คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EPS IIII ll BURNING HEART 80percent
ฉันผละออกจากตัวเขาแล้วรีบลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำส่วนเขาหยิบบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่งก่อนจะหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดแล้วสูบควันมันเข้าไป ฉันเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างคราบสิ่งสกปรกที่ติดอยู่กับตัวเองให้หมดรวมถึงความรู้สึกขยะแขยงที่ติดมากับไอ้พวกหื่นพวกนั้นด้วย พออาบน้ำเสร็จฉันจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวก็พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้เอามันเข้ามานี่นาซวยเข้าให้แล้วไง
“นี่นาย”ฉันตะโกนเรียกเขาจากในห้องน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา
“.........”
“นี่มินจุนน!!!!”ฉันตะโกนเรียกเขาเสียงดังขึ้นไปอีกแถมคราวนี้ยังเรียกชื่อเขาที่ต้องจำใจเรียกอีกด้วยไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาลีลาจริงนะอีตาบ้านี่
“อะไรตะโกนเสียงดังโวกเหวกโวยวายอยู่ได้”เขาเอามือเคาะประตูแล้วตะโกนถามเข้ามาในห้องน้ำ
“นายช่วยไปหาผ้าเช็ดตัวมาให้ฉันผืนหนึ่งสิ”
“อะไรนะ ผ้าเช็ดตัวนี่เธอโง่รึป่าวเนี้ย”เขาบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“งั้นคนฉลาดอย่างนายก็ช่วยรีบๆไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ฉันเร็วๆหน่อยได้มั้ย อ่อแล้วก็เอาผืนที่นายยังไม่ได้ใช้ด้วยนะ เอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนด้วยละ”ฉันสั่งเขาซะยิดยาวเขาบ่นอุบอิบด้วยน้ำเสียงเบาจนฉันแทบจะไม่ได้ยินก่อนจะเดินตึงๆหายเข้าไปที่ไหนสักที่
“ เปิดประตูดิ!”ไม่กี่นาทีผ่านไปเขาเดินเข้ามาเคาะห้องน้ำปังๆก่อนจะบอกให้ฉันเปิดประตู
“นายหลับตานะ”
“เออ เร็วๆใครเขาจะยากไปเห็นของเธอกัน”
“ชิส์”ฉันค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำออกแล้วรีบหยิบเสื้อผ้าจากมือเขาแล้วปิดประตูห้องน้ำโดยเร็วด้วยความอาย หวังว่าเขาจะไม่เห็นส่วนไหนในร่างกายฉันนะฉันรีบเช็ดเนื้อเช็ดตัวแล้วหยิบชั้นในที่เขาหามาจากไหนไม่รู้ฉันหยิบมันขึ้นมาพิสูจน์กลิ่นว่ามันไม่ได้ถูกผ่านการใช้งานมาแล้วหลังจากที่กลิ่นโอเคฉันก็สวมชุดให้เข้าที่เข้าทางโดยที่ชุดที่เขาหามาให้ฉันใส่นั้นเป็นเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขาที่พอจะคลุมร่างของฉันเอาไว้ได้ ฉันหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเช็ดผมก่อนจะเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดที่ประตู แต่ก่อนที่เท้าจะทันก้าวออกไปข้างนอกนั้นมันกับไปเหยียบใส่อะไรบางอย่างก่อนที่โลกทั้งโลกในหัวหัวของฉันจะหมุมเขว้งขวางไปในพริบตา
“โอ้ยยยยยยย!!”ฉันร้องโอดครวญเมื่อเท้าไม่รักดีไปเหยียบใส่ก้อนสบู่จนทำให้ตัวฉันเองล้มคว่ำลงนอนกับพื้นไม่เป็นท่า ฉันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมือที่กุมหัวด้วยความเจ็บปวด
“คราวนี้เป็นอะไรอีกละ”มินจุนนายนั่นเอามือเตะท่าอยู่ตรงประตูพร้อมสายตาที่มองมาด้วยความเบื่อหน่าย
