คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ep6 - ห้วงลึกแห่งซิลิวาน
ดันเจี้ยน(Dungeon) คือพื้นที่พิเศษซึ่งมักซ่อนอยู่ตามโซนต่างๆอย่างน้อยโซนละหนึ่งถึงสองแห่ง ภายในดันเจียนจะมีลักษณะเป็นทางวงกตหรือไม่ก็โถงขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน อันประกอบด้วยภัยอันตรายมากมายคอยต้อนรับผู้มาเยือน ถึงอย่างไรรูปแบบมันก็ไม่ได้ตายตัว เช่นดันเจียน “ห้วงลึกแห่งซิลิวาน” ที่อยู่เบื้องหน้าอรุณเป็นต้น มันมีสภาพเป็นห้องโถงวงกลมใหญ่ๆห้องเดียว ซึ่งกว้างพอให้คนของกองโจรหลายสิบคนยืนอยู่ได้โดยไม่อึดอัด
ไม่สิ มันใหญ่มากขนาดเอากองโจรลูสเซอร์มายัดอีกสักสองสามกิลด์ ก็ยังไหว
“โห~” ไอริสอ้าปากหวอแหงนมองเพดาน เด็กสาวเขย่าเพื่อนให้เห็นความอลังการอย่างที่เธอเห็น “ดูสิซัน มีรูปภาพเขียนอยู่ข้างบนนั้นด้วยแหละ คนที่สร้างนี่คงเก่งน่าดูเลย เนอะ”
“นั่นดิ ในชีวิตจริงเราคงไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้หรอก” เด็กหนุ่มตอบเสียงค่อยเนื่องด้วยความกังวล มีโจรติดอาวุธยืนล้อมอยู่เป็นสิบอย่างนี้ให้ผ่อนคลายคงไม่ไหว เขาหันกลับมาก็พบอรุณยืนกวาดสายตาอยู่เงียบๆ
ซันลดเสียงแล้วกระซิบกับไอริส “พี่เขาใจเย็นเนอะ โดนล้อมอยู่แท้ๆ”
“พี่อรุณน่ะเหรอ” เด็กสาวตอบเสียงปลื้ม “เพราะเขาไม่ได้ใจเสาะแบบบางคนน่ะสิ ขนาดระดับแค่หนึ่งยังประจันหน้ากับพวกโจรได้โดยไม่กลัว ซันเป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่เท่ไม่ถึงครึ่งของพี่เขาสักนิด”
“กะ ก็เราเป็นหน่วยสนับสนุนนี่ จะให้สู้ตรงๆคงไม่ไหวหรอก”
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย”
‘สถานการณ์กดดันแบบนี้แต่ยังยิ้มกันได้ เป็นเด็กที่ร่าเริงจริงๆ’ อรุณดูไอริสกับซันด้วยความชื่นชมอยู่ลึกๆ ตั้งแต่เข้ามาถึงห้องโถงแห่งนี้เปลวไฟสีขาวก็ลุกโชติช่วงออกมาจากผนังโดยอัตโนมัติเหมือนรู้การมาของพวกเขา โดมใต้ดินขนาดใหญ่ส่องสว่างขึ้นและเผยให้เห็นสมาชิกโจรทั้งหมด ซึ่งอรุณไม่ยอมเสียเวลาแม้สักวินาทีเดียวเพื่อไล่มองดูพวกมันแต่ละคน
‘เล่นแต่ตำแหน่งสร้างความเสียหาย ถึงส่วนใหญ่จะถืออาวุธสองมือหรือโล่แต่ก็ไม่ได้เป็นแทงค์ สมกับเป็นเซิฟเวอร์ไทยจริงๆ แต่ก่อนแบบไหนตอนนี้ก็แบบนั้น แถมยังไม่ค่อยมีหน่วยโจมตีไกลอีก อย่างเช่นวิลเลี่ยน ใส่เกราะกับดาบใหญ่แต่ดันเล่นคลาสบัญชาการอย่าง warlord’
