คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #55 : ep44 - Cthulhu and Zombies
ในเกมคัลเลอร์แคลช คทูลู (cthulhu) เป็นชื่อเรียกรวมๆ เอาไว้จำแนกมอนสเตอร์น้ำลึกของมหาสมุทรทวีปเหนือ ด้วยความที่มีเพียงผู้เล่นหยิบมือเดียวเคยพบเห็นมัน แม้ในหมู่ผู้เล่นระดับสูงซึ่งลุยเรดมาอย่างโชกโชนยังถือว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตหายาก ขณะนี้อสูรกายดังกล่าวกลับปรากฏตัวอย่างมากมาย จึงสร้างความสับสนให้เหล่าผู้เล่นไม่น้อย
สิ่งที่คทูลูมีร่วมกันคือ
หนวด หนังสีดำหุ้มด้วยเมือก และเปลือกกับกระดองมีหนามซีดๆ เพียงแต่ว่าจะผสมกันเป็นตัวประหลาดชนิดไหนเท่านั้นเอง
ขณะที่อรุณวิ่งล้ำหน้าคนอื่นสู่กลางแถวของศัตรู พันธุ์สยองชนิดใหม่ก็เริ่มเผยโฉมขึ้นเหนือผิวน้ำ
[ดีปซี วอริเออร์] คทูลูร่างใหญ่ล่ำ มีแขนเป็นหนวดยักษ์ห้าเส้น
ถืออาวุธจากเปลือกหอย
[ดีปซี ครัชเชอร์] คทูลูหมึกกระดอง ที่พุ่งขึ้นฟ้าแล้วร่วงลงมาเอาตัวทับต่างค้อน
[ดีปซี ฮันเทอร์] คทูลูฉลามที่ท่อนล่างเป็นหนวดหมึก และมีก้ามยาวของกุ้ง
ไปจนถึงเม่นทะเลผสมปูแมงมุม [ดีปซี วอร์กเกอร์] คทูลู มันคลืบคลานอยู่ด้านหลัง ก่อนยิงหนามตอบโต้ผู้เล่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ระบบประกาศชื่อของคทูลูชนิดใหม่กรอกหูอรุณไม่ยอมหยุด
ความหลากหลายของเรดโซนทำให้ต้องเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ตลอดเวลาให้เข้ากับศัตรูชนิดนั้นๆ
เมื่อมาเป็นสิบสายพันธุ์ก็ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ได้สิบแบบ
นั่นไม่ใช่ปัญหาของอรุณที่เลือดกำลังเดือดพล่าน
“เข้ามา! ดาหน้าเข้ามา!” ชายหนุ่มคำรามก่อนปลิดชีวิตศัตรูเป็นตัวที่หก
คทูลูข้างเคียงเริ่มหันมาทางเขาด้วยรู้ถึงอันตราย แต่ในพริบตาดาบพลังก็ผ่ากระดองของพวกมันเหมือนสร้างจากชั้นของกระดาษ
กรีดเลือดสีน้ำเงินกระจายเป็นฝอย ของเหลวนี้เป็นพิษ แต่สิ่งที่มีสีทำอันตรายผู้รุกรานไม่ได้
ก้ามของอสูรทะเลที่คนว่าแข็งกว่าหิน
กลับถูกอรุณฟันขาดหล่นอยู่แทบเท้าเขา
เมื่อเห็นว่าปลดอาวุธศัตรูได้อรุณจึงตัดสินใจในเสี้ยวความคิด แฟรช!
ชายหนุ่มสะบัดคลื่นดาบออกไปรอบด้าน เคลื่อนย้ายในพริบตาข้ามไปหาเหยื่อเคราะห์ร้ายตัวต่อไป
ฟาดฟันอย่างบ้าคลั่งแต่แม่นยำ แล้วกระโดดเข้าหาตัวต่อไป อรุณเป็นเหมือนมัจจุราช
ไล่คร่าชีวิตมอนสเตอร์ไปทีละตัว พริบตาเดียวไม่รู้ฆ่าศัตรูไปเท่าไหร่
“จงเชือดเฉือน อนาตาเซีย!” อันย่าซึ่งกระโดดตามมาใช้ท่าไม้ตาย
ซัดพายุใบมีดอย่างต่อเนื่องเปรียบดั่งเม็ดฝนที่ร่วงพรู หญิงสาวเปลี่ยนกลับเป็นปืนคู่ถนัดแล้วหมุนตัวยิงซ้ำกลางอากาศอย่างสวยงาม
9,480! 9,600!
9,413! 9,499! 9,577!
1,321! 1,601!
1,618!
สาวกระต่ายเม้มปากเมื่อทำดาเมจไม่ถึงหลักหมื่นด้วยซ้ำ
ยิงปืนก็เบาไปใหญ่ คทูลูมีระดับเฉลี่ยน้อยกว่าเธอคือประมาณห้าสิบ เทียบกับเลเวลเจ็บสิบหกถือว่าห่างชั้น
ผลลัพธ์กลับเหมือนเลเวลทั้งสองฝ่ายสลับกัน ความโหดของศัตรูในเรดโซนต่างจากมอนสเตอร์ทั่วไปในทวีปกลางนั้นมากกว่าที่เธอคิด
ยังดีที่ศัตรูรอบๆโดนอรุณทำร้ายบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อน
กระต่ายสาวสมองไวจึงสามารถกางม่านกระจกครอบตัวเองได้ทันก่อนโดนรุมยำ
ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเฟยหงแล้ว
ด้วยพลังของกลุ่มดาวอินทรี (Aquila) ใต้ท้องฟ้าครึ้มฟ้าครึ้มฝนของการต่อสู้
หัวหน้ากิลด์หยางหลงกลับมีปีกงอกบนหลัง โผบินอยู่เหนือสนามรบราวกับเทพเจ้า
ด้วยพลังของรูน และสกิลประจำคลาสผู้ปลุกเสก
พลังวิเศษนี้สามารถใช้ได้ยาวนานไร้ขีดจำกัด เมื่อเห็นอันย่า เขาจึงเรียกพลังแห่งหมู่ดาวมาสถิตอีกครั้ง
ประตูมิติปรากฏบนนภา
นำทางดาวตกสีทองพุ่งลงมาติดๆกันสามลูก เกิดแสงวาบแต่แทบจะไร้เสียงเมื่อมันตกกระทบ
คทูลูรอบอันย่าถูกพลังเหลือเชื่อนั้นซัดปลิวไปหมดสิ้น ทิ้งไว้เพียงประกายเหมือนดาวสีขาววับวาวบนสมรภูมิลอยน้ำ
“คอนสเตลเลชั่น : โซลาริส” เฟยหงประกาศอย่างเยือกเย็นเมื่อร่อนลงเคียงข้างอันย่า
ทั้งสองมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร เพราะว่าคทูลู แม้รับความเสียหายอย่างหนักแต่พวกมันยังไม่ตาย
