คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : EPS III ll BURNING HEART
EPS III ll BURNING HEART
เช้าวันต่อมา ฉันต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะไอ้บ้านี่มันกระชากกุญแจมือจึงทำให้ฉันถึงกับตื่นแล้วลุกขึ้นมาอัตโนมัติ ให้ตายเถอะฉันอยากจะสบถออกมาเป็นภาษามนุษย์ต่างด้าวชะมัดคนกำลังได้รับดีดีตอนใกล้จะรุ่งสางนี่แท้ๆ และก็เป็นเพราะไอ้บ้านี่อีกนั้นแหละถึงทำให้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน
����������� "ลุก ไปกับฉัน"ฉันเดินแหกขี้ตาลุกไปอย่างว่าง่าย ขืนลองหือกับเขาดูสิจะได้ลากข้อมือฉันขาดพอดี หลังจากที่เราต่างทำธุระในตอนเช้าด้วยความยากลำบากไปเรียบร้อยแล้วนายนี่ก็ลากฉันออกมานอกห้อง เหมือนผ่านไปนานเป็นปีเลยที่ไม่ได้ออกมาสู้โลกภายนอกแบบนี้�
����������� "นายจะพาฉันไปไหน"ฉันเอ่ยปากถามคนเขาด้วยความอยากรู้ คงจะไม่ได้พาไปถ่วงหินลงน้ำหรอกนะ�
����������� "เรื่อง ของ ฉัน"ฉันต้องหุบปากของตัวเองลงอย่างไม่คิดจะเถียงต่อเมื่อเขาบอกด้วยถ้อยคำที่ชัดถ้อยชัดคำ �เราเดินต่อลงไปที่บันไดจนมาถึงชั้นล่างฉันก็ค้นพบว่าห้องที่เราอยู่นั้นสูงถึงสี่ชั้น ถ้าวันที่ฉันปีนห้องน้ำนั้นแล้วไม่รู้รีบกระโดดลงมาคงจะคอหักตายกันพอดี เฮ้อ!คิดแล้วอนาถใจ
����������� "เข้าไป"เขาผลักฉันเข้าไปในรถบีเอ็มสีดำก่อนจะปลดล็อกกุญแจมือออกจากมือเขาเเล้วมาล็อกกับเหล็กที่หัวเบาะแทน แล้วออกตัวด้วยความเร็ว เราผ่านสถานที่หลายแห่งที่ฉันไม่คุ้นตาเลยสักนิด จนในที่สุดเราก็เข้ามาถึงร้านหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุงโซล
����������� "ก่อนจะเข้าไปข้างในฉันอยากจะบอกอะไรให้เธอได้เข้าใจไว้สักอย่างว่าเรากำลังจะไปไหนและทำอะไรกัน"
����������� "ก็ดี ฉันอยากรู้จนจะชักตายอยู่ละ"เขาทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ฉันก่อนจะพูดต่อ
����������� "เราจะไปงานใหญ่งานหนึ่ง....."
����������� "แล้วมันสำคัญกับฉันยังไง"ฉันขัดเขาขึ้นมาก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไรจับ "นี่เธอ!! หุบปากก่อนที่ฉันจะไม่บอกอะไรเธอเลยดีกว่านะ....เอาละอย่าไปใส่ใจมันเลยว่าไอ้งานนั้นมันคืออะไร แต่ที่สำคัญพ่อเธอจะไปงานนี้ด้วย"
����������� "หะ!! พ่อของฉัน"ฉันร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ แวบหนึ่งฉันแอบเห็นเขาแสยะยิ้มแบบชั่วร้ายในแบบที่เขาชอบทำเป็นประจำก่อนจะเดินลงจากรถมาเปิดประตูและปลดล็อกกุญแจที่ข้อมือให้ฉัน
����������� "นายมีแผนชั่วร้ายอยู่ในใจใช่มั้ย!!"