เขาเดินเข้ามาพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้นจากพื้นเสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกน้ำไปหมดมันบางจนเทียบจะมองทะลุไปเห็นชั้นในฉันจึงรีบหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันตัวไว้แบบซูจิ เขาส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะพาฉันเดินมาที่โซฟาตัวเดิม
“โอ้ยยยยยย”ฉันเอามือนวดไปมาที่หน้าผากมันทำให้ฉันเจ็บจนถึงกับต้องอุทานออกมา และฉันก็พบว่าหน้าผากฉันตอนนี้โนเป็นลูกมะนาวเลยทีเดียว
“เธอจะอยู่เฉยๆเป็นมั้ยเนี้ย”เขาปัดมือฉันทิ้งก่อนจะหันไปค้นจากกล่องปฐมพยาบาลกล่องเดิมที่เมื่อกี้ยังไม่ถูกเก็บเข้าที่เขาหยิบยาหลอดนึงออกมามาก่อนจะบีบยาแล้วป้ายมันกับหน้าผากฉัน
“โอ้ยยยยยยยย นวดเบาๆหน่อยสินี่มือคนใช่มั้ยเนี้ย!!”ฉันอดที่จะบ่นไม่ได้เมื่อมือเขาที่กดลงกับหน้าผากฉันนั้นแรงยังกับอะไรดี
“ฉันทำให้เธอก็เป็นบุญเท่าไหร่แล้ว หุบปากของเธอซะ”
“ก็คนมันเจ็บนินายจะไม่ให้ฉันร้องแล้วจะให้ฉันทำอะไร หรือจะให้ฉันกัดแขนนายเพื่อทนความเจ็บกัน เอามั้ยละ”
ฉันเสนอข้อต่อรองให้กับเขาอย่างท้าทาย
“ก็ดีเหมือนกันถ้านั้นมันจะแลกกับการที่เธอจะหุบปากลงซะ”
“เฮอะ! ฉันไม่ทำหรอกเดี๋ยวฟันสวยๆของฉันต้องปนเปื้อนสิ่งไม่ดีจากตัวนะ...โอ้ยยยย”ยังไม่ทันที่ฉันจะทันได้พูดจบนายนั่นก็ติดพลาสเตอร์เข้าหน้าผากฉันอย่างแรงจนทำให้ฉันต้องร้องออกมาอีกครั้งมันเจ็บจนน้ำตาเริ่มปริออกมา
“หึหึ สมน้ำหน้า”นั้นนายกำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่มั้ยนะ -_-
“แกร็กๆ”อิหรอบเดิมเมื่อเขาหยิบกุญแจมือออกมาจากกระเป๋าแล้วใส่ไว้ที่ข้อมือทั้งฉันและเขา
“สักวันฉันจะฆ่านาย”ฉันพูดอย่างเคืองๆเมื่อเขาล็อกกุญแจเสร็จ
“งั้นฉันควรจะฆ่าเธอก่อนดีมั้ย??”เขาพูดมันออกด้วยใบหน้ากวนประสาทที่มันทำให้ฉันแทบจะลุกขึ้นไปบีบคอเขา
“ไปนอนได้แล้ว”เขาดึงฉันลุกขึ้นก่อนจะพาฉันเข้าไปในห้องๆหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนของเขา เขาล้มตัวลงนอนบนที่นอนจนทำให้ฉันที่ตั้งตัวไม่ทันเซจนล้มไปนอนอยู่บนตัวเขา
“นะ...นาย นี่มัน”ฉันพยายามที่จะดีดตัวเองให้ลุกจากตัวเขาแต่เขากับเอื้อมมือมากอดฉันไว้แทน
“ปะ...ปล่อยฉันนะ”ฉันดิ้นอยู่ในตัวเขาไปมาด้วยความอาย เขาเอามือรัดฉันแน่นยิ่งขึ้นไปอีกฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาปรากฏว่าเขาหลับตาลงไปแล้ว
“นี่นายฉันรู้นะว่านายแกล้งหลับ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”ฉันใช้กำลังดันหน้าอกเขาแต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลยแถมยังเงียบเหมือนคนหลับไปแล้วจริงๆด้วย
“มินจุน”
“มินจุน”
“เฮ้อ...นายนี่มันอะไรกันนะ”ฉันบ่นคนเดียวก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าเพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยมือได้โดยง่าย ตลอดคืนนี้ฉันหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร
กริ๊งงๆๆๆ
ฉันงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังไปทั่วทั้งห้อง ฉันขยับตัวด้วยความยากลำบาก นี่เขายังไม่ปล่อยมืออีกหรอเนี้ย
