คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ep5 - กองโจร loser
เกมคัลเลอร์แคลช มีระบบสังคมที่สนับสนุนให้ผู้เล่นติดต่อสื่อสารและร่วมมือกันอยู่สามอย่าง หนึ่งคือ ระบบเพื่อน ผู้เล่นที่เป็นเพื่อนกันจะสามารถติดต่อกันได้ด้วยวิธีแชทเสียงหรือห้องสนทนาไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหนก็ตาม ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับโลกจริงก็คงเหมือนใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันอย่างไรอย่างนั้น
สองคือ ระบบทีม หรือที่เรียกกันโดยแพร่หลายว่า ปาร์ตี้ หนึ่งปาร์ตี้จะประกอบด้วยผู้เล่นไม่เกินสิบสองคนที่แบ่งปันค่าประสบการณ์จากการต่อสู้และทำภารกิจร่วมกัน แล้วทำไมต้องรวมตัวกันเป็นปาร์ตี้ด้วยล่ะ? จะไปแบ่งรางวัลเป็นสิบสองส่วนทำไมเมื่อแยกกันแล้วได้เยอะกว่าต่อหัว คำตอบนั้นง่ายมาก
ระดับความยากของเกมนี้มันโหดร้ายเกินไป
แม้ในช่วงแรกๆ ผู้เล่นทั่วไปที่ไม่ใช่สายสนับสนุน จะสามารถจัดการศัตรูและเก็บค่าประสบการณ์เองได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร แต่ของจริงมันหลังจากนั้นต่างหาก เมื่อทำการเลื่อนเข้าสู่คลาสสองหรือประมาณช่วงระดับ40 ศัตรูและภารกิจต่างๆจะแกร่งและยากขึ้นแบบก้าวกระโดด ยังไม่นับเรื่องโซนสองสีซึ่งเป็นพื้นที่เก็บระดับและทำภารกิจอันโหดร้ายเหล่านี้อีก
ตามประสบการณ์ที่ผ่านมาของอรุณ ผู้เล่นที่เก็บระดับด้วยตัวคนเดียวหลังช่วงระดับสี่สิบขึ้นไป ถ้าไม่ได้เป็นมหาเทพมาจุติแต่ไหน รับรองว่าจะช้ากว่าคนที่ไปเป็นทีมมากโข
ระบบสังคมอย่างสุดท้ายคือ สมาคม หรือ กิลด์ พูดกันแล้วระบบนี้คล้ายกับปาร์ตี้มาก แต่ต่างกันที่ต้องใช้ผู้เล่นอย่างน้อยห้าคนไปลงทะเบียนกับทางระบบเพื่อตั้งกิลด์ขึ้นมา ผู้เล่นที่เป็นสมาชิกจะสามารถใช้เงินกองกลางร่วมกันเพื่อค้าขาย ซื้ออุปกรณ์ ทำสงครามกับกิลด์อื่น และสร้างฐานที่มั่นของพวกตนขึ้นมา
ซึ่งในตอนนี้ศพของชายหนุ่มก็ถูกแบกมาถึงฐานที่มั่นของกิลด์ที่ชื่อว่า กองโจรลูสเซอร์
‘ถึงจะตายอยู่ก็มีข้อมูลขึ้นมาให้ดูด้วยเหรอ สะดวกจริงๆ’
อรุณชื่นชมกรอบข้อความโปร่งใสที่ปรากฏตรงหน้าของเขาทันทีที่มาถึงฐานที่ตั้งของกิลด์แห่งนี้ จากการ กวาดสายตาดูสิ่งปลูกสร้างและผู้เล่นที่เดินเข้ามาดูอย่างสนใจคร่าวๆแล้ว ยังไงที่นี้ก็ค่ายโจรภูเขาชัดๆ