แค่กระดองแตกจนเห็นเนื้อเท่านั้น
ที่สำคัญอสูรทะเลเหล่านี้สามารถใช้พลังสีขาวรักษากันเองได้ด้วยซ้ำ
กระดองน่าเกลียดของพวกมันงอกขึ้นใหม่จนเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆมาก่อน
เป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้คนจิตใจอ่อนแอรู้สึกท้อแท้เอาได้
“ขนาดคุณเฟย ยังทำได้แค่กระดองแตกเองเหรอคะ ฉันก็เล่นสีขาว
แต่พลังในการสร้างเกราะนี่มัน..สีขาวทำได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ”
หญิงสาวรำพึงขณะปาดน้ำออกจากใบหน้า ไม่รู้ว่าฝนหรือเหงื่อ “เลือดมันอีกอย่าง ถ้าโดนจะก็เกาะตามตัวเหมือนกาวจนขยับลำบาก มีพิษอีก”
เฟยหงใบหน้าเรียบเฉย “มอนสเตอร์ในทวีปเรดก็แบบนี้แหละครับ
นี่แค่พวกปลายแถว ถึงระบบส่งตัวแบบนี้มาตั้งแต่วันแรก ยังไงก็ต้องยื้อไว้ถึงที่สุด
ตายกันไปข้างล่ะ”
ทันทีที่คทูลูรักษาตัวเสร็จ กองหนุนจำนวนยุบยับของพวกมัน
ก็เสริมทัพมาเพิ่มจากใต้น้ำ นอกจากตายยากแล้ว
พวกมันยังดาหน้ากันมาแบบไม่รู้จักหมดสิ้น ถ้ายังว่างพอจะสังเกตล่ะก็ ในสมรภูมิกลางทะเลรอบข้าง
บัดนี้เรือรบของหยางหลงเต็มไปด้วยกระดองและหนวดไต่ขึ้นเต็มเรือไปหมด ซอล์ทชอร์
และฮันนี่พอท กำลังสู้หลังชนผา สิ่งที่เห็นทำให้เฟยหงขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“การ์เดี้ยน แองเจิ้ล” “เอ็นชานท์ เพเนเทรท”
ชายผมเขียวยกมือโบกพัด ใช้ทักษะสีบวกกับสกิลของคลาสผู้ปลุกเสก
อัญเชิญเทวดาน้อยสีทองมาบินเหนือหัวอันย่า
ขณะเดียวกันก็ปลุกเสกให้ปืนคู่ของเธอมีพลังสีขาวควงสว่านอยู่รอบปากกระบอกด้วย
มังกรหนุ่มอธิบายสิ่งนี้แบบไวๆ “บัพพวกนี้คงมีประโยชน์กับคุณ
เทวดาจะสร้างบาเรียทุกห้าวินาที ส่วนปืนก็เจาะเกราะได้แล้ว”
“ให้บัพฉันคิดดีแล้วเหรอคะ” อันย่าจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยรู้สึกแปลกใจ
“คุณต้องเก็บงานอรุณ รับงานหนักที่สุดนี่นา” เฟยหงยกมุมปากเล็กน้อยเหมือนจะยิ้มให้
ก่อนจะกางปีกแล้วโผบินขึ้นฟ้าต่อโดยไม่คิดเสียเวลา “ฝากตรงนี้ด้วย!”
“ได้เลยค่ะ”
หญิงสาวรับคำสั้นๆ แล้วใช้สกิลเฉพาะคลาสเสริมพลังอีกชั้น “อักขระมนตรา ราคาเจีย” จากนั้นปืนคู่ของเธอก็มีอักษรเวทมนต์เลื้อยมาพันไว้เต็มพรืด
ความสามารถก็คือเพิ่มความแม่นยำและอัตราการติดคริติคอล
ในเมื่อได้บัพเจาะเกราะมาแล้วเพื่อความมั่นใจ
เธอจึงต้องการรีดความเสียหายให้สูงที่สุด
ทันทีที่ม่านกระจกหมดฤทธิ์
คทูลูหน้าใหม่เก่าล้วนถาโถมประชิดเธอดั่งคลื่นซัดสาด
พวกมันส่วนใหญ่โดนอรุณตัดนู่นตัดนี่จนพิการ
เหลือไว้แต่ความถึกจากกระดองสีขาวเท่านั้น
“ตาบ้านี่ ฆ่าให้ตายหน่อยก็ไม่ได้ เราลำบากรู้ไหม”
เธอบ่นอรุณจากระยะไกล
เพียงแต่แทนที่จะโกรธ ลึกๆกลับพอใจอย่างไม่รู้เหตุผล หญิงสาวดีดตัวถอยหลังแล้วเริ่มสาดกระสุนต่อแบบไม่หยุดยั้ง
ในขณะเดียวกัน
ณ ปลายสุดของปราการลอยน้ำ อรุณใช้ความสามารถเคลื่อนที่ชั่วพริบตาของเขามาถึงแนวหลังศัตรูซึ่งติดทะเล
มอนสเตอร์ในเรดโซนถูกระบบเขียนโปรแกรมให้รู้จักการจัดทัพขั้นพื้นฐาน ที่หลังแถวจึงมีคทูลูสายโจมตีไกลเบียดกันอยู่แน่นเหมือนแนวปะการังฟอกสี
‘บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง’ อสูรทะเลเป่าฟองจนฟอดขณะสื่อสารกัน
พวกมันหันเหการโจมตีมาทางเขาแล้วยิงถล่มพร้อมกัน มีทั้งหนามหอยเม่น ฟองน้ำระเบิด
น้ำหมึกพิษ กระสุนเหล่านี้พุ่งบ้างช้าบ้างเร็ว มีวิถีการเคลื่อนตัวทับซ้อนไร้ช่องโหว่
จึงยากมากที่จะหลบได้ทั้งหมด
อรุณอาศัยพื้นลื่นๆสไลด์หลบด้านล่าง
โดยอาศัยแรงส่งจากการวิ่ง “เพล อาร์มาเมนท์” พริบตาดาบก็เปลี่ยนเป็นโล่พลัง
ป้องกันการโจมตีขณะอรุณไหลเข้าหาศัตรูด้วยความเร็วสูง
ฮึ่ย!
เมื่อถึงตัวแรกอรุณใช้โล่ฟาดหนามหอยแม่นออกไปให้พ้นทาง
เครื่องป้องกันเปลี่ยนเป็นดาบในชั่วความคิด เขาฟันเฉียงๆเพื่อตัดหนวดรยางค์ที่พุ่งเข้ารัดตอบโต้
แหวกเข้าไปในละอองของน้ำเมือกคาวคลุ้ง เหม็นจนอยากอาเจียนเสียเวลานั้น
สายฝนชำระเลือดน่ารังเกียจของพวกมันได้ แต่กลิ่นไม่หายไปไหน
คทูลูตอบโต้ด้วยการยิงซ้ำในระยะเผาขน
21,613!
