ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    taokacha #323 : Break - หยุดหัวใจไว้ให้นาย

    ลำดับตอนที่ #2 : Break : One

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 55


     

     

     

    One

     

     

     

    “คชา พักหน่อยก็ได้มั้ง พี่ว่าเราหักโหมงานมากไปแล้วนะ เดี๋ยวล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลอีก พี่เป็นห่วงนะรู้มั้ย”

     

    “ไม่เป็นไรฮะพี่ต้น แค่นี้สบายมาก” คชาพูดพร้อมกับเก็บแก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะ

     

     

     

    หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาคชาก็กลับไปเรียนและทำงานตามปกติเหมือนเดิมแต่สำหรับตัวคุณแม่ของคชายังต้องพักรักษาตัวอยู่ในพยาบาลจนกว่าจะเสร็จสิ้นการรักษา หรือเข้ารับการผ่าตัดนั่นเอง

     

     

     

    คชาทำงานหนักขึ้น เยอะขึ้น จนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเพื่อจะหาเงินไปจ่ายค่ารักษาของผู้เป็นแม่ แต่จำนวนเงินมันก็ไม่ใช่น้อยๆ จากนี้ไปใครเสนองานอะไรให้เขาก็คงจะรับปากหมด ...

     

     

     

    “เอาแบบนี้มั้ยคชา เดี๋ยวพี่เพิ่มเงินเดือนให้เท่าหนึ่งเลยก็แล้วกัน แต่ขอให้คชาเชื่อพี่สักครั้ง อย่าหักโหมให้มาก พี่เป็นห่วงเรานะเข้าใจมั้ย”

     

    “เอ่อ ... ก็ได้ครับ”

     

     

     

    ต้น ธนษิต เป็นรุ่นพี่ที่คชารู้จักมาตั้งแต่เล็กๆ ตอนนี้เรียนจบแล้วเลยมาเปิดร้านอาหารกึ่งผับ และที่สำคัญ ต้นหลงรักคชามาตั้งนานแล้ว

     

     

     

    “แล้วพรุ่งนี้จะไปเรียนทันมั้ย นี่ก็จะตี 2 แล้ว”

     

    “ทันอยู่แล้วครับ เริ่มชินแล้ว”

     

     

     

    คชาตอบกลับยิ้มๆ ก่อนจะยกถาดแก้วไปเก็บให้เรียบร้อย

     

     

     

    เมื่อถึงเวลาร้านปิดพนักงานยังคงง่วนอยู่กับการเก็บของ เช็คสิ่งของต่างๆรวมทั้งตัวคชาที่กำลังล้างบาร์อยู่เพียงลำพัง ...

     

     

     

    “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มผมยาวเอ่ยทัก

     

    “สวัสดีครับ ตอนนี้ร้านปิดแล้วนะครับ” เสียงใสตอบกลับพร้อมก้มลงเช็ดบาร์ต่อ

     

    “ผมไม่ได้จะมาสั่งเครื่องดื่มครับ ผมชื่ออ้น ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

     

    “ครับ ?” คชาเอียงคอสงสัยถ้าไม่สั่งเครื่องดื่มแล้วจะยังอยู่ต่อทำไมร้านก็ปิดไปแล้วนิ

     

    “เอาตรงๆเลยนะ คชากำลังร้อนเงินอยู่หรือเปล่า”

     

    “ร้อนเงิน? หมายความว่าไง”

     

    “ก็ง่ายๆครับ มาอยู่กับผม เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง คุณอยากได้อะไร ต้องการอะไรบอกผม ขอแค่คุณยอมมาเป็นของผม”

     

     

     

    ร่างเล็กนิ่งเงียบ พูดออกมาขนาดนี้คิดว่าเขาไม่รู้หรือยังไงว่าข้อเสนอที่ยื่นมาให้คืออะไร ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรจากตัวเขา แต่... ในสถานการณ์แบบนี้ เวลาที่บังเกิดเกล้าล้มป่วยแบบนี้ ควรจะรับข้อเสนอที่ชายคนนี้หยิบยื่นมาให้ดีหรือเปล่า ...