“ใครที่เล่นสีขาวมาช่วยชุบไอ้หมอนี่ที! มันเป็นผู้เล่นมีประสบการณ์ที่ลูกพี่ตามหา” ชายหนวดจิ๋มประกาศเสียงดังลั่น “พวกเอ็งสักคนที่มีรูนชุบชีวิตก็รีบเอามาใช้เดี๋ยวนี้เลย ถ้าปล่อยให้มันตายคงถูกส่งกลับไปเกิดในป่าเฮงซวยอีกแน่ๆ ถึงตอนนั้นคงไม่เจอเป็นรอบที่สอง”
“ระดับแค่หนึ่งจริงๆด้วย บ้าเข้ามาในโซนสองสีแบบนี้จะไปมีประสบการณ์จริงแน่เร้อ”
“เอารูนแพงๆไปเปลืองกับมันก็เสียของเปล่า สู้เก็บไว้ใช้ตอนปล้นไม่ดีกว่าเหรอวะ”
‘เมื่อกี้พูดว่าปล้น เป็นโจรจริงๆสินะ’ อรุณคิดด้วยความเซ็ง มีคนแบกศพมาชุบชีวิตให้ทั้งทีก็ดันเป็นกลุ่มโจรอีก แบบนี้แย่ยิ่งกว่าถูกส่งไปเกิดใหม่ด้วยซ้ำไป
ทันใดนั้นผู้เล่นทั้งหมดที่รายล้อมอรุณไว้ก็หยุดพูดคุยกะทันหัน แล้วมองไปทางด้านหลังของชายหนุ่มเป็นสายตาเดียว ทุกคนล้วนเอ่ยชื่อ วิลเลี่ยน ไม่ก็ ลูกพี่ ซึ่งหมายความว่าผู้นำของคนกลุ่มนี้มาถึงแล้ว
“ชุบชีวิตมันขึ้นมา”เสียงของชายคนหนึ่งเร่งเร้า ฟังจากความมั่นใจและจังหวะที่โผงผางอรุณคาดว่าคงเป็นหัวหน้า “ถ้าเป็นผู้เล่นมีประสบการณ์จริงตามที่บอก ฉันเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าขุมทรัพย์ที่เราจะได้มีค่ามากกว่ารูนเยอะแยะ”
“ถ้าลูกพี่ว่าแบบนั้น...” คนหนวดจิ๋มที่แบกอรุณมาเหวี่ยงร่างชายชายหนุ่มลงพื้นในสภาพนอนคว่ำเหมือนเป็นผักปลา ก่อนจะใช้เท้าเหยียบหลังเขาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ ในอึดใจต่อมารูนสีขาวก็ถูกโยนลงมาตรงหน้า
“พวกคุณต้องการอะไร” อรุณถามอย่างใจเย็นแม้จะถูกกดทับอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นทราย ถึงจะขยับหัวได้ชายหนุ่มก็ไม่ได้เห็นอะไรมากไปกว่ารองเท้าเก่าๆและหน้าแข้งที่มีขนรุงรัง “คิดหรือว่าจะหาขุมทรัพย์อะไรนั่นได้จากคนเลเวลหนึ่ง”
“วู้ว วู้ว น้องชาย หาได้สิ พี่ชอบนักล่ะปล้นรูนของพวกหน้าใหม่มาใช้” วิลเลี่ยนเย้าแหย่“แต่ครั้งนี้พวกพี่ไม่ได้ต้องการเศษหินพวกนั้นหรอกนะ ที่ต้องการคือตัวน้องต่างหาก”
“พาแขกของเราไปเลี้ยงข้าว!” หัวหน้าโจรประกาศแล้วเดินแหวกลูกน้องออกไป ขุนโจรทั้งหลายตอบรับด้วยการติดตามเขาไปโดยลากอรุณตามไปด้วย ชายหนุ่มที่มีระดับแค่หนึ่งย่อมไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเล่นตามเกมของอีกฝ่ายโดยไม่อาจขัดขืน
แม้จะโดนล้อมด้วยคนถืออาวุธที่ส่งเสียงโวยวาย แต่อรุณก็ไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆเสียเปล่า ระหว่างที่กำลังก้าวเท้าเขาก็กรอกตาดูที่ทางในค่ายไปด้วย