ชายหนุ่มมองหัวหน้าของเหล่าโจรอย่างขัดใจ เขารู้จักคลาสที่อีกฝ่ายเล่นดีเพราะเป็นคลาสเดียวกับที่วาวเลือกใช้เมื่อสมัยก่อน ไม่รู้ว่าวิลเลี่ยนจะมีความสามารถขนาดไหน แต่ถ้ามันสามารถดึงความสามารถของวอร์ลอร์ดออกมาได้อย่างเต็มที่ โอกาสในการหลบหนีของเขาจะก็ยิ่งน้อยลงไปอีก
‘ยิ่งดันเจี้ยนนี้มีสามสีซะด้วย...อย่าว่าแต่หนีเลย แค่เอาตัวรอดไปเจอบอสเราอาจจะไม่ไหวด้วยซ้ำ’
วิลเลี่ยนสังเกตว่าถูกอรุณจ้องมองจึงตะโกนถามกลับมา “เหม่ออะไรของแกอยู่น้องชาย! อีกแค่นาทีเดียวก็ถึงเวลาที่ดันเจียนจะเปิดแล้ว คิดถึงแม่ขึ้นมาหรือไง”
“คิดถึงสภาพของพวกคุณตอนลงดันเจียนรอบที่ผ่านๆมาอยู่น่ะครับ” อรุณทำเป็นไม่แยแสแล้วชี้ให้อีกฝ่ายดูภาพบนเพดาน มันเป็นภาพเขียนของศึกรบพุ่งระหว่างกองทัพของราชาหนวดยาวกับปิศาจยักษ์กลุ่มเล็กๆ “ขอถอนคำพูดที่ว่าพวกคุณไม่มีปัญญาสู้กับบอสก็แล้วกัน ดันเจียนสามสีแบบนี้กว่าจะฝ่าไปถึงปลายทางก็คงตายกันเกลี้ยงแล้ว”
“รู้ได้ยังไงว่าเป็นดันเจียนสามสี ผู้เล่นมีประสบการณ์ของจริงสินะ”
“เปล่าครับ” อรุณแกล้งยิ้มเยาะ “ดูสีของภาพบนเพดานก็รู้แล้วว่าเป็น ขาว-ฟ้า-เขียว คัลเลอร์แคลช มีสีไว้เตือนผู้เล่นตลอดอยู่แล้ว หรือเรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้”
“ปากดีเหลือเกินนะ มันน่าโดนขวานเฉาะปาก!” โจรเลือดเดือดคนนึ่งทนไม่ไหวตรงรี่เข้ามาหวังจะทำร้ายอรุณด้วยขวานคู่ แต่วิลเลี่ยนตะโกนสั่งหยุดมันเอาไว้กลางทาง
“ใจเย็นไว้ รู้ว่าแกโกรธ แต่ ทนฟังอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ถ้าน้องชายคนนี้ตายขึ้นมาแล้วเราพลาดขุมทรัพย์เราคงหาโอกาสที่สองไม่ได้แน่”
‘ใช้เหตุผลเป็นแบบนี้สินะเลยเป็นตัวหัวหน้า ก็ดี ระดับต่างกันแบบนี้เราถูกฟันทีเดียวก็ตายแล้ว’ อรุณผายมือให้ขุนโจรเลือดร้อนที่ดูแค้นเขาน่าดูแล้วหันไปมองเด็กสองคนที่หลบอยู่ด้านหลังเขา ไอริสกับซันกำอาวุธของตัวเองแน่นแม้ขาจะสั่น
ชายหนุ่มตบไหล่ปลอบสมาชิกปาร์ตี้ทั้งสอง “กลัวเหรอ พี่ก็กลัวเหมือนกัน ทำตามที่บอกแล้วทุกอย่างจะดีเอง เชื่อสิ”
“ค่ะ” ไอริสพยักหน้ารับเบาๆขณะมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ตอนนั้นเองที่เปลวไฟสีขาวบนผนังปะทุออกมาอย่างรุนแรงจนพื้นหินที่คนทั้งหมดยืนอยู่สั่นสะเทือน
‘เพดานเลื่อนสูงขึ้น...ไม่ใช่ พวกเรากำลังเลื่อนลงไปข้างล่าง!’
