คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : [SF] Maybe ? 100% [5/5]
Title : [SF] Maybe ? [5/ 5]
Author : FLOCKYCHOU’DONUT
Couple : ?? X XIUMIN
Rate : PG
Author’s note : หายไปนานเลยใช่มั้ยคะ ขอโทษด้วยนะคะ... ไม่คิดว่าจะค้างกัน กว๊ากกก วันนี้เอามาลงแล้วนะคะ มีแต่คนเชียร์น้องฮุน คอมเม้นตอนที่ฮุนเปิดตัวนี่พุ่งกระฉูดมาก มีไม่กี่คนที่เชียร์อาลู่ และส่วนน้อยที่เชียร์ฌองแดร์ อืมมมม... อาจมีสิทธิ์เท่าๆกันละมั้งคะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกก
มินซอกเดินลงมาจากหอด้วยท่าทางสะลึมสะลือ วันนี้เขามีเรียนเช้า.. และเมื่อคืนดันมัวแต่นั่งฟังจุนมยอนพูดกรอกหูเรื่องของสามหนุ่มที่ถูกหมายหัวมาตามจีบเขาอยู่ให้ฟัง มินซอกนั่งฟังข้อดีมากมายของทั้งสามคนจนจำได้มากกว่าสูตรเคมีทั้งหมดที่ไปเรียนมากับลู่หานเสียอีก กว่าจะฟังจบกว่าจะทำการบ้านที่ลู่หานให้มาเสร็จก็โครตดึก เน้นว่า เช้าเลยดีกว่า เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขสามไปเลยด้วยซ้ำ จุนมยอนยังนอนกรนรบกวนอีกต่างหาก.. เออ ดี !
ขาเรียวก้าวไปตามทางจนมาหยุดที่หน้าประตูเพราะเห็นใครบางคนกำลังยืนพิงมอเตอร์ไซด์แล้วส่งยิ้มมาทางเขา มินซอกพยายามเปิดตาให้กว้างมากขึ้น ก่อนจะต้องอุทานร้องเรียกชื่ออีกฝ่าย
“จงแด !”
“ครับ มินซอก”คนโดนเรียกโปรยยิ้มหวานตามแบบฉบับตัวเองมาให้ มินซอกสาวเท้าเร็วขึ้นจนเกือบวิ่ง ไม่ลืมยิ้มทั้งตาบวมๆเพราะนอนน้อยให้อีกคน เห็นแบบนั้นจงแดเลยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมอีก
“ค่อยๆ เดินก็ได้มินซอก ทำไมวันนี้ตาบวมๆละ”โดนยิงคำถามที่จี้ใจแบบนั้น คนตัวเล็กก็เผลอทำตัวล่อกแล่ก ออกไปจนไม่รู้ว่าจงแดจะผิดสังเกตหรือเปล่า
...ให้บอกได้ยังไงละ ว่าที่นอนดึกน่ะ เพราะฟังเรื่องจงแดนั่นแหละ....
“เรานอนน้อยน่ะ พอดีอ่านเคมีเยอะไปหน่อยน่ะ”มินซอกไม่ได้โกหกออกไปหรอกนะ แค่บอกความจริงไม่หมดต่างหากละ รอยยิ้มของจงแดหุบลงแล้วกลายเป็นสีหน้ากระวนกระวายแทน มือใหญ่ถูกยกมาจับไหล่ของเขาอย่างถือวิสาสะแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“ให้เราช่วยก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ดวงตาคมของจงแดนั้นมองมาที่ตาของเขาแสดงความจริงใจอย่างไม่ปิดบัง มองตอบนานๆก็รู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าว คงเป็นเพราะจุนมยอนนั้นแหละเป่าหูเขาว่าจงแดน่ะเขานี่นา...
