คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ep7 - รางวัลจากห้วงลึก
“ระวังตัวนะคะพี่อรุณ เวลาไม่มีหนูอยู่ใกล้ๆแล้วเกิดโดนโจมตีขึ้นมาล่ะก็...เราคงไปเจอกันอีกทีที่เมืองไหนสักเมืองแล้วล่ะค่ะ”
“อย่าพูดเป็นลางร้ายแบบนั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสิ” อรุณมองไอริสอย่างอ่อนใจ แม้ในสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้เด็กสาวก็ยังคงมีรอยยิ้มให้เขา “ไอริสนั่นแหละระวังตัวให้ดี อยู่ในลานบอสเสี่ยงตายมากกว่าพี่อีกไม่ใช่เหรอ”
ไอริสก้มหน้าเศร้า แต่ก็ยังฝืนยิ้มต่อไป “ก็แค่พยายามมองโลกในแง่ดีค่ะ แค่นั้นเอง”
“ไม่เอาน่า บันทึกพี่อรุณเป็นเพื่อนไปแล้วนี่ ถึงโดนส่งไปเกิดใหม่ แต่แค่โทรไปนิดเดียวก็ติดต่อกันได้แล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่ซัน เกมนี้มันใหญ่มากเลยนะ ติดต่อกันได้แต่ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไม่ใช่เหรอ”
“ก็ถูกอยู่...เราเล่นเกมนี้มาก็นานแล้ว แต่ยังสำรวจแผนที่ได้แค่สิบเปอร์เซ็นต์เอง”
“ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันใหญ่ขนาดไหน!” อรุณแทรกเด็กทั้งสองซึ่งแสดงความหดหู่ในน้ำเสียงอย่างชัดเจน เขาจะปล่อยให้สภาพจิตใจของไอริส กับ ซัน เป็นเช่นนี้ไม่ได้โดยเฉพาะช่วงสำคัญอย่างเจอกับบอสสามสี ยิ่งตอนนี้คัลเลอร์แคลชกลายเป็นโลกเสมือนจริงไปแล้ว ถ้ายังรู้สึกกังวลอยู่ก็คงไม่มีทางรอดไปจากกองโจรลูสเซอร์หรอก
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมารู้สึกกังวลนะ อนาคตเป็นยังไงก็ช่างมันสิ ตอนนี้หน้าที่ของพวกเธอคือทำตามที่พี่บอกไว้ ถ้ายังมีเวลาพะวงเรื่องพี่จะตายอยู่ล่ะก็ สู้กลัวเรื่องตัวเองจะโดนบอสสามสีจัดการไม่ดีกว่าเหรอ”
เด็กทั้งสองได้ยินอรุณดังนั้นก็นิ่งอึ้งไปเหมือนคิดอะไรได้ ไอริสตบหน้าตัวเองเบาๆแล้วชักดาบออกจากฝักพร้อมเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “จริงด้วยค่ะ เหมือนตอนทำข้อสอบ ถ้ามัวแต่กังวลเรื่องว่าจะสอบตก สู้เอาเวลากังวลมาอ่านหนังสือยังดีซะกว่า”
“พยายามตอนนี้ให้ดีที่สุดสินะครับ” ซันเรียกเครื่องดนตรีออกมาบ้างเพื่อแก้เขิน “งั้นพี่อรุณไม่ต้องเป็นห่วง...ผมจะดูแลไอริสเอง”
“มันต้องอย่างนี้สิ” อรุณตบไหล่เด็กหนุ่มอย่างพอใจแล้วชักดาบโล่ของตัวเองบ้าง เป็นสัญญาณว่าเขาก็เตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน ชายหนุ่มกลับหลังหันแล้วเดินนำสมาชิกปาร์ตี้ทั้งสองคนไปยังพื้นที่หน้าลานบอสทันที กลุ่มโจรทั้งหลายรออยู่แล้วและหันมามองพวกเขาเป้นตาเดียว
