ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    taokacha #323 : Break - หยุดหัวใจไว้ให้นาย

    ลำดับตอนที่ #3 : Break : Two

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 55


     

     

     

    Two

     

     

     

     

     

    เปลือกตาบางค่อยๆยกเปิดออกช้าๆ กลิ่นที่ไม่คุ้นจมูก ภาพที่ไม่คุ้นตา และคนที่ไม่คุ้นเคยที่กำลังจะเปลี่ยนฐานะเป็นคนรู้ใจ ... ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่เพียงการหลอกลวงก็เถอะ

     

     

     

    มือเรียวจับยกแขนแกร่งที่พาดอยู่บนเอวออกอย่างเบามือเพราะกลัวว่าคนตัวขาวสว่างที่ถือวิสาสะนอนกอดเอวเขาทั้งคืนจะตื่นขึ้นมาอาละวาด ก็รู้ๆกันอยู่เวลากำลังหลับสบายๆถ้าถูกรบกวนมันจะอารมณ์เสียแค่ไหน

     

     

     

    คชาเดินผ่านออกมายังห้องครัวอย่างเงียบๆก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบทำอาหารเช้า

     

     

     

    “หืม! นี่คงเป็นตู้แช่เบียร์แหงๆ” จริงๆนะครับที่ว่าเป็นตู้แช่เบียร์ ก็ทั้งตู้ไม่มีของสดหรืออาหารอยู่เลยจะมีก็แค่เบียร์หลายกระป๋องกับน้ำเปล่าอีกไม่กี่ขวด

     

    “นี่ก็แปดโมงกว่าแล้วด้วย” ดวงตากลมโตหันมองไปยังนาฬิกาแขวนผนังก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆแล้วตัดสินใจอะไรบางอย่าง

     

    “คุณเต๋า ... เดี๋ยวคชาลงไปหาซื้อของมาทำกับข้าวก่อนนะ” เสียงใสก้มลงกระซิบข้างๆหูคนที่นอนหลับอยู่

     

     

     

    ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวบางตัวใหญ่และกางเกงขาสั้น ( สั้นจริงๆนะ ) เดินออกจากคอนโดหรูใจกลางเมืองก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ริมฟุตบาท

     

     

     

    “แล้วตลาดที่ใกล้ที่สุดมันอยู่ตรงไหนละเนี่ย” คชาพูดออกมาเพียงลำพัง

     

     

     

    มือเรียวยื่นออกไปโบกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมาก่อนจะเปิดประตูด้านหลังแล้วเคลื่อนตัวลงนั่งก่อนจะบอกจุดมุ่งหมาย ...

     

     

     

    “เอ่อ ไปตลาดที่ใกล้ที่สุดแถวนี้ฮะ”

     

     

     

    คนขับรถแท็กซี่พยักหน้ารับคำตอบก่อนจะเหยียบคันเร่งเดินเครื่องไปยังตลาดสดที่ใกล้ที่สุดในละแวกนี้

     

     

     

    ผ่านไปเกือบๆ 10 นาทีคชากำลังยืนอยู่หน้าตลาดสดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจสักเท่าไหร่ ก็ไอ้สิบนาทีที่ผ่านมาเมื่อกี๊ มันเป็นเวลาที่รถติดเกือบ 5-6 นาทีแล้ว เพราะตลาดที่ว่าอยู่ห่างจากคอนโดไม่เท่าไหร่เอง เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว แถมค่าแท็กซี่ยังเก็บเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีก

     

     

     

    คชาเริ่มเดินเลือกซื้อวัตถุดิบปรุงอาหารทั้งของสด ผัก และเครื่องปรุงต่างๆที่ห้องครัวของคุณแฟน(กำมะลอ)ไม่มี  .... ไม่นานนัก นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กก็หอบข้าวของที่ซื้อมาเต็มสองมือเดินกลับคอนโด

     

     

     

    “อืม ... ที่ว่างในตู้เย็นไม่มีเลยแฮะ แต่เอาแบบนี้ดีกว่า” คชายิ้มร่าเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ก่อนจะหยิบกระป๋องเบียร์หลายกระป๋องออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้วยัดของสด ผัก ที่ซื้อมาเข้าไปไว้แทน แล้วจึงหันมาจัดการกับกระป๋องเบียร์ที่วางอยู่

