบ  ใครบอกว่าไม่ได้จีบแต่ทำเหมือนจีบ ก็ถือว่าป๊อดไปเลย”

     

     

                ในใจของมินซอกเองก็ค้างคาเหมือนกัน  สามคนนั้นชอบทำเหมือนจะจีบแต่ก็เหมือนไม่ได้จีบ  ทำเหมือนจะชอบแต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใกล้  จะว่าไปก็ไม่มีความชัดเจนกันทั้งสามคน  ถ้าชัดเจนกันมากกว่านี้..  จะดีไหมนะ  ถ้าถามออกไปตรงๆตอนนี้จะตรงเกินไปไหมนะ  มันจะทำให้ทั้งสามคนรู้สึกแปลกๆหรือเปล่านะ  แล้วนี่..   ทำไมต้องมาแคร์คนอื่นมากกว่าตัวเองในเวลาแบบนี้ก็ไม่รู้สิ  ไม่สนุกเสียเลยความรัก

     

                    ถ้ามันลำบากขนาดนี้...  มินซอกอยู่คนเดียวกับคุณต้นไม้ก็ได้นะ  !

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                    “จงแด....”

     

                    เลิกเรียนมาซักพักแล้ว   หลังจากยืนรออยู่หน้าประตูห้องเรียนเป็นเวลานาน ร่างผอมที่เพิ่งสนทนากับอาจารย์ประจำวิชาเสร็จก็เดินออกมา มินซอกยืนรอจงแดมาตั้งแต่เลิกเซค  คยองซูและชานยอลบอกว่าไม่อยากทำให้รู้สึกประหม่า จึงลงไปรอชั้นล่างเรียบร้อยแต่กำชับให้เขาต้องมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียด  มินซอกได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก แล้วเวลานี้ก็มาถึง...  จงแดเดินออกมา แถมยังหันมาตามเสียงเรียกของเขาแล้วด้วย

                    “อ้าว  ยังอยู่นี่อีกหรอมินซอก”

                    “อื้อ  เราขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ?”กระชับกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองเพื่อคลายความประหม่า  เผลอเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองระหว่างรออีกคนอนุญาตกลับมา  จงแดไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้า  มือเล็กกำสายกระเป๋าตัวเองแน่นขึ้น  เอ่ยถามเสียงสั่นทว่าถ้อยคำหนักแน่น

     

     

                    “จงแดชอบเราหรอ ?

     

     

                ทุกอย่างเหมือนเงียบลงไปพักหนึ่ง..  พอเงยสบตากันได้เพียงครู่เดียว มินซอกก็เป็นคนหลบสายตาของจงแดก่อน เพราะอีกคนเล่นยิ้มอ่อนโยนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แล้วตามมาด้วยประโยคที่ทำให้เขารู้สึกตัวเป็นคนโง่มาตลอดแบบนี้..

     

     

                    “รู้ตัวแล้วหรอ...”

     

     

                ไม่มีการปิดบังแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว..  จงแดรู้แล้วละว่าตอนนี้คนที่อยากจับจองหัวใจมินซอกไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวอีกต่อไปแล้ว..

     

                    “งั้นเราจะจีบมินซอกแบบจริงจังละนะ..”

     

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

     

    มินซอกตบแก้มตัวเองเบาๆเพราะรู้สึกความร้อนมันยังไม่จางหายไป  หยิบนมเย็นมาดูดอีกครั้งเพื่อเติมพลังงานที่รู้สึกเหือดหายไปของตัวเอง  คยองซูและชานยอลนั่งมองเขามานานสองนานหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบแล้ว  ทั้งสองดูตื่นเต้นไปเสียหมดทุกเหตุการณ์จนมินซอกรู้สึกเขินอายซ้ำซ้อน 

                    “ชัดเจนแล้วนิ...  มินซอกอนุญาตเขาป่ะละ”

                    “ก็...”ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม  สัมผัสเบาๆที่ไหล่ก็ทำให้มินซอกต้องตกใจ  หันกลับไปดูก็เห็นร่างของใครบางคน เงยดูจึงรู้ว่าเป็น “คุณครูสอนพิเศษ”ของเขาเองนั้นแหละ

     

     

                    “ลู่หาน ?