‘ที่นี่เป็นค่ายที่ใช้ท่อนซุงมาเหลาให้แหลมแล้วตั้งเป็นกำแพงสองชั้น นอกจากนั้นบนกำแพงยังมีเวรยามใช้อาวุธระยะไกลกับนักเวทประจำการทุกจุดด้วย ไม่มีทางหนีออกไปได้นอกจากติดปีกหรือวิ่งออกทางหน้าค่ายที่เป็นทางโล่งๆ บ้าจริง...รูนสีเหลืองก็ใช้หมดแล้ว รูนสีดำก็เสี่ยงไป’
‘วาว ขอเวลาฉันอีกซักพักใหญ่ๆแล้วกัน’
ระหว่างที่เริ่มปวดหัว อรุณก็โดนพาตัวมาถึงอาคารที่มีขนาดพอจะบรรจุคนได้นับร้อย เหนือขึ้นจากส่วนฐานเป็นหอคอยขนาดเล็กที่สูงร่วมยี่สิบเมตรได้ ดูจากพื้นผิวที่เป็นหินและมีไม้เลื้อยปกคลุมอย่างไม่เป็นระเบียบ ชายหนุ่มจึงเดาว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีอยู่แล้วในเกมมากกว่าบ้านชั้นเดียวที่สร้างจากไม้ซึ่งเหล่าโจรปลูกไว้ทั่วบริเวณ
เมื่อผ่านประตูไม้ที่ทั้งหนาทั้งเก่าเข้าไปยังฐานของหอคอย เหล่าโจรก็กระจายตัวออกไปนั่งตามโต๊ะไม้เตี้ยๆซึ่งวางอยู่ดาษดื่นบนพื้น ข้างในนี้เป็นที่โล่งซึ่งไม่มีอะไรโดดเด่นเลยนอกจกคนที่นั่งอยู่ตรงยกพื้นและบันใดหินขนาดใหญ่ที่มีทั้งขึ้นบนและลงใต้ดิน
ในที่สุดอรุณก็ได้เห็นหน้าวิลเลี่ยนชัดๆเมื่ออีกฝ่ายเป่าปาก “วู้ว! วู้ว!” หัวหน้ากิลด์..ไม่สิ หัวหน้าโจรเป็นชายตัวใหญ่ล่ำที่ริมฝีปากใหญ่หนายิ่งกว่า ผมหยิกหยอยที่ไว้ยาวแต่ฟูจนไม่ห้อยลงมามีสีดำคล้ำเหมือนผิวของตัวมันไม่มีผิด
ชื่อ: วิลเลี่ยน สี: เหลือง-ฟ้า คลาส: Warlord
ระดับนักผจญภัย: 40
ระดับสี: 2
สังกัด: : กองโจร loser |
“อย่าทำหน้าเครียดสิพ่อหนุ่ม! รู้ว่าผิดหวังที่ห้องอาหารของเราดูเรียบๆไปหน่อย แต่อีกเดี๋ยวมันจะหรูยิ่งกว่ากิลด์ฮอลล์ในเมืองใหญ่ๆซะอีกนะรู้เอาไว้ ก่อนอื่นเรามานั่งแล้วก็เจรจากันแบบคนมีการศึกษาดีกว่า”
‘โจรพูดว่าให้มาคุยกันแบบคนมีการศึกษา รู้สึกย้อนแย้งชะมัด’ อรุณครุ่นคิดขณะเดินอย่าไว้ทีไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับวิลเลี่ยน พอเห็นว่าหัวหน้าโจรไม่พกอาวุธใดๆมาเขาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
‘ก่อนอื่นต้องถามให้รู้เรื่องว่ามันเอาตัวเรามาทำไม’
“ได้ยินพวกคุณพูดเกี่ยวกับสมบัติอะไรสักอย่างหลายครั้งแล้ว นั่นคือเหตุผลที่จับตัวผมมางั้นเหรอ มั่นใจได้ยังไงว่าผมจะช่วยได้’
“เข้าเรื่องเลยงั้นเหรอ ก็ได้” วิลเลี่ยนฉีกยิ้มแล้วปรับเสียงให้ฟังดูคุกคาม “ก่อนอื่นเลยใช้คำว่าจับตัวก็แรงไปหน่อย ที่เรายังควบคุมตัวน้องไม่ให้ไปไหนก็เพราะว่าตอนนี้กลุ่มของพวกเราได้พบกับดันเจี้ยนลับแห่งหนึ่ง และมันอยู่ข้างใต้เรานี่เอง”