วิลเลี่ยนโวยวายขึ้นคนแรก “วู้ว! วู้ว! อาลัยอาวรณ์กันเสร็จแล้วหรือหนูๆ แอบไปซุบซิบกันสามคนตั้งนานแบบนี้ วางแผนการอะไรอยู่เหรอไง”
“ก็แค่นัดแนะตำแหน่งยืนที่ปลอดภัยน่ะครับ พวกคุณเถอะ ปรับรูปขบวนตามที่ผมบอกแล้วหรือยัง”
“ถึงจะลำบากซะหน่อยที่เราไม่มีตัวแทงค์ แต่ก็หาตัวแทนมาพอถูไถเรียบร้อย ไม่อยากชมหรอกนะน้องชาย สมแล้วที่เป็นผู้เล่นมีประสบการณ์จริงๆ ตอนพวกเราออกปล้น ได้เห็นพวกผู้เล่นจัดขบวนมาก็เยอะแล้ว แต่พวกพี่เพิ่งเคยเห็นอะไรสุดยอดแบบนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ”
อรุณแกล้งพยักหน้ารับคำชมแล้วออกเดินนำคนทั้งหมดไปยังตำแหน่งของตัวเอง ‘ก็นี่มันขบวนที่ใช้สู้Raid โซนระดับกลางๆแบบนี้ไม่มีใครเขาใช้เป็นหรอก’
‘แต่บอสนี่มันเป็นดันมีสามสีซะได้ ถ้าให้เปรียบระหว่างบอสสองสีกับสามสีด้วยทหาร ก็คงเหมือนเอาทหารเกณฑ์ไปเทียบกับนาวิกโยธินนั่นแหละ จะใช้แบบธรรมดาพวกมันก็คงสงสัยเรา ขอให้ผู้สร้างเกมอย่าเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีของสีขาว-ฟ้า-เขียว เลยเถอะ’
หลังการภาวนาในใจของอรุณจบลง วิลเลี่ยนก็ตะโกนปลุกใจแล้วพาลูกน้องตัวเองกระโจนลงไปในลานบอสทันที ทันใดนั้นผลึกไร้สีตามผนังก็เริ่มเคลื่อนไหว
เปรี๊ยะ!!
อรุณซึ่งยืนอยู่เหนือคนอื่นที่ขอบลานซึ่งสูงขึ้นมาเกือบสิบเมตร เห็นความเคลื่อนไหวทั้งหมดชัดเจนกว่าใคร ผลึกไร้สีซึ่งผังตัวอยู่บนผนังหินทั้งหกด้านพากันตกผลึกใหม่ออกมาจากก้อนแม้อย่างน่าอัศจรรย์โดยคืบคลานยาวไปจนถึงเสาทั้งหกซึ่งค้ำยันผนังและเพดานเอาไว้ ในไม่ช้าเสาหินเหล่านั้นก็แปรสภาพเป็นคล้ายเสาแก้วคริสตัล ที่พร้อมใจกันเปล่งแสงสีขาวไปยังบัลลังก็หนึ่งเดียวที่ขวางคนทั้งหมดกับห้องสมบัติเอาไว้
ซากแห้งๆของบอสเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกับร้องเสียงแหลมโหยหวน อึดใจนั้นก็มีวิญญาณของนักรบสวมมงกุฎที่สูงใหญ่เท่าบ้านสองชั้นลอยขึ้นมาต้อนรับทุกคน
[พบมอนสเตอร์ระดับบอส บราโก้ ราชาวิญญาณผู้พิทักษ์ ระดับ55 ]
‘มันมาแล้ว’ อรุณรำพึงและเฝ้ารอ ถ้าเขาเริ่มตอนนี้บอสจะหันมาโจมตีเขาคนแรก
ราชันวิญญาณเปล่งเสียงทรงอำนาจพร้อมกระแทกดาบลงกับพื้น “พวกเจ้าต้องการอะไร ถ้าคิดจะมาเปิดผนึกข้าก็ขอให้ลองคิดใหม่!”