����������� "แน่นอน และที่สำคัญนะถ้าเธอคิดจะหนีลูกปืนในกระบอกที่อยู่ในเสื้อนี่ได้เป่าหัวพ่อเธอแน่ "เขาพูดอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายว่า 'ถ้าเธอหนีฉันเอาลูกอมให้พ่อเธอกินแน่ ' ฉันอยากจะคิดแบบนั้นจริงๆ แต่เรื่องที่เขาเอามาพูดนี่มันคือลูกปืนที่พร้อมจะฆ่าคนตายได้ทันทีที่มันพุ่งเข้าสู้ตัวคน
����������� "มีอะไรต้องการให้ช่วยมั้ยคะ^_________________^"ทันทีที่เราสองคนก้าวเข้าไปในร้านพนักงานในร้านก็ยิ้มกว้างต้อนรับเขาอย่างออกหน้าออกตา เก็บอาการหน่อยซิยะ-_- �แต่ขอโทษแทนที่นายนี่จะตอบไป กลับเดินหนีไปอีกทางซะอย่างนั้น ภายในร้านถูกตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา ในนี่มีทุกอย่างแทบที่เราต้องการ ทั้งชุดผู้หญิง ผู้ชาย แอสเซสซอรี่ ซาลอน และแน่นอนสิ่งเหล่านี้ต้องถูกตอบแทนด้วยเงินอย่างหรูเหมือนกัน เขาลากแขนฉันมาทางชุดของผู้หญิง เขาเลือกไปมาซักพักก่อนจะหยิบชุดเดรสเกาะอกสีแดงสดออกมา จะบ้าตายบอกฉันหน่อยว่านายจะใส่คนเดียว
����������� "นี่นายจะให้ฉันใส่ไอ้นี่อะนะ"ฉันทำเสียงซุบซิบ พร้อมชี้ไปที่ชุดและทำหน้ายี้แบบว่าฉันไม่มีทางใส่ชุดสีสดนี่แน่ๆ กะจะให้คนทั้งงานมองฉันคนเดียวเลยใช่มั้ย
����������� "ใส่ไปเถอะ หรือจะแก้ผ้าไปงานเลือกเอา"ฉันหน้าจ๋อยลงทันที เมื่อเขาเห็นว่าฉันไม่เถียงต่อจึงหันหน้าไปทางพนักงานของร้าน
����������� "หารองเท้าให้เธอด้วย อ่อแล้วช่วยแต่งหน้าทำผมให้ยัยนี่เป็นคนด้วยนะครับ"หมายความว่าไงของนาย 'ให้ยัยนี่เป็นคนงั้นหรอ' �แล้วทุกวันนี้คนที่อยู่กับนายคือผีหรือไง ฉันหันไปมองเขาควับ พร้อมจะอ้าปากเถียงแต่เขากลับทำมือเป็นรูปปืนเเล้วจ่อมาที่หัวของตัวเอง นั้นแหละฉันเลยต้องหุบปากลงอีกครั้ง จะมีอะไรที่ฉันจะเป็นต่อเขาบ้างมั้ยเนี้ย
����������� "เชิญทางนี้เลยคะ"พนักงานของทางร้านพาฉันมาที่ห้องลองชุด เธอช่วยจัดแจงเปลี่ยนชุดให้เข้าที่่ก่อนจะพาฉันไปอีกด้านหนึ่งของร้าน ที่นี่กว้างจริงๆ เวลาผ่านไปนานฉันได้ทำอะไรหลายอย่างทั้งสระผมที่พวกเธอถากๆหัวฉันจนหนังศรีษะแดง แล้วก็พาไปไดร์ จัดแต่งทรงผมฉันโดยการรวบตึงขึ้นหมดเล่นเอาคิ้วฉันเลิกขึ้น จากนั้นช่างแต่งหน้าก็เดินมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ หล่อนมาถึงก็ป้ายรองพื้น เบส กรีดอาย สารพัดอย่างจนในที่สุดลิปสติกแท่งยาวก็ถูกวาดลวดลายลงบนปากฉันเป็นอันจบขั้นตอน�
����������� "เชิญลองรองเท้าคู่นี้คะ"พนักงานคนเดิมที่พาฉันไปเปลี่ยนชุด เธอเดินเข้ามาพร้อมรองเท้าส้นสูงสีดำส้นแหลมปรี๊ด นี่หล่อนกะจะให้ฉันใช้มันแทนเข็มเย็บผ้าเลยใช่มั้ย -_- ถึงจะบ่นอุบอิบอยู่ในใจแต่ฉันก็รับมันมาจากเธอแล้วลองสวมดูอย่างว่าง่ายแล้วเดินไปหานายนั่นก่อนที่จะมองที่กระจกว่ามันเข้าชุดดีแล้ว
����������� นายนั่นรอฉันอยู่แล้ว ฉันมองเห็นเขาจากทางด้านหลังก็เห็นว่าตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นชุดสูทยืนเต๊ะท่าที่น่าหมั่นไส้ชะมัด