‘ดันเจี้ยน?’ อรุณทวนคำศัพท์เฉพาะทางนั้นในใจระหว่างที่หัวหน้าโจรกำลังฝอยจนน้ำลายกระเด็น
“เห็นหน้าแบบนี้แต่กลุ่มของพวกเราไม่ได้มีดีแค่ดักปล้นหรอกนะ ดันเจี้ยนลับข้างล่างนี่เราเคลียร์ไปเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่เหลืออีกแค่นิด—เดียว นิดเดียวจริงๆก่อนที่เราจะได้รางวัลใหญ่ ก็ดันไปติดกับบอสตัวสุดท้ายซะได้”
“ฟังๆดูก็แค่ไม่มีปัญญาล้มบอสเองนี่ครับ แล้วให้ระดับหนึ่งอย่างผมมาเพิ่มสักคนมันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
“ได้สิ! เพราะน้องชายเป็นผู้เล่นมีประสบการณ์ไงล่ะ ห้ามเถียงเรื่องนี้นะ ไม่มีผู้เล่นระดับหนึ่งคนไหนหรอกที่จะวิ่งมาตกกับดักในโซนสองสีน่ะยกเว้นว่าจะเลือกเส้นทางมหาโหดตอนสร้างตัวละคร”
'ถึงเป็นผู้เลนมีประสบการณ์จริงๆก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้ตรงไหน บอสในดันเจี้ยนโดยเฉพาะดันจี้ยนลับต้องใช้ทั้งไอเทมทั้งข้อมูล เว้นแต่ว่ามันจะบ้าพาเราลงไปหลายๆรอบ’
วิลเลี่ยนที่หน้าขึ้นสีหยุดหายใจครู่หนึ่งแล้วพล่ามใส่หน้าอรุณต่อว่า “ถูกสุ่มเกิดในโซนอันตราย ต้องเริ่มเก็บระดับตอนเลเวลหนึ่งซึ่งไม่มีอะไรให้ใช้เลยนอกจากรูนแล้วก็อาวุธกากๆ นอกจากนั้นเกมก็จะไม่เตือนเวลาระดับเพิ่มหรือเจอสัตว์ประหลาดด้วย ใครมันจะไปเอาตัวรอดได้! ต่อให้มิสโกอิ้งกลับมาสร้างตัวละครใหม่เลยเอ้า! พี่ขอพนันเลยว่าถ้าเลือกเส้นทางนี้เป็นถึงแชมป์ประเทศไทยก็เอาตัวไม่รอด”
“แต่มีน้องนี่แหละที่เราเห็นว่ารอดมาได้เป็นคนแรก ดังนั้นต้องช่วยเราได้แน่!”
‘อ้าวที่แท้ก็แบบนี้เองเหรอ เป็นอย่างที่เดาไว้จริงๆ เรามันไม่ต่างจากเด็กใหม่ที่มาหาเรื่องตาย’ อรุณทีได้รู้ความจริงก็ถึงกับช็อก แต่พยายามเก๊กหน้าไว้สุดชีวิต ‘เมื่อกี้มันพูดถึงวาวด้วย ลองถามเบาะแสดูดีกว่า’
ชายหนุ่มเช็ดน้ำลายวิลเลี่ยนที่กระเด็นมาโดนแขนแล้วถามออกไปว่า “เมื่อกี้คุณพูดถึง มิสโกอิ้ง ผมเป็นแฟนตัวยงของเธอเลย รู้ไหมว่าจะเจอเธอได้ที่ไหน”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิวะน้องชาย” หัวหน้าโจรขึ้นเสียงแล้วปัดหัวข้อทิ้งอย่างรวดเร็ว
“ดูยังไงก็คงไม่อยากให้ความร่วมมือกับเราสินะ แต่ถึงไม่อยากเราก็คงต้องใช้วิธีรุนแรงสักหน่อยแล้ว ไม่ว่ายังไงคืนนี้พวกพี่ต้องใช้ความสามารถของผู้เล่นมีประสบการณ์เพื่อผ่านบอสตัวสุดท้ายไปเอารางวัลให้ได้”
“พาแขกเราไปกินข้าวที่ห้องวีไอพี!”