วิลเลี่ยนตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรงทันที “จะมาโค่นแกแล้วเอาสมบัติไงเล่า คราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนๆ เราจัดทัพแบบพิเศษขึ้นมาเพื่อกระทืบหน้าย่นๆของแกโดยเฉพาะเลยว่ะ”
“สมบัติหรือ? น่าขันนักเจ้าพวกโง่ ไม่มีสมบัติใดทั้งนั้นแหละ และต่อให้มีข้าก็ไม่ให้ด้วย” บอสแสดงสีหน้าดูถูกผู้เล่นได้อย่างสมจริงแล้วง้างดาบขึ้นมา “เพราะหน้าที่ของข้าคือพิทักษ์ไม่ให้ใครมาปลดผนึกผู้รุกราน”
“ตัวแทงค์!!!” อรุณตวาดลั่น แต่เหล่าโจรที่ขาดประสบการณ์ตอบสนองช้าเกินไป ดาบแรกของบอสตวัดลงมาด้วยความเร็วสูงแล้วส่งโจรในรัศมีนอนแน่นิ่งกับพื้นทันที
“เตือนให้มันเร็วกว่านี้สิวะ!” วิลเลี่ยนโวยอรุณแล้วรีบใช้ทักษะของเขาในเวลาเดียวกับที่บอสเหาะขึ้นไปจนสุดเพดาน ตอนนี้โจรทุกคนทีไม่อยากเป็นศพต่อไปพากันแตกฮือเข้าไปในขบวนซึ่งชายหนุ่มวางแผนเอาไว้
“ทริล ออฟ แบทเทิลฟิลด์! (Thrill of battlefield)”
ความเร็วในการเคลื่อนที่และโจมตีเพิ่มขึ้นทีละนิดระหว่างต่อสู้ ด้วยทักษะของวอร์ลอร์ดจึงทำให้เหล่าขุนโจรรวมตัวกันได้ในเวลาอันสั้นเป็น6กลุ่มย่อย สี่กลุ่มแรกอันประกอบด้วยนักสู้เคลื่อนที่เร็วจะคอยสลับกันเข้ามาโจมตีเพื่อล่อบอสไปรอบๆโดยการนำของตัวแทงค์หรือคนที่พอจะหามาแทนได้ซึ่งมีทักษะยั่วยุให้บอสมาโจมตีตัวเอง
แทงค์ของกลุ่มแรกสุดซึ่งถือทวนอันใหญ่ก้าวออกมาทำตามหน้าที่ของตัวเอง มันฟาดอาวุธกับพื้นหนึ่งครั้งพร้อมแผ่ลำแสงออกมาใส่บราโก้ที่กำลังลอยตัวชาร์จพลังอยู่เหนือหัว
‘ดึงความสนใจได้แล้ว ต่อไปก็ทำลายผลึก’ ความคิดแล่นเข้ามาในหัวของอรุณทันทีที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่ระหว่างเขาออกวิ่งก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าบราโก้พุ่งข้ามหัวตัวแทงค์ไปอย่างเหนือความคาดหมาย
‘สกิลหมู่ของบอส ไม่สนการยั่วยุด้วย!’
“คุกเข่าให้ข้าซะ!” บราโก้คำรามแล้วเสียบดาบลงกลางวงล้อมของกลุ่มแนวหน้าทั้งสี่ แสงสีขาวและฟ้าระเบิดออกมาตอนนั้นและกลืนร่างของโจรครึ่งหนึ่งเข้าไป
เฮ้ย! ขยับตัวไม่ได้!! เมื่อกี้มันอะไรวะ! แทงค์ภาษาอะไรเนี่ยไม่ได้เรื่องเลย!
เมื่อแสงเลือนไปเหล่าโจรก็พากันร้องเอะอะ ร่างกายแต่ละคนเหมือนโดนตรึงเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ อรุณกลืนน้ำลายแล้วเร่งฝีเท้าไปยังผลึกหินไร้สีที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรพร้อมเหลือบดูโจรด้านล่างเป็นระยะ พวกมันโดนทักษะที่เป็นจุดเด่นของสีฟ้า-ขาวเล่นงานแล้ว “ป้องกันไม่ให้ศัตรูเคลื่อนไหวหรือต่อสู้”
เวลาเดียวกับที่ดาบของราชาผู้พิทักษ์ฟาดฟันโจรไร้ทางสู้ล้มตายไปทีละคน วิลเลี่ยนที่ประจำอยู่กลุ่มห้าหรือหน่วยบัญชาการและกลยุทธ์ซึ่งอยู่ห่างจากบอสไปไกลพอตัวก็ตะโกนสั่งไปยังแนวหลังสุดของการต่อสู้เพื่อขอการสนับสนุน
“ล่อมันไว้แทนพวกแนวหน้า กลุ่มหกสนับสนุนด่วน!”
