ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {EXO} SOLVE อธิกรณ์

    ลำดับตอนที่ #3 : อธิกรณ์ | ภาพเบลอ

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 58


    CR.SHL


    อธิกรณ์ 2


     

     





     

    เสียงไซเรนดังกระหน่ำไปทั่วใจกลางเมือง ธนาคารแห่งใหญ่ถูกล้อมไปด้วยรถตำรวจนับหลายสิบคัน การก่อคดีปล้นธนาคารชื่อดังเกิดขึ้นกลางดึกของคืนวันที่ฝนตกหนัก ภายนอกนั้นถูกกั้นด้วยเทปกั้นเขตอันตรายเป็นวงกว้างไม่มีใครสามารถเข้ามาได้นอกจากตำรวจที่มีปืนติดมือกันถ้วนทุกคน  นอกจากเสียงไซเรนที่กำลังดังกระหน่ำแข่งกับเสียงสายฝนแล้วยังมีตำรวจวัยกลางคนพูดเกลี่ยกล่อมคนร้านผ่านโทรโข่งอันใหญ่ก้องดังไปทั่วบริเวณ

     

    ร่างสูงค่อยๆแทรกตัวหลบในซอกเล็กพร้อมสองมือที่งกำกระบอกปืนแน่น เอี้ยวตัวมองเจ้าของเสียงที่ออกมาขณะล็อคคอตัวประกันและแบกถุงเงินจำนวนนึงบนบ่า ที่ตรงนี้ไม่มีแม้แต่แสงไฟรอบข้างมืดมัวไปหมดซ้ำยังมีฝนที่ตกอหนักแบบนี้ทำให้จงอินมองไม่ให้แม้แต่หน้าของตัวประกัน


    ปล่อยฉันไปเถอะนะ ขอร้อง

    หุบปาก ขึ้นรถไปซะก่อนที่กูจะเอาด้ามกระบอกปืนตบปากมึง   


    หยุดแล้วส่งตัวประกันมา  ร่างสูงตัดสินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนก้าวขาออกไป จ่อกระบอกปืนหาคนร้ายตรงหน้าที่ห่างเกินไม่ถึงห้าร้อยเมตร


    เอาสิ ถ้าไม่กลัวอีนี่เป็นอะไรไปชายชุดดำผงะไปชั่วครู่ก่อนยกปลายกระบอกปืนขึ้นกดลงกับศรีษะหญิงสาว 

     

    รู้ไหม  นางนี่ไม่ได้สำคัญกับฉันเลยสักนิดจงอินยกยิ้มพรางยกมือที่ถือปืนลง  ก้าวขาไปหาคนร้ายด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายทำให้ชายในชุดดำงุนงงเล็กน้อยแล้วค่อยๆขยับตัวถอย นายจะยิงเธอไปเลยก็ได้นะ เอาสิ ถ้าเธอตายไปฉันก็จะยิงนายต่อ วินๆทั้งคู่ นายได้ยิง ฉันได้ยิง สุดท้ายแล้วฉันต่างหากที่จะเป็นคนที่ชนะ

     

    ถ้างั้นให้กูยิงมึงคนแรกเลยละกันไอ้ตำรวจปลายกระบอกปืนถูกเปลี่ยนทิศจากหญิงสาวมาเป็นทางจงอินอย่างรวดเร็ว 


    เห้ยใจเย็นสิครับแหม่ เอางี้ กูมีข้อเสนอ .. ปล่อยตัวประกันไปกัน  เรื่องนี้เป็นกูกับมึง  ถ้ามึงยิงกูได้ก็เอาเงินไปเลย


    เอาสิ อยากรู้เหมือนกันว่าปลายกระบอกปืนของใครมันจะเร็วกว่ากันชายชุดดำยกยิ้มพอใจแล้วพลักร่างบางออกจากแขนของตัวเอง  จงอินไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมให้คนร้ายขโมยเงินไปได้เพียงแต่เขาค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของตัวเอง และมั่นใจว่าฝ่ายที่จะโดนยิงต้องไม่ใช่เขาแน่ๆถึงยื่นข้อเสนองี่เง่าแบบนี้ออกไป