     

     

    “อื้ม ถ้าจะดื่มเยอะขนาดนี้นะ ... จะมีแฟนทั้งทีได้ไอ้หื่นขี้เมามาเป็นซะงั้น กรรมอะไรของคชาด้วยเนี่ย” คชาพูดกับตัวเองเบาๆหลังจากเก็บกระป๋องเบียร์เข้าตู้เก็บของก่อนจะหันไปสนใจกับเมนูของวันนี้

     

     

     

    ร่างบางจัดแจงหั่นผัก หั่นหมู ก่อนจะเริ่มลงมือปรุงอาหารตามแบบฉบับ คชา เชฟมือทอง!!!

     

     

     

    ร่างสูงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่นี่มันเพิ่งจะ 8 โมงกว่าๆเอง กว่าจะได้นอนเมื่อคืนก็ปาไปเกือบเช้าแล้ว กว่าจะคุยกับเด็กดื้อรู้เรื่อง ... และไอ้ที่ตื่นเนี่ยก็เพราะกลิ่นแปลกๆที่ลอยมาเตะจมูกเขาก็เท่านั้นแหละ

     

     

     

    เมื่อตื่นมาไม่พบหมอดกอดมีชีวิตอยู่ข้างกาย เต๋าก็พอจะเดาได้ว่ากลิ่นไม่คุ้นจมูกนั่นฝีมือใคร .... ขายาวก้าวออกมาจากห้องนอนอย่างเนิบนาบก่อนจะมาแอบยืนกอดอกพิงพนังห้องครัวยืนดูแฟน(คนล่าสุด) กำลังลงมือทำอาหารเช้าอย่างมีความสุข

     

     

     

    “อืม.. แค่นี้คงพอแล้วมั้ง กินกันสองคนเอง เห้ย!!เป็ดร่วง” เสียงอุทานของคชาดังลั่นพร้อมกับจานที่แตกเต็มพื้น

     

    “หยุดเลย อย่าขยับนะเดี๋ยวเต๋าทำเอง” เต๋าก้าวเท้าเข้าไปหาคชาก่อนจะก้มลงเก็บเศษจานที่แตกลงถังขยะ

     

    “คือผมขอโทษ”

     

    “ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ” เมื่อเก็บเศษจานหมดแล้วเต๋าก็รีบลุกขึ้นสำรวจร่างบางทันที

     

     

     

    มื้อเช้าที่แสนจะเรียบง่ายผ่านพ้นไปก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้าสลับกันไปอาบน้ำพร้อมที่จะออกไปทำธุระสำคัญตามที่ตกลงกันไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา ...

     

     

     

    “แน่ใจแล้วนะคชา”

     

    “อืม แน่ใจแล้วอะไรที่ทำให้แม่หายได้ ผมก็จะทำ” ถึงแม้จะต้องแลกด้วยศักศรีดิ์คชาก็จะทำ

     

     

     

    มาริสา อัญชุลีประดิษฐ์

    ป้ายชื่อผู้ป่วยหน้าประตูห้อง VIP

     

     

     

    “แม่ฮะ” คชาเดินตรงไปที่เก้าอี้ข้างเตียงทันที

     

    “เป็นไงลูก เหนื่อยมากหรือเปล่า แม่ไม่เป็นไรแล้วนะ” มาริสาพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่อ่อนโยน

     

    “ไม่เหนื่อยเลยฮะแม่ ขอแค่แม่หายดีให้คชาไปเป็นกรรมกรแบกหาม เป็นจับกังชาก็จะทำฮะ” คชาเอนหัวซบลงกับแขนของผู้เป็นแม่

     

    “แล้วนั่นมากับใครล่ะ ไม่คุ้นหน้าเลย”

     

    “เอ่อ .. คือ ชามากับคุณเต๋าน่ะฮะ”

     

    “สวัสดีครับแม่”

     

    “สวัสดีจ้ะ ว่าแต่เขาเป็นใครหรอลูกชา” มาริสารับไหว้ก่อนจะหันมากระซิบกับลูกชาย

     

