คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ขัดดอกที่ 1
ขัดดอกที่ หนึ่ง
7 : 00 น.
“จงอิน ตื่นได้แล้วลูก”
“...”
7 : 30 น.
“จงอินนน สายแล้วนะ ตื่นเร็วจ้ะ”
“......”
8 : 00 น.
“จงอินน แกจะลุกไม่ลุก กี่โมงกี่ยามแล้วรู้ไหมว่าเสียเวลาทำมาหากิน เมื่อคืนฉันก็บอกให้นอนเร็วๆนี่ทำอะไรอยู่ มัวแต่เถลไถลคุยกับแฟนอยู่ใช่ไหม เดี๋ยวเหอะนะเดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่ บอกอะไรไม่เคยจะฟังเลยใช่.. “
“ ตื่นแล้วแม่ ตื่นแล้ว พอแล้วหยุดบ่นเลย!” ร่างสูงหยิบหมอนขึ้นมาอัดกับหน้าตัวเองแรงๆเพื่ออดกลั้นอารมณ์กับเสียงบ่นที่ยิ่งกว่าเทศนาธรรมแผ่ดังมาจากชั้นล่างของบ้าน ตื่นมาก็เจอมลพิษหูตั้งแต่เช้าวันนี้มันจะเป็นวันอะไรกันวะเนี่ยยย
เมื่อตั้งสติได้ราวห้าวินาที ร่างสูงผิวแทนก็พยายามรวบรวมแรงอันน้อยนิดสปิงตัวจากพันธะนาการแสนนุ่มบนที่นอน หนังตาอ่อนแรงปรือขึ้นมองรอบห้องอย่างมึนงงแล้วขยี้ผมตัวเองไล่ความเซ็งเมื่อรู้ว่าตอนนี้เขาคงต้องลากร่างเน่าๆของตัวเองไปอาบน้ำสักที คิดได้ดังนั้นก็ขอล้มตัวลงนอนสั่งลากับเตียงแสนรักของตัวเองอีกสักครั้งละกัน
“ฉันรักแกนะ แต่วันนี้เราคงต้องจบกันแค่นี้ เฮ้อ” พูดจบก็ฝืนใจตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินไปยังห้องน้ำแต่ทำไมมันช่างยากเย็นเหมือนต่อต้านกับแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่อย่างไงอย่างงั้น กว่าจะก้าวขาไปได้ทีละข้างมันเหมือนเอากระสอบทรายผูกติดกับขาไว้ หนังตาที่แสนจะอ่อนล้าก็เหมือนมีลิงน้อยห้อยอยู่ไม่หายไปไหน ร่างกายทั้งหมดอ่อนเปลี้ยเหมือนกับไม่ได้ขยับมาเดือนกว่า มันช่างทรมานเหลือเกิน โอ้...
บอกทีว่านี่คิมจงอิน หรือ เอื้อยเรื่องปลาบู่ทอง ชีวิตถึงได้รันทดขนาดนี้ ตื่นมาก็ถูกจิกหัวใช้งกๆ ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะนอนเน่าๆสบายๆแบบคนอื่นเขา ..