     

    กูจะนับหนึ่งถึงสาม จงอินยกกระบอกปืนขึ้นจ่อที่คนตรงหน้าอีกครั้ง

     

     

     

    หนึ่ง

     

     
     

    สอง

     

     

     

    ปัง! …

     

    ขอโทษนะครับคุณตำรวจ เคยได้ยินไหม คำว่าไม่มีสัจจะให้หมู่โจรน่ะ ทำดีมาก  รีบขึ้นรถไปซะ  หลังจากนี้คงต้องฉลองกันหน่อยแล้วว่ะ ฮ่าๆ’  

     
     

    จงอินเบิกตากว้าง ความปวดหนึบแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็วเนื่องจากถูกลูกกระสุนยิงมาจากด้านหลังเจาะลึกเข้าที่หน้าอกข้างซ้าย  ไม่ใช่เพราะชายชุดดำคนนั้นแต่เป็นคนร้ายอีกคนที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ ร่างสูงล้มลงไปอย่างจังพร้อมมือที่กุมแผลไว้ไม่ให้ของเหลวสีแดงไหลออกมา ตาทั้งสองข้างเริ่มพร่ามัว ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือภาพที่เขาปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้ มันช่างน่าเจ็บใจมากกว่าโดนยิงหลายเท่า

     

     

     โลกทั้งใบเริ่มมืดลง  เสียงสุดท้ายดังขึ้นก้องทั่วสมองก่อนที่เขาจะหมดสติไป

     

     

    จงอิน มึงมันไม่ได้เรื่องเหมือนที่พ่อมึงพูดไว้ไม่มีผิดเลย

     




     

     

     

     

     

    อึก..

     
     

    .เป็นไรวะ เจ็บแผลหรอ” 

     

     

    ปาร์ค ชานยอล  เอ่ยปากถามขึ้นหลังจากที่เห็นเพื่อนรักของตัวเองสะดุ้งตัวกุมมือไว้ที่หน้าอกข้างซ้าย ตรงแผลที่เขาเคยรักษาให้เกือบเป็นอาทิตย์ถึงจะพ้นขีดอันตราย ยอมรับเลยว่าเพื่อนเขานี่มันโชคช่วยจริงๆที่กระสุนไม่ได้โดนหัวใจแค่เฉี่ยวเท่านั้น แต่สิ่งที่เลวร้ายคือเวลาที่ทำอะไรหนักๆหรือเหนื่อยจนหัวใจเต้นแรง แผลที่หน้าอกมันมักจะเจ็บแปลบๆอยู่อย่างนั้นไม่หาย จงอินลยมีลิมิตที่จะทำอะไรๆมากขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทายามาแค่ไหนหรือกินยาเท่าไหร่ แผลมันก็ไม่ยอมหายขาดจนชานยอลหมดปัญญาที่จะหาทางรักษาให้

     
     

    “คิดถึงตอนเกิดเรื่องแล้วมันก็จี๊ดๆเลยว่ะ ชอบเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย”   จงอินสบถออกมาเบาๆแล้วกระดกแก้วเบียร์ตรงหน้าเข้าไปอึกใหญ่

     

     

    “เอาหน่า เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว มึงก็โง่เอง จะโทษใครได้ “ ชานยอลหัวเราะ ยกมือตบบ่ากว้าง 

     
     

    “คนอย่างกูทำอะไรพ่อก็ไม่เคยภูมิใจหรอก มึงคอยดูนะคดีใหญ่นี้กูต้องทำให้ได้ กูจะไม่ยอมเป็นไอ้ขี้แพ้”

     
     

    “มึงจะเอาเรื่องแบบนี้มากดดันตัวเองทำไมวะ เสียสุขภาพกายและสุขภาพจิตก็แย่อีก ว่างๆไปให้กูตรวจร่างกายบ้างนะ”

     
     

