คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ep0 - บทนำ
“ไอ้บอสนรกนี่ เลือดเหลือไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว! หาที่หลบเร็วเข้า”
อรุณ ตะโกนใส่ไมค์ที่เฮดโฟนเมื่อร่างกายมังกรไฟตรงกลางหน้าจอเริ่มปริแตกและมีแสงสาดส่องออกมา ผู้เล่นคนอื่นๆที่เพิ่งเคยฟัดกับมันเป็นครั้งแรกล้วนไม่สนคำเตือนของเขาแล้วกระหน่ำโจมตีเข้าใส่บอสอย่างสนุกมือ
“แล้วจะให้หลบที่ไหนกันล่ะคร้าบบบ” เพื่อนในเกมคนหนึ่งโอดครวญผ่านห้องสนทนา ตัวละครของเขาวิ่งผ่านที่ราบซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของเกมตามตัวละครของอรุณมาติดๆ “ไอ้จิ้งเหลนไฟนี่มันก็ถล่มเมืองราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว ราบยิ่งกว่าหน้าอกของน้องเกดซะอีก”
“ราบเฉพาะในเกมย่ะ!!” ผู้เล่นหญิงที่ตั้งชื่อตัวละครว่าน้องเกด ตบมุกสวนขึ้นมาท่ามกลางเสียงหัวเราะของสมาชิกในห้องสนทนา“ว่าแต่ทำไมเราต้องหนีมันด้วยล่ะอรุณ วิ่งมาไกลขนาดนี้ตอนมันตายเดี๋ยวก็ไปแย่งเก็บของไม่ทันหรอก”
‘ก็เพราะมันกำลังจะตายไงล่ะ เลยต้องหนี’
อรุณตอบคำถามอีกฝ่ายในใจขณะเอื้อมมือไปยกขวดชาเขียวที่ข้างหน้าจอมาดื่ม ความคิดในหัวกำลังพลุ่งพล่านไปหมด ทำยังไงถึงจะหลบท่าไม้ตายของบอสพ้น? ในยามคับขัน เขาหลับตาลงแล้วปล่อยให้ของเหลวกลิ่นน้ำผึ้งผสมมะนาวไหลผ่านลำคอลงไป
ทันใดนั้นความคิดบ้าบิ่นก็แล่นขึ้นมาในหัวชายหนุ่ม ‘ แลกกับมันตรงๆนี่แหละ!’
กริ๊ก!อรุณคลิ้กเมาส์เพื่อหยุดตัวละครกลางคันแล้วหันมุมกล้องไปทางบอสมังกรไฟ ในชั่วพริบตานั้นเองที่นิ้วเขารัวคีย์บอร์ดด้วยความเร็วสูงเพื่อเตรียมใช้ทักษะก้นหีบ
“คิดจะทำอะไรน่ะ” น้องเกดหยุดถามขณะบังคับตัวละครของเธอมายืนอยู่ตรงหน้าอรุณ “ช่วยบอกหน่อยเถอะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เขางงกันหมดทั้งปาร์ตี้แล้ว”
อรุณกระแอมเบาๆแล้วร่ายยาวสั่งสมาชิกในทีมทันที “ฟังนะ บอสตัวนี้ก่อนมันจะตายจะใช้ท่าไม้ตายออกมาเป็นการระเบิดตัวเอง ผมเคยสู้กับมันตอนทำเควสเอาทักษะสุดท้ายมาแล้วเป็นสิบๆรอบจนรู้ว่าต่อให้ถึกแค่ไหนแต่ถ้าอยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรของการระเบิดก็โอเวอร์คิลอยู่ดี”
“แบบนี้ก็ตายโหงกันหมดอะดิ มาโดนโอเวอร์คิลฉลองวันปิดเกมแบบนี้ก็ไม่ไหวนา” สมาชิกในทีมคนหนึ่งถอนใจดังจนได้ยินจากหูฟัง
“เอาน่าๆ ตายหมู่พร้อมกันฉลองปิดเกมมันก็ไม่เลวนะคะ” ผู้หญิงสักคนออกความเห็นแทรกขึ้นมาบ้าง