“เออ.. ขอบใจนะ แต่ช่วงนี้จงแดต้องไปช่วยอาจารย์ทำแล๊ปนี่นะ ไม่เป็นไรหรอก เรามีเพื่อนมาช่วยติวให้แล้ว”
ยิ้มตาหยีตอบก่อนที่จะต่อบทสนทนาถามเรื่องแล๊ปจากอีกคนสองสามประโยค จบท้ายด้วยการที่จงแดชวนให้ไปเรียนพร้อมกัน มินซอกพยักหน้าตกลงแทบจะทันที เพราะอาคารเรียนรวมนั้นอยู่ไกลจากหอในนี่มากโขอยู่ทีเดียว ถึงในใจจะแอบคิดไปเองคนเดียวแล้วเรียบร้อยว่าจงแดจงใจหรือเปล่านะ แต่ปากเจ้ากรรมก็ดันถามออกไป เพราะอยากรู้จากอีกคนจริงๆเลยมากกว่า
“จงแดมารอรับเราหรอ ว๊ากกก”พูดไม่ทันจบดี รถมอเตอร์ไซด์ก็เหมือนเซเล็กน้อยจนเขาเสียความทรงตัว ได้ยินเสียงกระแอ่มของคนขับแล้ว มินซอกเลยยิ่งใจเต้นเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ
“เอ่ออ.. เอาจริงๆ เราก็อยากเจอมินซอกแหละ”
“...”
“คือ ถ้าบอกว่า คิดถึง ได้ไหม ?”
แก้มใสขึ้นสีจนแรง.. มินซอกดีใจที่จงแดหันหลังให้ตัวเขาในตอนนั้น การนั่งซ้อนท้ายทำให้ระยะห่างของทั้งคู่มันน้อยเกินไป แถมพอได้ยินคำว่า “คิดถึง” ก็เหมือนบรรยายกาศรอบตัวมันช้าลงจนเกือบหยุด ได้ยินเสียงตุบๆเหมือนหัวใจเต้นเบาๆ แต่เขาไม่รู้เลยว่าเป็นของใคร
มันเป็นของ... มินซอก หรือ จงแด กันนะ ?
รถมอเตอร์ไซด์ถูกขับไปตามทางเรื่อยๆ ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นอีก นอกจากใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวของทั้งสองคนที่กำลังเดินทางร่วมกันอยู่ มือเล็กของมินซอกประสานกันหลับตาพริ้ม กลั้นหายใจแล้วค่อยๆปล่อยถ้อยคำเพื่อคลายสถานการณ์ที่ดูกดดันนี่ลงอย่างแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงแค่จงแดกับเขาเท่านั้น
“ขอบคุณที่คิดถึงนะ”
จังหวะพอดีกับที่ถึงอาคารเรียนรวม คนตัวเล็กกระโดดลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคออกจากหัวยื่นคืนให้คนเป็นเจ้าของ จงแดยื่นมือไปรับพร้อมรอยยิ้ม มินซอกยืนรออีกคนจอดรถอยู่ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นอีก
“มินซอก !”
หันไปตามเสียงเรียกก่อนที่ดวงตาเรียวที่ปรือๆเมื่อไม่นานจะต้องเบิกกว้าง ใบหน้าหวานหันควับกลับมา ยกมือขึ้นปิดปาดแล้วแอบกรีดร้องในใจ
นี่วันอะไรวะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
มินซอกหันไปยิ้มให้ “เพื่อนต่างชาติ” สามคนที่กำลังโบกมือแล้วเดินมาทางเขา ในขณะที่จงแดก็กำลังเดินมาจากอีกทางเช่นกัน ยกมือขึ้นส่ายไปมาเบาๆ นักศึกษาแลกเปลี่ยนทั้งสามคนเดินมาถึงตัวเขาก่อน ในขณะที่นักศึกษาอนาคตไกลอย่างจงแดกำลังข้ามถนนมาจากลานจอดรถ
“มีเรียนตึกนี้ก็ไม่บอก จะได้ไปรับ”อี้ชิงเป็นคนเปิดบทสนทนา คนตัวเล็กส่ายหน้ารัวๆ ตอบปฏิเสธเสียงใสว่าไม่เป็นไร ในขณะที่เทาเองก็มัวแต่เอ่ยแซวเขาในจังหวะที่จงแดเดินมาใกล้พอดี
“เขินลู่หานหรอมินซอก !”