    “หลอกแดกเงินกูอะดิ ห่า”  จงอินใช้เท้ายันที่หน้าแข้งอีกคนเบาๆแก้หมั่นไส้

     
     

    ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆเที่ยงคืนกว่าแล้วแต่ทั้งสองคนก็ยังอยู่ที่ผับแห่งหนึ่งที่มักจะมานัดพบเจอและพูดคุยกันตามประสาหนุ่มโสด ยิ่งช่วงนี้นานๆทีจะได้มาเจอกันเพราะชานยอลเองเป็นหมอที่ใครๆก็ต้องการ คนไข้ตามตัวตลอดจนไม่มีเวลาได้พักผ่อน ส่วนจงอินก็มัวยุ่งกับงานคดีต่างๆจนตัวเป็นกลายเกลียวแล้วเช่นกัน

     

    “ก็บอกว่าให้หาเมียมารักษาแผลใจ”   ชานยอลแสยะยิ้มแล้วเท้าคางกับเคาท์เตอร์บาร์  “กับเซฮุนอะ.. ได้กันยัง”


    “ได้กันเชี่ยไร เพื่อนร่วมงานกู” 


    “เอ้า ก็เห็นอยู่ด้วยกันมาหลายปี เห็นมึงตาเยิ้มตลอดเลยเวลามองเขา รู้ตัวรึเปล่าว่ามึงดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษเวลาอยู่กับเซฮุน”  


    “ก็เขาเป็นคนเก่ง มีเสน่ห์เวลาทำงาน อันที่จริงกูก็ชอบนะแต่ไม่รู้ดิ ..มันเหมือนมีเส้นบางๆที่กั้นอยู่ เหมือนมากไปกว่านี้ไม่ได้”

     

    “เส้นบางๆนี่กั้นได้หลายเรื่องเนอะ”     

     

     

    จงอินหลุดหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดของปาร์คชานยอล ความจริงก็ฝืนหัวเราะแห้งๆให้กระดากปากตัวเองไปอย่างนั้นทั้งที่เขาพูดแทงใจเข้าเต็มๆ  เวลาทั้งหมดตอนนี้เขาทุ่มให้กับงานจนไม่มีเวลามาเอาจริงเอาจังกับเรื่องหัวใจเลยสักครั้ง มีบ้างที่เขาจะคบกับคนอื่นแต่คบกันไม่นานก็เลิกรากันไป ส่วนความสัมพันธ์กับเซฮุนก็คลุมเครือไม่เคยจะชัดเจนสักที

     

     

    หรือจริงๆมันชัดเจนแต่เขาเองไม่ได้กด HD วะ..

     



    “ว่าแต่กู มึงอะมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วว่างั้น เห็นทำงานงกๆ อีกสักพักกูคงคิดว่ามึงตัดจากโลกภายนอกแล้วแน่ๆ”

     
     

    “ไอ้เมีย มันก็หาง่ายแต่หาคนที่รักกูจริงเนี่ย.. หายากว่ะ”  ชานยอลแค่นหัวเราะแล้วค่อยๆบรรจงวาดนิ้วไปรอบๆปากแก้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้มองหารักแท้จริงแต่เพราะโดนหักอกมาหลายครั้งมากกว่าที่ทำให้เขาเริ่มกระดากกับความรักและไม่อยากจะเสี่ยงกับใครอีก ก็คงจะประมาณเดียวกันกับจงอินแหละมั้ง ชีวิตทำไมมันจะเหมือนกันขนาดนั้น

     

     

    “มึงเป็นคนดี นี่ถ้ากูไม่ติดว่าเป็นเพื่อนมึงกูจะเอามึงแล้วนะเนี่ย”

     
     

    “ให้กำลังใจกูดีมากเลยนะเพื่อน ป่ะ งี้เดี๋ยวกูพาไปจองห้อง”




    ชานยอลล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกมาจากเสื้อกาวน์ที่พาดอยู่บนเคาท์เตอร์บาร์หลังจากมีเสียงข้อความเข้า หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน นิ้วยาวกดลงบนสมาร์ทโฟนทรงสวยอย่างชำนาญมือ

