คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Break : Prologue
Break
Prologue
หนุ่มนักศึกษาร่างบางหอบหิ้วถุงข้าวของมากมายเต็มสองมือ สองขาเรียวหยุดอยู่หน้าประตูไม้ก่อนจะวางถุงที่ถือมาพะลุงพะลังไว้กับพื้น มือเรียวสวยเอื้อมมือจับลูกบิดหมุนเบาๆเพื่อเปิดประตูบ้าน
ทั่วทุกมุมภายในบ้านมืดสนิทราวกลับว่าไม่มีคนอาศัยอยู่ หากแต่มีเสียงโทรทัศน์ดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน
“แม่ฮะ ชากลับมาแล้ว” เสียงใสดังทั่วบ้าน
หนุ่มร่างบางวางถุงข้าวและขนมหวานลงบนโต๊ะอาหารในห้องครัวก่อนจะเดินไปเปิดไฟจนสว่างไปทั่วบ้าน สองขาเรียวรีบก้าวขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน เพราะจู่ๆเริ่มมีความรู้สึกใจคอไม่ดีเหมือนจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น
“แม่ฮะ แม่ ... ชาขอเข้าไปนะฮะ” เสียงใสเริ่มสั่นเครือด้วยความหวั่นใจไม่อยากให้สิ่งที่กำลังคิดอยู่ในหัวเกิดขึ้น
มือเรียวบางผลักประตูไม้เข้าไป ร่างกายตอบสนองไวต่อความรู้สึก ... ร่างของหญิงวัยกลางคนนอนไร้สติกองอยู่กับพื้นพร้อมกับลมหายใจที่รวยริน และถ้ายังอยู่ในสภาพนี้อีกนานๆลมหายใจที่เหลือคงหมดลงเป็นแน่
น้ำตาใสหยดลงกระทบกับแก้มขาวซีดของผู้เป็นแม่ มือเรียวบางลูบไล้แผ่วเบาหวังจะปลุกหญิงสาวให้ได้สติกลับคืนมา
“แม่ฮะ ฮึกๆ แม่ฮะ ลืม .. ฮึก ลืมตาสิฮะ แม่ฮะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ อึกๆ เดี๋ยวชา จะพา .. อึก แม่ไปหาหมอ อย่าเพิ่งเป็นไรไปนะครับแม่” เสียงใสสะอื้นไห้ก่อนจะคุมสติที่เหลือโทรเรียกรถพยาบาล
กลิ่นฉุนๆของโรงพยาบาลที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เกิดเป็นเหตุผลหนึ่งข้อที่ทำให้เขาไม่อยากจะเข้าโรงพยาบาลสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่พ่อของเขาเองก็เป็นถึงผู้อำนวยการและเจ้าของโรงพยาบาลนี้ก็เถอะ
“พ่อครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับคอนโดนะครับ”
“แล้วแต่เราก็แล้วกัน ว่าแต่ไม่คิดจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านมั้งรึไงเรา” ผู้อำนวยการร่างใหญ่เดินขนาบข้างลูกชายตรงไปยังลิฟท์
“เอาไว้ผมว่างหลายๆวัน แล้วเข้าไปนอนค้างที่บ้านดีกว่าครับ ไม่อยากไปแค่ทานข้าวเย็นแล้วต้องกลับ”
“แล้วทำไม ไม่กลับมาค้างที่บ้านเราล่ะไอ้ลูกชาย”
“ผมก็อยากมีความเป็นส่วนตัวบ้างสิครับพ่อ เวลาทำอะไรจะได้ไม่ต้องเกรงใจใคร” เต๋าพูดพร้อมยิ้มออกมา
“เอาเถอะๆ เรื่องนั้นพ่อก็ขี้เกียจจะพูดกับแกแล้ว ทำอะไรก็รู้จักป้องกันหน่อยก็แล้วกัน แม่แกเขาอยากได้สะใภ้ดีๆ มีการศึกษา ไม่ใช่อิตัวที่คิดจะจับแกแล้วใช้ชีวิตไร้ค่าไปวันๆ”
“พ่อส่งผมตรงนี้แหละครับ อย่าทำงานหักโหมให้มันมากนักละครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นคนไข้ซะเอง เต๋าพูดพลางกดเรียกลิฟท์
“ยังแข็งแรงอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก อย่าลืมล่ะ กลับบ้านไปคุยกับแม่แกซะบ้างรายนั้นน่ะ อาการหนักแล้ว”
“ครับๆ ไว้ว่างๆผมจะเข้าไปละกัน สวัสดีครับพ่อ”
“อืม ขับรถดีๆล่ะ”
ประตูเหล็กเลื่อนปิดลงก่อนจะดิ่งลงสู่ชั้นรับรองอย่างรวดเร็ว ร่างขาวสูงในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศก้าวขาออกจากลิฟท์เพื่อจะไปยังอาคารจอดรถ แต่แล้วความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อดวงตาคมจดจ้องมองร่างเล็กในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกันนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ...
ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจัดจากการร้องไห้ น้ำตาใสๆจากตาหวานยังคงไหลไม่หยุด ... เสียงสะอื้นดังระงมไปทั่วบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน ร่างเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินวนไปวนมาอยู่ห้าห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวาย ...
พรึ่บ !!
ร่างเล็กทรุดล้มกองลงหน้าห้องฉุกเฉินอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายและสมองตอบสนองพร้อมกัน ร่างสูงวิ่งเข้ามาโอบอุ้มร่างเล็กที่นอนสลบไร้สติ ใบหน้าแดงก่ำเหมือนร้องไห้ติดต่อกันมานาน น้ำตาใสยังคงไหลรินออกมาถึงแม้ว่าร่างกายนี้จะหมดสติไปแล้วก็ตาม
“พยาบาล พยาบาล มาช่วยทางนี้หน่อยมีคนเป็นลม!!” เสียงทุ้มร้องเสียงดังขอความช่วยเหลือ
ร่างเล็กถูกอุ้มวางลงบนเตียงพักผู้ป่วยก่อนที่จะเรียกหมอให้เข้ามาดูอาการ ... ร่างสูงยืนมองอยู่ไม่ห่างเพราะอดเป็นห่วงไม่ได้
“เป็นไงครับอา”
“อืม ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอกเต๋า แค่พักผ่อนไม่เพียงพอ นี่ก็คงยังไม่ได้กินอะไรด้วยละมั้ง” หมอที่เข้ามาดูอาการอธิบายอาการของผู้ป่วย
“ขอบคุณมากครับคุณอา ขอโทษที่รบกวนเวลานะครับ”
“อืมๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วอาขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
“ครับ ขอบคุณครับ” เศรษฐพงศ์กล่าวขอบคุณอีกครั้ง
ภายในห้องพักผู้ป่วย VIP นักศึกษาตัวเล็กนอนสลบนิ่งสนิ่งและยังคงไม่ได้สติแขนเรียวถูกเจาะเข้าด้วยสายน้ำเกลือ
กระเป๋าเงินและโทรศัพท์ของผู้ป่วยตัวเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงถูกเศรษฐพงศ์หยิบยกขึ้นมาสำรวจตรวจสอบว่าเด็กตัวเล็กคนนี้เป็นใคร
“นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่ง งั้นหรอ?”
เต๋ายกคิ้วสูงเมื่อพบกับบัตรประจำตัวนักศึกษาของผู้ป่วยตัวเล็กนี่ ก่อนจะหยิบยกโทรศัพท์ของตัวเองโทรหาใครสักคน .....
รุ่งเช้าของวันใหม่ ...