และนี่คือ
เรื่องราวสุดแสนจะดราม่าของจงอินผู้อ่อนต่อโลก
สะใภ้ - ขัด – ดอก
ร่างสูงผิวคล้ำผู้เป็นลูกชายคนเดียวของบ้านคิม ตักกิมจิพร้อมข้าวสวยร้อนๆเข้าปากอย่างหิวโหย ทำเอาคนเป็นแม่มองด้วยสายตาที่สื่อว่า มึงไปอดอยากมาจากไหน ... ถึงแม้ว่าเขาจะกินอย่างเดิมซ้ำไปซ้ำมาหลายมื้อแต่เขาไม่มีทางเลือก กิมจิราคาถูกๆกลายเป็นอาหารประจำบ้านนี้ไปแล้วเนื่องจากบ้านของจงอินมีฐานะค่อนข้างเกือบยากจน ทุกวันตั้งแต่เล็กจนโตจงอินต้องคอยรับจ้างทำงานเพื่อหาเงินช่วยแม่ ไม่เคยมีเวลาเล่นสนุกแบบเด็กคนอื่น ส่วนบ้านที่เขาอยู่ทุกวันก็เป็นบ้านหลังเล็กๆที่มีห้องใต้หลังคาพอที่จะอาศัยได้เพียงสองคนแม่ลูกเท่านั้น
“จงอินวันนี้หนูเอารถออกไปขายก๋วยเตี๋ยวหน่อยนะ แม่ไม่ค่อยสบายรู้สึกปวดหัว”
“ปวดหัวกี่ป๊อกอะแม่”
“ป๊อกแปดจ้ะลูก อุ้ย.. ”
“แม่! เมื่อไหร่แม่จะเลิกแอบหนีไปเล่นไพ่เนี่ย” จงอินขมวดคิ้วมองหญิงราวอายุราว40กว่าที่กำลังนั่งยิ้มแห้งตรงหน้า ทั้งที่สัญญากันแล้วว่าจะไม่มีการพนันเกิดขึ้นในบ้านแต่แม่เขาก็ยังเลิกไม่ได้ ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันมีดีตรงไหน
“เอาหน่า นิดๆหน่อยๆเป็นค่าขนมของเราไงเดี๋ยวแม่ซื้อเหนียวไก่ที่หนูชอบมาให้”
“ไม่ เมื่อวานหนูไปขุดสวนให้ลุงข้างบ้านแม่ยังเอาเงินไปหมด” ทำหน้าตาไม่สนใจแล้วตั้งหน้าตั้งตากินกิมจิอีกครั้ง คนเป็นแม่เห็นดังนั้นจึงต้องงัดไม้ตายออกมาใช้เหมือนทุกที
“ไม่เป็นไร..ไม่ไปก็ไม่เป็นไร โอ้ะ.. โอ้ยย.. โรคหัวใจกำเริบ” หญิงสาวกุมมือที่อกแล้วร้องเสียงหลง หน้าตาหงิกงอเข้าหากันราวกับได้รางวัลตุ๊กตาทองมามาดๆ จงอินกรอกตาขึ้นเพดานพร้อมถอนหายใจออกมาแรงๆ ถึงแม่เขาจะเป็นโรคนี้จริงๆแต่เขาก็รู้ทันอยู่ดีนั่นแหละว่าแม่แกล้งงัดมันออกมาใช้ทุกทีเวลาอยากให้เขาทำอะไร แถมยังได้ผลทุกครั้งด้วยนะ
“รู้แล้วๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
“ว้าย ลูกใครเนี่ยน่ารักจังเล้ยย” มือเรียวสากเอื้อมหยิกแก้มของลูกชายตัวเองไปมา
“อย่าลืมเหนียวไก่หนูล่ะกัน”
สองขายาวก้าวไปตามถนนพร้อมรถเข็นที่มีเครื่องก๋วยเตี๋ยวและหม้อไปใหญ่ตั้งอยู่ แดดร้อนๆที่เหมือนไออุ่นจากนรกกำลังแผดเผาให้เขาตายอยู่รอมร่อ หลังมือสากยกขึ้นปากเม็ดเหงื่อบนหน้าผากตัวเองหลังจากที่เดินเข็นรถมาเกือบสองชั่วโมงได้
“ก๋วยเตี๋ยวครับ ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ชามละสามสิบ สองชามหกสิบ สามชามเก้าสิบ ร้อนๆครับร้อนๆ”
ใช่ คนขายนี่แหละร้อน ! อากาศร้อนตับกระเด็นแบบนี้จะมีใครหน้าไหนมาซื้อก๋วยเตี๋ยวซดน้ำร้อนๆกัน ไม่เข้าใจแม่จริงๆ หน้าที่นี้ต้องเป็นของแม่เขาด้วยซ้ำ ไม่ใช่เขาที่ต้องมาลำบากเข็นรถอยู่แบบนี้ แสงแดดที่แผดเผาส่องกระทบหน้าจนต้องหยีตามิหนำซ้ำเหงื่อยังไหลเข้าตาอีก โอ้ะ แสบ แสบ!