����������� "นี่นายจะไปกันหรือยัง"เขาหันหน้ามาตามเสียงเรียกของฉัน มันทำให้ฉันถึงกับอึ้งเมื่อตอนนี้คนข้างหน้าฉันดูเท่อย่างกับพระเอกหนังถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เราสองคนมีความแค้นต่อกันฉันคงจะละลายไปกับพื้นห้องอย่างแน่นอน
����������� "ธะ...เธอ นี่ช้าชะมัด"เขาบ่นก่อนจะเดินไปรูดบัตรเครดิตที่เคาท์เตอร์ แล้วลากๆฉันมาที่รถอย่างเดิมเพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่ใส่กุญแจมือให้ฉันอีกแล้ว เรามุ่งหน้าไปยังงานอะไรสักอย่างที่เขาขับมาไม่นานก็ถึง
����������� "อย่าลืมนะ ปิ้ว"เขาทำมือรูปปืนอีกครั้งพร้อมกับทำซาวด์เอฟเฟกต์ประกอบ
����������� "นายมันร้ายกาจที่สุด"ฉันบอกก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวขาออกมา ข้างหน้ามันเป็นโรงเเรมหรูที่ฉันเคยมาดูงานเลี้ยงฉลองของนักธุรกิจกับพ่อเมื่อในอดีต และคาดว่างานนี้ก็คงจะเหมือนกันที่นี้คงจะเป็นแหล่งรวมนักลงทุน ผู้ถือหุ้นยักษ์ใหญ่อะไรทำนองนั้น ไม่แปลกเลยที่เขาจะพาฉันมานี่กะจะทำให้พ่อฉันขายหน้าจนความนิยมของบริษัทติดลบไปล่ะซิ �เขาเดินมาข้างฉันแล้วจับมือฉันไปควงแขนเขาฉันพยายามจะชักออกตลอดทางที่จะเดินเข้างานแต่ก็แพ้กำลังแขนของเขาที่ล็อกแขนฉันไว้แน่น เราสองคนเดินมาถึงหน้างานทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉันคาดเดานักธุรกิจที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาล้วนอยู่ภายในงานทั้งนั้น
����������� "นายจะทำอะไรกันแน่"
����������� "เธอไม่จำเป็นต้องรู้แค่อยู่เฉยๆแล้วฉีกยิ้มกว้างๆไว้ก็พอ"เขาเดินไปแนะนำตัวกับนักธุรกิจหลายคนโดยมีฉันติดสอยห้อยตามโดยไม่ห่าง�
����������� "แฟนเธอเหรอ มินจุน"ชายวัยกลางคนคนนึงถามนายนี่ขึ้นมา
����������� "ครับ เราแต่งงานกันแล้วด้วยเมื่อไม่นานมานี่เอง"เขาพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง ฉันจิกแขนเขาแรงๆหนึ่งที พลางหันไปฉีกยิ้มให้เขาเช่นกัน อีตาบ้าเอ้ย! ชื่อเสียงฉันหมดกันๆ เราสองคนเดินแยกมาจากผู้คนมาอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโถง ฉันหยิบคอกเทลล์จากบริกรที่เดินผ่านมาซดอย่างอารมณ์เสีย
����������� "เบาๆ เดี๋ยวก็เมาจนทำให้ฉันขายหน้าหรอก"
����������� "นายจะมีหน้าอะไรมาให้ขาย หน้าของฉันนี่สิน่าขายหน้ากว่านายเป็นหลายร้อยเท่า"
����������� "พูดแบบนี้อยากรู้ใช่มั้ยว่าฉันมีดีอะไร ฮึ โซยอน"เขาไม่พูดเปล่าพลางโน้มหน้าเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ จนขณะนี้ฉันเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจของเขาแล้ว เห็นทีฉันคงต้องขอคอกเทลล์แก้วที่สองแน่ๆเพื่อระงับอารมณ์ที่มันเริ่มฟุ้งซ่านของฉันตอนนี้
����������� "ออกไป"ฉันผลักอกเขาออก แล้วไปเดินทางเครื่องดื่มก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาดื่มอีกแก้ว
����������� "ถึงกับทนความเร้าร้อนของฉันไม่ได้เลยใช่มั้ย ฮึฮึ"เขาเดินตามมาเหยาะเย้ยฉัน แต่ฉันทำท่าไม่สนใจแล้วยกดื่มรวดเดียวหมดแล้ววางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ หางตาฉันเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนึงที่กำลังเดินมาทางเรา เขาเดินเข้ามาซุบซิบกับมินจุน พระเจ้าฉันเรียกชื่อหมอนี่ออกมา -_- ช่างเถอะ�
����������� "ถึงเวลาแล้วมานี่"เขาจับข้อมือฉันแน่นแล้วดึงตัวฉันเดินไปกับเขา เขาจะจัดการเรื่องชั่วร้ายอะไรอีกละเนี้ย เขาจูงมือฉันผ่านผู้คนที่ตอนนี้เริ่มมากันเยอะขึ้นแล้ว เขาพาฉันมาหยุดอยู่ที่หลังเวที
����������� "นี่นายจะทำอะไรอีก"ฉันกอดอกแล้วมองเขาอย่างเบื่อหน่าย
����������� "แล้วอย่าพูดว่าไม่ใช่เรื่องของฉันและบอกฉันให้หุบปากอีก"
����������� "ก็ได้...งั้นคอยดูแล้วกันเดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง"เขาพูดทิ้งท้ายไว้แล้วเดินขึ้นไปบนเวทีจนแล้วจนรอดฉันก็ไม่เคยรู้จากปากเขาเลยว่าเขาจะทำอะไร ฉันทำได้เพียงแต่ตั้งตารอคอยผลลัพธ์ที่ออกมาและหวังว่ามันจะไม่เลวร้ายแค่นั้นเอง
����������� "ขอเชิญคุณมินจุนขึ้นมาบนนี้เลยครับ"พิธีกรกล่าวเรียนเชิญและตอนนี้เขาอยู่ที่นั้นบนนั้นแล้ว เขากล่าวอะไรของเขาก็ไม่รู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจของเขาที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ซึ่งฉันไม่ได้สนใจอะไรมากแต่ดูผู้คนภายในห้องโถงนี้จะสนใจฟังอยู่จำนวนไม่น้อย �
����������� "ได้ข่าวว่าคุณแต่งงานแล้วนี่ครับ"ประโยคต่อไปนี้ทำให้ฉันตื่นจากวังวนที่ตะกี้เผลองีบหลับไปหนึ่งทีเพราะความน่าเบื่อ นี่เขาเอาไปป่าวประกาศตอนไหนว่าฉันแต่งงานกับเขานี่มันเรื่องโกหกหลอกลวงทังเพ
����������� "ครับ และวันนี้เธอก็มาที่นี้กับผมด้วย"แทนที่เขาจะปฏิเสธ เขากลับยอมรับมันออกมาอย่างง่ายดาย และนั้นก็เรียกความสนใจจากคนในห้องโถงเป็นจำนวนไม่น้อย
����������� "งั้นเชิญเขาขึ้นมาเปิดตัวบนนี้ได้มั้ยครับ"ฉันละอยากเอารองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดของฉันไปกระแทกใส่หน้าพิธีกรจริงๆ
����������� "แน่นอนอยู่แล้วครับ รอแปปนึงนะครับ"และแล้วเขาก็เดินมาทางฉันพร้อมกับรอยยิ้มแบบเดิมของเขา แต่ครั้งนี้มันทำให้ฉันขนลุกไปทั้งตัว
����������� "ฉันไม่มีทางขึ้นไปบนนั้นแน่ๆ"
����������� "อยากให้ฉันเตือนความจำด้วยลูกปืนมั้ยโซยอน"ไม่ว่าเปล่าเขายังเลิกเสื้อขึ้นมาเผยให้เห็นกระบอกปืนสีดำที่คาดว่าคงจะเป็นของจริงเหน็บอยู่ตรงเอว ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะเอื้อมมือไปควงแขนเขาแล้วเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมฉีกยิ้มกว้างๆแบบนางงาม ทันทีที่ฉันขึ้นไปบนเวทีแสงจากสปอร์ตไลท์ก็ได้สาดส่องมาที่ตัวของฉันมันทำให้ฉันดูเด่นสะดุดตาภายใต้ชุดเดรสสีแดงชุดนี้มากขึ้นไปอีก
����������� "โอ้! �เธอสวยจริงๆนะครับ หลายๆคนคงคิดว่าคุณเป็นลักกี้แมนไปแล้วนะครับตอนนี้ เพราะดูเหมือนว่าความรักก็รุ่ง ธุรกิจก็รุ่ง �แล้วว่าแต่คุณคิดยังไงกับธุรกิจของJE GROUPที่พอเทียบกับธุรกิจของคุณแล้วตอนนี้ในตลาดหุ้น ธุรกิจของคุณก็กำลังมาแรงพอที่จะแข่งขันกันได้เลยทีเดียว"