โอยยย... ริมฝีปากถูกเม้มติดกันทั้งที่ตาเรียวกำลังยิ้มจนหยี สถานการณ์ตอนนี้ทำให้มินซอกรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก แสงเข้าตา อยากจะหายไปจากตรงนี้ และยิ่งแอบเห็นว่าจงแดหันไปมองลู่หานที่ยืนหัวเราะอยู่นั้น เขายิ่งอยากจะวิ่งไปเอาหัวโขกต้นไม้แถวนี้ซักสองสามที
“เพื่อนหรอมินซอก”
“อื้อ นี่.. อี้ชิง เทา แล้วก็ลู่หานนะ ส่วนนี่.. จงแดนะทุกคน”
ผายมือไปที่แต่ละคนพร้อมเอ่ยแนะนำชื่อ อี้ชิงและเทาก้มหัวน้อยให้กับเพื่อนคนใหม่ ก่อนบรรยากาศจะเริ่มมาคุขึ้นทันที่สายตาของลู่หานและจงแดประสบกัน ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะดูไม่ชอบขี้หน้ากันเอาเสียเลย
“จะเข้าเรียนแล้ว เรากับจงแดไปก่อนนะ”มินซอกเอ่ยทำลายความเงียบ อี้ชิงและเทาที่เหมือนเพิ่งเข้าใจสถานการณ์เออออตาม แล้วจัดการลากร่างโปร่งของลู่หานออกไป ในขณะที่มินซอกเองก็ถือวิสาสะคว้ามือแขนของจงแดแล้วออกแรงลากออกมาเช่นกัน ระหว่างทางเดินนั้น จงแดไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว จนเขารู้สึกใจเสีย แอบเหลือบมองก็เห็นใบที่ไม่แสดงอารมณ์ของร่างผอมอีกต่างหาก
“จงแด...”
“...”
“จงแด...”
“หืม ?”กว่าอีกคนจะตอบ มินซอกก็แทบจะน้ำตาตกใน ไม่ชอบเอาเสียเลยกับสถานการณ์แบบนี้ เรียกก็ไม่ขาน พอตอบก็มาซะสั้น นี่ไม่กล้าจะถามอะไรต่อไปทั้งนั้น เลยส่ายหัวจนผมกระจาย คลายมือที่กำแขนอีกคนออกแล้วสาวเท้าเร็วไปยังห้องเรียน ไม่อยากคุยด้วยแล้ว !
มินซอกน่าจะถามจุมนยอนว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ มันน่าอึดอัด ก็ไม่คิดว่าจะมาบังเอิญเจอกัน ท่าทีสองคนนี้ยังทำเหมือนไม่ชอบขี้หน้ากันอีก ใจของมินซอกเลยเริ่มกลัวเรื่องแบบนี้เสียแล้ว ทั้งสองคนชอบเขาจริงๆหรือเปล่านะ ? สไลด์หน้าห้องของอาจารย์เลื่อนไปเรื่อยๆ แต่สติของคนตัวเล็กไม่ได้จับจ้องมันแต่น้อย แรงสะกิดเบาๆจากคยองซูดึงความคิดทุกอย่างให้กลับมา
“มินซอก วันนี้เหม่อจัง เป็นอะไรรึเปล่า”พอโดนถามจี้ใจเข้าหน่อย มินซอกก็ถอนหายใจพรืดใหญ่ เกยใบหน้ากับไหล่ของเพื่อนร่วมเซคอย่างเหนื่อยอ่อน เอ่ยเสียงออดอ้อน
“วันนี้เรียนไม่รู้เรื่องแล้วละคยองอ่า ฉันมีเรื่องคิดมาก”
ไม่ทันที่คนโดนอ้อนจะได้ตอบ ด้ามปากกาก็ถูกตีเข้ามาที่หัวเสียงดังป๊อก มือเล็กถูกยกขึ้นมาลูบหัวปอยๆ หรี่ตามองคนหูกางตัวต้นเหตุที่ยักคิ้วยียวนใส่อย่างหัวเสีย
“ไอ้ชานแมร่งกาก คยองอ่า”ฟ้องเพื่อนตัวน้อย คยองซูหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจัดการทำโทษเพื่อนตัวสูงด้วยการตีเบาๆที่ต้นแขน ชานยอลทำทีเป็นลูบแขนแล้วส่งเสียงโอดโอยเรียกความหมั่นไส้ เห็นแบบนั้นมินซอกเลยจัดการหยิบปากกาตัวเองมาตีไปอีกหลายที