แผ่นหลังไร้การป้องกันของอรุณถูกโจมตีอย่างจัง พลังชีวิตหายไปครึ่งหลอดในพริบตา
อรุณเร็วพอจะปัดป้องการโจมตีด้านหน้าทั้งหมด แต่เมื่อชายหนุ่มทะลวงเข้าสู่วงล้อมข้าศึกย่อมไม่อาจหลบอันตรายด้านที่อับสายตาได้
คทูลูโสโครกเหล่านี้พัวพันอยู่ทุกหนแห่ง เหมือนในโลกนี้มีเพียงแค่เขากับพวกมัน
โชคดีที่ชุดและพลังของร่างผู้รุกรานลดทอนดาเมจเอาไว้มากโข อรุณจึงกัดฟันต่อสู้ได้ต่อแม้ต้องจ่ายพลังชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดใช้ทักษะก็ตาม
เมื่อการโจมตีด้วยหนวดหรือส่วนที่หุ้มกระดองเข้ามา
อรุณจะอินเฟ็คหนึ่งในพวกมัน เมื่อไร้สี เพล อาร์มาเมนท์จะมีโบนัสความเสียหายจริงที่ทำให้พลังป้องกันของสีขาวไร้ค่า
หลังฆ่าศัตรูไร้สี ระบบจะรีเซ็ทคูลดาวน์ท่าไม้ตายให้อรุณอยู่ในร่างผู้รุกรานได้นานเท่าที่ต้องการ
หากเข้าตาจนจริงๆค่อยใช้แฟรชเปลี่ยนตำแหน่ง
นั่นคือแผนทั้งหมดในหัวของอรุณ
ที่รู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองกำลังระเบิด สูบฉีดอย่างแรงจนสร้างความเจ็บปวดทุกวินาที
และความเจ็บปวดไม่ทำให้ชายหนุ่มล่าถอย เพียงแต่ทะลวงไปข้างหน้าถ่ายเดียว
สุดท้ายแล้ว
ความคิดก็ว่างเปล่า ร่างกายนี้ขยับเขยื้อนด้วยสัญชาติญาณและจิตสำนึก เป็นเพียงปิศาจกระหายเลือดที่อาละวาดอยู่ท่ามกลางสายฝน
หากไร้ซึ่งทักษะติดตัว
[คัลเลอร์เบน] ซึ่งทำให้ความเสียต่อศัตรูที่มีสีแรงขึ้น
แล้งฮีลเขากลับที่อัตราส่วนสูงมากๆแล้วไซร้
จุดจบของอรุณอาจมาถึงเร็วกว่านี้หลายเท่า เขากำลังแขวนชีวิตบนเส้นด้ายที่เรียกว่าการเอาชีวิตรอดวินาทีต่อวินาที
ฆ่า
ดูดเลือด โดนสวนกลับ จ่ายเลือด ฆ่าพวกมัน แล้วก็ดูดเลือดกลับมาซะ
เป็นวัฏจักรอันบ้าคลั่ง
เหมือนเวลาผ่านไปยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์
ทั้งที่ในความจริงอรุณลุยเดี่ยวมาแค่เจ็ดนาทีเท่านั้น
“ลูน่า เบรก”
ชายหนุ่มกู่ร้องแต่มีเพียงเสียงแหบๆออกมาจากลำคอที่แห้งผาก
การตะโกนอย่างต่อเนื่องส่งผลให้กล่องเสียงเขาปวดเหมือนถูกเข็มแทงจากภายใน
สกิลลูน่า เบรก ปล่อยคลื่นระเบิดขนานไปกับพื้นทะเลซึ่งอยู่ห่างอรุณเพียงคืบเดียว
ไม่ถูกเป้าหมายนอกจากน้ำแตกที่กระจาย มดพื้นที่ให้บุกต่อไปข้างหน้าแล้ว
‘ลุยมาลึกเกินไป’ อรุณตระหนักความผิดพลาดของตัวเอง
ทันใดนั้นคทูลูที่อยู่รายล้อมต่างโจมตีเข้ามาพร้อมกัน เขารู้สึกได้เลยว่าถูกอัดฉีดด้วยอะไรเหนียวๆ
ขณะร่วงตกทะเล เมือกที่เหมือนยางมะตอยนั้นยืดออกมาเป็นหนวดรัดเขาไว้เหมือนเป็นหมึกตัวหนึ่ง
ถ่วงอรุณดิ่งลงไป
วิสัยทัศน์พลันเปลี่ยนเป็นห้วงสมุทรอ้างว้างสีน้ำเงิน
ชายหนุ่มรับรู้ถึงความหนาวเย็นแบบสุดขั้วที่แล่นผ่านสัมผัสของทวารทั้งห้า
สมัยเด็กๆเขาเคยเอาน้ำแข็งแห้งมากำเล่นเพราะอยากรู้อยากเห็น
ความเจ็บปวดยังไม่ถึงเสี้ยวของสิ่งที่กำลังเจอ ‘โถ่เว้ย
ไม่ยอมแข็งตายที่นี่หรอก’ เมื่อคิดได้ดังนั้นอรุณจึงพยายามดิ้น
แต่สารเหนียวติดหนึบให้คำตอบอย่างเงียบงันว่าแกทำไปก็ไร้ผล
สุดท้ายพละกำลังเฮือกสุดท้ายของอรุณก็หมดลง แม้ร่างกายของผู้เล่นจะมีสมรรถนะสูงราวกับยอดมนุษย์
อรุณก็เอาแรงตรงนั้นไปอาละวาดจนตกทะเล ป้อมปราการลอยน้ำที่ใช้เป็นสนามรบดูคล้ายผนังเขื่อน
ขนานไปกับตัวเขา สิ่งนี้ใหญ่แค่ไหนกัน
‘ถ้าเปิด เวเดอร์สแตนท์ สกิลอิมมูนิตี้ต้องล้างสถานะผิดปกติให้ทันทีสิ
หรือว่าเมือกนี่เป็นความสามารถของมอนสเตอร์..ใช่แน่
ตอนเป็นเกมก็มีเรื่องแบบนี้บ่อยๆ” อรุณค่อยๆกลับมาใช้หลักเหตุผลอีกครั้ง
บางทีการใช้แรงอย่างหนักเพื่อต่อสู้อาจช่วยระบายความอัดอั้นในใจของเขาให้ทุเลาลงบ้าง
ในฐานะหัวหน้ากิลด์ ความรับผิดชอบต่อการสูญเสียหนึ่งในสมาชิกกลางทะเล เป็นเหมือนตรวนที่ถ่วงเขาลงไปสู่ห้วงมืดของจิตใจ
มืดยิ่งกว่าทะเลของซีเกทเป็นร้อยเท่า
หากตามแพนโดร่าได้เร็วกว่านั้น
ซันอาจไม่ต้องตาย ไม่ต้องทนเห็นสีหน้ากับแววตาบอบช้ำของไอริสเมื่อเธอถามถึงเด็กหนุ่มนักดนตรี
น้ำเสียงเธอกรีดหัวใจเขาได้มากพอๆกับใครคนหนึ่ง
วาว
อุตส่าห์จะได้เจอวาวแล้ว ฉันจะไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้หรอก!
อรุณหลับตาลงเมื่อหัวเย็นลง ‘ต้องหาทางแก้ ก่อนยัยกระต่ายจะเป็นห่วงจนคิดไม่เป็นเรื่องซะก่อน
ถ้าอันย่าโดนแบบเราจะหนีด้วยวิธีไหน? โดนรัดจนขยับไม่ได้
แขนขาถูกรวบ สกิลเอาตัวรอดก็ดันไม่มี’
‘อันย่าจะใช้อาร์ติแฟค…ใช้ไอเทม!’ หนทางที่มืดบอดสว่างไสวในพริบตาเมื่ออรุณระลึกได้ว่าชุดที่เขาใส่คือ
เซทลูนาติกระดับสี่ดาวที่เฟยหงยกให้ เขาฝืนลืมตาในน้ำจ้องข้อมูลไอเท็มซึ่งเด้งออกมา
หวังว่าจะมีทักษะติดอุปกรณ์ให้ใช้เอาตัวรอด
ทักษะ: 1.Wearwolf
Aura
(ติดตัว) : ในตอนกลางคืน มอนสเตอร์ระดับน้อยกว่าที่ไม่ใช่แวมไพร์
จะไม่โจมตีผู้ใช้ก่อน 2.Spirit
of The Pack
: เรียกวิญญาณหมาป่าเงา 3 ตัวออกมาโจมตีเป้าหมาย
หมาป่าสามารถมองเห็นในความมืด และดมกลิ่นศัตรูที่ล่องหน คูลดาวน์ (60) วินาที 3.