����������� "อ่อไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่เร็วๆนี้แหละครับผมคนนี้แหละที่จะมาโค้นล้มJE GROUP ลงอย่างแน่นอน"�ฉันหันหน้ามามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา อย่างนายนี่หรอที่จะมาล้มบริษัทของครอบครัวฉันได้นะ ฉันมองไปที่หน้าเขาแล้วหาคำตอบ สายตาเขาดูมุ่งมั่นจริงจังมาก ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับปัญหาครั้งใหญ่ของครอบครัวตัวเองเบาๆ แต่ทันใดนั้นเองสายตาฉันก็บังเอิญไปสบสายตากับคนคนหนึ่งเข้า
����������� "พ่อ!"ฉันกำลังจะก้าวออกไปแต่มือของเขากับฉุดฉันกลับมาซะก่อน
����������� "อย่าลืมเรื่องลูกปืน อยู่เฉยๆแล้วฉีกยิ้มเอาไว้"เขาขู่ฉันอีกครั้งน้ำเสียงเขาดูจริงจังมากกว่าเมื้อกี้มาก
����������� "อ้าวงั้นแบบนี้ก็แสดงว่าคุณจะไม่จับมือเป็นพันธมิตรกับJE GROUP ใช่มั้ยครับคุณมิน จุน"พิธีกรยังไม่หยุดถามซักไซ้ต่อ
����������� "ไม่แน่นอนครับ เพราะตอนนี้เราคือคู่แข่งกันอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นตนไป!!!"ฉันเหลือบสายตามองไปทางพ่ออย่างขอความช่วยเหลือ แต่พ่อกลับไม่สนใจฉันแล้วกำลังจะเดินออกจากงานอย่างหัวเสีย �ฉันสะบัดมือมินจุนออกแล้วเดินลงเวทีไป มินจุนทำท่าทีไม่สนใจแล้วพูดอะไรไม่รู้ต่อก่อนจะวิ่งลงมาตามฉันที่ตอนนี้เดินออกมาจากทางประตูหลังงานแล้ว
����������� "เธอจะไปไหน ไม่กลัวใช่มั้ยลูกปืน"
����������� "เฮอะ! ถ้านายแน่จริงก็เอาเลยสิ ยิงฉันเลยก็ได้ยิงมาที่หัวฉันเลย"
����������� "เธอคิดว่าฉันไม่กล้าใช่มั้ย!"เขาคว้ำข้อแขนฉันแล้วออกแรงบีบจนเริ่มเห็นรอยแดงชัดขึ้นมา
����������� "ก็เอาเลยสิ แต่ขอโทษด้วยนะที่พ่อไม่ได้สนใจกับการกระทำของนายที่ทำกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียว"ฉันบอกเขาไปตามความจริงเพราะฉันไม่เห็นว่าพ่อจะมีทีท่าจะทำอะไรกับเรื่องนี้สักนิด และแววตาที่พ่อมองมาก็เหมือนกับคนที่ไม่รู้จักกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกได้ถึงน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากตาฉัน คงเป็นเพราะความโกรธแน่ๆ มินจุนทำท่าจะเอื้อมมือขึ้นมาปาดน้ำตาให้ฉัน แต่ฉันหันหน้าหนีก่อน
����������� "ไปกันได้แล้ว!!"เขาบอกก่อนจะออกแรงบีบแขนฉันแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิมแล้วพามาที่รถ ตอนนี้ฉันถูกจับยัดใส่ไว้ข้างในบีเอ็มสุดหรูที่ฉันอยากจะจุดน้ำมันเผาคันนี้เรียบร้อยแล้ว เขาสตาร์ทรถเเล้วขับออกมาด้วยความเร็วจนเรามาหยุดอยู่ที่ไฟแดงแห่งหนึ่ง เขาเบรกหนึ่งทีทำเอาฉันเกือบหัวทิ่ม ทันทีที่เราหยุดรถเก๋งสีดำก็เข้ามาจอดขนาบคู่บีเอ็มสีดำของเรา
����������� "ฮึ! ใครบอกว่าพ่อเธอไม่สนใจ"เขาแสยะยิ้มออกมาหนึ่งทีพลางพุ่งรถฝ่าไฟแดงออกไปทำเอาฉันที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรแทบจะใจหายใจคว่ำ
����������� "เกิดอะไรขึ้น!!!"เมื่อหันไปมองทางด้านหลังก็เห็นว่าไม่ใช่แค่สองคันที่ตามเรามา ยังมีรถอีกเพียบที่ตอนนี้ขับตามเราสองคนมาเป็นกระพรวน มินจุนไม่แม้แต่จะตอบคำถามฉันใบหน้าเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความเครียดและรถก็ยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นทุกที เกิดเรื่องวุนวายเข้าอีกจนได้ฉันยกมือขึ้นมากุมขมับอย่างปวดหัว
����������� "โต้ม!!!"