“เอ่อ..แล้วระยะหนึ่งกิโลเมตรในเกมนี่มันไกลแค่ไหนครับเนี่ย” ผู้เล่นหน่วยโจมตีไกลหนึ่งเดียวสงสัยในเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาบ้าง
“หยุดพูดแล้วมาหลบหลังตัวละครผมเร็ว!” ในฐานะผู้นำของคนกลุ่มนี้อรุณออกคำสั่งเด็ดขาด “ เกด! ใช้ทักษะดูดพลังชีวิตของผมไปให้เหลือน้อยที่สุดเดี๋ยวนี้เลย”
“จัดให้”ผู้เล่นหญิงที่ชื่อน้องเกดแม้จะยังไม่ได้รับคำตอบของเธอก็ยอมทำตามตำสั่งของอรุณแต่โดยดีเหมือนสมาชิกในทีมที่เหลือ พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นผู้เล่นที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาแล้วนับปี ตั้งแต่วันที่จัดตั้งกิลด์ครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ชนะในการชิงแชมป์ระดับประเทศ ตั้งแต่วันที่คนเริ่มเลิกเล่นจนจำต้องยุบกิลด์ไป จนมาถึงวันสุดท้ายที่ทุกคนจะมีโอกาสได้พูดคุยกันโดยผ่านระบบสนทนาแบบกลุ่มนี้อีก
สายสัมพันธ์ที่เกิดจากเกมออนไลน์ที่ชื่อว่าคัลเลอร์แคลช(Color Clash) ส่งผลให้พวกเขาเชื่อใจในตัวของกันและกันแบบที่คนนอกไม่มีวันเข้าใจ
[Tax to underworld]
ข้อความภาษาอังกฤษปรากฏขึ้นบนหัวตัวละครน้องเกดเมื่อเธอใช้ทักษะ“ภาษีสู่ยมโลก” อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้เล่นสีขาว-ดำ ความสามารถของมันคือ ดูดเอาพลังชีวิตจากผู้เล่นอื่นหนึ่งคนมาเพิ่มให้กับตัวเองไปเรื่อยๆแลกกับการที่ผู้ใช้ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ ตอนนั้นเองที่พลังชีวิตของอรุณหายไปอย่างฮวบฮาบแล้วส่งไปทางตัวละครของน้องเกดในรูปคลื่นแสงสีขาว
“ดูดจนผมเหลือพลังชีวิตหนึ่งเปอร์เซ็นต์” อรุณกล่าวต่อไปอย่างสุขุมทั้งที่ตัวจริงซึ่งนั่งอยู่หน้าจอเริ่มขยับมือที่ว่างอย่างไม่เป็นสุข
แม้ตัวละครของน้องเกดจะมีระดับสูงถึงเก้าสิบ แต่ก็ใช่ว่าจะดูดพลังชีวิตของเขาให้ลดน้อยจนเหลือแค่นั้นได้เร็วพอ นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นผู้เล่นที่เลือกสี แดง เขียว และดำ
ไม่ว่าจะเลือกเล่นเป็นอะไรในเกมนี้ แต่ถ้ามีสีเขียวอยู่ในข้อมูลตัวละครย่อมหมายความว่าจะมีพลังชีวิตที่สูงและตายยากเป็นอันดับหนึ่ง นี่เป็นข้อมูลที่ทุกคนรู้ดี แต่ถึงกระนั้นน้องเกดก็ยังบังคับให้ตัวละครของเธอใช้ทักษะดูดพลังชีวิตต่อไปอย่างไม่ลดละ
คนในทีมร้องเตือนเมื่อรอยปริแตกกระจายไปทั่วร่างของบอสมังกรเป็นที่เรียบร้อย“บอสพลังชีวิตเหลือหนึ่งเปอร์เซ็นต์แล้ว!” และในจังหวะนั้นเองที่อยู่ๆมันก็พุ่งขึ้นไปลอยคว้างอยู่บนอากาศด้วยความเร็วที่คนทั้งหมดหมุนมุมกล้องตามไม่ทัน
ไอ้บ้าเอ้ย!