     
     

    “มีเคสผ่าตัดด่วนว่ะมึง ต้องรีบไป  ทางโรงบาลตามกูอีกแล้วเนี่ย”


    “อ่อ งั้นมึงไปเหอะ อีกสักพักกูว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน เริ่มมึนหัวนิดๆละ”    


    “มึงไหวป่ะเนี่ย เรียกแท็กซี่ไหม”  ชานยอลก้มลงมองหน้าเพื่อนรักพร้อมโบกมือไปมา  จงอินไม่ได้ตอบโต้เพียงแต่ยักคิ้วให้รับรู้ว่ายังโอเค


    “งั้นกูไปละนะ เจอกัน”   คุณหมอร่างสูงหยิบเสื้อกาวน์ประจำตัวขึ้นพาดบ่า ขยี้หัวอีกคนแรงๆแล้วรีบเดินออกมาจากผับก่อนจะหยุดชะงักที่ทางออก ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มออกอย่างมีเลศนัยคล้ายกับคิดอะไรอยู่ในใจ มือหนาคว้าโทรศัพท์ออกมาพิมพ์ไปหาเจ้าของห้องแชท

     

     

     

    Real_pcy :  เซฮุน  นอนรึยัง ?


    oohsehun :  เพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีอะไรรึเปล่า ทักมาดึกเชียว



    Real_pcy :   อืม.. คือจงอินมันเมามาก คืนนี้คงแย่แน่ๆ ฉันก็มีงานด่วนด้วยเอาไงดี ..



    oohsehun :  ตอนนี้อยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปรับเอง

     



     

    ถึงจงอินมันจะไม่ได้เมาอะไรมากแต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เขาเลยต้องสร้างเรื่องงานและระดับความเมาของจงอินเพิ่มอีกสักหน่อยเพื่อให้เพื่อนรักของเขาได้เคลียร์ปัญหาหัวใจให้หมดๆไป

     
     

    “คืนนี้ไปเกี่ยวหญิงที่ไหนต่อดีนะเรา”

     

    คนอย่างชานยอลรักเพื่อนขนาดไหนใครๆก็รู้ จะปล่อยให้เพื่อนแป็นแบบนี้ต่อไปก็คงจะใจร้ายไปหน่อยแล้วมั้ง  ใช่ไหมล่ะครับJ

     

     

     





    26 April  00 : 36 A.M.
     


     

     

      

     “ไม่เห็นจำเป็นต้องมาเลย ฉันไหวน่า”


    “ไม่รู้แหละ ดื่มมากดื่มน้อยยังไงก็ไม่ให้ขับรถเองเด็ดขาด”


    “ฉันไม่ได้เมามากซะหน่อยหน่า”


    “คนเมามีสิทธิ์ที่จะไม่พูด”


    “ก็บอกว่าไม่เมาไง”


    “ไม่ต้องเถียงเลยได้ไหม กลิ่นเหล้าหึ่งเลยเนี่ย ไปตกถังเหล้ามารึไง”


    “ก็คนมันไม่ได้เมา ไม่ได้เม --“


    “หยุด หยุด หยุดพูดเลย”





    จงอินเหลือบมองมือของร่างบางที่กำลังจูงมือของตัวเองเดินไปยังห้องพักบนคอนโดของเขาด้วยความขำ แวบแรกที่เห็นเซฮุนเข้ามาในผับนี่แทบวืบ ตอนแรกมันก็ตกใจหรอกว่าอยู่ๆทำไมเซฮุนถึงมาได้แต่พอเขาอ้าปากด่าเรื่องเมาหนักก็รู้เลยว่าเป็นฝีมือของไอ้ชานยอลแน่ๆ  ถึงเขาจะยังไม่ถึงขั้นเมามากแต่ก็แค่กรึ่มๆ (?)  ริมฝีปากบางขยับมุบมิบบ่นไม่หยุดตลอดทางตั้งแต่ที่ผับ ขณะที่ขับรถให้จนเดินมาถึงห้อง ทำเอาจงอินแอบถอนหายใจเบาๆเป็นครั้งคราว นี่มันเพื่อนหรือแม่กันว่ะเนี่ย