ผู้เล่นสองคนผุดลุกขึ้นตอบรับคำสั่งของวิลเลี่ยน แล้วหิ้วปีกอรุณลงไปยังชั้นใต้ดินของหอคอย ตอนนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่ข้าวเหนียวส้มตำถูกยกมาวางตรงหน้าของขุนโจรทุกคนพอดี ถ้าอรุณเออออไปอีกสักหน่อยคงลาภปากไปแล้ว
จากห้องอาหารสู่ชั้นใต้ดิน ภายใต้ความมืดที่มีแต่แสงจากคบไฟนั้น คือ ห้องเก็บของและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองโจรลูสเซอร์ ถึงจะมองไม่เห็นแต่อรุณก็รู้สึกได้ว่ามันใหญ่โตกว่าส่วนที่อยู่บนพื้นดินเป็นเท่าตัว
‘ยังมีบันใดให้เดินต่อลงไปข้างล่างอีก ทางเข้าดันเจี้ยนสินะ’
ชายหนุ่มไม่ทันได้พิจารณาอะไรไปมากกว่านั้นก็ถูกเหวี่ยงเข้าไปในลูกกรงเหล็กซึ่งไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่ภายในเลยนอกจากผู้เล่นชายหญิงคู่หนึ่ง ทั้งสองแลดูอ่อนเยาว์ทีเดียวและทำหน้าเหมือนดีใจที่ได้เพื่อนร่วมชะตากรรมคนใหม่
‘นี่ข้าวเหนียวกับส้มตำที่เหลือ เอาไปแบ่งกินกันสามคนนั่นแหละ คืนนี้พวกแกต้องมีแรงเอาไว้ช่วยลูกพี่จัดการบอสตัวนั้นซะ”
‘จะลงกันคืนนี้เลยเหรอ’ อรุณเมินเศษอาหารเล็กน้อยที่ส่งมาให้และถามสวนไป“พวกคุณคิดอะไรอยู่เนี่ย ด้วยระดับผมตอนนี้ช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้หรอก ข้อมูลดันเจี้ยนก็ไม่รู้ อุปกรณ์สวมใส่ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ”
“พูดสุภาพจริงเว้ย! เอ็งไม่ได้ก็ต้องได้แล้วล่ะวะ งานนี้ก็ลูกพี่สั่งมานี่หว่า” สมุนโจรสบถอย่างรำคาญแล้วชิ่งหนีไปทั้งคู่ ปล่อยให้อรุณติดอยู่ในกรงขังร่วมกับผู้เล่นที่ไม่รู้จักสองคนพร้อมคำพูดดูถูกเจ็บแสบ
“อย่างแกน่ะไม่ใช่ผู้เล่นมีประสบการณ์หรอกมั้ง สงสัยก็แค่พวกชอบโชว์ออฟโดยไม่ฟังเจ้าหน้าที่เท่านั้นแหละ”
‘ก็คนมันไม่รู้นี่หว่า!!’