“พอๆ เจ็บแล้วๆๆ โอยๆ แค่จะถามว่าเป็นไรเฉยๆ”ดวงตากลมของชานยอลนั้นแสดงความจริงใจอย่างชัดเจน คนตัวเล็กคลี่ยิ้มกับความสนอกสนใจในเรื่องตัวเองของเพื่อนๆ คยองซูเองก็วางปากกาลงแล้วหันมาทางเขาอย่างจริงจัง เห็นแบบนั้นแล้วก็เลยเริ่มเล่าความรู้สึกตัวเองอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ลืมชะเง้อมองว่าตำแหน่งของจงแดนั้นไกลพอที่จะไม่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด นึกขอบคุณที่วันนี้คนมาเรียนเต็มห้อง
“ฉันรู้สึกเหมือนโดนตามจีบ.. ไม่สบายใจเลย”
จบคำ ตาโตๆของเพื่อนสนิททั้งสองก็เหมือนจะถลนออกมาจากเบ้า คยองซูกระพริบตาปริบๆมองหน้ามินซอกนิ่ง ในขณะที่ชานยอลเหมือนจะพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้เสียเต็มที่
“เห้ยย... ก็ไม่ต้องทำไรนิ เค้าก็มาจีบเพราะมินซอกเป็นมินซอกนี่แหละ”ถึงมันจะจริงแบบที่ชานยอลพูด แต่คยองซูก็ส่ายหัวก่อนจะกล่าวเสริมความคิดตรงไปตรงมาของเพื่อนอีกทีหนึ่ง เมื่อคิดว่าคำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งที่มินซอกต้องการเป็นแน่
“ถ้าไม่สบายใจก็บอกเค้าไปตรงๆเลยสิ”
“เราไม่กล้าหรอกนะคยองซู อีกอย่างเค้าไม่ได้บอกด้วยว่าจะจีบหรือรู้สึกยังไง บอกไปก็เหมือนเราร้อนตัวป่ะละ”ตอบเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้ากับไหล่เล็ก คยองซูหันไปมองชานยอลเล็กน้อย ก่อนที่คนตัวสูงจะเอ่ยคำแนะนำด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม
“งั้นก็คิดเอาง่ายๆ ถามไปเลยดิ... ว่าจีบหรอ”
“จะบ้าหรอไง !!!”
“ฟังก่อนดิ... “พอจะโวยวาย มือใหญ่ของชานยอลก็ส่งมาปิดปากมินซอกเอาไว้ ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ออกมาผ่านมือนั้น คยองซูยกนิ้วชี้แล้วทำเสียงชู่วเตือนเพราะเป็นเวลาเรียน คนตัวเล็กเลยสงบลง รอฟังคำแนะนำจากเพื่อนทั้งสองต่อ
“ก็ถ้าจะจีบมันก็ต้องมาแบบแมนๆป่ะวะ... จีบก็ว่าจีบ”
“ชอบก็ต้องบอกว่าชอบ “
“ถามไปตรงๆเลย.. ใครกล้าบอกว่าจีบก็ค่อยให้มันจีบ ใครบอกว่าไม่ได้จีบแต่ทำเหมือนจีบ ก็ถือว่าป๊อดไปเลย”
ในใจของมินซอกเองก็ค้างคาเหมือนกัน สามคนนั้นชอบทำเหมือนจะจีบแต่ก็เหมือนไม่ได้จีบ ทำเหมือนจะชอบแต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใกล้ จะว่าไปก็ไม่มีความชัดเจนกันทั้งสามคน ถ้าชัดเจนกันมากกว่านี้.. จะดีไหมนะ ถ้าถามออกไปตรงๆตอนนี้จะตรงเกินไปไหมนะ มันจะทำให้ทั้งสามคนรู้สึกแปลกๆหรือเปล่านะ แล้วนี่.. ทำไมต้องมาแคร์คนอื่นมากกว่าตัวเองในเวลาแบบนี้ก็ไม่รู้สิ ไม่สนุกเสียเลยความรัก
ถ้ามันลำบากขนาดนี้... มินซอกอยู่คนเดียวกับคุณต้นไม้ก็ได้นะ !