    “แม่จะโกรธชามั้ยถ้าชาจะบอกว่าผู้ชายคนนั้น .... เต๋าคุณออกไปก่อนนะ คชาขออยู่กับแม่ตามลำพังสักแปบนะ” คชากระซิบกับแม่ก่อนจะเงยหน้าบอกคนที่ยืนอยู่ห่างๆ

     

    “อื้ม ได้สิ” เต๋าพูดจบก็เลื่อนประตูเปิดออกไป

     

    “ไหนจะบอกแม่ได้หรือยังว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” มาริสาถามลูกชายอีกครั้ง

     

    “แม่จะไม่โกรธใช่มั้ย แม่จะยังรักคชาเหมือนเดิมหรือเปล่าถ้าคชาบอกไป” เสียงคชาเริ่มสั่นไหว

     

    “แม่จะโกรธลูกได้ยังไงล่ะ ต่อให้ลูกแม่จะดี จะร้ายแค่ไหน แม่ก็รักลูกเสมอ”

     

    “ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนคชาครับแม่”

     

    “..... ว่า .. ว่าไงนะคชา”

     

    เต๋ากับคชาเป็นแฟนกัน

     

    “อืมๆ แม่เข้าใจแล้ว .. จำไว้นะคชาแม่จะไม่โกรธคชาหรอก คชาจะชอบใครรักใคร จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงแม่ก็ไม่ว่า ถ้าคนนั้นเขารักลูกของแม่จริงและดูแลลูกชายคนนี้ของแม่ได้ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว” มาริสาดึงตัวลูกชายเข้ากอด

     

    “ขอโทษนะครับแม่”

     

    “ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ ไปเรียกตาเต๋าเข้ามาเจอแม่หน่อยสิแม่อยากจะคุยกับเขาบ้าง ว่าเขาเหมาะสมจะดูแลลูกชายแม่แค่ไหน” มาริสาบอกลูกชาย

     

    “ถ้างั้นชาขอตัวไปซุปเปอร์ข้างล่างนะฮะ” คชาผละออกจากอ้อมกอดแล้วจึงเดินออกมาตามอีกคน

     

     

     

     

    “หืม .. เสร็จธุระแล้วหรอ”

     

    “อืม แม่อยากคุยกับคุณน่ะ”

     

    “อ๋อได้ๆ แล้วนี่ร้องไห้หรอ”

     

    “เปล่าซะหน่อย จะลงไปซุปเปอร์ด้านล่างเอาอะไรมั้ย”

     

    “ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ”

     

     

     

    เต๋าเลื่อนประตูเปิดเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยอย่างเบามือก่อนจะตรงไปนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกันกับที่คชานั่งเมื่อกี๊

     

     

     

    “มาแล้วหรอ”

     

    “ครับ”

     

    “ชื่ออะไรล่ะเรา เรียนอะไรหรือทำงานแล้ว”

     

    “ผมชื่อเต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ ตอนนี้เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 4 ของมหาลัย xxx ครับ”

     

    “เป็นรุ่นพี่คชางั้นสิ”

     

    “ครับ”

     

     

     

    เต๋าชักจะอยากรู้แล้วสิว่าเมื่อกี๊คชากับแม่คุยอะไรกัน เขาถึงได้โดนซักถามขนาดนี้ ขอผ่านไปได้ก่อนเถอะคชาได้คุยกันยกใหญ่แน่!!

     

     

     

    “คบกันนานหรือยัง”

     

    “ครับ?”

     

    “เป็นแฟนกับลูกแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ คบกันนานหรือยัง รู้ใช่มั้ยว่าเธอเป็นคนแรกที่คชาพามาแนะนำให้รู้จักในฐานะอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน” งั้นที่คชาพูดเมื่อคืนก็เป็นความจริงน่ะสิ

     

    “คือ .. เพิ่งคบกันครับ .... เมื่อวานนี้เอง” เต๋าตอบตามความจริง

     

    “จริงหรอ? แม่จะถามแล้วขอให้เธอใช้สมองและหัวใจคิดไปพร้อมๆกันนะ ว่าที่จริงแล้วเธอรักลูกชายแม่จริงๆหรือแค่เห็นเป็นดอกไม้ริมทาง”