วิลเลี่ยนดูจะพอใจกับอาการแตกตื่นของเขาพอสมควร “น้องชายคนเก่งของเราตาเหลือกเลยว่ะ” หัวหน้าโจรเรียกเสียงหัวเราะจากลูกน้องพร้อมออกคำสั่งให้เตรียมพร้อมต่อสู้ ซึ่งไม่ต้องทำแบบนั้นโจรแต่ละคนก็หันหน้าเข้าใส่ผนังกันหมดแล้ว
“ศัตรูออกมาจากผนัง ไอริส! ซันก็ด้วย!”
อรุณรีบตะโกนสั่งจากประสบการณ์การเล่นเกมที่ผ่านมา เขารีบชักดาบเกรดหนึ่งซึ่งระบบมอบให้มากระชับไว้โดยมีเด็กทั้งสองขนาบซ้ายขวา
ที่แท้โถงขนาดใหญ่ที่เขายืนอยู่นั้นคล้ายกับลิฟท์ พื้นหินทรงกลมขนาดใหญ่ค่อยๆเลื่อนลงไปในอุโมงค์เบื้องล่างที่มืดมิด ทุกวินาทีที่ผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากแสงจากเปลวไฟสีขาวดานบนริบหรี่ลงทุกที ไม่ช้าคนทั้งหมดก็พบตัวเองอยู่ในหลุมมืดที่มีเพียงแสงจากคบไฟส่องทาง
ซันผ่อนลมหายใจหลังจากที่เกร็งมานาน “ไม่เห็นมีอะไรเลย...นอกจากภาพเขียนสี”
“จริงด้วย คงไม่มีอะไรหรอกมั้งคะ” ไอริสก็ลดดาบของเธอลงเช่นกัน มันเป็นเคลย์มอร์เกรดสามที่ดูแล้วหายากไม่เบา “ผนังก็ไม่เห็นจะมีรูให้ตัวอะไรออกมาได้เลย”
ในทางตรงข้าม อรุณกลับเอ่ยเสียงเครียด
“อย่าประมาทไปล่ะ สีของดันเจียนนี้มีสีฟ้าด้วย ที่นี่กำลังหลอกให้เราตายใจอยู่ ไอริสเล่นccจนระดับถึงสี่สิบแล้ว รู้หรือเปล่าว่าหนึ่งในชนิดเด่นๆของศัตรูสีขาว-ฟ้า คืออะไร”
“ไม่รู้สิพี่ชาย โซนสองสีที่แรกที่เคยเข้ามาคือป่าซิลิวานนี่แหละ ศัตรูสีฟ้าขาวเป็นแบบไหนเหรอคะ”
อรุณยิ้มเฝื่อน “วิญญาณไงล่ะ”
[พบมอนสเตอร์ วิญญาณทหารเลว ระดับ30 จำนวน120ตัว]
[พบมอนสเตอร์ วิญญาณผู้พิทักษ์ ระดับ34 จำนวน30ตัว]
พวกมันมาแล้ว! วิลเลี่ยนและลูกน้องพากันโวยวายเมื่อภาพเขียนทั้งหมดเรืองแสงออกมา ไม่นานเกินรอเหล่านักรบวิญญาณที่แต่งตัวเหมือนทหารโรมันมากมายก็ลอยลงมาโจมตีผู้เล่นทุกคนที่อยู่บนพื้นลิฟท์ แม้แต่ละตนมีร่างกายเป็นแสงสีฟ้าหรือขาวๆโปร่งใสแต่ก็เคลื่อนที่ได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ พริบตาเดียวมันก็มาถึงโจรคนที่ใกล้ที่สุดแล้วเปิดฉากการต่อสู้ทันที
“ก็แค่ผีเฝ้าปากทาง ลุยเลยพวกเรา” วิลเลี่ยนชูดาบขึ้นฟ้าแทบจะในเวลาเดียวกับที่เกิดเสียงอาวุธปะทะกันครั้งแรก เขาสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วคำรามออกมาสุดเสียง
“วอร์คราย!!”