“จงแด....”
เลิกเรียนมาซักพักแล้ว หลังจากยืนรออยู่หน้าประตูห้องเรียนเป็นเวลานาน ร่างผอมที่เพิ่งสนทนากับอาจารย์ประจำวิชาเสร็จก็เดินออกมา มินซอกยืนรอจงแดมาตั้งแต่เลิกเซค คยองซูและชานยอลบอกว่าไม่อยากทำให้รู้สึกประหม่า จึงลงไปรอชั้นล่างเรียบร้อยแต่กำชับให้เขาต้องมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียด มินซอกได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก แล้วเวลานี้ก็มาถึง... จงแดเดินออกมา แถมยังหันมาตามเสียงเรียกของเขาแล้วด้วย
“อ้าว ยังอยู่นี่อีกหรอมินซอก”
“อื้อ เราขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ?”กระชับกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองเพื่อคลายความประหม่า เผลอเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองระหว่างรออีกคนอนุญาตกลับมา จงแดไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้า มือเล็กกำสายกระเป๋าตัวเองแน่นขึ้น เอ่ยถามเสียงสั่นทว่าถ้อยคำหนักแน่น
“จงแดชอบเราหรอ ?”
ทุกอย่างเหมือนเงียบลงไปพักหนึ่ง.. พอเงยสบตากันได้เพียงครู่เดียว มินซอกก็เป็นคนหลบสายตาของจงแดก่อน เพราะอีกคนเล่นยิ้มอ่อนโยนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วตามมาด้วยประโยคที่ทำให้เขารู้สึกตัวเป็นคนโง่มาตลอดแบบนี้..
“รู้ตัวแล้วหรอ...”
ไม่มีการปิดบังแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว.. จงแดรู้แล้วละว่าตอนนี้คนที่อยากจับจองหัวใจมินซอกไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวอีกต่อไปแล้ว..
“งั้นเราจะจีบมินซอกแบบจริงจังละนะ..”
.
.
มินซอกตบแก้มตัวเองเบาๆเพราะรู้สึกความร้อนมันยังไม่จางหายไป หยิบนมเย็นมาดูดอีกครั้งเพื่อเติมพลังงานที่รู้สึกเหือดหายไปของตัวเอง คยองซูและชานยอลนั่งมองเขามานานสองนานหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบแล้ว ทั้งสองดูตื่นเต้นไปเสียหมดทุกเหตุการณ์จนมินซอกรู้สึกเขินอายซ้ำซ้อน
“ชัดเจนแล้วนิ... มินซอกอนุญาตเขาป่ะละ”
“ก็...”ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม สัมผัสเบาๆที่ไหล่ก็ทำให้มินซอกต้องตกใจ หันกลับไปดูก็เห็นร่างของใครบางคน เงยดูจึงรู้ว่าเป็น “คุณครูสอนพิเศษ”ของเขาเองนั้นแหละ
“ลู่หาน ?”