เมื่อหัวหน้าแหกปากน้ำลายกระเด็นเช่นนั้น กลุ่มหกซึ่งประกอบด้วยไอริสและซันกับโจรที่เล่นคลาสผู้ใช้สีจำนวนหนึ่งก็ใช้ทักษะระยะไกลของพวกเขาโจมตีใส่บราโก้ทันที หนึ่งในนั้นคือชายหนวดจิ๋มที่แบกอรุณมายังค่ายโจรในตอนแรกที่ยิงสายฟ้าออกมาจากค้อน
คลาสที่เขาเล่นนั้นเป็นสายจอมเวท ซึ่งเน้นสร้างความเสียหายโดยตรงต่างจากนักบวชและนักกวี เมื่อรวมกับทักษะของซันซึ่งเล่นเพลงสนับสนุนอยู่ข้างๆ เลขความเสียหายหลักร้อยก็ทะลักออกมาจากตัวของราชันวิญญาณไม่ต่างกับน้ำพุ
การสร้างความเสียหายอย่างมากโดยที่ปราศจากแทงค์เป็นการยั่วยุชั้นดี บอสเลิกสนใจเหล่าโจรไร้ทางสู้ใต้เท้ามันชั่วคราวแล้วเหาะเข้าใส่แนวหลังตรงสุดขอบทันที
“ไม่ยอมให้ทำร้ายพวกเด็กๆหรอกน่า!” อรุณตะโกนเรียกพลังและใช้ดาบเกรดหนึ่งของเขาแทงใส่ผลึกก้อนแรกตรงหน้าทันที ‘แตกเป็นชิ้นเล็กๆเหมือนแก้วไม่มีผิด’
เพล้ง!
ราชาวิญญาณหยุดเคลื่อนไหวกลางคันแล้วร้องโหยหวนออกมา “พวกเจ้าทำลายผลึก พวกเจาทำลายผนึก! ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาปล่อยผู้รุกรานออกไปทั้งนั้น!!”
“มันกำลังเพ้อ ใช้โอกาสนี้รุมกระทืบเลยพี่น้อง”
‘พูดอย่างกับตัวประกอบอ่อนๆในหนัง’ ชายหนุ่มวิจารณ์เล็กน้อยและก้าวกระโดดไปถึงก้อนผลึกต่อไปให้เร็วที่สุด ตอนนี้พวกแนวหน้ากลับมาขยับตัวได้อีกครั้งแล้ว และผลัดกันเข้าไปดึงความสนใจบราโก้พร้อมโจมตีมันอย่างไม่ขาดสาย แม้พลังของบอสจะลดลงเรื่อยๆ แต่ถ้ายังช้าอยู่ราชันวิญญาณอาจจะใช้ทักษะโจมตีหมู่ที่เขารอคอยช้าลงก็ได้
เมื่ออรุณทำลายผลึกก้อนที่สามได้สำเร็จ เขาก็เร่งพวกโจรบ้าง “ทำความเสียหายให้ถึงหลักพันซะทีครับ! ตัวแทงค์เริ่มเจ็บหนักแล้วนะ”
“ลองมาสู้เองสิโว้ย แล้วจะรู้ว่ามันถึกแค่ไหน” ท่ามกลางเสียงครึกโครมวิลเลี่ยนตะคอกกลับมา “รีบไปตีผลึกให้แตกรัวๆเลยนะ อย่าให้มันขยับตัวได้”
“ถ้าแตกหมดแล้วมันอาจจะใช้ท่าไม้ตายครับ!”