อย่าให้รวยนะเว้ย จะสั่งนาซ่าให้ผลิตถุงดำครอบแม่งเลย
"~ ตื่นลืมตาขึ้นมา กับอุณหภูมิหมื่นองศา มองขึ้นบนฟ้า เจอแสงอาทิตย์ส่องมา แสบตามองทำไม ก็แสงแรงจะตาย เสือกไปมอง" จงอินเริ่มฮัมเพลงเบาๆเผื่อว่าอารมณ์จะดีขึ้น ศรีษะผมสีน้ำตาลเข้มโยกไปมาตามจังหวะเพลงที่ดังขึ้นจากปากของตัวเอง
( https://youtu.be/B5DXyQLFgxE - dancing แปลง เสือร้องไห้)
ร่างสูงนำรถเข็นมาจอดที่ฟุตบาทก่อนที่เจ้าตัวจะถอดหมวกที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออกมาพัดตัวเอง กระดกน้ำที่ตอนออกจากบ้านยังเย็นๆอยู่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นน้ำอุ่นดับกระหายชั่วคราวแล้วหย่อนตัวลงนั่งกับฟุตบาทพักสักสิบนาที
“ดำหมดละ แม่นะแม่” เหลือบมองแขนตัวเองแล้วส่ายหัวยอมใจ ที่จริงจงอินมั่นใจว่าเขาขาวมาก ตอนเด็กๆนี่ขาวขนาดว่าไก่เข้าใจผิดนึกว่าเป็นเม็ดข้าวสารแต่พอโตขึ้นทำไมกลายเป็นข้าวกล้องไปได้
สายตาคมมองตามถนนไปเรื่อยเปื่อยจนสะดุดกับชายร่างยักษ์ฝั่งตรงข้าม เขาแต่งตัวใส่ชุดหรูพร้อมแว่นดำ ผิวคล้ำ ร่างใหญ่คล้ายพวกมาเฟียกำลังมองมาทางเขาอย่างเครียดแค้น เอ้ะ.. หรือจะเป็นพวกทวงหนี้วะ.. คิดได้แบบนั้นจงอินรีบลุกขึ้นเตรียมตัวจะใส่เกียร์หมา ทันทีทันใดชายชุดดำก็ยกมือขึ้นชี้หน้าเขาแล้วรีบวิ่งข้ามถนนตามมา
ชิบหายแล้ว ตายแน่กู !
“เฮ้ย! ก๋วยเตี๋ยว อย่าเพิ่งไป จะซื้อก๋วยเตี๋ยว! “
อ้าว.. จะมาซื้อก๋วยเตี๋ยวก็ไม่บอก เกือบวิ่งหนีลูกค้าแล้วไหมล่ะ.. จงอินตบอกตัวเองเรียกขวัญ คลี่ยิ้มให้กับชายที่กำลังจะเดินมาซื้อก๋วยเตี๋ยวอย่างเป็นมิตร โค้งตัวให้หนึ่งทีตามมารยาทของนักขาย
“ส.. สวัสดีครับ ก๋วยเตี๋ยวถุงละสามสิบ สองถุงหกสิบ สามถุงเก้าสิบ รับอะไรดีครับ”
“ขอผมโทรศัพท์แปปนึงนะครับ” ชายชุดดำพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาแนบข้างหู
อะไรกันวะ มาซื้อก๋วยเตี๋ยวยังไม่รู้อีกว่าจะเอาอะไร.. มือสากยกขึ้นเกาแก้มตัวเองมองดูลูกค้าคุยโทรศัพท์ คุยธุรกิจกันรึยังทำไมสีหน้าถึงเคร่งเครียดขนาดนั้นหรือว่ามีอยู่หน้าเดียวตลอดทั้งทีชีวิต อยากจะถามจริงๆว่าเกิดมาแล้วหน้าเป็นแบบนี้เลยเปล่า
“ฮัลโหลครับคุณชาย”
/ฮัลโหล/
ถึงชายชุดดำจะไม่ได้เปิดลำโพงแต่ปลายสายก็พูดเสียงดังพอที่จะทำให้จงอินได้ยินไปด้วย
“สปาเก็ตตี้ที่คุณชายสั่งแถวนี้ไม่มีขายเลยครับ”
/ว่าแล้วเชียว ฉันเกลียดบ้านนอกแบบนี้จริงๆ/
ว่าไงนะ บ้านนอกหรอ? บอกทีว่านั่นปากคนที่มีหมาอยู่หรือปากหมาที่อยู่ในร่างคน
จงอินขมวดคิ้วหงิกเมื่อได้ยินคำนั่นออกมาจากโทรศัพท์ของลูกค้า นี่ไม่ได้ตั้งใจจะไปยุ่งนะแต่หูมันได้ยินเองต่างหาก
“ก็เลยอยากจะขอเปลี่ยนจากสปาเก็ตตี้มาเป็นก๋วยเตี๋ยวได้ไหมครับ มันเส้นเหมือนกัน..”