คยองซูกับชานยอลแทบจะสำลักน้ำลายเพียงแค่เห็นใบหน้าของหนุ่มจีน แอบใช้มือสะกิดกันเงียบๆ คนตัวสูงลุกพรวดขึ้นอ้างเหตุผลที่คิดมาสดๆร้อนพาตัวเองและเพื่อนตัวจิ๋วออกจากโต๊ะไป ทิ้งไว้เพียงอาจารย์และลูกศิษย์ให้อยู่ที่โต๊ะสองคน
“นั่งก่อนไหม ?”เอ่ยเชิญคนมาใหม่ ทั้งที่ในใจตัวเองกำลังแอบร้องไห้กระวนกระวายอยู่ นี่เพิ่งจัดการไปหนึ่งคน อีกคนก็มาอีกแล้ว จะไม่ปล่อยให้มีเวลาหายใจกันหน่อยเลยหรอ
“คนเมื่อเช้าไม่มาด้วยหรอ.. ชื่อไรนะ จงแด ?”เหมือนรู้สึกว่าตัวเองโดนอีกคนกล่าวแซะ ถึงจะโมโหแต่ก็ต้องปรับทั้งสีหน้าและน้ำเสียงให้ปกติแล้วตอบกลับไปเสียงเรียบ
“ไม่มาหรอก จงแดเค้าไปช่วยอาจารย์ทำแล๊ปต่อแล้วละ”
“รู้ดีจังเลยนะ”พอโดนดักเข้าแบบนี้อีก อารมณ์ของมินซอกก็เริ่มจะพุ่งปรี๊ด คนบ้าอะไร ! เป็นอะไรกันก็ไม่ได้เป็น ทำตัวเหมือนที่เขารู้จักกับจงแดมันผิดมากยังไงยังงั้น และก็เพราะโมโหแบบนี้เลยเผลอพูดประโยคที่เข้าแผนออกไปอย่างไม่รู้ตัว
“ทำไม ? หวงเราหรือไง.. ลู่หานชอบเราหรอ ?”
เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าถามออกไปตรงประเด็นแบบไม่รู้ตัวแบบนั้น ครั้นจะหันไปแก้ตัวก็เห็นอีกคนนั่งนิ่งไปซะอย่างงั้น มินซอกนึกก่นด่าตัวเองในใจที่ทำให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลขนาดนี้ อยากยกมือมาตีปากให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นยกมันขึ้นเกาที่ท้ายทอยเมื่อได้ยินคำตอบของอีกคน
“อื้อ... เราชอบมินซอก”
ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนแล้วละ... เพราะลู่หานรู้ตัวดีว่าหากไม่รีบทำอะไรซักอย่าง มินซอกคงไม่ได้มานั่งข้างๆเขาแบบนี้อีกเป็นแน่...
“เราชอบมินซอกได้รึเปล่า ?”
คนโดนสารภาพได้แต่ก้มหน้าหงุดแอบใบหน้าที่กำลังเห่อร้อนของตัวเอง วันนี้มันวันอะไรกันเนี้ย !!! ริมฝีปากถูกกัดจนแทบจะบวมฉึง น้ำตาคลอมาที่เบ้าเพราะความสับสนที่ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไง พอเหลือบมองอีกคนก็เล่นมองหน้าเค้าไม่วางตาอีกต่างหาก
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว... เรา เราไม่อยากฟังแล้ว”เหมือนอีกคนกำลังจะพูดอะไร คนตัวเล็กรีบยกมือห้ามพร้อมทั้งลุกพรวดพราดออกจากโต๊ะเดินจ้ำอ้าวออกไปแล้วปล่อยให้เพื่อนต่างชาติตัวเองตะโกนไล่ลังไปอย่างลืมอาย
“งั้นเราจีบมินซอกนะ !!”
ซู่....
เสียงน้ำที่ไหลออกจากบัวรดน้ำอันน้อย ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มินซอกกำลังเหม่อมองไปไม่สนใจเจ้าบล็อคโคลี่น้อยที่กำลังจะบวมน้ำตายในไม่ช้า คิดอะไรได้นิดหน่อยใบหน้าทั้งลู่หานและจงแดก็ผุดขึ้นมาจนใบหน้าร้อนผ่าวแทบจะทันที มือเล็กโยนบัวรดน้ำทิ้งแล้วเปลี่ยนมาปิดแก้มใสที่ร้อนฉ่าทั้งสองข้าง ตบเบาๆให้มันคลายความร้อนออกมา
“โอยยยย... ออกไปนะๆ ฉันต้องรดน้ำต้นไม้.. รดน้ำต้นไม้ รด..”
“เราช่วยนะ..”