     

     

     

    เต๋าก้มหน้าลงต่ำไม่สบสายตามาริสา แม้ภายนอกมาริสาอาจจะดูใจดีแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เขาไม่เคยเลี้ยงลูกแบบตามใจหรือโอ๋ลูกเลยสักนิด ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก เพราะคชาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นกำลังใจให้มาริสายังอยู่ต่อไป

     

     

     

    “คชาเป็นเหมือนดวงใจของแม่นะเต๋า แม่ขอนะ ถ้าเต๋าไม่ได้มีความรู้สึกรักคชาจริงๆ เต๋าเลิกความคิดนี้ตอนนี้ยังทัน ถึงแม้ว่าเต๋าจะทำให้แม้หายเป็นปกติได้มันก็ไม่ได้ทำให้แม่มีความสุขนะถ้าคชาจะต้องเจ็บปวด... แม่ทนเห็นลูกของแม่เจ็บไม่ได้หรอก ถ้าไม่รักจริงๆปล่อยคชาไปเถอะนะ”

     

    “คชาบอกคุณแม่หรอครับ” เต๋าตกใจในคำพูดของมาริสา

     

    “ไม่หรอก คชาไม่บอกอะไรทั้งนั้น ลูกของแม่ แม่รู้ดีไม่มีทางที่คนเพิ่งรู้จักกันวันเดียวจะมาตกลงปลงใจเป็นแฟนกันได้หรอก ยิ่งเฉพาะคนอย่างคชามันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย แล้วแม่ก็รู้ว่าเต๋าเป็นใคร เพียงพอ ตระกูลเจ้าของโรงพยาบาลนี้ ถ้าความช่วยเหลือของเต๋ามันทำให้ลูกของแม่เสียใจ เสียน้ำตา แม่ก็คงรับไว้ไม่ได้จริงๆ”

     

    “แล้วถ้าผมบอกกับคุณแม่ว่าผมรักลูกชายของแม่จริงๆ คุณแม่จะให้โอกาสหรือเปล่าครับ” เต๋าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับมาริสา

     

     

     

    มาริสาสบตากับเศรษฐพงศ์และพยายามจ้องที่ดวงตาดำขลับนั่น และสิ่งที่เห็น ที่มาริสาได้เข้าใจ มันทำให้คนป่วยอย่างเขาเริ่มมีความสุข ....

     

     

     

    “คุณแม่จะเชื่อหรือเปล่า ผมหลงรักลูกชายคุณแม่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้า ถึงแม้การพบกันครั้งแรกคชาจะไม่รู้สึกตัวก็ตาม มันอาจจะฟังดูแปลกไปสักหน่อยที่ความรู้สึกแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ผมจะพยายามครับ ... พยายามพิสูจน์ตัวเองให้คชาและคุณแม่เห็นว่าคนอย่างผมก็ดูแลคชาได้เหมือนกัน” เต๋าพูดน้ำเสียงหนักแน่น

     

     

     

    มาริสายิ้มส่งให้เต๋าแล้วจึงพยักหน้ารับว่าเข้าใจก่อนจะกวักมือเรียกเต๋าให้เข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะดึกตัวเต๋าไปกอดอย่างหลวมๆ

     

     

     

    “แม่จะบอกอะไรให้เต๋าเอาไปคิดนะ .... ความรักมันต้องใช้ทั้งหัวใจและสมอง ถ้าใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็ไปไม่รอด ถ้าเต๋าใช้แค่หัวใจรักเต๋าก็จะรักโดยไม่สนว่าความรักที่เต๋ามีให้คชามันถูกหรือมันผิด มันเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม หรือถ้าเต๋าใช้แต่สมองรัก เต๋าก็จะยึดติดกับหลักเหตุผลมากเกินไปจนลืมนึกถึงความรู้สึกของหัวใจ .... แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเต๋าว่าที่แม่พูดไปเต๋าจะเข้าใจแล้วเอามันไปใช้บ้างหรือเปล่าก็เท่านั้น .... ถ้ารักคชาจริงๆ แม่ก็เปิดทางให้และไม่คิดขัดขวาง แต่อยากให้เต๋าจำไว้ ถ้าวันไหนคชาร้องไห้เสียใจเพราะเต๋า เต๋าจะไม่มีโอกาสได้เจอคชาอีกเป็นครั้งที่สอง” มาริสาพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนพักดังเดิม

     

     

     

    แม่ของคชาอ่านเกมส์ของเต๋าได้ทะลุปุโปร่ง แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วเพราะมันทำให้ตัวของเต๋าเองรู้ว่าความรู้สึกของเขาหนักแน่นกับคชามากแค่ไหน มันทำให้เขาแน่ใจว่าที่เขาทุ่มเทลงไปก็เพื่อรอยยิ้ม และความสุขของคนที่เขาหลงรักจนหมดหัวใจ ....

     

     

     

    หลังจากที่มาริสาหลับตาลงได้ไม่นาน นักศึกษาแพทย์ร่างบางก็เข้ามาในห้องพร้อมขนมถุงใหญ่ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้วฝากสิ่งของทั้งหมดให้เต๋าเป็นคนจัดการต่อ ...

     

     

     

    “นี่คุณ แม่หลับไปนานแล้วหรอ”

     

    “เพิ่งหลับเมื่อตะกี๊ เลิกเรียกคุณสักทีเหอะ” เต๋าตอบ

     

    “ก็มันไม่ชินปากนี่หว่า”

     

    “พูดเพราะหน่อยสิครับ”

     

    “เฮ้อ ครับ!!” คชาตอบเสียงดังจนเต๋าต้องจ้องตาดุๆใส่

     

    “แม่หลับแล้วอย่าเสียงดังรบกวนสิ”

     

    “อุ้ย! ลืม ขอโทษครับ”

     

     

     

    ร่างเล็กยกมือยีผมตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันไปหยิบหนังสือธรรมะของแม่ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาอ่านอย่างเงียบๆ

     

     

     

    เวลาล่วงเลยจนเริ่มเข้าช่วงบ่าย คชาที่อ่านหนังสือธรรมะจนฟุบหลับถูกร่างสูงอุ้มมานอนบนโซฟาเพื่อจะได้สบายตัว ไม่ปวดหลังตอนตื่น ...

     

     

     

    “คชา เราจะให้โอกาสพี่บ้างหรือเปล่า เราจะรักพี่เหมือนที่พี่รักเราบ้างหรือเปล่า” เต๋าพูดเสียงเบาพร้อมกับลูบผมคนหลับอย่างเอ็นดู

     

     

     

    ใบหน้าหล่อเชิดหน้าขึ้นมาก็ต้องสะดุ้งตกใจกับรอยยิ้มของมาริสาที่ได้รับรู้ทุกคำพูดและการกระทำของเต๋า

     

     

     

    “แล้ววันนี้เราไม่มีเรียนกันหรอ”

     

    “คชามีเรียนคาบเช้าครับ แต่ผมทำเรื่องลาให้แล้ว ส่วนผมก็มาฝึกงานที่นี่แหละครับ จะว่าเป็นสิทธิพิเศษก็ว่าได้ครับ” เต๋าลุกจากโซฟามานั่งข้างเตียงผู้ป่วย

     

     

    “คุณแม่ตื่นนานแล้วหรอครับ”

     

    “นานพอที่จะเห็นอะไรดีๆนั่นแหละจ้ะ แม่ว่าเต๋ากับคชากลับไปพักผ่อนกันก็ได้แล้วล่ะอยู่แต่โรงพยาบาลมันน่าเบื่อนะ เที่ยงๆบ่ายๆแบบนี้พาคชาไปกินไอศกรีมสตอเบอรี่สิ” มาริสาพูดจบก็คลี่ยิ้มหวานๆออกมา

     

     

     

    ไม่แปลกเลยที่คชาจะน่ารักขนาดนี้เพราะได้แม่มาเต็มๆใบหน้านั้นเลยกลายเป็นสวยเหมือนผู้หญิงมากกว่าหล่อแบบผู้ชาย เต๋าพยักหน้าเบาๆตอบรับเมื่อมาริสาแนะนำและเปรยให้เขารู้ว่าคชาชอบอะไร ...