     

     

     

    ร่างเล็กที่นิ่งเงียบคิดไตร่ตรองอยู่ กลับต้องสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์เพราะเกิดเหตุวิวาทขึ้นต่อหน้าต่อตา

     

     

     

    พลั่ก!!!

     

     

     

    หมัดขาวๆจากบุคคลที่สามลอยละลิ่วเข้าแก้มของอ้นอย่างจัง!!

     

     

     

    “เชี่ยไรวะเนี่ย มึงเป็นใคร อยู่มาต่อยกูห้ะ อั่ก!!” อ้นสบถเสียงดังแต่ไม่วายถูกบุคคลที่สามตามซ้ำหมัดที่สอง

     

    “คุณ!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! ใครก็ได้มาแยกสองคนนี้ที”

     

     

     

    พนักงานผู้ชายในร้านกรูเข้ามาแยกลูกค้า(นักเลง)ทั้งสองคนให้ห่างจากกันอย่างลำบากเล็กน้อย

     

     

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่าคชา” ต้นจับตัวคชาหมุนไปมา

     

    “เอ่อ .. ไม่เป็นไรครับ”

     

     

     

    แล้วเจ้าของร้านอย่างธนษิตก็หมุนตัวไปเคลียร์กับลูกค้าเจ้าปัญหาในทันที

     

     

     

    “พวกคุณมีเรื่องกัน ผมไม่ว่าแต่มันไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่ในร้านของผม อ้อแล้วที่สำคัญตอนนี้ร้านเราปิดแล้ว ผมต้องส่งตัวคุณให้ตำรวจซะแล้วล่ะ” เจ้าของร้านร่างบางหันไปตวาดอย่างเอาเรื่อง

     

    “พี่ต้นกล้าส่งผมให้ตรวจหรอ” เสียงทุ้มคุ้นหู ทำให้ต้นต้องพิจารณาลูกค้าเจ้าปัญหาร่างขาวที่ถูกล็อคตัวอยู่

     

    “ไอ้เต๋า!!

     

    “เออครับ เต๋าเอง ... บอกเด็กพี่ปล่อยผมได้หรือยัง ปวดแขน”

     

    “ปล่อยมันไอ้นี่ฉันรู้จัก ส่วนนาย!” ต้นหันไปหาลูกค้าเจ้าปัญหาอีกคน

     

    “คุณก็รู้ว่าผมเป็นใคร เพราะฉะนั้นปล่อยผมซะก่อนที่คุณจะเดือดร้อน!!” เป้พูดด้วยสีหน้าหยิ่งจองหอง

     

    “ปล่อยมัน ... “

     

     

     

    ลูกค้าเจ้าปัญหาทั้งสองถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ใบหน้าขาวหล่อจดจ้องหน้าอีกคนที่มีรอยฟกช้ำจากหมัดหนักของเขาอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่เจ้าของร้านจะเริ่มสาวถึงสาเหตุของเรื่องทั้งหมด

     

     

     

    “ไหน ใครก็ได้ช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟังที ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ต้นเปิดประเด็นทันที

     

     

     

    “เต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ” ลูกชายคนโตของตระกูลเพียงพอ ตระกูลที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลชนชื่อดังในภูมิภาคเอเชียที่มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยที่สุด เป็นญาติห่างๆกับต้นที่เป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้

     

     

     

    “อ้น อัตตพงศ์ อัตตกิจกุล” ลูกชายคนเดียวของผู้มีอิทธิพลในย่านนี้ ถือได้ว่าเป็นครอบครัวมาเฟียอันดับต้นๆของภูมิภาคนี้เลยก็ว่าได้ และเป็นบุคคลที่ต้นไม่อยากจะมีปัญหาด้วยเหมือนกัน

     

     

     

    “เอาไงล่ะ จู่ๆผมก็โดนต่อยแบบนี้ พี่จะว่ายังไง” อ้นหันไปฟ้องต้น

     

    “อธิบายมาเต๋า ฉันต้องการเหตุผลสักข้อ เพื่อหาทางออกให้แกสองคน”

     

    “หมัดแรกสำหรับคำพูดดูถูกคชา และพฤติกรรมที่ไร้การศึกษาของมัน”

     

    “เอ่อ.. คือ” คชาเริ่มหวั่นๆว่าจะมีมวยสดให้ดูรอบสอง

     