แสงแดดอ่อนจากดวงอาทิตย์ลอดผ่านผ้าม่านสีครีม เปลือกตาบางๆค่อยลืมตาเมื่อมีแสงมากระทบกับดวงตาสวย
“อื้อ .. อ๊ะ” สองมือเรียวยกขึ้นกุมขมับเพราะอาการปวดๆ มึนๆ แล่นเข้ามาทันทีที่รู้สึกตัว
“ตื่นแล้วหรอคชา เป็นไงบ้าง” เสียงแหลมคุ้นหูดังขึ้น
“แพรวา เฟรม ที่นี่ที่ไหน” คชาถามก่อนจะมองสภาพตัวเองที่กำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“แล้วคชามานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง .... แม่!!” ความทรงจำสุดท้ายที่คชาจำได้คือยืนภาวนาให่แม่ปลอดภัย
“เห้ยๆ นอนลงไปก่อน” เฟรมเข้ามาดันคชาให้ล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง
“ฮึกๆ แม่ .. แม่เป็นไงบ้างแพร ชาอยากไปหาแม่”
“ตอนนี้ปลอดภัยดี กำลังพักผ่อนอยู่อีกห้อง” แพรวาตอบ
“ชาจะไปหาแม่ .. ขอชาไปหาแม่นะแพร นะเฟรม ชาอยากดูด้วยตัวเองว่าแม่ปลอดภัย”
“ได้ไปแน่คชา แต่ตอนนี้ลุกขึ้นมากินข้าว กินยาก่อน” เพื่อร่างใหญ่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดข้าวใบใหญ่
คชาเร่งทานข้าวต้มที่เจมส์จัดมาให้และตามด้วยยาบำรุงที่พยาบาลจัดไว้ให้ ก่อนที่ร่างเล็กจะเริ่มขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงขาว
เพื่อนทั้งสามคมช่วยกันเดินพยุงร่างเล็กที่แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงไปยังห้องพัก VIP อีกห้องหนึ่ง ... ร่างของหญิงสาววัยกลางคนนอนหลับพักผ่อนอยู่บนเตียงกว้างเรียกน้ำตาจากคชาอีกครั้ง คชาเองก็ไม่เคยได้รู้ว่าแม่ตัวเองเป็นโรคอะไร จะมีสังเกตบ้างที่พักหลังๆมานี้แม่บ่นว่าเวียนหัวบ่อยๆ เหนื่อยบ้าง แต่ก็ปฏิเสธที่จะมาตรวจรักษาตลอด
คชาดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างๆเตียงก่อนที่มือเรียวเล็กจะช้อนมือของผู้เป็นแม่ขึ้นมาหอม ลูบแก้มของตัวเองอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่หมอเจ้าของไข้จะเดินเข้ามาตรวจอาการ
“หมอครับ แม่คชาเป็นอะไรครับหมอ” ทันทีที่หมอเปิดประตูเข้ามาร่างเล็กก็ลุกพรวดเข้าถามอาการทันที
“เดี๋ยวหมออธิบายอาการให้ฟังนะครับ แต่ตอนนี้ขอหมอเช็คอาการคนไข้ก่อน”
หมอเจ้าของไข้เริ่มลงมือวัดตรวจอาการของคนไข้ ก่อนจะหยิบปากกามาจดรายละเอียดของอาการประจำวันลงบนสมุดบันทึกแล้วหันมาอธิบายถึงอาการป่วย
“คุณเมธาวี มีอาการของผู้ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ”
Note : เนื่องจากทนฟังเสียงก่นด่าของบรรดาเพื่อนไม่ไหว เลยขอเปิดเรื่องใหม่อีกเรื่องนะครับ Concept เรื่องนี้ก็ ..... หวานๆใสๆ แน่นอน ดราม่าเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ
ปล. Break จะอัพสลับกับ Just love นะครับ ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ
ปลล. ไม่รู้ว่าลิ้งเก่าทำไมโพสลงเพจแล้วเห็นโพสแค่คนเดียว คนอื่นมองไม่เห็นโพสถ้ายังไงรบกวนรีดเดอร์ช่วยแปะลิ้งทีนะครับ หมดปัญญาแล้วจริงๆ TwT
ความคิดเห็น