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากใช้เวลาขลุกอยู่ห้องผู้ป่วยเกือบครึ่งค่อนวัน เต๋าก็พาคชาออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างจนได้ ก็คงเป็นเพราะคุณแม่ที่นอนอยู่โรงพยาบาลช่วยพูดบังคับด้วยนั่นแหละ ไม่งั้นคงลากออกมาไม่ได้แบบนี้หรอก

     

     

     

    “อยากกินอะไร บอกได้นะ”

     

    “ไม่รู้เหมือนกัน ... แต่ตอนนี้คชามีเรื่องจะถาม”

     

    “เรื่องอะไรล่ะ” หลังจากหันไปสั่งไอศกรีมเสร็จเต๋าก็หันมาสนใจอีกคนทันที

     

    “คุยอะไรกับแม่หรอบอกได้หรือเปล่า”

     

    “อยากรู้ความจริงหรือเอาเรื่องที่พี่แต่งขึ้นล่ะ” เต๋าแกล้งย้อน

     

    “เดี๋ยวๆ! สรุปจะแทนตัวเองว่ายังไงกันแน่ คือเอาที่แน่นอนจะได้พูดให้ชิน” คชาพยายามจะนอกเรื่อง

     

    “ก็คิดว่าเรียกแบบไหนแล้วสนิทสุดก็แบบนั้นแหละ แต่ต่อไปนี้เต๋าจะแทนตัวเองว่าพี่ก็แล้วกัน อายุมากกว่านี่เนอะ” เต๋าทำเนียนไปขยี้ผมของคชา

     

    “ฮื่อ เนียนอีกละ อ๊ะ! ผมยุ่งหมดแล้ว”

     

    “ชอบกินสตอเบอรี่หรอ” เต๋าเอ่ยถาม

     

    “อื้ม รู้ได้ไงล่ะ แม่บอกอีกละสิ” พูดพลางตักไอศกรีมเข้าปาก

     

    “ก็จะเป็นลูกเขยบ้านนี้ก็ต้องรู้ไว้หน่อยสิ”

     

    “ขอร้อง! อย่าเยอะแค่แฟนกำมะลอพี่เต๋าหาสาวใหม่ได้เมื่อไหร่ ก็ต้องเลิกกับชาแล้วล่ะ”

     

    “แล้วคิดว่าพี่จะเลิกกับเราหรือไง เด็กน้อย!!!

     

    “ไม่เลิกก็บ้าแล้วคนไม่ได้รักกัน ไม่ได้คุ้นเคยกันจะรักกันได้ยังไง เนียนเปลี่ยนเรื่องอีกแล้วสรุปเอาความจริงเล่ามา” คชาเอ็ดเต๋า ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินไอศกรีมโดยไม่สนใจเต๋าเลย

     

    “ไม่มีอะไรมากหรอกแค่แม่บอกว่าให้พี่ดูแลเราดีๆ รักเราให้มากๆ แค่นั้นแหละ”

     

     

     

    หัวกลมๆพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจก่อนจะก้มลงกินไอศกรีมด้วยความรู้สึกเขินๆ จะบ้าไปแล้วหรือไงแค่แฟนกำมะลอทำไมหัวใจมันเต้นแรงจริงๆวะเนี่ย ...

     

     

     

    หลังจากกินข้าวกินไอศกรีมเป็นที่เรียบร้อยแล้วเต๋าก็เริ่มโปรแกรมเดท(?)ครั้งแรกของเขาและคชา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแผนที่เพิ่งคิดได้ตอนกินไอศกรีมก็เถอะนะ เต๋าลากคชาเข้าโรงหนังและแน่นอนภาพยนตร์เรื่องแรกของการเดทของเราก็คือ ... หนังผี!!! ในความคิดของเต๋าเมื่อฉากผีโผล่มาเมื่อไหร่คชาต้องซุกหน้ามาที่เต๋าแน่ๆ แต่ความจริงใครเล่าจะรู้ ... ก็เด็กน้อยคนนี้เข้ามานั่งดูยังไม่ถึง 5 นาทีก็นั่งคอพับหลับไปซะแล้ว

     

     

     

    เต๋าและคชาเดินออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ... คนตัวโตปั้นหน้านิ่งๆ เซ็งๆ ส่วนคนตัวเล็กยิ้มแป้นแล้นเหมือนไม่รู้สึกอะไร ..