    “ส่วนหมัดที่สอง สำหรับไอ้คนที่คิดจะแย่งของของผม

     

    “แย่ง? แย่งอะไร” ต้นถาม ในขณะที่เต๋ากับอ้นกำลังส่งสายตาอาฆาตให้กันอย่างไม่ลดละ

     

    “ปะ .. เปล่าพี่”

     

    “ถ้าอย่างนั้นแกก็ขอโทษอ้นมันซะ เรื่องจะได้จบๆ” ต้นตัดสิน แต่ทว่าคนที่โดนชกเหมือนจะไม่ยอมและแสดงกิริยาออกมาอย่างชัดเจน

     

    “มันจะง่ายไปหน่อยหรือเปล่า จู่ๆผมโดนต่อยด้วยเหตุผลที่แถไปข้างๆคูๆ ผมโดนต่อยฟรีงั้นหรอ มันไม่ใช่แล้วพี่ต้น”

     

    “แล้วมึงจะเอาไง!!” เต๋าโพล่งขึ้นมาเสียงดังจนทำให้พนักงานที่เหลืออยู่สะดุ้งไปตามๆกัน

     

    “กูก็ขอคืนไง”

     

     

     

    พลั่ก !!

     

     

    พลั่ก .... พลั่ก!!

     

     

     

    ร่างสูงโปร่งล้มลงไปกองกับพื้นในทันทีและไม่คิดจะโต้ตอบ เพราะเกรงว่าเรื่องราวมันจะลามไปมากกว่านี้ และที่เขามาที่นี้ก็ไม่ได้จะมาหาเรื่องใครแต่เขามาเพื่อสานสัมพันธ์กับอีกคนต่างหาก

     

     

     

    “คุณอ้น!!

     

    “หืม ว่าไงคนสวย?” มือหนาเลื่อนขึ้นหมายจะเชิดคางสวย

     

    “เอามือสกปรกๆ ของมึงออกห่างจากคชาซะ!!” เต๋าลุกขึ้นพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก

     

    “อ๊ะ!” คชาถอยตัวออกห่างจากอ้น

     

    “หึหึ!! เข้าใจแล้วล่ะ พี่ต้นผมขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน ไว้วันหลังผมจะมาอุดหนุนอีก ..... “ อ้นพูดจบก็เดินออกจากร้านไป

     

    “เอ่อ ... คุณ .. เป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ็บมั้ย” คชารุดตัวลงนั่งข้างๆคนโดนต่อย

     

    “คชาเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

     

    “ปะ .. เปล่า แล้วคุณรู้จักชื่อผมได้ไง”

     

    “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เต๋าเตรียมจะลุก

     

    “เดี๋ยวคุณ! ตอบคำถามผมก่อนสิ รู้จักชื่อผมได้ยังไง” มือเรียวเล็กคว้าเข้าที่แขนแกร่ง

     

    “ทำอะไรกันน่ะ คชากลับบ้านยังไงให้พี่ไปส่งมั้ย” ต้นที่จัดการบิลต่างๆเสร็จแล้วเดินออกมาที่หน้าร้าน

     

    “เดี๋ยวคชากลับแท็กซี่เองฮะพี่ต้น ขอบคุณนะฮะ” คชาตอบต้น

     

    “เกือบลืมไป พอดีฉันมีเรื่องจะคุยกับนายเรื่องอาการของแม่นายน่ะ” เต๋าก้มกระซิบข้างๆหูคชา

     

     

     

    ดวงตากลมโตหันมาจับจ้องใบหน้าขาวที่ช้ำเพราะหมัดหนักๆของลูกมาเฟียเจ้าของถิ่นนี้ คนคนนี้เป็นใคร ต้องการอะไรจากเขากันแน่

     

     

     

    “กลับกับฉันแล้วฉันจะเล่ารายละเอียดให้นายฟัง” เต๋ากระซิบอีกครั้ง

     

    “พี่ว่าให้พี่ไปส่งดีกว่านะคชา นี่มันดึกมากแล้วอันตราย”

     

    “รบกวนพี่เปล่าๆ ผมไปส่งคชาเอง” เต๋าพูดขึ้นมา

     

     

     