โอ้ว~ สมาชิกทั้งหมดของกองโจรลูสเซอร์โห่ร้องตอบรับผู้เป็นหัวหน้าพร้อมวิ่งเข้าไปโรมรันกับทหารวิญญาณทันที แม้แต่ตัวอรุณเองก็ได้รับผลของทักษะนี้เช่นกัน นี่เป็นลักษณะเด่นของอาชีพสาย tactician class ที่สามารถสนับสนุนและเปลี่ยนแปลงกระแสของการต่อสู้ได้
อาชีพของวิลเลี่ยนนั้นคือ วอร์ลอร์ด(warlord) หรือ จ้าวแห่งสงคราม หนึ่งในคลาสสองทางเลือกของอาชีพผู้บัญชาการที่เน้นในด้านการสร้างข้อได้เปรียบให้แก่สมาชิกในกลุ่มระหว่างการต่อสู้ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นจ้าวแห่งสงคราม แต่ท่าโจมตีหรือป้องกันของคลาสนี้มีน้อยมากจนผู้เล่นส่วนใหญ่ต้องใช้ทักษะของสีหรืออุปกรณ์ในการต่อสู้เป็นหลัก ถึงจะมีข้อเสียใหญ่หลวงเช่นนี้แต่วอร์ลอร์ดก็ได้ทักษะเสริมพลังให้ปาร์ตี้ของตัวเองมาเป็นการทดแทน ในการต่อสู้ขนาดใหญ่มันจึงไม่ใช่คลาสที่ถูกมองข้าม
วอร์คราย(Warcry) ก็เป็นหนึ่งในทักษะเหล่านั้นซึ่งวิลเลี่ยนเลือกใช้ออกมา มันช่วยเพิ่มโบนัสพลังโจมตีให้ทุกคนที่ได้ยินและเสริมค่าสถานะความเร็วเล็กน้อยด้วย
เมื่อได้รับการเสริมพลังจากหัวหน้า โจรทั้งหลายก็จู่โจมอย่างขันแข็ง นับเป็นโชคดีของอรุณที่ไม่ว่าวิญญาณทหารจะกระโดดลงมาสักกี่ตัวก็จะมีโจรหนึ่งคนเข้าไปตะบันหน้าเมื่อนั้น ขณะที่ลิฟท์ขนาดยักษ์ยังคงเคลื่อนตัวลงได้เรื่อยๆมันก็เปลี่ยนสภาเป็นเวทีต่อสู้ขนาดใหญ่ ซึ่งมีผู้เล่นสามคนอยู่ตรงศูนย์กลาง
“หลุดมาทางนี้แล้ว!” ซันร้องเตือนเมื่อวิญญาณทหารตัวหนึ่งวิ่งเข้ามายังวงในอันเป็นที่อยู่ของเขาได้ อรุณคาดเดาไว้แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเนื่องจากไม่มีแทงค์มาดอยดึงดูดความสนใจให้
“ลุยเลยไอริส โจมตีโดยใช้ทักษะสี!”
“ได้ค่ะ รับรองไม่ถึงตัวพี่อรุณแน่” เด็กสาวรับคำสั่งแล้วเรียกพลังสีเหลืองขึ้นมาบนผ่ามือ “วินด์บลาส!”