อรุณกำหมัดแน่นด้วยความเสียดาย ก่อนจะกดใช้ทักษะสุดท้ายของตัวเองเป็นการตอบโต้ทันทีแม้พลังชีวิตจะลดลงไปไม่ถึงจุดที่ต้องการ ร่างกายตัวละครของเขาปริแตกออกโดยพลันไม่ต่างกับสัตว์ร้ายที่ลอยอยู่เหนือฝูงชนที่กำลังสับสน
ในเกมนี้นอกเหนือจากท่าไม้ตายแล้วยังมีทักษะ(skill)ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอยู่อีกขึ้นหนึ่งซึ่งตั้งชื่อว่า Ultimatum หรือ บทสรุปสุดท้าย ซึ่งวิธีการจะได้มาใช้เล่นนั้นยากแสนยาก หนึ่งคือต้องมีระดับเก้าสิบอันเป็นระดับสูงสุดของเกมเสียก่อน สองคือต้องเป็นผู้เล่นสามสีซึ่งมีเงื่อนไขในการปลดล็อกซับซ้อน และสุดท้าย คือต้องรับภารกิจในการล่า Raid boss หนึ่งตัวซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จด้วยตัวคนเดียว
อย่างไรก็ดี อรุณก็ผ่านเงื่อนไขมาแล้วทุกข้อ และเขากำลังจะใช้ทักษะที่ได้จากบอสตัวนี้ตอบโต้มันกลับแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
[Savage Ultimatum]
โมเดลกราฟฟิกที่เป็นตัวละครของอรุณและบอสมังกรพลันแต่งเป็นเสี่ยงๆ เหลือทิ้งไว้เพียงแกนกลางสีดำสนิทที่มีอักขระสีเขียวล้อมรอบ คลื่นพลังงานสีแดงกระจายออกมารอบศูนย์กลางนั้นในพริบตาพร้อมด้วยเสียงเอฟเฟ็คดังสนั่นหวั่นไหว
เมื่อดูจากหน้าจอแล้ว อรุณคิดว่ามันช่างเหมือนกับระเบิดปรมณูสองลูกมาปะทะกันอย่างบอกไม่ถูก
“ผู้เล่นทุกคนโปรดทราบ ขณะนี้เรดบอสตัวสุดท้าย ผู้เผาผลาญชีวิต นากิซัส ถูกกำจัดแล้ว ดังนั้นกิจกรรมพิเศษจึงจบลงอย่างสมบูรณ์ เกมคัลเลอร์แคลชจะขอทำการปิดให้บริการในอีกสามสิบนาทีต่อไปนี้ ขอบคุณผู้เล่นทุกท่านที่สนับสนุนเรามาจนถึงวันสุดท้ายค่ะ”
“เฮ้อ—“ อรุณพ่นลมหายใจแล้วถอดเฮดโฟนออกด้วยความรู้สึกเหมือนใจหาย เขาทำเป็นไม่สนใจเสียงโห่ร้องดีใจของสมาชิกในทีมที่วิ่งไปเก็บไอเทมหายากมากมายที่ร่วงหล่นลงมาเป็นรางวัล
ในเกมนี้ถ้าผู้เล่นอยู่ในทีมเดียวกันก็จะไม่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายได้ด้วยวิธีการปกติ ดังนั้น การระเบิดตัวเองของเขาจึงเป็นการต้านแรงแระเบิดของบอสมังกรเอาไว้และช่วยชีวิตตัวละครของเพื่อนในทีมเอาไว้ทั้งหมด ตรงกันข้ามกับผู้เล่นคนอื่นๆที่ถูกบอสส่งกลับจุดเซฟในวินาทีสุดท้ายกันถ้วนหน้า
แม้เพื่อนในเกมของอรุณจะบังคับตัวละครให้ทำท่ากระโดดโลดเต้นไปรอบๆตัวละครของเขาที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ก็ตาม แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรกลับไป วินาทีนี้เขาไม่อาจทำใจแม้แต่จะพิมพ์ข้อความเป็นการบอกลาได้
ชายหนุ่มปิดคอมพิวเตอร์แล้วตรงดิ่งไปที่เตียงนอนของตัวเองทันที
“อรุณ นอนได้แล้วลูก พรุ่งนี้ต้องไปเรียนวันแรกไม่ใช่เหรอ”
เสียงของแม่ที่ดังมาจากอีกฟากของประตูทำให้เขารู้สึกรำคาญเล็กน้อย ชายหนุ่มตอบเธอกลับไปแล้วพยายามข่มตานอนให้หลับ พัดลมเพดานที่พัดเอื่อยๆเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ก่อให้เกิดเสียงในห้องอันเงียบสงัด
จากนี้เขากำลังจะกลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว ต้องพบเจอกับเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ต้องทำกิจกรรมของคณะ อาจจะเข้าชมรมแล้วไปทำค่ายที่ต่างจังหวัดสักค่ายหนึ่ง ไม่แน่อาจถึงขั้นมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาสักที
เพื่อจะก้าวต่อไป เขาจำต้องลืมและปล่อยวางสิ่งเก่าๆไปให้ได้ แม้จะผูกพันกับมันแค่ไหนก็ตาม
“ล่าก่อน คัลเลอร์แคลช”อรุณพึมพำออกมาก่อนจะผลอยหลับไปในความมืด
ความคิดเห็น