     

     

                    คยองซูกับชานยอลแทบจะสำลักน้ำลายเพียงแค่เห็นใบหน้าของหนุ่มจีน  แอบใช้มือสะกิดกันเงียบๆ คนตัวสูงลุกพรวดขึ้นอ้างเหตุผลที่คิดมาสดๆร้อนพาตัวเองและเพื่อนตัวจิ๋วออกจากโต๊ะไป ทิ้งไว้เพียงอาจารย์และลูกศิษย์ให้อยู่ที่โต๊ะสองคน

                    “นั่งก่อนไหม ?”เอ่ยเชิญคนมาใหม่  ทั้งที่ในใจตัวเองกำลังแอบร้องไห้กระวนกระวายอยู่   นี่เพิ่งจัดการไปหนึ่งคน อีกคนก็มาอีกแล้ว จะไม่ปล่อยให้มีเวลาหายใจกันหน่อยเลยหรอ

                    “คนเมื่อเช้าไม่มาด้วยหรอ..  ชื่อไรนะ จงแด ?”เหมือนรู้สึกว่าตัวเองโดนอีกคนกล่าวแซะ  ถึงจะโมโหแต่ก็ต้องปรับทั้งสีหน้าและน้ำเสียงให้ปกติแล้วตอบกลับไปเสียงเรียบ

                    “ไม่มาหรอก  จงแดเค้าไปช่วยอาจารย์ทำแล๊ปต่อแล้วละ”

                    “รู้ดีจังเลยนะ”พอโดนดักเข้าแบบนี้อีก  อารมณ์ของมินซอกก็เริ่มจะพุ่งปรี๊ด  คนบ้าอะไร ! เป็นอะไรกันก็ไม่ได้เป็น  ทำตัวเหมือนที่เขารู้จักกับจงแดมันผิดมากยังไงยังงั้น  และก็เพราะโมโหแบบนี้เลยเผลอพูดประโยคที่เข้าแผนออกไปอย่างไม่รู้ตัว

     

     

                    “ทำไม ? หวงเราหรือไง..  ลู่หานชอบเราหรอ ?

     

     

                    เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าถามออกไปตรงประเด็นแบบไม่รู้ตัวแบบนั้น  ครั้นจะหันไปแก้ตัวก็เห็นอีกคนนั่งนิ่งไปซะอย่างงั้น  มินซอกนึกก่นด่าตัวเองในใจที่ทำให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลขนาดนี้  อยากยกมือมาตีปากให้รู้แล้วรู้รอด  แต่ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นยกมันขึ้นเกาที่ท้ายทอยเมื่อได้ยินคำตอบของอีกคน

     

     

                    “อื้อ...  เราชอบมินซอก”

     

     

                    ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนแล้วละ...  เพราะลู่หานรู้ตัวดีว่าหากไม่รีบทำอะไรซักอย่าง  มินซอกคงไม่ได้มานั่งข้างๆเขาแบบนี้อีกเป็นแน่...

               

     

                    “เราชอบมินซอกได้รึเปล่า ?

     

     

     

                    คนโดนสารภาพได้แต่ก้มหน้าหงุดแอบใบหน้าที่กำลังเห่อร้อนของตัวเอง วันนี้มันวันอะไรกันเนี้ย !!!  ริมฝีปากถูกกัดจนแทบจะบวมฉึง  น้ำตาคลอมาที่เบ้าเพราะความสับสนที่ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไง  พอเหลือบมองอีกคนก็เล่นมองหน้าเค้าไม่วางตาอีกต่างหาก 

     

                    “เอ่อ...”  

                    “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว...  เรา  เราไม่อยากฟังแล้ว”เหมือนอีกคนกำลังจะพูดอะไร  คนตัวเล็กรีบยกมือห้ามพร้อมทั้งลุกพรวดพราดออกจากโต๊ะเดินจ้ำอ้าวออกไปแล้วปล่อยให้เพื่อนต่างชาติตัวเองตะโกนไล่ลังไปอย่างลืมอาย

     

                    “งั้นเราจีบมินซอกนะ !!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               

                    ซู่.... 

                    เสียงน้ำที่ไหลออกจากบัวรดน้ำอันน้อย ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด  มินซอกกำลังเหม่อมองไปไม่สนใจเจ้าบล็อคโคลี่น้อยที่กำลังจะบวมน้ำตายในไม่ช้า  คิดอะไรได้นิดหน่อยใบหน้าทั้งลู่หานและจงแดก็ผุดขึ้นมาจนใบหน้าร้อนผ่าวแทบจะทันที  มือเล็กโยนบัวรดน้ำทิ้งแล้วเปลี่ยนมาปิดแก้มใสที่ร้อนฉ่าทั้งสองข้าง ตบเบาๆให้มันคลายความร้อนออกมา

                    “โอยยยย...  ออกไปนะๆ  ฉันต้องรดน้ำต้นไม้..  รดน้ำต้นไม้ รด..”