     





    “ไปอาบน้ำเลยไป”  มือเรียวเปิดประตูห้องออกแล้วหันไปหาร่างสูงที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย จงอินเบ้ปากเป็นการประท้วงก่อนที่ขัดคำสั่งเซฮุนโดยการเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง บางทีถ้าแกล้งเมามากมันอาจจะไม่แย่ก็ได้แหะ



    ”ไม่ได้มาเกือบสองเดือน ทำไมถึง ปล่อยให้ห้องรกได้ขนาดนี้เนี่ย” เซฮุนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เอี้ยวตัวไปปิดประตูแล้วก้มลงเก็บของที่วางระเกะระกะอยู่บนพื้นเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ใส่แล้วหรือเศษขยะกระป๋องเบียร์


    “เอ๊ะ ก็บอกให้ไปอาบน้ำไง”  แล้วหันไปทำเสียงดุใส่ร่างขี้เกียจที่นอนอืดอยู่บนเตียงคล้ายกับหมีป่า



    “อืมมม “  จงอินส่งเสียงในลำคอแต่ก็หลับตาลงนอนแผ่หลาบนเตียงอยู่อย่างนั้น  เซฮุนเดินไปหย่อนตัวนั่งที่ปลายเตียงตาม คิ้วเรียวขมวดหากันพร้อมยกมือขึ้นบีบปลายจมูกตัวเองเบาๆ

    “ตัวเหม็นว่ะ ไปอาบน้ำ”

     

    “เมา.. อาบคนเดียวไม่ได้ ม๊าว มาวว”     แสร้งทำหน้าตาไม่รู้เรื่องราว โบกมือไปมาเหมือนกับฝาดเบียร์มาหนึ่งลังอย่างไงอย่างงั้น  ถึงแอคติ้งจะโอเว่อร์ไปหน่อยแต่ก็ยอมทำเพื่อการนี้โดยเฉพาะ


    “กวนตีนนะครับสารวัตร” 


    “งั้นกวนใจแทนได้ป่ะครับ”  

     

     

    น่าน.. โดนไปแล้วหนึ่งดอก..

     


    เซฮุนอดหมั่นไส้ไม่ได้จึงเอื้อมมือไปหยิกที่ขาอีกคนแรงๆจนจนอินสะดุ้งโหย้ง  ริมฝีปากหนายิ้มกริ่มพอใจแล้วดันตัวขึ้นเท้าแขนไว้กับเตียง



    “ไม่ต้องมามองอย่างนั้น ไป-อาบ-น้ำ”   ร่างบางรวบรวมแรงที่มีดึงแขนแกร่งให้ลุกจากเตียงแต่ยิ่งเหมือนดึงเท่าไหร่ก็เหมือนตัวเองโดนดึงลงไปหาคนที่นอนอยู่มากเท่านั้น  จงอินกลั้นขำในลำคอแล้วใช้แรงเพียงน้อยนิดดึงเซฮุนมานอนกอดไว้ในอ้อมแขน

     
     

    “จงอิน !




    “ชู่วๆ.. ผมเมา ผมไม่รู้เรื่อง” ยกนิ้วขึ้นจุ๊ปากตัวเอง แล้วรัดเอวคอดแน่นหยอกอีกคนอยู่อย่างนั้น ดูก็รู้ว่าเซฮุนเริ่มจะอารมณ์เสียเพราะทั้งคิ้ว ตา ปาก จมูกยู่เข้าหากันอย่างหงุดหงิดราวกับจะไหลมารวมกันยังไงยังงั้น  สงสัยเซฮุนจะไม่รู้ตัวซะแล้วว่าที่กำลังทำอยู่มันเป็นหน้าที่ชวนให้จงอินหมั่นเขี้ยวสุดๆ  ไหนๆชานยอลมันก็เริ่มเรื่องให้แล้วต่ออีกสักนิดคงไม่เสียหายมั้ง

     


     