อรุณโกหกหน้าตายแล้ววิ่งอ้อมไปยังผลึกก้อนถัดไป แม้ทางที่เขาต้องวิ่งอ้อมไปทั้งหมดเพื่อทำลายพวกมันตามผนังนั้นจะมีระยะไม่ต่างกับเส้นรอบสนามฟุตบอล แต่ด้วยการเสริมพลังจากทักษะของวิลเลี่ยน ที่จริงแค่ชั่วธูปเขาก็สามารถทำหน้าที่ของตัวเองสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็นเลย แต่ทำไป เขาจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ พวกโจรจะได้รางวัลแล้วก็เขี่ยเขาทิ้งทันทีที่หมดประโยชน์น่ะสิ
ดังนั้นก็ต้องพาพวกมันไปตายให้มากที่สุดซะก่อน
“ตัวแทงค์หมดท่าแล้ว” เสียงร้องอย่างแตกตื่นดังขึ้นพร้อมกับโจรในชุดเกราะหนักที่ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในครั้งเดียว
“ไอ้สันขวาน! ขยับไม่ได้อีกแล้วเหรอ” พวกที่โดนบราโก้ใช้สกิลหมู่จนขยับไม่ได้โวยขึ้นมาติดๆ ไม่ช้ารูปขบวนที่วางไว้ก็พังเพราะแนวหน้าโดนดาบของบอสพัดปลิวไปคนละทิศคนละทาง
หัวหน้าโจรโวยวายอย่างร้อนรนไม่แพ้คนอื่นๆ “นักบวชกับกวีทำอะไรอยู่ เรียบเพิ่มพลังชีวิตเร็วเข้าเซ่!”
‘ฮีลยังไงก็ไม่ทันหรอก’ อรุณหัวเราะในลำคอแล้วทำลายผลึกก้อนที่สี่ทิ้ง ซึ่งยิ่งทำให้บอสอาวะวาดหนักกว่าเดิมขึ้นไปอีก
ตามรูปขบวนที่เขาวางไว้มีการสลับตำแหน่งของคนรับความเสียหายและคนเข้าตีอย่างดีก็จริง กลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บก็จะวนออกมารักษาที่แนวหลังแล้วให้กลุ่มต่อไปเข้าชนแทน น่าเสียดายที่มันไม่มีทางใช้กับกองโจรลูสเซอร์ที่มีแค่ไอริสกับซันคอยช่วยเหลือแค่สองคนได้อยู่แล้ว
อย่างแรกคือไอริสกับซันอยู่คลาสหนึ่งทั้งคู่ นักบวชคลาสหนึ่งไม่สามารถรักษาระยะไกลได้ และนักกวีคลาสหนึ่งก็มีรัศมีของทักษะสิบเมตรเป็นอย่างมาก เมื่ออยู่ในสนามต่อสู้ที่กว้างใหญ่ขนาดนี้กว่าจะวิ่งมารับการฮีลได้ โจรแต่ละกลุ่มก็ถึงคิวตัวเองไปรับหน้าบอสอีกรอบแล้ว
อย่างที่สองคือสีของไอริส สีเหลืองเป็นสีที่ดีเมื่ออยู่รวมกันเป็นทีมขนาดใหญ่ แต่ไอริสไม่ได้ร่วมปาร์ตี้กับกองโจรลูสเซอร์ เมื่อรวมกับข้อด้อยที่ค่าสถานะของสีเหลืองนั้นห่วยแตก ทำให้เด็กสาวไม่สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นเงาตามตัว
‘อย่างที่สามคือมีตัวแทงค์น้อยเองตั้งแต่แรก เรื่องนี้ไปโทษกันเองแล้วกัน’
“พวกเจ้าจะต้องชดใช้! พวกเจ้าจะต้องชดใช้!! ในที่สุดบราโก้ก็ทำท่าจะใช้ท่าไม้ตายตามที่อรุณต้องการเมื่อเขาทำลายผลึกก้อนที่ห้าได้สำเร็จ ราชาวิญญาณกรีดร้องโหยหวนแล้วชาร์จพลังลงไปในดาบจนขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า อรุณมองดูสีขาว ฟ้า และเขียว ของมันอย่างพอใจแล้วทำการติดต่อสมาชิกปาร์ตี้ตัวเองทันที
กรอบโปร่งใสที่ลอยขึ้นมาแสดงให้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือก “ไอริส! ซัน! หมอบลง” อรุณส่งคำเตือนถึงแค่นั้นแล้วราชาวิญญาณก็เคลื่อนย้ายมาอยู่ที่แนวหลังของกลุ่มวิลเลี่ยนทันที