อรุณตะคอกอีกฝ่ายกลับในความคิดพร้อมถีบใส่ลูกกรงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังไปทั้งชั้นใต้ดิน ถึงจะออกแรงซ้ำไปอีกกี่ครั้งเหล่าโจรก็ไม่มีทีท่าว่าสนใจตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้พวกมันคงกำลังเอร็ดอร่อยกับข้าวเหนียวส้มตำจนลืมโลกแล้ว
“ชิ! ส้มตำก็ใส่ปลาร้าซะเยอะอีก อย่างกับจงใจแกล้งคนไม่กินปลาร้าอย่างเราชัดๆ” อรุณเริ่มบ่นกับเรื่องไม่เป็นเรื่องและทำท่าจะโยนจานใส่อาหารอีสานยอดฮิตทิ้งไป ทันใดนั้นเองที่ผู้เล่นชายหญิงร่วมกรงขังตรงเข้ามาห้ามอรุณแบบไม่คิดชีวิต
“เดี๋ยวก่อน! ไม่กินก็เอามาให้เราก็ได้ อย่าทิ้งขว้างอาหารแบบนั้นสิ” ผู้เล่นหญิงห้ามด้วยเสียงเล็กๆที่น่ารักอย่างเหลือเชื่อ เธอหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้เล่นชายอีกคนที่อยู่ข้างหลังเธอซึ่งไม่ได้ตัวใหญ่กว่ากันเท่าไหร่
“ตั้งแต่โดนจับมาพวกเรายังไม่ได้กินอะไรเลย ดังนั้นขอร้องล่ะครับ~”
‘ทำไมเสียงผู้ชายมันหวานแปลกๆ แต่ช่างเถอะ’ อรุณสงบอารมณ์ลงเล็กน้อยแล้วหันหลังกลับไปหาผู้เล่นชายหญิงทั้งสองเบื้องหลัง เมื่อดูดีๆจะเห็นว่าต่างก็เป็นเด็กที่มีผมสีทองทั้งคู่ คัลเลอร์แคลชต้องใช้บัตรประชาชนเล่น ถ้าอย่างนั้นสองคนนี้คงเป็นรุ่นเด็กที่สุด
“โทษทีนะ ลืมนึกถึงพวกน้องไปเลย...เอาไปสิ”
“ขอบคุณค่า! / ขอบคุณครับ!”
เด็กทั้งสองดีใจจนแทบจะกระโดดกอดกัน ต่างคนต่างวิ่ง ฝ่ายหญิงคว้าส้มตำ ฝ่ายชายคว้าข้าวเหนียว ทั้งคู่แทบจะไม่พูดคุยอะไรกันเลยระหว่างสวาปามอาหารเหลือตรงหน้าที่พวกโจรเอามาให้ ด้านอรุณเองก็เริ่มหิวขึ้นมาเช่นกันแม้จะอยู่ในเกม เขาจึงเลือกหยิบอาหารเม็ดออกมาถือไว้ในมือบ้าง
ในสมัยที่คัลเลอร์แคลชยังเป็นแค่เกมคอมพิวเตอร์ธรรมดา ไอเทมจำพวกอาหารที่ต้องเสียเวลาในการใช้(กิน) ถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง ผู้เล่นทุกคนเลือกที่จะพกโพชั่นหรือไอเทมเครื่องดื่มชนิดหนึ่งซึ่งฟื้นฟูพลังและค่าสถานะทันทีที่กดใช้และสามารถพกพาได้เป็นจำนวนมากโดยไม่เปลืองช่องเก็บของ
‘แต่ว่าตอนนี้มันเป็นโลกเสมือนจริงไปแล้ว’ อรุณคิดถึงสภาพในปัจจุบันแล้วกลืนอาหารเม็ดลงคอ แม้จะไร้รสชาติและมีกลิ่นคล้ายยาแต่ก็ช่วยให้เขารู้สึกอิ่มในทันทีเช่นกัน
ถ้าให้ชายหนุ่มเดา ในคัลเลอร์แคลชที่รู้สึกหิวได้และจำเป็นต้องกินเพื่อดำรงชีพ ผู้เล่นทั่วไปอย่างเด็กร่วมกรงสองคนนี้ คงชอบอาหารที่มีหน้าตาและรสชาติเหมือนโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า