    “อย่ามาเล่นอะไรอย่างนี้นะจงอิน  ปล่อยได้แล้ว”  พยายามใช้ข้อศอกกระทุ้งกับหน้าท้องร่างสูง


     “ไม่ปล่อย จะทำไม”



    “ไม่เอาจงอิน ไม่เล่น เหม็น เวียนหัวด้วย”   ริมฝีปากบางเบะลงพร้อมทำสายตาอ้อนวอน ถ้าใช่น้ำเสียงดุไม่ได้ก็ลองใช้ท่าทางงอแงเอาละกันนะเซฮุน

     


    “เล่นทายคำถามกันก่อน ถ้าทายถูกฉันจะปล่อยนายไป”   เซฮุนกรอกตาเหลืออดกับข้อเสนอไร้สาระของจงอิน แต่เพื่อให้หลุดพ้นจากแขนนี่เลยต้องจำยอมทำตามไปอย่างโดยดี

     

    “รีบๆว่ามา”


    “1-10 ฉันชอบเลยอะไรมากที่สุด”


    “จะไปรู้รึไง”


    “งั้นคืนนี้นอนแบบนี้นะ”


    “โอ้ยยย เลย3 มั้งง”


    “ผิด”  


    “แล้วเลขอะไร”

     

    “เฉลย ฉันชอบเลข9”


    “ห้ะ ทำไม?

     
     

    “เพราะ..”  สารวัตรเจ้าเล่ห์ยกยิ้ม แกล้งก้มนายไปกระซิบที่กกหูของเซฮุนจนเจ้าตัวต้องหดคอด้วยความจั๊กจี๊  “เพราะ ฉันชอบนาย (nine)”

     

    ความร้อนจากไออุ่นที่ใบหูของเซฮุนแล่นเข้าสู่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว แก้มขาวนวลเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ ร่างสูงผละใบหน้าออกจากกกหูแล้วกดริมฝีปากลงบนแก้มพวงนั้นด้วยความอ่อนโยนแล้วพรมจูบไปบนหน้าผากไล่ลงตามสันจมูก

     

    "เพิ่งอาบน้ำมาหรอครับ  หื้ม หอมกลิ่นสบู่จังเลย”  กลับมาคลอเคลียปลายจมูกตามแก้มเนียนอีกครั้ง  "ชอบกลิ่นบนตัวเซฮุนจังเลย"


     

    “จงอิน.. อย่า”  เซฮุนทาบมือนาบกับหน้าอกหนาแล้วออกแรงต้านไว้เล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกดีกับสิ่งที่จงอินกำลังทำแต่ก็ไม่อาจจะปล่อยให้ความสัมพันธ์เลยเถิดมากไปกว่านี้  เขาคิดมาเสมอว่าจงอินเพียงหยอกเล่นแค่นั้นและครั้งนี้เขาจะคิดว่ามันแค่โจ๊กขำๆอีกครั้งละกัน

     

     

    ร่างสูงหยุดนิ่ง มองประสานกับแววตาของเซฮุนที่พยายามบอกให้ใครเขาควรหยุดจริงๆ นั่นสิ นี่เขากำลังทำอะไรเนี่ยหรือฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มจะทำพิษซะแล้ว

     

    “คืนนี้นอนนี่ได้ไหมนะเซฮุน มันดึกแล้ว ฉันไม่อยากให้ขับรถ” 


    ผู้หมวดที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสบายๆไม่พูดอะไรแต่ส่งยิ้มพยักหน้าตอบรับเฉยๆ จงอินลุกขึ้นนั่งปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ ขยี้ผมตัวเองเรียกสติแล้วส่งยิ้มเนือยๆให้ก่อนจะลากตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยคำถามมากมายในหัว

     

     

     

     

    แล้วถ้าเป็นคนที่ใช่ ทำไมเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เหมือนไม่ใช่วะ?