     

     

     

    “พี่เต๋าๆ” มือเรียวเขย่าแขนร่างสูงที่ข้างๆ

     

    “.....” เต๋าหันหน้ามามองอย่างเซ็งๆ

     

    “เป็นไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นหนังไม่สนุกหรอ” นั่น!! ยังจะมีหน้ามาถามอีก

     

    “พี่ควรจะเป็นคนถามคำถามนี้กับเรามากกว่านะ ถามจริงๆนะ เบื่อหรือเปล่าที่พี่พามาทำอะไรแบบนี้”

     

    “ไม่ๆ สนุกจะตายแต่เมื่อกี๊ชาขอโทษนะ คือชาไม่กล้าดูหนังแบบนี้ ขอโทษนะ” คชาก้มหน้างุดต่ำลงเพราะรู้สึกผิด

     

    “เฮ้อ พี่งี่เง่าเองแหละ ไม่เป็นไรไว้ครั้งหน้ามาดูเรื่องอื่นก็ได้ ไม่ต้องคิดมาก” เต๋ายกมือหนาลูบผมนุ่มเบามือ

     

    “ขอโทษจริงๆนะ”

     

    “ไม่เป็นไร ป่ะไปเลือกซื้อเสื้อผ้ากัน เดี๋ยวคืนนี้ไม่มีชุดให้เปลี่ยนอีก”

     

    “ห้ะ! หมายความว่ายังไง”

     

    “ก็ไปนอนค้างคอนโดพี่ไง นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อตกลงนะ ที่สำคัญพี่จะได้ทำตามที่แม่ขอด้วยไง ได้ดูแลคชาใกล้ๆตลอดเวลา”

     

    “สาบานว่าที่พูดมาเป็นเรื่องจริง” ชักไม่น่าไว้ใจซะแล้วสิไอ้พี่คนนี้

     

    “ด้วยเกียรติของว่าที่หมอเต๋าเลยครับ”

     

    “แหวะ” คชาสบถเบาๆก่อนจะเดินตามเต๋าเข้าร้านเสื้อผ้าไป

     

     

     

     

    อยากรู้จังว่าพี่เต๋าต้องการอะไรกันแน่ ทำแบบนี้ทำไม ที่ผ่านมาคชาก็ยังไม่เคยมีใครที่จะเข้ามาจริงๆจังๆแบบนี้สักคน เงินทองมากมายที่พี่เต๋าทุ่มเทให้เอาจริงๆแล้วรู้สึกเกรงใจเหมือนกัน เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันแต่พี่เต๋าก็พร้อมที่จะทำให้ขนาดนี้ หรือว่ามันเป็นแค่ความสุขระยะสั้นที่คนรวยเขาชอบทำกัน จะผิดหรือเปล่าถ้าคชาจะเข้าข้างตัวเอง ..... ว่าพี่เต๋ารักคชาจริงๆ

     

     

     

     

     

    Note : ตอนที่สองมาแล้วนะครับ ตอนหน้าจะเป็นพาร์ทนักศึกษาแพทย์ทั้งคู่แล้วนะ ตัวละครอื่นก็เริ่มโผล่มามีบทแล้ว #ขอถามว่าอยากให้มีคู่พิเศษคู่ไหนด้วยหรือเปล่า #นอกเรื่องนิด ที่บ้านอิงอากาศมันแปรปรวนสุดๆ 1 วันแทบจะมี 3 ฤดู เป็นอะไรที่ Amazing มากๆ ( เพลีย ) รีดเดอร์ที่รักก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะ #ช่วงสอง-สามวันนี้ต้องไปช่วยพี่จัดร้านเสื้อผ้า จะเร่งมือเขียนตอนต่อไปมาลงให้นะครับ

    ปล. อ่านแล้วเสียสละเวลาอันน้อยนิดช่วยให้กำลังใจกันด้วยนะครับ เจอกันตอนหน้า #ฟิ้ววววววววววววววว : )

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×