แค่พริบตาเดียวดาบลำแสงก็กวาดทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีหลายร้อยเมตรหายไปไม่เหลือแม้แต่ซาก
“สีขาว ฟ้า เขียว ทั้งพลังชีวิต พลังป้องกัน และความสามารถในการควบคุมศัตรู รวมกันได้น่ากลัวจริงๆ” ที่ด้านนอกของลานบอส อรุณชื่นชมการแสดงสุดตระการตาเมื่อครู่ขณะยืนพิงก้อนผลึกไร้สีก้อนสุดท้ายเอาไว้ ถ้าให้เขาเดา ลำแสงเมื่อกี้นอกจากจะแรงจนสามารถโอเวอร์คิลโจรเกือบครึ่งร้อยในทีเดียวแล้ว ยังเพิ่มพลังชีวิตและพลังป้องกันให้มันตามความความเสียหายที่ทำได้อีกด้วย
โหดเป็นน้องๆ Raid เลยนะเนี่ย
“เจ้า~ เจ้าเองสินะ หนูสกปรกที่แอบทำลายผนึกของข้า” บราโก้ทำให้อรุณสะดุ้งด้วยการเหาะมาประชิดเขาอย่างรวดเร็ว ‘ซวยแล้ว!’ ชายหนุ่มใจหายใจคว่ำแล้วเตรียมใช้รูนดำเพื่อเอาตัวรอด
แต่ปรากฏว่าราชาวิญญาณไม่สามารถโจมตีผู้เล่นที่อยู่นอกอาณาเขตของมันได้ มันจึงเลือกเจรจาแทน
“ข้าขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีสมบัติใดๆทั้งนั้น ถ้าเจ้าทำลายผนึกแล้วปลดปล่อยผู้รุกรานออกมา โลกแห่งสีสันจะต้องถึงการอวสาน”
‘เนื้อเรื่องใหม่ของเกมงั้นเหรอ’ อรุณพิจารณาอยู่ครู่สั้นๆ ‘โจรก็ตายหมดแล้ว เราปล่อยบอสไว้แล้วขึ้นลิฟท์หนีไปเลยก็โอเคอยู่ แต่เสียดายเหมือนกันที่บุกมาถึงดันเจียนลับแล้วทั้งที ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปก็...’
“รู้ไหมว่าสมัยที่ยังเป็นเกม ทำไมคนอื่นถึงให้ฉายาผมว่าจ้าวพิภพ ก็เพราะเคลียร์มาแล้วทุกโซนไง” อรุณเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่ไม่ได้ทำมานานตั้งแต่เลิกเล่นไป แล้วทุบผลึกก้อนสุดท้ายแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที ราชันวิญญาณกรีดร้องร้องโหยหวนเสียงดังยิ่งกว่าครั้งใดๆแล้วแตกสลายไปในอากาศธาตุทันที เหลือเอาไว้เพียงซากแห้งๆไร้พิษสงบนบัลลังก์ กับของดรอปมากมายที่อรุณกระโดดลงไปเก็บได้ตามใจชอบ ‘ไหนว่าไม่มีสมบัติ ของแรร์หล่นเต็มเลยเนี่ย’
อรุณที่เลื่อนเป็นระดับยี่สิบ เปิดจอสนทนาของปาร์ตี้ขึ้นมาอีกครั้ง “น้องสองคนเลิกซ่อนตัวได้แล้วครับ พวกโจรโดนฆ่าหมดแล้ว”
พี่ชาย~~
“มะ มีอะไรเหรอไอริส ทำไมต้องกอดด้วยล่ะ!” ชายหนุ่มเสียงสั่นเมื่อเด็กสาวที่ซ่อนอยู่หลังเศษหินจากการทำลายล้างวิ่งเข้ามาสวมกอดเขาอย่างกะทันหัน ซันที่ตามหลังมาติดๆยังไม่ดีใจออกนอกหน้าขนาดนี้เลย
เด็กหนุ่มเป็นคนตอบคำถามให้เขา “ก็แค่ปลื้มมากเกินพอดีน่ะพี่ เดี๋ยวก็หายเห่อเองแหละ ”
“ปลื้มมากเกินแล้วไงล่ะ ก็พี่ชายเท่ซะขนาดนี้! ฝันไว้ตั้งนานแล้วว่าอยากได้พี่ชายสักคนที่ทั้งเก่งแล้วก็พึ่งพาได้มาคอยปกป้อง ตอนนี้หนูตัดสินใจได้แล้ว พี่อรุณช่วยมาเป็นพี่ชายให้หนูด้วยได้ไหมคะ?”