ไอริสตะโกนแล้วสะบัดมือที่มีพลังสีเหลืองใส่มอนสเตอร์ที่ตรงเข้ามา สายลมอันรุนแรงซัดเจ้าทหารจนกระเด็นเสียหลักล้มลงไป แม้จะไม่สร้างความเสียหายแต่ทักษะสีเหลืองอันนี้ช่วยให้มันเคลื่อนไหวช้าลงชั่วคราว
“เสร็จเรา” ชายหนุ่มประกาศอย่างมีชัยแล้วใช้ทักษะโจมตีพื้นฐานของอาวุธดาบแทงใส่วิญญาณทหารที่ล้มเสียหลักตนนั้นพร้อมไอริสแบบไม่ยั้ง เลขความเสียหายลอยขึ้นมาไม่ถึงสิบรอบอรุณก็จัดการศัตรูตัวแรกได้สำเร็จ
[ระดับนักผจญภัย เลื่อนเป็น ระดับ4]
‘เยี่ยม แค่ตัวเดียวยังได้ค่าประสบการณ์เยอะขนาดนี้’ อรุณกำหมัดแน่นด้วยความสะใจจนลืมไปว่ากำลังอยู่ในช่วงรบติดพัน ทหารวิญญาณตนหนึ่งที่แต่งตัวแปลกกว่าเพื่อนอยู่ๆก็ถือโอกาสนั้นกระโดดลงมาใส่อรุณทันที
กว่าชายหนุ่มจะรู้ตัวเขาก็โดนโล่ฟาดหน้าหงายไปแล้ว
120!
“พี่!” ไอริสร้องด้วยอาการช็อกแล้วรีบใช้ วินด์บลาส ผลักมอนสเตอร์ตัวนั้นปลิวออกไป เด็กสาวไม่รอช้ารีบใช้ทักษะประจำคลาสตัวเองเพื่อฟื้นพลังชีวิตให้อรุณทันที
‘ฮีลงั้นเหรอ’ อรุณรำพึงขณะที่อีกฝ่ายกำมือเข้าด้วยกันเหมือนขอพรตรงหน้าเขา พริบตานั้นมือที่กำของไอริสก็เรืองแสงออกมาจางๆพร้อมพลังชีวิตของเขาที่เพิ่มจนเต็มอย่างรวดเร็ว นับหนึ่งถึงสองคนล้มก็ลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง
อโคไลท์(Acolyte) หรือ นักบวชสาวก คืออาชีพของไอริส มันเป็นหนึ่งในสามคลาสย่อยในสายผู้ใช้พลังสีนอกจาก นักเวท และ นักกวี ที่มีจุดเด่นเรื่องการสนับสนุนผู้เล่นอื่นเป็นหลัก แม้ในสายนี้ผู้เล่นจะเลือกทักษะใช้ได้อย่างหลากหลายตามสีที่เลือก แต่อโคไลท์จะมีทักษะอยู่หลายอย่างที่ไม่ต้องใช้สีซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเช่น ฮีล(Heal) ซึ่งจะเพิ่มพลังชีวิตให้เป้าหมายที่ไม่ใช่ตัวเองจำนวนหนึ่งทันที
ขณะนั้นซันก็ร้องโอดครวญ “ช่วยด้วยไอริส เรายื้อไว้ไม่ไหวแล้ว!”เด็กหนุ่มตอนนี้ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของวิญญาณทหารเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่ามีหรือคนใช้เครื่องดนตรีเป็นอาวุธแบบเขาจะสู้ตรงๆได้ ภาพที่อรุณเห็นจึงดูเหมือนซันวิ่งหนีไปรอบๆมากกว่า
“ใช้เพลงที่ช่วยเร่งความเร็วสิซัน!” ชายหนุ่มเตือนสติ “ล่อมันมาให้ไอริสโจมตี”
ซันหน้าเบ้เหมือนไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็ยกเครื่องสายในมือขึ้นมาดีดด้วยท่วงทำนองเฉพาะ ถึงเสียงจะค่อนข้างเพี้ยนแต่ทักษะของเขาก็แสดงผลจนได้ ออร่าที่มีกราฟฟิกรูปปีกลอยออกมาในรอบตัวเขาในขณะที่วิ่งมารับความช่วยเหลือเต็มสปีด
“ใช้วิธีเดิมไอริส”
อรุณบัญชาสั้นๆขณะวิ่งเข้าใส่มอนสเตอร์วิญญาณที่แทงดาบของมันสวนมาเช่นกัน ด้วยพลังเสริมจากบทเพลงแปร่งๆทำให้คนทั้งสองเป็นฝ่ายเข้าถึงตัวก่อนแล้วใช้พลังสีเหลืองผลักผีทหารล้มลง
จากนั้นพวกเขาก็เสียบมันไม่ยั้ง
3! 225! 2! 270! 3! 400!