Wolf Frenzy
(ไม้ตาย): เมื่อสวมไอเท็มครบเซ็ท ทุกการโจมตีด้วยอาวุธครั้งที่สามใส่เป้าหมายเดิม
เรียกวิญญาณหมาป่าแสงจันทร์ 1 ตัว ออกมาช่วยโจมตี
สร้างความเสียหายเวทมนต์ หากผู้ใช้มีสีดำ เรียกหมาป่าเพิ่มเป็น 2 ตัว ซึ่งสร้างความเสียหายจริง ระยะเวลา (240)
วินาที คูลดาวน์ (300) วินาที |
สวรรค์ทรงโปรด! “สปิริต ออฟ เดอะแพ็ค” อรุณยอมกลืนน้ำทะเลอีกไม่กี่คำใช้สกิลที่สองของไอเท็ม
เงามืดรวมตัวเป็นหมาป่าสามสหาย ว่ายไปกัดแทะเมือกเหนียวที่รัดตัวอรุณไว้
ไม่ช้าชายหนุ่มก็เป็นอิสระ ตีเท้าพาร่างกายขึ้นเหนือน้ำราวกับกระสวย
ได้ยินคลื่นสาดดังซู่
หลังจากสำลักน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย มองขึ้นไปก็เจอคนรอต้อนรับเขาอยู่ ได้แก่ฝูงคทูลูโจทย์เก่านี่เอง
ไม่ยอมให้พักหายใจเลยนะไอ้พวกนี้
“กรรร” วิญญาณหมาป่าทั้งสามซึ่งตามอรุณมาด้วย
แยกเขี้ยวแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคทูลู ก่อนจะโดดจากน้ำขึ้นไปฟัดกับอสูรกายทะเลให้อลหม่าน
จังหวะสั้นๆนั้นก็มีคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้าด้านหลังชายหนุ่มพร้อมๆกัน
[พบมอนสเตอร์ ดีปเทอเรอร์ แคนน่อนแคร็บ ระดับ 61 จำนวน
1 ตัว]
[พบมอนสเตอร์ ดีปซี ไรเดอร์ ระดับ 70
จำนวน 1 ตัว]
ปูยักย์ท้องขาวปรากฏกาย
หลังมันมีลายจุดสีฟ้าตามแบบฉบับปูทะเล เพียงแต่ว่าขนาดใหญ่กว่าปูม้าที่อรุณเคยกินตามชายหาดอย่างเทียบกันไม่ได้
เป็นขนาดของช้างสามตัวเรียงต่อกัน ส่วนคทูลูรูปร่างเหมือนปลาบนหลังมันก็คือนักเวท ซึ่งเจ้านี่ใช้อาคมจากไม้คทาบังคับให้ปูสัตว์ขี่ทำตามบัญชา
นั่นก็คือฆ่าผู้เล่นที่เปรี้ยวมาขวางทางมันอย่างอรุณ
“เริ่มมีตัวเก่งๆมาให้สู้แล้วเหรอ ปล่อยให้รอตั้งนาน” อรุณปากเก่งประชดตัวเองไปอย่างนั้น
ถึงจะชนะพวกมันสองตัวได้ง่ายๆหากอยู่บนบก
เขานึกไม่ออกว่าจะลอยคอกลางทะเลสู้กับมันยังไง แรงก็หมดแล้วด้วย
“อรุณ! ถอยกลับมาก่อน ข้างหลังจะต้านไม่ไหวแล้ว!”
“คุณเฟย?” คนถูกเรียกขานรับเสียงที่ลอยมาแว่วๆ
ไม่ทันได้ตั้งตัวก็มีชายคนหนึ่งบินลงมาดึงตัวเขาขึ้นจากน้ำทางด้านหลัง
เงยหน้ากลับไปก็สบตากับหัวหน้ากิลด์หยางหลงตามที่คาดการณ์ไว้
อรุณที่ถูกจับแขนห้อยอยู่กลางอากาศรอดพ้นจากการดจมตีไกลของคทูลูด้านล่างเส้นยาแดงผ่าแปดขณะเฟยหงพาเขาบินสูงขึ้นเรื่อยๆ
“หมายความว่ายังไงข้างหลัง” อรุณรีบถามเข้าประเด็นทันที
เฟยหงจึงบอกว่าลองมองข้างล่างสิ
ชายหนุ่มก้มดูจากมุมสูงก็เข้าใจถึงเรื่องที่เฟยหงกังวลอยู่ กองกำลังผู้เล่นเนื่องจากเรียงแถวออกมาทางประตูมิติ
เมื่อต่างคนต่างลุยจึงไม่มีการจัดขบวนเป็นแบบแผน
พวกแนวหน้าอย่างเช่นอรุณก็บุกเข้าไป ขณะที่แนวหลังต้องกระจายกำลังกันเองเพราะไม่มีเป้าหมายการโจมตีและตัวแทงค์หลักให้ซัพพอร์ทแน่นอน
จึงเห็นกระจายเป็นกลุ่มย่อยในรูปพัดแบบหลวมๆ
น่าแปลกใจมากที่ยังยืนหยัดสู้ได้อย่างเหนียวแน่น
“ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย
เกราะคทูลูมันแข็งจนโจมตีแทบไม่เข้า อรุณ คุณสร้างดาเมจได้มากสุดในพวกเรา
ฆ่าไปก็เยอะที่สุด พอบุกไปถึงแนวหลังความยั่วยุเลยไปตกอยู่ทางนั้นหมด ช่วยให้คนทางนี้ไม่ต้องเหนื่อย”
เฟยหงชื่นชมจากใจจริง “มองผิวเผินเหมือนคนบ้าที่บุกอย่างไร้ความคิด
ที่จริงวางแผนแบบนี้ไว้นี่เอง ให้ตาย เหนือชั้นๆ”
อรุณอยากจะปฏิเสธว่าที่จริงไม่ได้วางแผนอะไรเลย
เป็นคนบ้าที่บุกอย่างไร้ความคิดจริงๆนั่นแหละ แต่เวลานี้ขอรับไว้ด้วยใจแล้วกัน “ต้องชมคุณเฟยมากกว่า ปลุกใจให้ทุกคนพร้อมสละชีพเพื่อชาติเลยไม่ใช่เหรอ ไม่อย่างนั้นยื้อกับมอนสเตอร์โหดๆไม่ได้นานขนาดนี้หรอก”
เฟยยอมรับ “ได้ผลเกินคาดครับ ปัญหาคือมอนสเตอร์สีฟ้ามันฉลาด
มุดน้ำมาข้างหลัง สายตีไกลกับสนับสนุนนี่หนีกันวุ่น ตัวแทงค์ไม่พอจะแบ่งมาช่วยแล้วด้วย
โดนล้อมแน่ๆ”
“เอายังไงดีคุณเฟย”
“ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจัดทีมรวมคนเก่งๆไปตีหัวหน้ามันซะ” เฟยหงเปลี่ยนทิศการบินเพื่อให้อรุณดูศึกรอบนอก เตือนความจำว่ายังมีเรือรบศัตรูสี่ลำคอยรังควาญอยู่ห่างๆ
ลูกปืนใหญ่ทำอะไรเกราะสีขาวของมันไม่ได้ เรือหยางหลงจึงพยายามไปจอดเทียบเพื่อยกพลโจมตี
แต่ดีปเทอร์เรอร์ แบทเทิลชิป จะใช้พลังแช่แข็งพื้นทะเลขวางไว้ซะก่อน ไม่ว่าลำไหนเข้าไปใกล้ก็จะถูกแช่ติดแหง็ก
เป็นเป้านิ่งให้คทูลูแห่ขึ้นมารุมกินโต๊ะ
“เลเจี้ยนมีบอสมากกว่าหนึ่งตัว
หนึ่งในเรือสี่ลำต้องมีบอสใหญ่นอกจากเบอร์มิวด้าแน่ๆ ถ้าจัดการมันได้