    ต้นได้ยินดังนั้นก็หันไปสบตากับคชาทันที สีหน้าแสดงออกถึงความสงสัยและแปลกใจ ไอ้เต๋ามันจะทำอะไร

     

     

     

    “เดี๋ยวคชาให้คุณเขาไปส่งก็ได้ฮะ พอดีเราจะคุยธุระกันนิดหน่อยด้วย” คชาตอบเสียงใสพลางดึงแขนขาวๆให้เดินออกจากร้าน

     

    “ไอ้เต๋า! ฉันเตือนแกไว้ก่อน คชาไม่เหมือนคนอื่น อย่าแม้แต่จะคิด”

     

    “พี่รู้หรอว่าผมคิดเรื่องอะไร เอาเป็นว่าผมกลับก่อนไว้เจอกันใหม่” เต๋าโบกมือลาต้น

     

     

     

    เต๋าและคชาเดินออกมาจากบาร์หรูก่อนจะเดินตรงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดินที่มีรถสปอร์ตหรูไม่กี่คันจอดแน่นิ่งอยู่

     

     

     

    เต๋ารีบเดินไปเปิดประตูฝั่งด้านข้างคนขับอย่างว่องไวก่อนจะผายมือเป็นการเชิญให้คนที่เดิมตามมาเข้าไปนั่งรอด้านใน ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับไปอีกฝั่งแล้วเปิดประตูลงไปนั่งเช่นเดียวกัน

     

     

     

    เต๋าติดเครื่องยนต์ทันทีโดยไม่พูดจาอะไรก่อนจะเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าสู่ท้องถนนกว้าง บรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองกรุงประดับประดาไปด้วยแสงไฟหลากสี รอบข้างถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยสถานบันเทิง สถานเริงรมย์หลากหลายรูปแบบที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของตัณหา ... ซึ่งมันเป็นภาพที่ชินตาของเขาทั้งสองคน

     

     

     

    ร่างเล็กเอนตัวลงกับเบาะหนังราคาแพงก่อนจะหันหน้าออกนอกกระจก ใบหน้าขาวคมอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง แววตาที่สะท้อนถึงความเหน็ดเหนื่อย กังวล และโศกเศร้าของร่างเล็กที่สะท้อนบนกระจกมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจตาม ...

     

     

     

    “หมู่บ้านแมคโนเลีย ซอยสองหลังสุดท้าย” เสียงใสเอื้อนเอ่ยแผ่วเบาก่อนจะหลับตาลง

     

    “ใครบอกว่าฉันจะไปส่งนายที่บ้าน”

     

    “แล้วคุณจะพาผมไปที่ไหน จอดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วเรื่องอาการของแม่คุณก็โกหกใช่มั้ย ผมนี่ไม่น่าเชื่อคุณเลย!!!” ร่างเล็กจ้องหน้าคนขับรถอย่างเอาเรื่อง

     

    “ฉันโกหกนายแล้วมันได้อะไร ที่ฉันให้นายไปค้างที่คอนโดเพราะว่าพรุ่งนี้จะได้ไปจัดการเรื่องแม่ของนายพร้อมกับฉันเลย” เต๋าตอบคชาก่อนจะลดความเร็วลง

     

    “ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย แล้วคุณเป็นใคร รู้เรื่องผมกับแม่ได้ยังไง”

     

    “ฉันชื่อเต๋า เศรษพงศ์ เพียงพอเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลที่แม่นายนอนพักรักษาตัวอยู่” เต๋าตอบเสียงเหนื่อยหน่าย

     

    “ผมควรจะเชื่อคุณใช่มั้ย” คชาประชด

     

    “ฉันขี้เกียจจะเถียงกับนายแล้วถ้ามีอะไรสงสัยก็โทรไปถามยัยแพรแต่ถ้าหายข้องใจแล้วจะนอนก็ได้เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วฉันจะปลุก” เต๋าตัดบทก่อนจะตั้งสติให้อยู่กับท้องถนน

     

    “ผมควรจะต้องเชื่อคุณสินะ” คชาพูดเสียงเบาก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิมก่อนจะหลับพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

     

     

     

     