เริ่มด้วยความเสียหายน้อยนิดของอรุณ และปิดฉากด้วยคริติคอล(critical)ของไอริส ทั้งสองก็จัดการศัตรูตัวที่สองลงได้ในเวลาอันสั้น สำหรับไอริสที่ที่ระดับสูงกว่ามอนสเตอร์เกือบเท่าตัวรางวัลที่ได้แทบไม่มีผลใดๆกับเธอ แต่สำหรับอรุณที่มีระดับแค่สี่ ค่าประสบการณ์ที่ได้มันสูงเสียจนเขาเลื่อนขึ้นระดับเจ็ดในครั้งเดียว
ในที่สุดหลังผ่านความวุ่นวายมาระยะหนึ่งการต่อสู้ทั้งหมดก็จบลงพร้อมกับไอเทมรางวัลที่กระจายอยู่เต็มพื้น อรุณสามารถชิงโล่เกรดสองมาได้หนึ่งอันก่อนที่พวกโจรจะยึดของคุณภาพพอใช้ทั้งหมดเป็นของตัวเอง กว่าทุกคนจะเก็บเสร็จลิฟท์ก็เลื่อนลงไปสู่ห้วงลึกอีกครั้งพร้อมกับภาพเขียนสีจำนวนมากกว่าเดิมที่ต้อนรับพวกเขาอยู่บนผนัง
‘ทำเป็นเล่นไป’ อรุณหุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ภาพเขียนที่เยอะกว่าย่อมหมายถึงมอสเตอร์ที่เยอะกว่าเดิม นั่นอาจช่วยให้เขาเพิ่มระดับนักผจญภัยได้อย่างรวดเร็วแต่ก็อาจจะทำให้เขาตายได้เป็นสิบครั้งเลยก็ได้
วิลเลี่ยนโวยวายมาทางซันแต่ไกล “ถึงระยะที่สองแล้ว นักกวี! เล่นเพลงอะไรก็ได้ที่เพิ่มพลังชีวิตให้พวกเราเรื่อยๆ ไม่งั้นเจอดีแน่”
‘ถ้านักกวีไม่เล่นเพลง พวกแกนั้นแหละที่จะเจอดี’ อรุณแอบย้อนอีกฝ่ายในใจขณะเรียกโล่ที่เพิ่งได้มาสดร้อนๆขึ้นมาบนมือซ้าย เขาเรียกไอริสให้มายืนขนาบข้างตัวเองไว้ แล้วตบไหล่ปลอบเด็กหนุ่มให้ทำตามบทบาทของตัวเองต่อไปถึงที่สุด
“ตามน้ำไปก่อนนะซัน เราต้องทำให้พวกมันตายใจ รู้สึกว่าจะมีอยู่ใช่หรือเปล่า ทักษะรักษาที่เห็นผลกว้างแต่เบาสุดๆน่ะ”
ซันตอบเบายิ่งกว่ากระซิบแต่การที่พยักหน้ากลับมาแสดงว่าสามารถทำตามที่อรุณบอกได้ เด็กหนุ่มเกร็งแขนแล้วยกดนตรีขึ้นมาใช้ทักษะ “ซอง ออฟ ฮาโมนี่”
เนื่องจากอาชีพของตัวเด็กหนุ่มนั้นคือ บาร์ด(Bard) หนึ่งในสามทางเลือกของผู้เล่นสายผู้ใช้สีที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างนักเวท กับ นักบวชสาวก เพราะเป็นอาชีพพิเศษ นักกวีไม่สามารถสร้างความเสียหายในทันทีเหมือนกับนักเวท และยังไม่สามารถเพิ่มพลังชีวิตให้เพื่อนได้ฉับพลันแบบนักบวช ทั้งหมดที่คลาสนี้ทำได้ คือใช้ทักษะแสดงผลรอบตัวซึ่งมีความหลากหลายแต่ใช้ได้แค่ครั้งละอย่างเท่านั้น