พวกมอนสเตอร์ลูกน้องก็ระส่ำระส่ายแตกทัพไปเอง”
อรุณพยักหน้ารับ นี่เป็นความรู้ทั่วไปของเกม “แต่เราหาคนเก่งๆจากไหนอีก
ซอลท์ชอร์กับฮันนี่พอทอยู่ทะเล มือขวาคุณเฟยคุมทัพบนฝั่ง อาจจะได้อันย่ามาคน แต่ถ้าดึงคนจากพวกที่สู้บนป้อมปราการตอนนี้
ทัพแตกของจริงแน่”
“มันต้องมีสิ! ไปช่วยหากับผม
ก่อนอื่นเราต้องจัดทัพใหม่ก่อน”
หัวหน้ากิลด์หยางหลงว่าแล้วก็โฉบลงไปยังแนวหลังของทัพผู้เล่น
ปล่อยอรุณลงพื้นเป็นอิสระ พวกผู้เล่นสายโจมตีไกลและสายสนับสนุนกำลังวิ่งหนีอย่างที่เฟยหงบอก
สิ่งที่ไล่ตามพวกเขามาติดๆคือ คทูลูขี่ปูแบบที่อรุณเจอก่อนหน้านี้ กับ คทูลูชั้นทหารจำนวนมาก
‘ทางนี้ก็มีตัวขี่ปู มาจากไหนกันเยอะแยะวะ’
พอชายหนุ่มเตรียมออกไปสู้ เฟยหงก็ชิงลงมือก่อน
มังกรหนุ่มแยกร่างด้วยพลังของดาวคนคู่ ก่อนใช้ทักษะแอนโดรมีด้าสกิลเดิม ปล่อยโซ่ไปรัดศัตรูเอาไว้
ผู้เล่นรอบๆเห็นดังนั้นจึงเลิกหนี แล้วเปลี่ยนมายิงสกัดมอนสเตอร์กันใหญ่
ซึ่งผลเป็นอย่างเดิมคือติดกระดองสีขาว คทูลูไร้รอยขีดข่วน
“ทุกคนถอยกลับมารวมกัน
เราโดนล้อม ถอยมารวมกัน!” เฟยตะโกนสั่งด้วยรูนไมค์ “ตั้งสติไว้ ใครรู้ตัวว่าไม่ใช่แทงค์หลบเข้าวงใน ส่วนแนวหน้าเรียงแถวบัง
จัดทัพเป็นรูปวงกลม!”
เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งเฟยหง
คนก็รีบทำตามด้วยการล้อมวงเข้าหาศูนย์กลาง ผู้เล่นเหล่านี้ล้วนเป็นชนอิสระ
ไม่เคยรับการฝึกต่อสู้เป็นกองทัพอย่างกิลด์ใหญ่ เป็นกองกำลังอาสาเฉพาะกิจก็ว่าได้ หัวหน้ากิลด์หยางหลงกลับสามารถรวมใจทั้งหมดเป็นหนึ่งภายในช่วงสั้นๆใน
ถึงจะอลหม่านในที่สุดก็จัดทัพแบบลวกๆได้ โซ่จากแอนโดรมีด้าหมดเวลาแสดงผลในที่สุด
พวกแนวหน้าที่รักษาตัวหรือเสริมพลังเสร็จ ต่างวิ่งออกไปยันคทูลูเอาไว้แบบไม่เสียดายชีวิต
ได้ยินเป็นเสียงอึกทึกครึกโครม ศึกกลางสายฝนได้เริ่มยกใหม่ แต่อรุณยังไม่เห็นวี่แววของอันย่า
เธอคงสู้วงนอก
ขณะนั้น
เฟยหงประกาศว่า “ผมต้องการผู้เล่นคลาสสามขึ้นไป
ประมาณสิบคน ช่วยกันล่าบอสบนเรือใหญ่มัน มีใครอาสาไหม”
ไม่รู้เพราะกำลังชุลมุนรึเปล่า อรุณจึงไม่เห็นว่ามีใครเสนอตัว เขาคิดว่าเหตุผลไม่ใช่ความขี้ขลาด
เพราะทุกคนพร้อมสู้ตายถวายชีวิตกันอยู่แล้ว แค่กองกำลังเฉพาะกิจนี้ไม่มีผู้เล่นระดับสูงคนอื่นอยู่เลยต่างหาก
“คุณเฟย สงสัยเราต้องไปกันสามคน”
มังกรหนุ่มพยักหน้า ดูขัดใจผลที่ได้ “เอาใหม่
ใครมีวิธีแก้ความเสียเปรียบด้านจำนวนไหมครับ อาวุธลับหรือไม้ตายก้นหีบ
ได้โปรดงัดออกใช้หน่อย”
“ฉันเอง!” สาวมัธยมคนหนึ่งยกมือขึ้นจากระยะไกล
ผู้เล่นรีบแหวกตัวกันออก เผยเห็นจอมเวทระดับเจ็บสิบเอ็ดกับเพื่อนอีกสี่คนตรงเข้ามา
อรุณคุ้นๆเหมือนเจอทั้งหมดเมื่อเร็วๆนี้
“น้อง..อาซาเลีย?” เฟยหงต้องถามชื่อเธออีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
น้ำฝนทำเธอเปียกชุ่มไปทั้งตัวจนโทรมจำแทบไม่ได้
“ถ้าอยากเพิ่มจำนวนกองทัพ เวทของฉันพอช่วยได้ แล้วก็ไม่ต้องเรียกว่าน้องเลยค่ะ
รีบไปเอาหัวคทูลูมาให้ฉันห้าตัวเดี๋ยวนี้เลย วัตถุดิบอื่นมีครบ ขาดแค่อย่างสุดท้ายนี่แหละที่ฝ่าไปเอาไม่ได้”
“หัวคทูลูเนี่ยนะ” อรุณกับเฟยมองหน้าขวับ
เวทมนต์กับหัวคทูลูมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร สถานการณ์บีบคั้นถึงขนาดนี้คงต้องยอมเชื่อใจเธอไปก่อน
ว่าแล้วอรุณก็รีบใช้แฟรชมุ่งสู่แนวรบทันที
หนึ่ง
สอง สาม สี่ห้า ชั่วน้ำเดือดอรุณก็ตัดหัวที่มีหนวดรุงรังของมอนสเตอร์มาได้ครบ
เมื่อแฟรชกลับมาถึง พวกเพื่อนๆของอาซาเลียยืนล้อมเป็นวงโดยคนหนึ่งกางร่มให้จอมเวทสาวซึ่งกำลังเทนู่นผสมนี่อยู่คนเดียว
โดยมีเฟยหงดูอยู่ใกล้ๆ
“นี่ครับ ได้แล้วหัวคทูลูห้าหัว”
“เอามานี่ค่ะ!” หญิงสาวตกใจความเร็วของอรุณเล็กน้อยก่อนรีบคว้าหัวน่าขยะแขยงพวกนั้นไปให้เพื่อนช่วยถือ
อาซาเลียขมุบขมิบปากเหมือนกำลังท่องบทสวด แล้วจับหนึ่งในหัวของคทูลูมาใช้แทนพู่กัน
เขียนวงแหวนเวทดาวห้าแฉกกลับด้านจากเลือดสีน้ำเงินที่ไหลออกมาใต้พื้นที่ร่มอันน้อยนิด
เธอใช้นิ้วชี้จุ่มเลือดเพิ่ม วาดอักขระเวทย์ทับลงไปอีกชั้นอย่างคล่องแคล่ว
ก่อนจะเทสิ่งที่คล้ายเครื่องในสัตว์ ผสมขี้เถ้าและสมุนไพรรวมเป็นก้อนเละๆ ที่ใจกลาง
พิธีกรรมพิสดารทั้งน่าสนใจและชวนขนหัวลุกในเวลาเดียวกัน
ในห้วงสมรภูมิอันดุเดือดเช่นนี้ คนโดยรอบยังต้องหยุดมือ
เพื่อหันกลับมามองเป็นสายตาเดียวกัน หนึ่งในนั้นก็คืออรุณ
‘ที่อ่านมาในหนังสือเรื่องจริงสินะ ต่างกับตอนเป็นเกมลิบลับเลย’