����������� "กรี๊ดดดด"ฉันร้องกรี๊ดขึ้นเมื่อเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นนั้นมาพร้อมกับความสั่นไหวของรถ ถึงจะเป็นลูกน้องของพ่อก็เถอะแต่ฉันที่อยู่บนรถนี้ยังอยากมีชีวิตต่อนะ คิ้วของมินจุนขมวดจนจะผูกโบอยู่แล้วเขาเหยียบเบรกจนมิดรถหมุนไปมาจนฉันเวียนหัว และในที่สุดมันก็หยุดจนได้ รถบีเอ็มหยุดจอดแน่นิ่ง สนิทบนท้องถนน และรถของพวกลูกน้องพ่อหลายคันที่ตามเรามาก็หยุดจอดลงด้วยพวกเขากำลังจะเปิดประตูลงมาจากรถฉันเห็นได้จากกระจกด้านข้าง แต่ทันในนั้นเองมินจุนกลับสตาร์ทรถใหม่อีกครั้งแล้วพุ่งออกตัวด้วยความเร็วสูงจนไม่มีใครตามทัน�บีเอ็มคันนี้ของเขานี่มันอึดจริงๆ
����������� "กรี๊ดดดดด"ฉันร้องกรี๊ดอีกครั้งด้วยความกลัวเมื่อเสียงปืนยิงรัวหลายนัดมาที่เราจนทำให้กระจกด้านหลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาเพิ่มความเร็วของรถขึ้นอีกจนตอนนี้บีเอ็มคันนี้ได้พาพวกเรามาไกลมากแล้วเพราะพอฉันหันไปมองก็ไม่มีรถคันไหนตามเรามาสักคันและตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วด้วย
����������� "ฮึกฮือฮือออ"ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว เกิดมาก็พึ่งจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแรกเลยนะ ที่ยิงกันก็เคยเจอแต่กับในหนังและฉันก็ไม่คิดว่าลูกน้องของพ่อจะพกปืนแบบนี้ด้วย
����������� "หยุดร้องไห้ได้มั้ย จะร้องทำไม"
����������� "ก็คนมันกลัวนิ!!"ถึงจะร้องไห้ก็ใช่ว่าจะหมดแรงเถียง ฉันหันไปจ้องเขาตาขวางจนเขาหยุดรถลงแล้วจอดตรงข้างทาง
����������� "ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ด้วย เพราะนายคนเดียวเลยได้ยินมั้ย"ฉันอารมณ์เสียจนอดไม่ไหวต้องเข้าไปเขย่าแขนเขา แต่ฉันกับได้ของแถมติดมือมามันคือคราบเลือดนั้นเอง
����������� "ละ....เลือดนี่"ฉันมองมือที่กำลังสั่นด้วยความกลัวอีกครั้ง "นายโดนยิงใช่มั้ย"ฉันมองไปที่ตัวเขาพร้อมกับหาคำตอบ
��� � � � � "ฉันจะโดนอะไรมันก็เรื่องของฉัน"
��� � � � � "เออ! ดีสมควรละโดนแบบนี้ทำไมไม่รีบตายไปเลยละ"ฉันโพร่งออกมา พลางจ้องไปที่หน้าเขาด้วยความโกรธแค้น มินจุนหันควับมาทางฉันอย่างรวดเร็ว
��� � � � � "ปากดีนักนะ โซยอน"ไม่ว่าป่าวตัวเขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาทางฉันมือของเขาจับไปที่ต้นคอของฉันแล้วกดจนโน้มหน้าฉันมาจรดริมฝีปากเขาจนได้ ฉันรีบดิ้นไปมาแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของเขาได้ เขาจูบฉันอย่างหนักหน่วงจนทำให้ฉันรู้สึกวาบไปทั้งท้อง ฉันออกแรงทุบหน้าอกเขาแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะสะทกสะท้าน มืออีกข้างหนึ่งของเขาเลื่อนมาที่ต้นขาของฉันเขาสอดมือเข้าไปใต้กระโปรงแล้วเลื่อนมือขึ้นไปถึงกางเกงชั้นใน
��� � � � � "เพียะ!! �มันจะมากไปแล้วนะมินจุน"ฉันใช้กำลังเเขนที่เหลืออยู่ออกแรงฟาดไปที่ใบหน้าของเขาจนตอนนี้ปรากฎเป็นรอยแดงเขาคงจะเจ็บเลยยกมือขึ้นไปลูบหน้า แต่สิ่งที่ฉันทำมันไม่เจ็บเท่ากับสิ่งที่เขาทำกับฉันเมื่อกี้หรอก ฉันเปิดประตูลงจากรถอย่างอารมณ์เสีย
��� � � � � "โต้ม!!"มินจุนเปิดประตูลงมาแล้วซัดประตูจนดั่นลั่นท้องถนน เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบจนควันลอยฟุ้งมาทางฉัน
��� � � � � "กลับขึ้นไป"เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
��� � � � � "ไม่! เข้าไปข้างในนั้นให้นายทำร้ายฉันนะหรอ เห็นฉันเป็นตัวอะไรกันแน่!!"