สมัยที่คัลเลอร์แคลชยังเป็นแค่เกม คนที่เล่นอาชีพนี้ก็แค่กดใช้ทักษะแช่เอาไว้แล้วเปลี่ยนตามความต้องการ แต่จากการบอกเล่าของซันเมื่อครั้งอยู่ในกรงขัง อรุณจึงรู้ว่าผู้เล่นต้องบรรเลงกับร้องเพลงออกมาจริงๆเพื่อใช้ทักษะ
ระหว่างที่โจรทั้งหลายล้อมเดินเข้ามาฟังเพลงจากทักษะ ซอง ออฟ ฮาโมนี่วิญญาณที่สิงอยู่ในภาพเขียนผนังนับร้อยก็ปรากฏตัวออกมาโจมตีพวกเขาอีกครั้ง
[พบมอนสเตอร์ วิญญาณผู้พิทักษ์ ระดับ34 จำนวน100ตัว]
[พบมอนสเตอร์ วิญญาณขุนศึก ระดับ35 จำนวน100ตัว]
[พบมอสเตอร์ วิญญาณอาฆาต ระดับ40 จำนวน15ตัว]
เมื่ออรุณได้ยินเสียงของระบบที่เขาปรับให้เหมือนผู้เล่นทั่วไปแล้วก็แทบจะขว้างโล่ทิ้งเสียตรงนั้น การถือแผ่นโลหะหนักๆมีแต่จำทำให้เขาโดนพวกมันจัดการง่ายขึ้น
“ไอริส ซัน ของจริงมานู่นแล้ว มอนสเตอร์วิญญาณที่เหาะได้”
ครึ่งชั่วโมงที่เต็มไปด้วยกรต่อสู้ได้ผ่านไป และในที่สุดลิฟท์ก็พากลุ่มผู้เล่นที่อ่อนล้าลงมาถึงก้นของห้วงลึกแห่งซิลิวาน กองโจรลูสเซอร์ที่ได้รับความช่วยเหลือจากทักษะของซันแบบครึ่งๆกลางๆนั้นล้มตายไปกว่าครึ่ง แต่ตัวหลักอย่างวิลเลี่ยนนั้นยังคงปลอดภัยดี หัวหน้าโจรรีบพาลูกน้องไปนั่งพักผ่อนในพื้นที่เปิดโล่งตรงหน้า โดยไม่ลืมที่จะล้อมพวกของอรุณไปด้วยเพื่อป้องกันหลบหนี
“ดูดเพลินเป็นปลิงเลยนะน้องชาย จากนี้ถึงเวลาที่ต้องทำงานแล้วล่ะ” วิลเลี่ยนบอกกับเขาแล้วแยกตัวชายหนุ่มออกจากไอริสและซันที่ทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตก สมุนโจรสองคนที่ขนาบตัวมันมาทำให้อรุณไม่อาจขัดขืนและยอมโดนลากตัวไปโดยดี
“คงสงสัยใช่ไหมล่ะน้องชาย ว่าทำไมต้องใช้คนมีประสบการณ์ที่เลเวลหนึ่งแล้วก็ยังไม่ได้เลือกสี”
“ถึงยังไม่เลือกสีก็จริงแต่ระดับสิบแปดแล้วครับ” อรุณแก้ให้ “ต้องขอบคุณจริงๆที่อุตส่าห์พาผมมาทัวร์เก็บเลเวล แต่ท่าทางเรื่องนี้คงเกี่ยวกับบอสที่พวกคุณไม่มีปัญญาสู้ตัวนั้นสินะ”
วิลเลี่ยนพล่ามจนน้ำลายกระเด็นอีกครั้ง “ถ้าระดับมันเพิ่มจนมีพลังชีวิตมากขึ้นนิดหน่อยก็ดีไป จะได้ไม่พลาดท่าตายตอนปลดผลึกไร้สี…ปัญญาของเราในการจัดการบอสตัวนี้คือต้องปลดผนึกที่อยู่รอบๆตัวมันออกก่อน ติดที่ว่ามันจำเป็นต้องใช้ผู้เลนที่ยังไม่มีสีเท่านั้นถึงจะทำได้”