                   

                    “เราช่วยนะ..”

     

                พอได้ยินเสียงคราวนี้มินซอกยิ่งรู้สึกว่าความร้อนที่พวงแก้มมันเริ่มลามไปถึงหูทั้งสองข้างเสียแล้ว  นี้ วันนี้มันวันอะไรกันนะ ใจคอจะไม่ให้เขาหายใจกันหน่อยเลยหรอ  มินซอกบ้าเองแหละที่ไปเชื่อเจ้าพวกเพื่อนๆนั่น  พอถามหรือปรึกษาก็ไม่มีการช่วยเหลืออะไรดีๆ นอกจากจะชงให้คิดมากว่ามินซอกน่ะฮอตเสียเหลือเกิน

                    “เอ่อ...  ไม่เป็นไรเซฮุน  นายมาเอาผักอีกแล้วหรอ”

                    “เปล่าซะหน่อย  ฉันแค่ขับรถผ่านมา  เห็นนายพอดี เลยแวะมาทัก”

                    ความจริงแล้ว  เซฮุนก็มารออยู่นานจนเห็นว่าคนตัวเล็กนี่รดน้ำที่เดิมมาเกือบจะสิบห้านาทีแล้วละ  ใบหน้าหวานๆกับแก้มใสๆนั่นแดงเป็นพัก  เผลอมองนานๆไม่กล้าเข้ามาเพราะเคลิบเคลิ้ม  รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายโยนบัวทิ้งนั่นแหละ  นี่ไม่ได้คิดเก๋ๆ แต่ก็รู้ว่าคงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเป็นแน่

                    “อ๋อ..  อืม”ตัดบทสนทนาให้จบเสียง่ายๆ ด้วยการเลี่ยงไปหยิบบัวมารดน้ำต่อ  ทำเหมือนไม่สนใจร่างสูงๆที่ยืนเก๊กเท่ท่ามกลางแดดร้อนแต่อย่างใด   เซฮุนปรายตามองอีกคน  พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการกระแอ่มในลำคอเป็นพักๆ

                    “อะแฮ่มม...”

                    มินซอกไม่ได้สนใจอีกฝ่ายมากนัก  จนได้ยินเสียงกระแอ่มนั่นอีกสองสามครั้ง  นึกในใจว่าเซฮุนนี่ช่างเก่งในเรื่องที่ทำให้เขารำคาญได้อย่างเฉียบขาดจริงๆ  พอรำคาญเอามากๆ  มินซอกก็เลยจัดการพูดดักคออีกฝ่าย

                    “จะไออีกนานไหม  ฉันรำคาญ”

                    “เอ่อ...  ขอโทษ  ก็นายเงียบ  ฉันอุตส่าห์มาทักทายนายถึงแปลงเลยนะ”

                    “ใครให้มาละ  ไม่ได้ไปสั่งให้นายมาเลยนะ !”ความจริงแล้วอยากจะโวยวายให้มันแรงกว่านี้  นี่เขาไปสั่งให้ไอ้บ้านี่มาเฝ้าหรือไงกันนะ  ไอ้คำว่า “อุตส่าห์” นี่มันเหมือนเขาไปบังคับอีกคนมาเสียจริง

                    “ก็เปล่า  เอ่อๆ..  ขอโทษก็ได้อะ  แล้วเดี๋ยวไปไหนต่อ ?”มินซอกวางบัวลงข้างตัว  ปรายตามองอีกคนที่กำลังยืนกอดอกถามคำถามสอดรู้สอดเห็นในเรื่องของตนเองอยู่ 

                    “ทำไมอยากรู้เรื่องฉันจัง  เอาเวลาไปปลูกผักกินป่ะ”

                    “นี่ฉันถามดีๆนะ  ทำไมนายต้องทำเหมือนรำคาญกันด้วยเนี้ย...”น้ำเสียงของเซฮุนไม่ได้โมโห ทว่ามันน้อยใจจนสัมผัสได้  คนโดนหาว่ารำคาญส่ายหน้าเบาๆ  โยนบัวรดน้ำข้างตัวให้คนตัวสูง  ชี้นิ้วเชิงสั่งให้รดน้ำตรงนั้นตรงนี้  แต่อีกคนก็กลับทำตามอย่างว่าง่าย  ไม่ปริปากบ่น  แต่ใบหน้ามุ่ยๆนั่นก็ทำให้มินซอกรู้ว่าไม่ได้หายน้อยใจไปจากเมื่อกี๊

                    ....แล้วนี่เป็นใครวะ  ทำไมต้องมาให้เขาง้อเนี้ย ?....