พอได้ยินเสียงคราวนี้มินซอกยิ่งรู้สึกว่าความร้อนที่พวงแก้มมันเริ่มลามไปถึงหูทั้งสองข้างเสียแล้ว นี้ วันนี้มันวันอะไรกันนะ ? ใจคอจะไม่ให้เขาหายใจกันหน่อยเลยหรอ มินซอกบ้าเองแหละที่ไปเชื่อเจ้าพวกเพื่อนๆนั่น พอถามหรือปรึกษาก็ไม่มีการช่วยเหลืออะไรดีๆ นอกจากจะชงให้คิดมากว่ามินซอกน่ะฮอตเสียเหลือเกิน
“เอ่อ... ไม่เป็นไรเซฮุน นายมาเอาผักอีกแล้วหรอ”
“เปล่าซะหน่อย ฉันแค่ขับรถผ่านมา เห็นนายพอดี เลยแวะมาทัก”
ความจริงแล้ว เซฮุนก็มารออยู่นานจนเห็นว่าคนตัวเล็กนี่รดน้ำที่เดิมมาเกือบจะสิบห้านาทีแล้วละ ใบหน้าหวานๆกับแก้มใสๆนั่นแดงเป็นพัก เผลอมองนานๆไม่กล้าเข้ามาเพราะเคลิบเคลิ้ม รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายโยนบัวทิ้งนั่นแหละ นี่ไม่ได้คิดเก๋ๆ แต่ก็รู้ว่าคงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจเป็นแน่
“อ๋อ.. อืม”ตัดบทสนทนาให้จบเสียง่ายๆ ด้วยการเลี่ยงไปหยิบบัวมารดน้ำต่อ ทำเหมือนไม่สนใจร่างสูงๆที่ยืนเก๊กเท่ท่ามกลางแดดร้อนแต่อย่างใด เซฮุนปรายตามองอีกคน พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการกระแอ่มในลำคอเป็นพักๆ
“อะแฮ่มม...”
มินซอกไม่ได้สนใจอีกฝ่ายมากนัก จนได้ยินเสียงกระแอ่มนั่นอีกสองสามครั้ง นึกในใจว่าเซฮุนนี่ช่างเก่งในเรื่องที่ทำให้เขารำคาญได้อย่างเฉียบขาดจริงๆ พอรำคาญเอามากๆ มินซอกก็เลยจัดการพูดดักคออีกฝ่าย
“จะไออีกนานไหม ฉันรำคาญ”
“เอ่อ... ขอโทษ ก็นายเงียบ ฉันอุตส่าห์มาทักทายนายถึงแปลงเลยนะ”
“ใครให้มาละ ไม่ได้ไปสั่งให้นายมาเลยนะ !”ความจริงแล้วอยากจะโวยวายให้มันแรงกว่านี้ นี่เขาไปสั่งให้ไอ้บ้านี่มาเฝ้าหรือไงกันนะ ไอ้คำว่า “อุตส่าห์” นี่มันเหมือนเขาไปบังคับอีกคนมาเสียจริง
“ก็เปล่า เอ่อๆ.. ขอโทษก็ได้อะ แล้วเดี๋ยวไปไหนต่อ ?”มินซอกวางบัวลงข้างตัว ปรายตามองอีกคนที่กำลังยืนกอดอกถามคำถามสอดรู้สอดเห็นในเรื่องของตนเองอยู่
“ทำไมอยากรู้เรื่องฉันจัง เอาเวลาไปปลูกผักกินป่ะ”
“นี่ฉันถามดีๆนะ ทำไมนายต้องทำเหมือนรำคาญกันด้วยเนี้ย...”น้ำเสียงของเซฮุนไม่ได้โมโห ทว่ามันน้อยใจจนสัมผัสได้ คนโดนหาว่ารำคาญส่ายหน้าเบาๆ โยนบัวรดน้ำข้างตัวให้คนตัวสูง ชี้นิ้วเชิงสั่งให้รดน้ำตรงนั้นตรงนี้ แต่อีกคนก็กลับทำตามอย่างว่าง่าย ไม่ปริปากบ่น แต่ใบหน้ามุ่ยๆนั่นก็ทำให้มินซอกรู้ว่าไม่ได้หายน้อยใจไปจากเมื่อกี๊
....แล้วนี่เป็นใครวะ ทำไมต้องมาให้เขาง้อเนี้ย ?....