‘ต้องใช้คนที่ไม่สีเนี่ยนะ เงื่อนไขพรรคนี้ก็มีด้วยเหรอ’ อรุณตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินจนลืมเช็ดน้ำลายอีกฝ่ายที่เปื้อนแขน ถ้าเป็นแบบนี้จริงเขาก็ไม่แปลกใจที่วิลเลี่ยนควบคุมตัวเขาไว้
เงื่อนไขที่เฉพาะคนที่เข้าเกมมาใหม่ถึงจะทำได้แต่กลับอยู่ในดันเจียนแบบนี้...แบบนี้บ้าชัดๆ ตั้งแต่เล่นเกมนี้มาเพิ่งเคยเจอข้อแม้งี่เง่าขนาดนี่เป็นครั้งแรก
“ดูให้ดีๆล่ะน้องชาย หินใสตรงผนังนั่นแหละที่ต้องวิ่งไปปลดผนึก หลังจากนั้นขุมทรัพย์ก็จะเป็นของเรา”
‘ของเราหรือของพวกแกกันแน่’
ชายหนุ่มคิดอย่างไม่ไว้ใจแล้วมองออกไปยังสิ่งที่เหมือนลานต่อสู้ขนาดใหญ่ที่เป็นที่อยู่ของบอสอย่างแน่นอน มันเป็นพื้นที่รูปวงรีหลายชั้นที่ไล่ระดับกัน มีเสาจำนวนที่ทำจากผลึกไร้สีจำนวนมากซึ่งตั้งค้ำเพดานเอาไว้ กับ บัลลังก์หินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงปลายทาง ถัดจากบัลลังก์ไปเป็นเหมือนปากทางเข้าห้องขนาดใหญ่ซึ่งตามสามัญสำนึกของเกมทั่วไปจะมีของรางวัลเก็บอยู่
แน่นอนว่าก่อนจะไปถึงจุดนั้นก็ต้องผ่านปราการด่านสุดท้ายไปเสียก่อน มันคือซากแห้งๆบนบัลลังก์ที่เหลือแต่หนังติดกระดูกของคนที่เหมือนกับราชาบนรูปภาพฝาผนังตอนเริ่มแรก มือสีซีดที่ไร้ชีวิตนั้นยังคงกำไว้รอบดาบยาวที่เป็นศาสตราคู่ใจ
ชื่อ: บราโก้ ราชาวิญญาณผู้พิทักษ์ สี: ขาว-ฟ้า-เขียว
ระดับ 55
ประเภท: วิญญาณ |
ราชันแห่งซีวิวาน ผู้สละชีวิตเพื่อขับไล่ผู้รุกรานจากดินแดนสีซีด แล้วขังพวกมันเอาไว้ในห้วงลึกใต้ดิน แม้เวลานั้นจะผ่านมานับพันปีแล้ว แต่ บราโก้ และลูกน้องที่ภักดีก็ยังคงปักหลักพิทักษ์อย่างแข็งขันเพื่อพิทักษ์โลกแห่งสีสันทั้งหมดเอาไว้ |
‘บอสสามสี เยี่ยมเลย แบบนี้หนีจากพวกมันได้แน่’ อรุณอ่านข้อมูลแล้วก็อดยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้ เขาหันไปพูดกับวิลเลี่ยนที่เขม่นกลับมาอย่างดุดันว่ามีแผนแล้ว แต่ทั้งกองโจรไม่รู้จะเชื่อใจตนหรือเปล่า
“มีแผนก็บอกมาน้องชาย ถ้ามันได้ผล ดีดไม่ดีข้าอาจเปลี่ยนใจยกสมบัติที่ได้ให้สักชิ้นสองชิ้นนะ”
อรุณฉีกยิ้มกว้าง โดยพยายามไม่ให้เสียงแฝงความมุ่งร้าย “งั้นก็ฟังให้ดีล่ะครับ พวกคุณต้องจัดขบวนใหม่”
รับรองว่าจะไม่มีใครรอดกลับไปกินส้มตำฉลองแน่ๆ
ความคิดเห็น