ชายหนุ่มที่ยังตั้งตัวไม่ค่อยถูกค่อยๆแกะตัวเด็กสาวออก ให้สู้กับไฮดราตัวต่อตัวยังไม่หนักใจเท่าตอนนี้เลย “เอ่อ..ถ้าไอริสอยากขนาดนั้นจะเป็นให้ก็ได้...มั้งนะ”
“รับปากแล้วนะคะ! งั้นจากนี้ต้องเรียกหนูว่า น้องไอริส ด้วย ลองเรียกดูสิคะ เรียกให้หนูฟังหน่อย”
“น้อง...ไอริส รีบเก็บสมบัติแล้วออกไปจากที่นี่เถอะครับ ปกติหลังจัดการบอสได้มันจะมีทางออกลับอยู่ตรงปลายทาง เราคงไม่อยากกลับไป แล้วเจอโจรล้อมไว้เหมือนเดิมหรอกเนอะ”
“ค่ะ พี่ชาย~♥”
“บ้าผู้ชายไปไหน” ซันแขวะเพื่อนตัวเอง จุดชนวนก่อสงครามย่อมๆระหว่างเขากับไอริสขึ้นมาจนอรุณต้องปวดหัวอีกครั้ง
หลังการประชันฝีปากและแบ่งปันของดรอปสิ้นสุดลง อรุณที่เลือกเก็บเฉพาะเงินและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเอาชีวิตรอดเช่นชุดเกราะครึ่งตัวระดับสามดาว,น้ำยาเพิ่มพลัง และรูนสีขาว ฟ้า กับเขียวไม่กี่ก้อน ได้นำเด็กทั้งสองมายืนเคียงข้างอยู่เบื้องหน้าผนังขนาดใหญ่เบื้อหลังบัลลังก์ที่ปรากฏสิ่งที่เหมือนประตูมิติออกมาให้พวกเขาหนีออกไป
“ข้อมูลมันบอกว่า ต้องเป็นผู้เล่นที่ไม่มีสีเท่านั้นถึงจะเปิดได้ครับ” ซันรายงานหลังลองเอามือเข้าไปแตะหลายรอบแต่ก็ไร้ผล
“งั้นพี่ชายคะ จัดการได้เลย”
ไม่ต้องให้รบเร้าอรุณก็พร้อมลงมืออยู่แล้ว “เอาล่ะนะ” ชายหนุ่มก้าวเข้าไปสัมผัสประตูมิติพร้อมกับเสียงของระบบที่ดังเตือนขึ้นมาลั่นห้องโถงว่า
[การปลดปล่อยผู้รุกราน จะนำโลกของคัลเลอร์แคลชเข้าสู่ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง สีทั้งหลายจะกลับมาปะทะ หลอมรวม และแหลกสลายอีกครั้งจนหมดสิ้น ผู้เล่นอรุณแน่ใจหรือไม่ที่จะดำเนินการต่อ]
“แล้วแต่เลยละกัน ขอออกจากที่นี่ก็พอ”
[ตามที่ผู้เล่นต้องการค่ะ]
ในพริบตาที่ระบบตอบโต้เช่นนั้น คนทั้งสามก็ถูกพลังงานมหาศาลดูดเขาไปในอุโมงค์มิตินั้นทันที เขารู้สึกเหมือนไม่มีแรงโน้มถ่วง ไม่รู้ทิศทาง เพียงว่าร่างกายลอยละล่องไปในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่กับเด็กทั้งสองเท่านั้น