เผลอแปปเดียวข้ามเหนียวส้มตำก็หมดเกลี้ยง เด็กหญิงจึงหันมาฉีกยิ้มไร้เดียงสาให้กับเขา “ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ หนูของเรียกพี่ว่าพี่ชายละกัน พี่ชายก็โดนพวกโจรจับตัวมาเหมือนกันเหรอ”
“อืม..ก็ราวๆนั้นแหละ” อรุณพยักหน้ารับโดยไม่บอกความจริงว่าตกหลุมกับดักตาย “พูดแบบนี้ก็แสดงว่าโดนแบบเดียวกันงั้นเหรอ”
“แย่กว่านั้นอีกครับ” เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “ปาร์ตี้ของผมถูกโจรกลุ่มนี้ดักปล้น พวกเขาฆ่าคนอื่นหมดจนเหลือแค่ผู้เล่นที่เป็นสายสนับสนุนคือ ผม กับ ไอริส แค่สองคนแล้วจับตัวมา”
“คงเป็นประสบกาณ์ที่เลวร้ายมากสินะ แล้วทำไมมันถึงเลือกจับน้องสองคนที่เป็นสายสนับสนุนไว้ล่ะ” อรุณถามไปอย่างนั้นแม้จะพอเดาสาเหตุออกแล้ว วิลเลี่ยนและพวกของมันที่ส่วนใหญ่น่าจะเล่นสายต่อสู้ต้องการคนมาคอยซัพพอร์ทในการเคลียร์ดันเจี้ยนลับ
คำตอบเป็นตามที่ชายหนุ่มคาดจริงๆ “หัวหน้าของพวกโจรบอกว่าจะพาหนู กับ ซัน ไปลงดันเจี้ยนลับที่ไหนก็ไม่รู้... เอ่อ ขอโทษที่แอบเปิดดูข้อมูลนะคะ แต่ทำไมที่ชายถึงมีระดับแค่หนึ่งเองล่ะ”
“อะไรนะ” เด็กหนุ่มเบิกตากว้างแล้วเรียกดูข้อมูลของอรุณขึ้นมาดูตามเพื่อนบ้าง “ระดับนักผจญภัยแค่หนึ่งจริงๆซะด้วย มาอยู่ในโชนสองสีได้ไง”
“เรื่องมันยาวน่ะ เริ่มแรกก็ตอนสร้างตัวละคร...”
อรุณไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปิดบังความเป็นมาสุดอับยศของตัวเอง จึงเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้เด็กทั้งสองคนฟังตั้งแต่เริ่มต้นที่เลือกเส้นทางตอนสร้างตัวละครใหม่ผิดพลาดจนมาถึงปัจจุบัน นั่นทำให้เขารู้จักกับผู้เล่นอายุน้อยทั้งสองไปในตัวด้วย เด็กสาวที่ร่าเริงได้ตลอดเวลามีชื่อว่าไอริส ส่วนเด็กหนุ่มซึ่งดูไว้ตัวกว่าแต่ท่าทางจะหัวอ่อนมีชื่อว่าซัน
ไอริสและซันเองก็เล่าความเป็นมาของพวกตนให้อรุณฟังเช่นกัน ทั้งสองและผู้เล่นใหม่อีกหลายคนรวมตัวกันเพื่อเดินทางไปเปลี่ยนคลาสสองที่เมืองหลวง น่าเสียดายที่กลางทางต้องมาชะรอยเดิมกับอรุณ คือ โดนกับดักของกลุ่มโจรและถูกรุมโจมตีอย่างไม่มีทางสู้ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือหลุมพรางนั่นเอง!
‘ค่อยยังชั่ว ไม่ได้มีแต่เราที่พลาดตกหลุม’ อรุณลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก มาถึงตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่ยอมให้โจรกลุ่มนี้มาเฉดหัวตัวเองใช้ได้ง่ายๆ เขาลองเรียกข้อมูลตัวละครของเด็กทั้งสองขึ้นมาดูก็พบว่ามีระดับนักผจญภัยและสีไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ไม่แน่อาจจะ...