    ถนนกว้างยาวสุดลูกหูลูกตายามค่ำคืนที่ไร้การสัญจร มีเพียงรถสปอร์ตคันหรูแล่นอยู่อย่างช้าๆ ดวงตาคมเหลือบมองร่างบางที่กอดอกแน่นนอนขดเป็นกุ้งอยู่บนเบาะหนาก่อนจะตัดสินใจหยุดรถแล้วเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบเสื้อโค้ทสีดำขลับมาคลุมกายร่างบางอย่างอดห่วงไม่ได้ ก่อนจะเลื่อนตัวไปปรับเบาะให้เอนลงเพื่อให้ร่างบางนอนสบายขึ้น

     

     

     

    หากแต่กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างบางที่หลับไม่รู้เรื่อง ทำให้ชายหนุ่มชะงักนิ่งงั้นจดจ้องใบหน้าหวานใสอย่างพิจารณา ... ดวงตากลมโต จมูกคมเป็นสันสวย แก้มเนียนใส กับริมฝีปากบางสีแดงสดชวนลิ้มลอง!!

     

     

     

    หัวใจดวงโตกลับมาเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง กล้ามเนื้อหัวใจกระตุ้นแรงหนักหน่วงจนแทบจะทะลักออกมาจากอกแกร่ง ใบหน้าหวานใสยังคงเรียบนิ่งสนิทไม่ไหวติงถึงแม้ไออุ่นลมหายใจของคนขับรถจะลดต่ำลงมาใกล้ชิดมากขึ้น .... ริมฝีปากอิ่มกดลงสัมผัสแผ่วเบากับปากสีแดงสดก่อนจะรีบดึงสติตัวเองให้กลับไปนั่งในตำแหน่งเดิม ก่อนจะเหลือบมองคนที่นอนนิ่งสนิทอย่างนึกเสียดาย

     

     

     

    “บ้าชิบ! นายมันตัวอันตรายชัดๆ อยู่ใกล้แล้วไม่เป็นตัวเองเลยโว้ย” เต๋าก่นด่าตัวเองเบาๆ

     

     

     

    คอนโดหรูใจกลางเมืองกรุงที่มีแต่ผู้ดีมีอันจะกินที่ได้สิทธิ์ถือครองเข้าเป็นเจ้าของห้องมีไม่ถึง 50 ราย แต่ละห้องราคา 8 หลักขึ้นไปทั้งนั้น .....

     

     

     

    ร่างบางรู้สึกตัวก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกนั่งบนเตียงกว้างหลังใหญ่ที่เขาได้จับจองมันเพียงผู้เดียว สมองแรมต่ำเริ่มประมวลผลเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมา ก่อนที่เสียงใสจะร้องดังลั่นห้อง

     

     

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!” คชากรี๊ดร้อง

     

    “คชา!! นายเป็น .. อุ้บ!!” หมอนใบโตลอยเข้าหน้าเต๋าอย่างจัง

     

    “คนฉวยโอกาส!!

     

    “หืม? ว่าไงนะ” มือหนาดึงหมอนเหวี่ยงลงไปบนเตียงกว้างก่อนจะทิ้งตัวลงดังข้างๆหมอนใบนั้น

     

    “คุณมันก็แค่พวกมิจฉาชีพ ฉวยโอกาส” คชาบ่นงุ้งงิ้ง

     

    “เอาล่ะๆ พอๆ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้นายฟัง ถึงอาการของแม่นายและข้อเสนอของฉัน!!

     

    “ข้อเสนออะไร แล้วแม่ผมเป็นยังไงบ้างอาการทรุดหรอ” คชาถามด้วยน้ำเสียงดูเป็นกังวล

     

    “แม่นายอาการก็ปกติทั่วไป ไม่ได้ทรุดลงหรือดีขึ้น”

     

    “แล้วข้อเสนอที่คุณว่าคืออะไร”

     

    “นายก็รู้ใช่มั้ยว่าค่ารักษาและผ่าตัดของแม่นายต้องใช้เงินเยอะอยู่พอสมควร แล้วฉันคิดว่าตอนนี้ เวลานี้นายคงยังไม่พร้อมแน่นอนแต่การรักษาแม่นายต้องดำเนินไปเรื่อยๆหากไม่รักษาตอนนี้ปล่อยเวลาผ่านไปนาน มันอาจจะสายเกินไป”