ก่อนจะถึงทางออกของอุโมงค์ ไอริสก็กรีดร้องออกมา เมื่ออรุณหันไปดูมือยักษ์ใหญ่ที่มองไม่เห็นแต่มั่นใจว่ามีอยู่จากรอยบิดเบี้ยวในอวกาศพุ่งตรงเข้ามาทางตัวเขาแล้วหลมอรวมเป็นหนึ่งเดียวกับชายหนุ่มทันที เสียงของระบบดังขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเขาไม่อาจจะทำอะไรได้
[ผู้เล่นอรุณทำการปลดปล่อย เดอะ เพล เอมเพอเรอร์ เกมคัลเลอร์แคลชจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนเข้าสู่แพทช์ที่สอง ผู้รุกรานไร้สี นับจากนี้ไป]
[ผู้เล่นอรุณผ่านเงื่อนไขพิเศษในการปลดปล่อย เดอะ เพล เอมเพอเรอร์ ดังนั้นจะได้รับการยกเว้นจากผู้รุกรานค่ะ]
[เดอะ เพล เอมเพอเรอร์ ให้รางวัลผู้เล่นอรุณ เปลี่ยนคลาสเป็น อินเฟ็คเตอร์ ค่ะ]
[เดอะ เพล เอมเพอเรอร์ ให้รางวัลผู้เล่นอรุณ ระดับสีเลื่อนเป็น ระดับหนึ่ง ค่ะ]
พลั่ก! โอ้ยยย
ประตูมิติดีดพวกเขาออกมารุนแรงกว่าที่ควรทำให้คนทั้งสามกระหล่นลงกระแทกพื้นอย่างจังจนพลังชีวิตลดไปเล็กน้อย อรุณที่ดวงซวยกว่าเพื่อนเพราะหัวไปชนเข้ากับร่องหินค่อยๆลุกขึ้นมายืนอีกครั้งอย่างมึนๆ เขาพบว่าตัวเองยืนอยู่ตรงหน้าหลุมขนาดใหญ่ยักษ์ที่เหมือนโดนอะไรทะลวงออกมาสักอย่าง
‘เรื่องที่ทางไว้ทีหลัง ไอ้ที่บอกว่าเปลี่ยนเป็นคลาสชื่อแปลกๆนั่นมันอะไรกันวะ’
ดูเหมือนไอริสกับซันก็สงสัยในสิ่งที่ได้ยินเช่นกันจึงถามเรื่องเขาเป็นอย่างแรก อรุณไม่รอช้าและตื่นตะลึงกับค่าสถานะแปลกประหลาดของตัวเอง
ชื่อ: อรุณ สี: ไร้สี คลาส: Infector
ระดับนักผจญภัย: 20
ระดับสี: 1
สังกัด: ผู้รุกราน |
ค่าสถานะ
พลังชีวิต:400(90%) พลังเวท: 0(100%)
พลังโจมตี: 30 ป้องกันโจมตี: 30
พลังสี: 0 ป้องกันเวท: 30
ความเร็ว: 30 โชคลาภ: 20
|
“ทะ ทำไมระดับสีของพี่ชายเป็นหนึ่งแล้ว แต่ยังบอกว่าไร้สีอยู่เลยล่ะคะ สังกัดนั่นอีก พี่ชายไม่ได้ไปเข้ากิลด์ที่ชื่อ ผู้รุกราน ซะหน่อย” ไอริสเกาศีรษะอย่างแรง
“คลาสนั่นมันอะไรเหรอครับพี่อรุณ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย Infector(ผู้ติดเชื้อ)เนี่ยนะ” ซันเองก็ตั้งข้อสังเกตด้วยความสงสัย
ส่วนอรุณกุมหัวเหมือนปวดไมเกรน ใบหน้าซีดเผือกเหมือนวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว
พลังสีเหลือศูนย์ยังไม่เท่าไหร่ ให้รางวัลทั้งทีทำไมต้องให้ คลาสพิเศษ เป็นรางวัลกับเขาด้วย
ความคิดเห็น