��� � � � � "เธอมันก็แค่ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันต้องการจะทำลายชีวิตไง!!"ฉันจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธแค้นน้ำตาเริ่มไหลออกมาด้วยความโกรธ ฉันเกลียดผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้จริงๆ ฉันหันหลังเดินออกไปจากตรงที่เขายืนอยู่
��� � � � � "จะไปไหน"เขาถามขึ้นมาแต่ฉันไม่ตอบและเดินต่อไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าที่นี้มันที่ไหนแต่มันก็ยังดีกว่าอยู่กับคนที่พร้อมจะทำร้ายฉันได้ทุกเมื่ออย่างนาย
��� � � � � "ตามใจจะไปไหนก็ไปเลย ถ้าเธอไม่กลัวละก็เดินไปเลยตามใจ"เขาตะโกนไล่หลังฉันมาพร้อมกับปิดประตูรถใส่จนเสียงดังอีกครั้ง เออดี!ปล่อยฉันไปแล้วใช่มั้ยทีนี้ฉันก็เป็นอิสระจากนายสักที ฉันเดินไปอย่างไม่มีจุดหมายถนนนี้ก็มีแต่ป่าเต็มสองข้างทาง ฟ้าเริ่มมืดลงทุกๆ
��� � � � � "โถ่เอ้ยรองเท้าบ้าจะกัดไปถึงไหนเนี้ย"ฉันร้องออกมาพร้อมสะบัดรองเท้าทิ้ง ทำไมชีวิตฉันมันถึงได้ซวยอย่างนี้นะ ฉันทรุดตัวลงนั่งกับพื้นบนท้องถนนพลางใช้มือนวดเท้าที่ระบมไปมา ตอนนี้อุณหภูมิเริ่มต่ำลงแล้ว ฉันที่ใส่เดรสตัวสั้นแถมยังเป็นเกาะอกจึงตั่วสั่นเทาไปด้วยความหนาวทันทีที่บมพัดผ่าน �บรรยากาศแถวนี้วังเวงชะมัด ทำไมไม่มีรถผ่านมาบนท้องถนนสักคันเลยนะ แต่พูดไม่ทันขาดคำเหมือนพระเจ้าจะทรงโปรดเมื่อมีรถคันนึงผ่านมาทางนี้พอดีแสงไฟจากรถยนตร์ส่องเข้ามาในตาจนฉันแสบตาไปหมด รถคันนี้ขับมาอย่างช้าๆแล้วจอดตรงหน้าฉันในที่สุด พวกเขาเปิดประตูรถลงมา
��� � � � � "มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ"ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉันแล้วถามคำถามอย่างมีน้ำใจ ฉันไม่รู้ว่าเขาหวังดีหรือเปล่าเพราะดูจากเพื่อนเขาสองคนที่เหลือหน้าตาก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่
��� � � � � "อ่อ ไม่มีหรอกคะพอดีฉันรอเพื่อนมารับ"ฉันบอกปฏิเสธเขาไปฉันยอมอยู่คนเดียวบนท้องถนนดีกว่าขึ้นไปบนรถของพวกนายแล้วโดนทำอะไรมิดีมิร้าย
��� � � � � "เอาเถอะนาครับขึ้นมาสิครับเดี๋ยวผมไปส่ง"เขาไม่พูดเปล่ามือเขายังมาจับมือฉันอีกต่างหาก ฉันสะบัดมือออกแต่เขาก็คว้ำมันมาอีกจนได้พลางดึงตัวฉันเข้าไปหาตัวเขา
��� � � � � "อย่าเล่นตัวให้มากนักได้มั้ย "มันจับฉันพิงกับรถแล้วซุกไซ้ซอกคอฉันไปมา
��� � � � � "กรี๊ดอย่าทำอะไรฉันนะ"ฉันพูดพร้อมเอามือทุบหลังของเขา
��� � � � � "โอ้ย ฤทธิ์มากนักนะนังนี่ เฮ้ยจับตัวมันไว้"ไอ้ย้าสองคนนั้นช่วยเขาด้วยการจับแขนฉันล็อกไว้กับที่
��� � � � � "เฮ้ยพลัดกันนะมึง ของสวยๆแบบเนี้ย"
��� � � � � "ฮ่ะๆ ได้อยู่แล้วเพื่อน"แม่ง!! พวกแกจะทำไรฉัน ไอ้ระยำนี่มันรีบเข้ามาที่ตัวฉันพลางเอามือซุกไซ้เข้าไปใต้กระโปรง ฉันดิ้นตัวไปมาเพื่อไม่ให้มันจับเข้าไปถึงส่วนนั้นของร่างกาย
��� � � � � "เพียะ!! หยุดดิ้นสักทีสินังนี่นิ"มือเขาฟาดมาที่หน้าฉัน จนทำให้ฉันถึงกับหน้าหันมาอีกทาง�
��� � � � � "ถุ้ยยยย!! ไอ้พวกสะวะ"ฉันถุ้ยน้ำลายไปที่เขาด้วยความแค้น
��� � � � � "หนอยยยย อยากลองดีนักใช่มั้ย"เขาเงื้อมือขึ้นมาจะพร้อมจะฟาดเขาที่หน้าฉันอีกครั้ง�
��� � � � � "ปังงงงงงง"ฉันหันหน้าไปมองตามเสียงที่ดันลั่นขึ้นฟ้า มินจุน!!