     

    “คุณต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนล่ะ” แม้จะถามไปแบบนั้น ต่อให้สั่งให้เป็นคนใช้ คชาก็จะทำถ้ามันทำให้แม่หายดี

     

    “ถามได้ตรงประเด็นเลยนะ จะพูดยังไงดี คือมันอาจจะฟังดูแปลกๆหน่อยแต่ก็นะ ..... เป็นแฟนกับฉัน

     

     

     

    คชาได้ยินข้อแลกเปลี่ยนถึงกับอ้าปากค้างกระพริบตาปริบๆ ก็ที่ผ่านมาคนที่คชารักก็มีแค่แม่คนเดียวเท่านั้น คชาไม่เคยมองใคร หรือสนใจใครที่เข้ามาคุย เข้ามาทำความรู้จัก จะว่าหยิ่งหรืออะไรก็ได้คชาไม่ว่า ... เพราะตอนนี้คชารู้แค่ว่าสิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ”แม่”

     

     

     

    “ว่าไงคชา ตกลงมั้ย” เต๋าถามย้ำ

     

    “ห้ะ .. เอ่อ.. เมื่อกี๊คุณว่าไงนะ” ระบบประมวลผลของคชารวนแล้ว

     

    เป็นแฟนกันนะ

     

    “อืมเข้าใจแล้ว ... ผมจะไม่ถามถึงเหตุผล ถ้าผมตอบตกลงคุณจัดการเรื่องแม่ของผมได้ใช่มั้ย”

     

    “มันแน่นอนอยู่แล้วถ้าคำตอบของนายคือคำว่าตกลง”

     

    “แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะ ผมไม่เคยมีคนรักมาก่อน เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนโรแมนติคหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมคงอาจจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอแต่ผมก็จะพยายาม ...” คชาพูดจบเลื่อนตัวลงนอนบนเตียงกว้างก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้เจ้าของห้อง

     

    “เอ่อ .. คือ ถ้ายอมตกลงแล้ว เรามาทำข้อตกลงกันก่อนมั้ย” เต๋าพูดเสียงนิ่ง

     

    “ผมมีเรียนเช้านะครับ นี่ก็จะตี 4 แล้ว ....”

     

    “ฉันลาให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงพรุ่งนี้จะตื่นกี่โมงก็ได้” เต๋าถือวิสาสะไปเขย่าร่างบางที่นอนหันหลังให้อยู่

     

    “เอ๋! รู้สึกเหมือนคุณจะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วนะ”

     

    “ก็ฉันรู้ว่านายจะต้องตอบตกลงไงล่ะ ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆก่อน อ๊ะ! เห้ย!!

     

     

     

    ร่างสูงที่พยายามรั้งร่างเล็กให้ลุกจากเตียงตอนกลับต้องเป็นฝ่ายล้มตัวลงคร่อมร่างเล็กที่รั้งตัวเองไว้ไม่ให้ถูกแขนแกร่งนั้นลากขึ้นไปนั่งอีก ...

     

     

     

    จมูกคมฝังลงบนแก้มเนียนนุ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนที่ระบบประสาทจะสั่งการให้สองมือดันคนฉวยโอกาสให้ลุกออกจากร่างกายที่เหนื่อยล้าเต็มทนแต่ร่างสูงใหญ่ที่คร่อมตัวเขาอยู่กลับกดน้ำหนักลงบนตัวเขาเสียอย่างนั้น

     

     

     

    “อยากนอนคุยสินะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาคลอเคลียข้างๆหู

     

    “อื้อ ลุกก่อนสิ มันอึดอัด” ใบหน้าแดงก่ำรีบสะบัดหน้าหนีทันที

     

    “ต่อไปนี้แทนชื่อตัวเองว่าคชาแทนผมนะ แล้วเรียกเต๋าแทนคุณ ฟังแล้วมันดูเหินห่างจากคำว่าแฟน”

     

    “อื้อๆ ก็ได้ๆแต่ตอนนี้ลุกไปก่อนจะได้มั้ย ผม ..เอ้ย!! คชายังไม่อาบน้ำเลยนะ”