“หืมมม...”ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์เหมือนกันฉันรีบปิดตาลงก่อนเพราะไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเขา รีบๆลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์สิ
กริ๊งงงๆๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง เขาปล่อยมือจากฉันก่อนจะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
“ครับอา”เขารับโทรศัพท์ด้วยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ฉันเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจเพราะมันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เป็นเงื่อนงำเกี่ยวกับฉันก็เป็นได้
“ไว้ผมจะโทรไปใหม่นะครับ ตอนนี้ยังไม่สะดวกคุย”ละแล้วเขาก็วางโทรศัพท์ไปฉันรีบหลับตาลงเพื่อไม่ให้เขาร็ว่าฉันตื่นอยู่
“โอ้ยยยยยย!!”ฉันร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บเมื่อเขาเอานิ้วมือมาดีดที่หน้าผากของฉันมันทำให้ฉันต้องลืมตาตื่นขึ้นมาทันที พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องมาเจอหน้ากวนๆของเขาอีก
“ฉันรู้นะว่าเธอตื่นอยู่รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว”เขาพูดพลางกระชากผ้าห่มให้หลุดออกจากตัวฉัน มันหนาวจนฉันต้องรีบดึงกลับมาห่มตัวเอง
“ไม่เอาฉันจะนอนต่อฉันจะลุกก็ต่อเมื่อนายปล่อยฉันกลับบ้าน!”ฉันพูดพลางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มจนมิดตัว
“โซยอน!”
“นายจะเรียกฉันทำไมอยากไปทำอะไรก็ไปสิ ปลดล็อกกุญแจมือซะฉันไม่หนีหรอกนา”เหมือนจะได้ผลเมื่อเขาดึงมือข้างที่ล็อกกุญแจออกมาจากผ้าห่มแล้วไขกุญแจออกจนมือฉันเป็นอิสระ เขาคงจะลุกขึ้นไปจากเตียงแล้ว
“ว๊ายยยยยยย!”เขาช้อนตัวฉันลุกขึ้นแล้วอุ้มฉันไว้
“ปะ...ปล่อยฉันนะ!”ฉันดิ้นไปมาบนตัวเขาจนทำให้เขาเสียหลักจนทำให้ฉันตกลงกับพื้น
“ไอ้บ้า ฉันเจ็บนะ”น้ำตาเริ่มปริอีกแล้วด้วยความเจ็บปวด
“สมน้ำหน้าเธออยากไม่ตื่นดีนัก เอ้านี่ใส่ซะ”เขาโยนเสื้อกันหนาวมาให้ฉันใส่ ฉันจึงหยิบมันขึ้นมาใส่อย่างเลือกไม่ได้เพราะอากาศที่อยู่รอบข้างมันหนาวจนทำให้ตัวฉันสั่นไปหมด
“นายมันใจร้ายชะมัด”
“อื้ม ก็คงงั้น”แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป ฉันรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามเขาติดๆ
“นายไม่ใส่กุญแจมือฉัน ไม่กลัวฉันหนีหรอไง”ฉันเดินตามเขาเข้ามาในครัวเขาเปิดตู้เอาซองบะหมี่ออกมาก่อนจะแกะมันแล้วใส่มันเข้าไปในหม้อแล้วตั้งไฟ
“หึหึ เธอออกจากที่นี้ไม่ได้หรอกเพราะฉันล็อกจากด้านในด้วย”เฮอะ! ไอ้บ้านี่แล้วทีเมื่อคืนนายเอากุญแจมาใส่ให้ฉันทำไมหรืออยากจะแต๊ะอั๋งฉัน TT กลิ่นหอมของบะหมี่รอยโชยไปมารอบๆห้อง จนทำให้ท้องฉันร้องออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆ”เขาหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ด้วยรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนฉันแอบหยุดสายตามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเรียกสติคืนมา
“ฉะ...ฉันไม่ได้หิวสักหน่อย”ฉันปฏิเสธออกไปทั้งๆที่ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว เขาหันไปทางหม้อแต่ก็ยังไม่หยุดอมยิ้ม เขาจับหูหม้อยกขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปหยิบตะเกียบกับจานฉันรีบเดินตามแล้วไปนั่งที่โต๊ะโดยเร็ว
“ไหนบอกว่าไม่หิว”
“ก็ไม่หิวแต่ฉันจะกิน!”ฉันบอกเขาพลางแย่งตะเกียบจากมือเขาแล้วพุ่งตรงไปที่หม้ออย่างรวดเร็ว
“นี่เธอ! เบาๆหน่อยฉันก็ต้องกินเหมือนกันนะ”
“อี้อายเอ็นอู้อายอื้ออ่าวเอี้ย”ฉันบ่นอู้อี้พลางเคี้ยวบะหมี่ที่อยู่ในปากไปด้วย
“เธอนี่นา”เขาพูดพลางเอาตะเกียบจิ้มมาที่หน้าฉันอีกแล้วก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินไปที่ระเบียงห้องฉันมองตามแผ่นหลังเขาก็เห็นว่าเขาไปสูบบุหรี่และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุย ฉันที่เริ่มอิ่มจึงวางตะเกียบลงแล้วเดินไปเปิดทีวีที่โซฟาแต่แล้วก็ต้องปิดลงเพราะมีแต่รายการที่น่าเบื่อ
“กินเสร็จแล้วไม่เก็บ”มินจุนที่ทำธุระข้างนอกเสร็จแล้วเปิดประตูระเบียงเข้ามาพร้อมกับควันบุหรี่จางๆที่ลอยตามติดตัวเขาเข้ามาด้วย
“มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันสักหน่อย!”ฉันหันหน้าไปบอกเขาเมื่อเขานั่งลงตรงโซฟาตรงข้ามกับฉัน
“เฮอะ!เธอนี่เป็นผู้หญิงรึป่าวเนี้ยโซยอน”ฉันมองเขาด้วยสายตาดุๆทีนึงก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“นี่มินจุน ฉันมีบางอย่างอยากจะพูดกับนาย”
“ฉันจะไม่ฟังจนกว่าเธอจะจัดการทุกอย่างบนโต๊ะให้เสร็จเรียบร้อย”เขาพูดพลางเอาขาขึ้นมาก่ายโต๊ะด้วยท่าทีสบายๆ
“นายนี่มันเรื่องมากจริงๆ”ฉันบอกเขาอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นไปจัดการหม้อบนโต๊ะแล้วเอาไปล้างที่อ่างล้างจาน
“ไอ้บ้าๆๆๆ”ฉันบ่นพลางออกแรงขัดหม้อแรงๆและจินตนาการเอาว่านั้นคือหัวของเขา
“ขืนเธอบ่นอีกฉันจะไม่ฟังที่เธอพูดแม้แต่คำเดียว”นั้นแหละทำให้ฉันเงียบปากและรีบๆล้างอย่างขอไปที พอเสร็จฉันจึงมานั่งที่โซฟาตามเดิม
“มีไรก็ว่ามาเดี๋ยวฉันจะรีบเข้าบริษัท”
“เฮอะ ไปวางแผนชั่วร้ายอีกละสิ”แวบหนึ่งฉันเห็นเขาทำตาดุใส่แต่ฉันไม่สนใจแล้วพูดตา
“คนที่โทรมาเมื่อเช้ากับคนที่นายคุยเมื่อกี้นะคือคนเดียวกันใช่มั้ย”
“เธอจะรู้ไปทำไม”
“ถ้าหากมันใช่ละก็เขาก็คือคนเดียวกับคนที่อยู่ในห้องเก่าที่นายจับฉันมาคืนแรกใช่มั้ยละ”ฉันรอดูท่าทีเขานึดนึงก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไม่พูดอะไรออกมา
“และถ้าหากเป็นอย่างนั้นเขาคนนั้นก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนะ...”
“โต้มม!!!”เขาเอามือทุบโต๊ะเสียงดังลั่นห้องจนฉันตกใจถึงกับสะดุ้งตัวขึ้นมาแต่ก็รีบชักสติกลับมา
“บอกแล้วใช่มั้ยไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“ใช่นายบอก แต่นายไม่คิดรึไงว่าฉันก็อยากมีชีวิตของฉันเหมือนกันอีกอย่างนึงนะพ่อฉันไม่มีวันทำเรื่องชั่วร้ายแบบนั้นแน่ฉันมั่นใจ”ฉันตะคอกใส่เขาเสียงดังแล้วเดินถีบเท้าเข้าไปในห้องและก่อนจะปิดประตูใส่เขาฉันก็ฝากอีกประโยคนึงไว้ให้เขาได้ฟัง
“สักวันคนที่หนุนหลังนายนั่นแหละจะหักหลังนายเอง!! ปัง!!”
ความคิดเห็น