อาซาเลียมองวงแหวนเวทของเธอเพื่อตรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบของสามัญธรรมดาเหนือความคาดหมายออกมา
นี่มันรูนเกรดหนึ่งสำหรับก่อไฟ! ขณะคนดูกำลังอึ้งคุณเธอก็โยนสิ่งนั้นใส่ส่วนผสมเละๆสีดำที่ว่า
เกิดการสันดาปฉับพลันสร้างเขม่าควันเหม็นไหม้ลอยฟุ้ง
“วาง” สิ้นเสียงอาซาเลียสั่ง
เพื่อนกับเธอก็วางหัวคทูลูทั้งห้าไว้ที่ปลายของดาวห้าแฉกโดยจงใจให้มันหันหน้าเข้าหาตรงกลาง
จอมเวทหญิงยืนขึ้น แล้วเริ่มร่ายคาถา
“ความมืดแห่งความเปลี่ยนผัน
เงาแห่งจันทร์เดือนหงาย
-ความมืดแห่งความเป็นนิรันดร์
เงาแห่งจันทร์เดือนแรม
-ความมืดแห่งสุริยัน
เงาแห่งคราสผู้บดบังแสงดวงตะวัน
-ข้าขับขานเงามืดทั้งสามเหล่านั้น
ด้วยเครื่องสังเวยคือ เลือดเนื้อ อัฐิ และของหอม
-จงมอบพลังแก่ข้า!
เบิกทางสู่ดินแดนแห่งความเป็นและความตาย
-จงมอบพลังแก่ช้า! เงามืดทั้งสามเหล่านั้น
จองมอบพลังแก่ข้า!”
วงแหวน และอักขระเวทเปล่งแสงสีเลือดพร้อมกัน
หัวคทูลูลอยขึ้นที่ระดับอกอาซาเลียเผาไหม้ด้วยพลังสีเลือดนั้น
สลายกลายเป็นเขม่าและขี้เถ้ารวมเข้ากับควันดำตรงศูนย์กลาง จอมเวทยังร่ายมนต์ของเธออย่างต่อเนื่อง
เสียงสะท้อนไปไกลด้วยพลังลี้ลับ กังวาลยิ่งกว่าเสียงฝนและการต่อสู้โดยรอบรวมกัน
จอมเวทสาวกำลังแผลงฤทธิ์
คทูลูเหมือนรับรู้โดยสัญชาติญาณว่ามีพลังชั่วร้ายบางอย่างอยู่ที่ใจกลางของผู้เล่น
พวกอสูรทะเลที่บุกเข้ามาแบบมืดฟ้ามัวดินอยู่แล้ว พริบตาก็ดุร้ายขึ้นเท่าทวี บีบพวกแนวหน้าให้ล่าถอยไปตามๆกัน พริบตาเดียวตัวแทงค์ล้มตายเป็นสิบ
อรุณรู้ตัวถึงสิ่งที่ควรทำ
ตะเบ็งเสียงโดยไม่เจาะจงว่ากล่าวกับใคร “คุ้มกันจอมเวทสิ!”
คนทั้งหมดเข้าใจตรงกันแล้วกระจายตัวเพื่อคุ้มกันอาซาเลีย
เฟยเรียกใช้ประตูมิติวาร์ปคทูลูกลับทะเลให้มากที่สุดที่เป็นไปได้
ขณะอรุณเปลี่ยนร่างเป็นผู้รุกรานแล้วกระโจนออกไปหวังสร้างความยั่วยุเต็มที่ เขาเจออันย่าด้วยความบังเอิญในที่สุด
“อรุณ! หาตั้งนาน” สาวกระต่ายก้มหัวหลบให้เขาฟันคทูลูตัวใกล้ๆ
“พวกเรามีจอมเวทด้วยเหรอคะ”
“เด็กชื่ออาซาเลียนั่นไง ช่วยป้องกันเธอหน่อยอันย่า”
“ถ่วงเวลาเนี่ย เราของถนัด!”
จอมเวท (Wizard) เป็นขั้นสองทางเลือกต่อจากเมจ
(Mage) สายตรงของกลุ่มคลาสผู้ใช้สีสัน จอมเวทมีทักษะที่ให้ผลลัพธ์รุนแรงมากที่สุดของเกม
ถึงขั้นชึ้ผลแพ้ชนะได้ด้วยสกิลเดียว ผู้เล่นทุกคนแม้ใช้เวทจากทักษะสีได้
แต่อานุภาพเทียบกับวิชาร์ดไม่ติด เพียงแค่ทักษะติดตัวอย่าง กระสุนเวท (Magic
Bullet) กับ เมจิกมิสไซล์ (Magic Misslie) ซึ่งช่วยให้เมจจ่ายมานาเพื่อโจมตีระยะไกลเป็นดาเมจเวทย์แทนการโจมตีปกติด้วยอาวุธได้
ก็แรงกว่าทักษะสีธรรมดาของอาชีพอื่นเป็นเท่าตัว
ด้วยความแข็งแกร่งนี้
อรุณจำได้ว่าสมัยคัลเลอร์แคลชเป็นเกมคอมพิวเตอร์ นักเวทเป็นที่นิยมอย่างมาก เรียกได้ว่าสุ่มคนมาสิบคน
ไม่แปลกเลยที่เกือบครึ่งเล่นนักเวท หลังจากกลายเป็นเกมเสมือนจริง เพื่อความสมดุล
ระบบจึงใส่เงื่อนไขการใช้สกิลเข้าไปหลายอย่าง วิชาร์ดจึงไม่สามารถยืนรอให้หลอดร่ายเสร็จเฉยๆอีกต่อไป
จากข้อมูลที่อรุณอ่านมารวมกับตัวอย่างจริงโดยอาซาเลีย
เวทมนต์ของผู้ใช้สีสัน ได้แก่ สายนักเวท นักบวช และนักกวี เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง
ไม่ใช่เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติแต่อย่างใด ตามความหมายของ เมจิก (Magic)
ซึ่งนอกจากแปลว่ามนต์ตรา ยังแปลว่า ‘มายากล’
อีกด้วย หากรู้ทริคของมายากลแล้วนำไปฝึกฝนให้ชำนาญ
คนธรรมดาก็กลายเป็นผู้วิเศษได้
กรณีของสายนักเวท เริ่มจากหาตำราเล่มหนาหรือม้วนคัมภีร์เวทของสีตัวเองมาอ่านให้จบ
เพื่อปลดล็อกการใช้เวทชนิดนั้นๆ ในเอกสารจะบอกถึงบทสวดหรือคำกลอนสำหรับร่าย
พร้อมขั้นตอนการทำพิธีกรรม ตั้งแต่หาวัตถุดิบพิสดารในตำรา
การเล่นแร่แปรธาตุเตรียมของ ไปจนถึงวาดอักระเวทให้ถูกต้อง อย่าลืมว่าตอนสู้จริง ไม่ใครรอคุณทำครบทุกขั้นตอนแน่นอน
แถมต้องการขัดขวางอีกด้วย แค่เสียสมาธิร่ายผิดไปคำเดียว
พิธีกรรมต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ของที่เตรียมมาก็มลายสูญ
เหตุผลทั้งหลายทั้งปวง
นำไปสู่คำตอบว่าทำไมปัจจุบันจึงมีนักเวทน้อยกว่าคลาสพิเศษบางคลาสซะอีกนั่นเอง
ท้ายที่สุด อาซาเลียก็ร่ายเวทจนจบในนาทีต่อมา
“จงลุกขึ้นสมุนของข้าเอ๋ย
ในฐานะข้ารับใช้ของผู้ขับขานเงามืดทั้งสาม
-กำเนิดใหม่ แล้วเริงระบำ เยาะเย้ยเทพแห่งความตาย!