     

    “ก็เมื่อกี๊เห็นจะนอนแล้วไม่ใช่หรือไง นอนเลยก็ได้ไม่ต้องอาบหรอก เต๋าอาบคนเดียวก็พอแล้ว” เต๋าก้มลงกัดติ่งหูเบาๆ

     

     

     

    ร่างเล็กสะดุ้งโหยงขนลุกชันไปทั่วร่างกาย เขาคิดผิดหรือคิดถูกที่ตอบตกลงข้อเสนอของไอ้หื่นบ้านี่นะ

     

     

     

    “ลุกเถอะนะ คชาจะไปอาบน้ำ เต๋าลุกเถอะนะ”

     

     

     

    ไม้ตายสุดท้ายถูกงัดออกมาใช้ ดวงตาหวานใสหันกลับมาจดจ้องกับดวงตาคมอย่างออดอ้อนก่อนที่น้ำเสียงใสไร้เดียงสาจะพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

     

     

     

    เต๋ารีบถอยกลับมานอนในที่ของตัวเองทันที ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ริมระเบียงอย่างรวดเร็ว เพราะขืนถ้ายังอ้อล้อกันอยู่แบบนี้ ไม่วายจับเด็กปีหนึ่งกดจมเตียงแน่ๆ

     

     

     

    คนตัวเล็กกระโดดลงจากเตียงก่อนจะริบไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวที่วางพับไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งวิ่งเข้าห้องน้ำไป ...

     

     

     

    “คุณๆ” เสียงใสดังลอดออกมาจากห้องน้ำ

     

    “ห้ะ! บอกให้เรียกชื่อเฉยๆ”  เต๋าเดินเข้าห้องมาตามเสียงเรียก

     

    “คือว่า ... ผม เอ้ย!! ชาไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนน่ะ รบกวนหน่อยสิ”

     

    “เสื้อผ้าในตู้หยิบใส่ได้หมดทุกตัว ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้ว ... ของทุกอย่างในห้องเต๋าก็คือของของคชานั่นแหละ”

     

    “.... เอ่อ .. แล้ว ... ชั้นในล่ะ”

     

    “...... ลืมไปๆ เดี๋ยวเต๋าลงไปซื้อที่ซุปเปอร์ด้านล่างให้ใส่แก้ขัดก่อนก็แล้วกันนะ ขนาดนี้เต๋าพอรู้ไม่ต้องบอก ...” เต๋าพูดจบก็รีบเดินออกมาจากห้องทันที ก่อนจะขำพรืดออกมาเบาๆ ถ้าจะโวยวายแบบนี้ อยู่ด้วยคงจะมีแต่ความสุขแน่ๆ

     

     

     

     

     

    “ต่อไปนี้คชาเป็นแฟนเต๋าแล้วนะ หึหึหึ!!

     

     

     

     

     

     

    Note : กระซิกๆ กราบขออภัยรีดเดอร์ที่รักทุกท่านที่อิงหายไปนาน คือว่าอิงติดธุระหลายอย่างจนแทบไม่ได้มีเวลามาเขียนต่อเลย ไหนจะงานกีฬาสีต่อด้วยกีฬาเครือข่าย ... เอิ่ม เยอะไปนะ ไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบแอดอีกจิปาถะ อยากจะยินดีกับเพื่อนที่ได้ที่เรียนแล้ว ( ส่วนตัวก็ได้แล้ว แต่อยากได้ที่ที่ดีกว่านี้ ) เอาเป็นว่าฝากตอนแรกด้วยนะครับ หวังว่ารีดเดอร์ที่รักจะยังไม่ลืมกัน

    ปล. คอมเม้นท์สักนิดน้า อยากจะรู้ว่าชอบกันบ้างหรือเปล่า ไปละครับขอตัวไปปั่นอีกเรื่องก่อนจะได้ไปอ่านชีวะต่อ #ฟิ้ววววววววววววว

     Edit : ชื่อตัวละครนะครับ ทีแรกกะว่าให้เป็นเป้ แต่เปลี่ยนเป็นอ้น ... พอดีเป้ไว้ก่อนแล้วแต่ลืมเปลี่ยนตรงบางข้อความ ขออภัยครับ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×