                    รู้ตัวอีกทีก็รดน้ำจนครบทุกต้นเสียแล้ว  เดือนรัฐศาสตร์วางบัวรดน้ำแล้วลงไปนั่งยองๆมองไปอย่างไร้จุดหมาย  ทำตัวเหมือนพระเอกเอ็มวีเพลงเศร้าจนน่าสงสาร  เจ้าของแปลงเลยต้องเดินไปสะกิดเบาๆ เอ่ยคำขอบคุณอาบน้ำหวานให้ใจของเซฮุนกระชุ่มกระชวยหลังจากแห้งเหี่ยวมาจากถ้อยคำแดกดันมากมาย

                    “ขอบคุณนะที่มาช่วย...”

     

                    แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป  กับแปลงเขียวขจีที่มองตรงออกไปอีกนิดก็เป็นดอกไม้หลากสีสันนั่นทำให้บรรยากาศรอบตัวในตอนนี้มันช่างโรแมนติก  อีกทั้งคนตัวเล็กตรงหน้าของเซฮุนตอนนี้ก็ช่างน่ารัก  ดวงตาเรียวทว่ากลมโตนั้นกำลังหยีลงเล็กน้อยเพราะริมฝีปากเล็กที่กำลังคลี่ยิ้มอย่างสดใส  แก้มใสๆถูกยกขึ้นนั้นน่าสัมผัสด้วยจมูกของเขาเสียจริง..   มินซอกอา

                    “ไม่เป็นไร  ฉันแค่อยากมาช่วย....”

     

     

                    “ไม่ดิ..  ฉันแค่อยากมาเจอนาย”

     

     

                พอสายตาประสานกัน  มินซอกก็เป็นฝ่ายหลบมันไปเสียก่อน  รีบหันหลังให้คนตัวสูงกว่าที่ตอนนี้ยืนเต็มความสูงอยู่ข้างหลังเรียบร้อย  สัมผัสที่มือใหญ่บริเวณไหล่นั้นทำให้ใจของคนตัวเล็กเต้นตุบๆ  ในหัวคาดเดาสถานการณ์เอาไว้และภาวนาให้ไม่เป็นอย่างที่คิด  แต่มันคงไม่ทันเสียแล้วละ...

     

     

                    “ฉันชอบนายนะ...”

     

     

     

     

     

     

                   

     

                    “เล่าต่อ  มึงเล่าต่อออออออ !!!

                จุนมยอนเขย่าตัวรูมเมทอย่างเอาเป็นเอาตาย  ตอนนี้ในห้องกำลังมีทั้งคยองซู  ชานยอลนอนฟังอย่างใจจดใจจ่ออยู่ด้วย  มินซอกยกมือขึ้นปิดแก้มที่แดงจนจะระเบิดของตัวเอง  ตั้งสติที่กำลังหลุดลอยไปกับเหตุการณ์ต่างๆของวันนี้  เลียริมฝีปากที่แห้งผากเล็กน้อยก่อนเริ่มเล่าเรื่องราวต่อ

                    “เค้าก็ถามแหละ  เหมือนสองคนนั้น...”

                    “ถามไรอีกละ  ไอ้เหี้ยพวกนี้แมร่งถามมา วู้วว ป๊อดสัสๆๆ  มึงไม่ต้องเอาๆ”ชานยอลพูดขัด รวมทั้งโบกไม้โบกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ผ่านซักคนให้กับเขาอีกต่างหาก 

                    “มึงเงียบๆ  กูฟังอยู่”จุนมยอนยกเท้าขึ้นมาในตำแหน่งใกล้ใบหน้าเพื่อนร่วมเซคตัวสูงของมินซอก 

                    “ถามว่า.. ?

     

     

                    “ฉันจีบนายได้ไหม ?

     

     

                “แล้วมินซอกตอบสามคนนั้นว่าไง  ?”คยองซูที่เงียบมานาน  มองใบหน้าของเพื่อนร่วมเซคที่กำลังขึ้นสีมากขึ้นเรื่อยๆ  ไม่มีการเร่งเร้าเอาคำตอบจากใครในห้องอีก  มินซอกค่อยๆเอ่ยถ้อยคำที่สร้างความอยากรู้อยากลองให้ทั้งคนฟัง

                    ...ทั้งคนที่ฟังในตอนนั้น  และตอนนี้ด้วยเลยละ...

     

     

     

                    “ก็... ได้ละมั้ง”






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×