-รีอนิเมท”
“รีอนิเมท
(Reanimate) เวทสร้างซอมบี้นี่!” อรุณอุทานอย่างดีใจ
รีบฆ่ามอนเตอร์กับอันย่าเพิ่มอีกหนึ่งตัว พริบตาหลังจากนั้น พลังมืดที่พุ่งจากวงเวทของอาซาเลียเป็นร้อยๆสายก็ลอยเข้าไปในศพของคทูลู
ร่างที่สมควรอยู่เฉยกลับลุกขึ้นอีกครั้งทั้งที่ร่างกายพิกลพิการไม่สมประกอบ
ดูแล้วอัปลักษณ์กว่าเดิมหลายเท่า
“บุ๋งๆๆ” คทูลูพยายามสื่อสารกับพวกเดียวกันที่กลายเป็นซอมบี้
พริบตาเดียวที่ไม่ระวังตัว
ศพเดินได้ก็พุ่งเข้าใส่เพื่อนที่ยังมีชีวิตของมันอย่างหิวกระหาย สร้างความกลัวให้พวกอนเสตอร์อย่างสูง พวกมันโกยแนบกระจายออกไปรอบๆเหมือนนกกระจอกแตกรัง
“เฮ้ยดู พวกมันกำกลัวเรา” นักรบคนหนึ่งสังเกต
พวกคทูลูกำลังหนีซอมบี้ออกไปจริงๆ
“งั้นเล่นมันเลย! เอาคืนให้เละ” ใครสักคนขานรับแล้วกองทัพผู้เล่นก็วิ่งตามฝูงซอมบี้อยู่ฝ่ายเดียว พร้อมไล่ชุบชีวิตคนที่ยังไม่เกมโอเวอร์ไปในตัว
ภายใต้การสนับสนุนของศพเดินได้ อรุณกับอันย่าแค่ยืนดูเฉยๆ ฝ่ายคทูลูก็หายไปกว่าครึ่ง ขณะศพมันกลับลุกขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักความตาย
“ซอมบี้จากเวท
รีอนิเมท มีความสามารถสร้างความกลัวแก่มอนสเตอร์ที่ไม่ใช่บอสเมื่อโจมตีครั้งแรก
คทูลูตัวไหนที่โดนซอมบี้ฆ่าจะติดเชื้อด้วยนะครับ ศพจะลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้ตัวใหม่เรื่อยๆ
จนกว่าคนใช้สกิลน่ะตาย”
อรุณอธิบายสาเหตุที่สถานการณ์พลิกผันอย่างที่เห็น
เป็นสกิลอานุภาพร้ายแรงสมกับความยากในการใช้แต่ละครั้งจริงๆ อันย่าฟังแล้วก็เสริมขึ้นว่า
“ซึ่งจอมเวทที่ร่ายคาถามักจะยืนอยู่หลังสุด ทำให้หยุดเวทนี้ยากมา”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “อืม ขอแค่อาซาเลียยังอยู่
ก็มีซอมบี้คทูลูไว้ใช้แบบอินฟินิตี้เลยล่ะ ดูสิขนาดไอ้ตัวใหญ่ยังเอาไม่อยู่”
อรุณชี้ให้เธอมองคทูลูจอมเวทขี่ปูยักษ์ซึ่งบัดนี้กลายเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ให้ซอมบี้รุมทึ้ง
ไม่ช้ามันก็ลุกขึ้นมาใหม่เป็นซอมบี้เสียเอง หันกลับไปโจมตีพวกที่ยังมีชีวิตจนขวัญหนีดีฝ่อหมด
“เราไม่ต้องออกโรงแล้วมั้ง”
“ยังวางใจตอนนี้ไม่ได้ครับ บอสของเลเจี้ยนยังไม่ตายสักตัว ถึงเรามีซอมบี้
มันก็ส่งลูกน้องมาต้านได้เรื่อยๆ สู้กันไม่มีทางจบสิ้นหรอก”
เฟยหงเดินมาหาพวกเขาหลังจากคุยอะไรกับพวกอาซาเลียเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ผมฝากหน้าที่ป้องกันชัยภูมินี้ให้กลุ่มอาซาเลียแล้ว
ส่วนพวกเราจะไปจัดการตัวหัวหน้าที่อยู่บนเรือ”
“สามคนจะไหวเหรอคะ”
““ไม่ไหว”” เฟยกับอรุณตอบพร้อมกัน
แต่น้ำเสียงเฟยหงดูมีกำลังใจกว่ามาก “พวกเรายื้อเวลาสำเร็จแล้วครับ
อันย่า อรุณ โคโค่มาร์เก็ทเพิ่งติดต่อมา กองหนุนพวกเขาจะมาถึงในอีกไม่กี่นาที ด้วยฝีมือการต่อเรือของอัลบาทรอส
รวมกับฝีมือของพวกทหารรับจ้าง เราน่าจะทะลุถึงดีปเทอเรอร์
แบทเทิ่ลชิปลำหลักแบบสบายๆ”
หัวหน้ากิลด์หยางหลงแจกน้ำยาเพิ่มพลังอย่างดีให้อรุณกับอันย่าจำนวนหนึ่ง
พร้อมกับตั้งปาร์ตี้เรดโดยมีตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ “ผมจะเป็นโอเปอเรเตอร์
(คนสั่งการ) อรุณเป็นแทงค์
ส่วนอันย่าทำดาเมจอย่างเดียวไหวนะครับ”
อรุณไม่มีปัญหากับตำแหน่งที่ได้รับ
ตัวแทงค์ต้องอาศัยความใส่ใจและรอบคอบกว่าคนทำดาเมจ เป็นตำแหน่งที่ว่าง่ายก็ง่าย
จะว่ายากก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่ยากสำหรับมือเก๋าอย่างเขา
ส่วนอันย่าเป็นตัวดาเมจอยู่แล้ว ช่วงแบ่งหน้าที่เลยผ่านฉลุย
ทันใดนั้นก็มีสายโทรเข้ามาจากใบหน้าที่อรุณจำได้ดี
ไม่มีผู้เล่นคนไหนหน้าแก่เหมือนลุงเท่าอัลบาทรอสแน่นอน
“เฟยหง พายุแรงไป เรือเล็กต้านคลื่นไม่ไหว สร้างประตูมิติให้ที” หัวหน้ากิลด์โคโค่อ้อนวอนด้วยใบหน้าเปียกชุ่ม
ไม่ใช่ด้วยน้ำฝนแบบอรุณแต่เป็นเหงื่อ
ด้านหลังของเขามีไอน้ำลอยอยู่แน่นจนเห็นเป็นคลื่นความร้อนพริ้วไปมาหลายสาย
“ได้ครับคุณอัลบาทรอส ผมขอพิกัด”
“โซนซีเกท สามสิบแปด เจ็บสิบหนึ่ง”
“คอนสเตลเลชั่น : ออไรก้า!”