��� � � � � "กะ..แกเป็นใครกัน"มินจุนไม่ตอบคำถาม เขาเดินเข้ามาต่อยที่หน้าของไอ้สะวะนี่แล้วก็เข้าไปจัดการอีกสองคนที่เหลือจนพวกมันแต่ละคนหมดทางสู้
��� � � � � "ไป!!! ก่อนที่ลูกกระสุนของฉันไปฝังหัวพวกแก"พวกมันรีบลุกขึ้นด้วยความกลัวแล้วสตราท์รถออกไป ฉันทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความหมดแรงและความกลัว
��� � � � � "ลุก!!"เขาเดินเข้ามาจับข้อมือฉันแต่ฉันสะบัดมือเขาออกอย่างแรง
��� � � � � "มาทำไม นายกลับมาทำไม!!!! ทำไมไม่ปล่อยฉันให้โดนพวกมันทำร้ายอยู่บนท้องถนนนี้คนเดียวไปเลยละ!!"ฉันตวาดใส่เขาเสียงดังลั่นท้องถนน น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้งตัวนี้ตัวฉันสั่นไปหมดด้วยความกลัว �เขาไม่พูดอะไรแต่กับจับตัวฉันให้ลุกขึ้นยืนฉันทุกหน้าอกเขาอย่างแรงด้วยความเกลียด
��� � � � � "นายไม่รู้หรอกว่าพวกมันทำอะไรฉันบ้าง!! ฮึกฮือ"เขาไม่พูดอะไรออกมาแล้วพาฉันไปที่รถ เขาถอดเสื้อนอกของเขาออกแล้วนำมาคลุมไว้ที่ตัวฉัน เขาออกตัวรถด้วยความเร็วอีกครั้งไม่นานเราก็ออกจากถนนเส้นนี้กลับเข้ามาสู่ใจกลางกรุงโซลอีกครั้ง เขาไม่ได้มุ่งหน้าไปที่ตึกสี่ชั้นที่เราเคยอยู่เพราะตอนนี้เขาขับรถมาจอดที่หน้าคอนโดหรูสูงกว่าสามสิบชั้นเขาพาฉันขึ้นไปบนห้องชั้นที่ยี่สิบเก้า ข้างในดูโอ้อ่าแล้วก็กว้างขวางมาก แตกต่างกับห้องที่เราอยู่ตอนนั้นลิบลับ �ฉันเหลือบไปมองหน้าเขาแล้วพอดีสายตาก็ไปหยุดที่คราบเลือดที่แขนวงใหญ่นั้นเข้าให้
��� � � � � "นี่ไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาสิ ฉันจะทำแผลให้"ฉันบอกเขา เขามองมาที่ฉันแวบหนึ่งก่อนที่จะเดินไปอีกทางฉันจึงเดินมาที่โซฟาแล้วเสื้อคลุมออก อีกไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับกล่องสีขาวกล่องหนึ่ง เขานั่งลงตรงข้ามฉันแล้วถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ทำให้ฉันแถบจะละลาย ฉันเห็นแผลของเขาก็พบว่าเขาโดนแค่เฉียดนิดหน่อยเท่านั้นเอง ฉันรีบจัดแจงทำแผลของเขาให้เสร็จเร็วๆเพราะไม่งั้นขืนฉันอยู่ใกล้เขาไปมากกว่านี้มีหวัง.....แน่ๆ
��� � � � � อากาศในห้องเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เรายังคงเงียบและไม่พูดอะไรออกมาจนฉันพันผ้าก็อตให้เขาเสร็จเรียบร้อยเลยเงยหน้าขึ้นจนสบตากับเขาเข้าพอดี ฉันเบือนหน้าหนีแต่เขากลับจับคางของฉันแล้วหันมาทางเขา เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันจนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของเขา
��� � � � � "คนเกลียดกันจะจูบกันได้ยังไง"
��� � � � ��
��� � � � ��
ความคิดเห็น