อยู่ๆอรุณก็โพล่งออกมา “นี่ทั้งสองคน อยากหนีออกไปจากที่นี่หรือเปล่า”
“อยากแทบตายอยู่แล้วค่ะ ติดอยู่ในนี้น่าเบื่อจะตาย” ไอริสครวญตอบทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด “วิธีที่ง่ายที่สุดคือฆ่าตัวตาย แต่แบบนั้นมันน่ากลัวเกิน แค่คิดว่าต้องเอาดาบมาเชือดคอตัวเองก็สยองแล้วค่ะ’’
“พูดแบบนี้พี่อรุณมีวิธีเหรอคะ”
“วิธีน่ะมีแล้ว แต่ไอริสกับซันต้องให้ความร่วมมือกับพี่ก่อน รู้แล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่มีพื้นฐานเรื่องการต่อสู้ในโลกนี้เลย แล้วก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลยด้วย ไม่รู้ว่าโจรพวกนี้มันจะพาเราไปลงดันเจี้ยนเมื่อไหร่ ไอริส กับ ซันช่วยใช้เวลานี้บอกข้อมูลเกี่ยวกับคัลเลอร์แคลชที่จำเป็นในตอนนี้ให้พี่ฟังหน่อยได้มั้ย”
ไอริสยิ้มกว้างตอบตกลงทันที “สบายมากเลยค่ะ มาเล่าเรื่องฆ่าเวลาก็ดีเหมือนกัน จะเอาเรื่องไหนก่อนดีล่ะคะ กิลด์ใหญ่ทั้งสิบดีไหม ไม่สิ..เก้ากิลด์มากกว่า หรือว่าเรื่องสี!?”
“เอาเรื่องคลาสของน้องสองคนก่อน” อรุณพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด เขาคงไม่อาจเอาตัวรอดได้ถ้าไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง
เวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้วที่เขาเล่นเกมนี้ครั้งล่าสุด ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปและถึงเวลาที่อรุณจะต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด!
“ถ้าอย่างนั้น...ถึงผมจะไม่ได้รู้อะไรละเอียดนักก็ฟังให้ดีๆนะครับ” ซันว่าแล้วก็ส่งคำเชิญเข้าร่วมปาร์ตี้ให้กับอรุณ ชายหนุ่มจึงสามารถเรียกดูข้อมูลจากเด็กทั้งสองได้อย่างละเอียด
ชื่อ: ไอริส สี: เหลือง คลาส: Acolyte
ระดับนักผจญภัย: 41
ระดับสี: 1
สังกัด : ไร้สังกัด |
ชื่อ: ซัน สี: ฟ้า คลาส: Bard
ระดับนักผจญภัย: 40
ระดับสี: 1
สังกัด : ไร้สังกัด |
เอาล่ะ ถึงเวลาที่พวกเรารอคอยสักที ได้เวลาเคลียร์ดันเจี้ยนแล้วโว้ย!
ผ่านไปราวสองชั่วโมงหลังจากนั้น วิลเลี่ยนและพรรคพวกก็เดินลงมาหาพวกอรุณด้วยเสียงเอะอะโวยวาย โจรแต่ละคนต่างใส่ชุดเต็มยศและถืออาวุธในมือ เป็นสัญญาณว่าเตรียมพร้อมจะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
“มาสักทีนะครับ ผมอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นบอสที่พวกคุณไม่มีปัญญาจัดการ” ชายหนุ่มเดินออกมารับหน้าแทนเด็กทั้งสองที่แสดงอาการหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ระวังปากหน่อยน้องชาย” หัวหน้ายิ้มเยาะพร้อมกวัดแกว่งดาบขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาวุธคู่ใจ เขาเคาะกรงทีเดียวคนทั้งหมดก็ลากตัวนักโทษลงไปยังชั้นใต้ดินซึ่งเป็นปากทางเข้าดันเจี้ยนลับ อย่างอรุณคาดเดาไว้
‘ตอนนี้เดินตามเกมของพวกมันไปก่อน’ อรุณทวนแผนของตัวเองอย่างใจเย็น
‘เราจะได้เห็นดีกันแน่ วิลเลี่ยน’
ความคิดเห็น