    “ฟู่ว..” เมื่อเสียงน้ำจากฝักบัวดังขึ้น เซฮุนดันตัวขึ้นเอนตัวพิงกับหัวเตียง  ภายในหัวสมองว่างเปล่าเหมือนโดนรีเซ็ทอย่างไงอย่างนั้น ถึงเขาจะไม่ชอบกลิ่นเหล้าแต่พอได้กลิ่นเหล้าที่ผสมกับกลิ่นตัวหอมๆแบบผู้ชายของจงอินแล้วเหมือนร่างกายจะอ่อนยวบลงไปทุกที  นับครั้งได้ที่จงอินกับเขาได้ใกล้กันขนาดนี้แต่ครั้งนี้มันช่างอ่อนโยนและอยากจะละลายไปกับเตียงเลยจริงๆ

     

    เจ้าตัวรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่จึงลุกขึ้นเก็บข้าวของที่รกเกะกะของจงอินต่อเพื่อฆ่าเวลา แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของร่างสูงที่ถูกวางแหมะไว้บนโต๊ะ คิดได้แบบนั้นจะผิดไหมที่อยากจะแอบดูอะไรนิดหน่อย ไม่หรอกมั้ง... กลีบปากบางเม้มเข้าหากันแล้วตัดสินใจหยิบมันมาเปิดดูอย่างไม่ถือวิสาสะ

     

    ไลน์เสี่ยวลู่หาน.. ทำไมมีไลน์กันด้วย?

     

     

     
     

    7_LUHAN_M  :  สวัสดีนะจงอิน  (อีกโมค่อนยิ้ม)

     

    เหอะ  ไปสนิทกันตอนไหนถึงเรียกว่าจงอินเฉยๆแบบนี้

     
     

    KIMKAAA  : อ้าว สวัสดีครับเสี่ยวลู่

     
     

    7_LUHAN_M  :  อาทิตย์หน้าร้านผมจะเปิดเป็นทางการแล้ว อยากจะชวนจงอินน่ะ มาได้รึเปล่า

     

     

    KIMKAAA  : แน่นอนสิครับ ฮ่าๆ ไม่พลาดแน่นอนเลย (อีโมหน้าจริงจัง)

     

     

    ตกลงง่ายไปไหมนายนี่    คิดแล้วก็ส่งตาขวางไปให้คนที่อยู่ในห้องน้ำแบบเอาจริงเอาจัง

     

     

    7_LUHAN_M  :   ว้าวว ดีจังเลย งั้นเดี๋ยวเตรียมเมนูพิเศษไว้ให้จงอินเลยนะ คึคึ



     

    KIMKAAA  :  โห น่ารักแถมยังใจดีแบบนี้ เดี๋ยวไปอุดหนุนบ่อยๆเลยครับ (อีกโมค่อนตารูปหัวใจ)

     

     

    มันจะมากไปละมั้ง นี่หนึ่งในผู้ต้องหาเชียวนะ ไว้ใจไปได้ยังไง

     

     

    หัวคิ้วเรียวขมวดเป็นปมแน่นอีกครั้งแล้วกดพิมพ์กลับไปด้วยความหงุดหงิด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ไม่ชอบใจเอาซะเลย หงุดหงิดเว้ย หงุดหงิด

     
     

    KIMKAAA  :   อาทิตย์หน้าไม่ว่างแล้วนะครับ พอดีติดงาน

     








    ไม่ได้หึง จบนะ.




























    -------------------------------------------------------------

    มีเวลามาต่อบทสองแล้วจย้าาาาา บนนี้เจอสารวัตรเล่นมุกควายแบบนี้ไรท์เขียน
    ยังเขินเองเลยบอกตรง55555  ความสับสนมันคืออะไรน้าาาอ ืมมมม 55555
    ช่วงเริ่่มไม่อยากให้เน้นไปที่คดีมากแต่ไรท์จะพยายามเขียนเน้นความสัมพันธ์
    ของตัวละครก่อนแล้วเราจะหักดิบกันอย่างโหดเหี้ยมในตอนหลังๆ ฮี่ๆ
    อ่านแล้วเป็นยังไง มีพลาดตรงไหนมาสกีมให้เค้าอ่านหนังน้าตัวเองง♥
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×