ทั้งสองสื่อสารไม่กี่คำเป็นอันเข้าใจ เฟยใช้เรียกชายขี่รถม้าพุ่งออกไปกลางทะเลอีกครั้ง
ประตูมิติบานใหญ่เปิดออกไม่ใกล้ไม่ไกลจากสมรภูมิกลางทะเล
สิ่งแรกที่ทะลุออกมาคือลูกไฟจำนวนมาก
ซึ่งร่วงลงมาระเบิดน้ำแข้งที่แช่ผิวทะเลไว้แตกเป็นเสี่ยงๆ
หวูดดดด
กองเรือรบจำนวนมหาศาลทั้งเล็กใหญ่
ทยอยกันแล่นออกมา แม้จะไม่ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนกองเรือของบลัดมูนแต่เรื่องจำนวนพวกนี้กินขาด
และเจ้าของเสียงหวูดดังสนั่นหวั่นไหวนั้นคือเครื่องจักรไอน้ำล้ำยุด
(Steampunk) ซึ่งถูกห้อมล้อมอย่างแน่นหนาเป็นพิเศษ ส่วนท้ายของเรือมีสิ่งที่เหมือนโรงงานขนาดย่อมตั้งอยู่
คอยผลิตพลังงานหมุนกังหันน้ำที่ขนาบอยู่สองข้างดันโครงโลหะมโหฬารไปด้านหน้า
“ฟีนิกซ์ อีเลเว่น” เฟยหงบอกชื่อของมันให้อรุณรู้
หัวหน้ากิลด์หยางหลงไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบใช้สกิลเพลนชิพ
เทเลพอร์ทพวกอรุณข้ามทะเลไปทันที สิ่งแรกที่ชายหนุ่มเห็นคือผู้เล่นระดับสูงจำนวนมากยืนเบียดเสียดกันอยู่บนดาดฟ้าเรือ
น่าแปลกว่าบนนี้กลับไม่มีฝนตกลงมา ราวกับมีเพดานที่มองไม่เห็นกั้นท้องฟ้าอยู่
จึงเห็นฉากของสงครามชัดเจนอย่างยิ่ง
ชายคนหนึ่งตะโกนทักทาย
ด้วยความดังของเครื่องจักร หากมันไม่วิ่งเข้ามาใกล้ๆอรุณคงไม่รู้ตัว “สวัสดีครับเฟยหง แล้วนี่คนดังของเรารึเปล่า เจอกันอีกแล้ว”
“พี่จ๊อบ ผมกำลังจัดปาร์ตี้พิเศษบุกไปหาบอสโดยตรง มาด้วยกันเลยครับ”
เฟยหงเข้าเรื่องทันทีด้วยคำพูดแกมบังคับ
เล่นเอามือขวาของอัลบาทรอสหัวเราะเฝื่อนๆ ปฏิเสธอย่างสุภาพ
มันเดินมาหาอรุณกับอันย่าซึ่งยังทำตัวไม่ถูก เขาเพิ่งรู้จักผู้ชายคนนี้เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ไปช่วยไอริสกับซัน
จ็อบบี้หันไปบอกเฟยก่อนแล้วคุยกับอรุณ “ไม่ต้องเอาผมไปก็ได้นะ
โอไรอ้อนมากันพร้อมหน้าขนาดนี้...อา แล้วก็สวัสดีนะอรุณ
ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในที่แบบนี้ น้องสองคนนั้นสบายดีไหม”
อรุณหน้าตึงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ตัดสินใจไม่บอกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อรักษาบรรยากาศ
“ผมพามาอยู่กิลด์ผมแล้วครับ”
“ตัดสินใจถูกแล้วล่ะ นี่อรุณ ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของหยางหลงแล้ว รู้ไหมครับ
กิลด์โคโค่มาร์เก็ทเป็นเหมือนกิลด์พี่กิลด์น้องกันมาตั้งแต่ก่อตั้ง ถ้ารู้จักอัลบาทรอสแล้ว
จะไม่รู้จักพันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญของอินทรีแดงก็กระไรอยู่
เขาเป็นคนประหยัดคำพูดคำจาสักนิดหนึ่ง ช่วยเข้าใจด้วยนะ”
“..สวัสดี”
การทักทายแบบขอไปทีดังขึ้นด้านหลัง อาจเพราะเขากับอันย่าเจอเรื่องเซอร์ไพร์มามากจึงไม่ตกใจแม้แต่น้อย
อรุณกลับหลังไปก็พบกับชายหนุ่มเจ้าของเสียงซึ่งเป็นนักกล้ามสูงเกือบสองเมตร
‘นักกีฬาบาส NBA หรือเปล่าวะ’ อรุณประเมินอีกฝ่ายในใจ
แต่รูปลักษณ์ภายนอกของบุรุษร่างยักษ์คล้ายกับหลุดมาจาดหนังจีนกำลังภายในมากกว่า มันเป็นผู้ชายหน้าเข้มซึ่งมีหางตาคมกริบ
จมูกใหญ่เป็นสันงุ้ม แต่รอบคางและริมฝีปากนั้นเกลี้ยงเกลาไร้หนวด
ผมสีเงินซึ่งรวบเป็นหางม้าหลวมๆยาวลงไปถึงกลางหลังที่มีหนังเสือขาวคลุมทับชุดคาราเต้แบบหลวมๆเอาไว้
“ผมเอรอนหัวหน้ากิลด์บีเอ็มทรี เรียกอรุณก็ได้” อรุณแนะนำตัวด้วยเสียงดังฟังชัด
แต่ปฏิกิริยาตอบสนองที่ได้คือการพยักหน้ารับแล้วยืนกอดอกอยู่เงียบๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญในสายตามัน
จ๊อบบี้เลยต้องเป็นฝ่ายแนะนำตัวคนร่างยักษ์เสียเอง
“นักสู้คนนี้คือหัวหน้าของโอไรออน กิลด์ใหญ่อันดับห้าของไทยครับ
เป็นกิลด์ทหารรับจ้างที่ทำงานกับโคโค่มาร์เก็ทอย่างใกล้ชิดทีเดียว”
“ครึ่งปีก่อนเป็นรุกกี้ที่สร้างชื่อเสียงสั่นสะเทือนดุจดาวหาง
เปลวไฟสีเงิน โนว่า”
ชื่อ: N0VA สี: เขียว-แดง คลาส: Destroyer ระดับนักผจญภัย: 90 ระดับสี: 3 สังกัด: Orion |
ความคิดเห็น