รู้ตัวอีกทีก็รดน้ำจนครบทุกต้นเสียแล้ว เดือนรัฐศาสตร์วางบัวรดน้ำแล้วลงไปนั่งยองๆมองไปอย่างไร้จุดหมาย ทำตัวเหมือนพระเอกเอ็มวีเพลงเศร้าจนน่าสงสาร เจ้าของแปลงเลยต้องเดินไปสะกิดเบาๆ เอ่ยคำขอบคุณอาบน้ำหวานให้ใจของเซฮุนกระชุ่มกระชวยหลังจากแห้งเหี่ยวมาจากถ้อยคำแดกดันมากมาย
“ขอบคุณนะที่มาช่วย...”
แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป กับแปลงเขียวขจีที่มองตรงออกไปอีกนิดก็เป็นดอกไม้หลากสีสันนั่นทำให้บรรยากาศรอบตัวในตอนนี้มันช่างโรแมนติก อีกทั้งคนตัวเล็กตรงหน้าของเซฮุนตอนนี้ก็ช่างน่ารัก ดวงตาเรียวทว่ากลมโตนั้นกำลังหยีลงเล็กน้อยเพราะริมฝีปากเล็กที่กำลังคลี่ยิ้มอย่างสดใส แก้มใสๆถูกยกขึ้นนั้นน่าสัมผัสด้วยจมูกของเขาเสียจริง.. มินซอกอา
“ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากมาช่วย....”
“ไม่ดิ.. ฉันแค่อยากมาเจอนาย”
พอสายตาประสานกัน มินซอกก็เป็นฝ่ายหลบมันไปเสียก่อน รีบหันหลังให้คนตัวสูงกว่าที่ตอนนี้ยืนเต็มความสูงอยู่ข้างหลังเรียบร้อย สัมผัสที่มือใหญ่บริเวณไหล่นั้นทำให้ใจของคนตัวเล็กเต้นตุบๆ ในหัวคาดเดาสถานการณ์เอาไว้และภาวนาให้ไม่เป็นอย่างที่คิด แต่มันคงไม่ทันเสียแล้วละ...
“ฉันชอบนายนะ...”
“เล่าต่อ มึงเล่าต่อออออออ !!!”
จุนมยอนเขย่าตัวรูมเมทอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ในห้องกำลังมีทั้งคยองซู ชานยอลนอนฟังอย่างใจจดใจจ่ออยู่ด้วย มินซอกยกมือขึ้นปิดแก้มที่แดงจนจะระเบิดของตัวเอง ตั้งสติที่กำลังหลุดลอยไปกับเหตุการณ์ต่างๆของวันนี้ เลียริมฝีปากที่แห้งผากเล็กน้อยก่อนเริ่มเล่าเรื่องราวต่อ
“เค้าก็ถามแหละ เหมือนสองคนนั้น...”
“ถามไรอีกละ ไอ้เหี้ยพวกนี้แมร่งถามมา วู้วว ป๊อดสัสๆๆ มึงไม่ต้องเอาๆ”ชานยอลพูดขัด รวมทั้งโบกไม้โบกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ผ่านซักคนให้กับเขาอีกต่างหาก
“มึงเงียบๆ กูฟังอยู่”จุนมยอนยกเท้าขึ้นมาในตำแหน่งใกล้ใบหน้าเพื่อนร่วมเซคตัวสูงของมินซอก
“ถามว่า.. ?”
“ฉันจีบนายได้ไหม ?”
“แล้วมินซอกตอบสามคนนั้นว่าไง ?”คยองซูที่เงียบมานาน มองใบหน้าของเพื่อนร่วมเซคที่กำลังขึ้นสีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีการเร่งเร้าเอาคำตอบจากใครในห้องอีก มินซอกค่อยๆเอ่ยถ้อยคำที่สร้างความอยากรู้อยากลองให้ทั้งคนฟัง
...ทั้งคนที่ฟังในตอนนั้น และตอนนี้ด้วยเลยละ...
“ก็... ได้ละมั้ง”
ความคิดเห็น