/อะไรนะ ก๋วยเตี๋ยวหรอ ฉันสั่งสปาเก็ตตี้ได้ก๋วยเตี๋ยวหรอ มันใช่เรื่องไหม!/
เสียงที่ตวาดจนเกือบทะลุออกมานอกโทรศัพท์บ่งบอกเลยว่าเจ้าของเสียงกำลังเกิดอาการไม่พอใจอย่างมาก จงอินฟังยังหน้าเหวอแทนแต่ชายชุดดำยังคงทำหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิมราวกับเป็นเรื่องปกติ หรือว่าแข็งเป็นหินไปแล้ว..
“แต่คุณชายครับ...”
/ได้ งั้นฉันเอาก๋วยเตี๋ยวก็ได้ แต่ไม่เอาน้ำ/
ก๋วยเตี๋ยวแห้ง โอเค ได้ยินแบบนั้นก็ก้มตัวลงเตรียมเส้นเตรียมผัก
/ไม่เอาผัก/
เอ้า ไม่กินผักอีก จงอินส่ายหัวไปมาแล้วหยิบผักเก็บเข้าที่เดิม
/ไม่เอาเนื้อหมู ไม่เอาลูกชิ้น/
ห้ะ แม่งจะกินแต่เส้นหรอวะ ขมวดคิ้วเหลือบมองชายชุดดำเล็กน้อย
/ไม่เอาวุ้นเส้น ไม่เอาเส้นเล็ก ไม่เอาเส้นใหญ่ ไม่เอาเส้นหมี่ /
“แล้วคุณชายจะเอา...”
/ก็คือไม่เอาไงโว้ย !/
เหยดแม่ม... ลูกเต้าเหล่าใครถึงเอาแต่ใจได้ขนาดนี้ เกิดมาจงอินเพิ่งเคยพบเคยเจอ นี่ถ้าเป็นลูกเขาจะเอาลูกชิ้นยัดปากให้ตายไปเลย ชายชุดดำพยักหน้ารับอย่างสงบเสงี่ยมหันมาทางจงอินแล้วฉีกยิ้มสยองๆให้หนึ่งที
“ต้องขอโทษจริงๆนะครับ ไว้วันหลังจะมาอุดหนุนใหม่นะครับ”
“ค..ครับ” ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มตอบ
“คุณปาร์ค ชานยอลรอแปปนึงนะครับ เดี๋ยวผมขับไปหาซื้อให้อีกจังหวัดนึง” หันไปพูดกับโทรศัพท์อีกครั้งแล้วกดวางลง
ปาร์ค ชานยอล ... แค่ได้ยินชื่อขนสันหลังก็ลุกแล้วครับ...
-----------------------------------------
จบตอนหนึ่งไปแล้วเป็นยังไงกันบ้าง สั้นไปไหมหรือยังไง 555555 สมองตันสุดๆขี้เลื่อยมากกก
เห็นจงอินลำบากงี้อยากเพิ่งปาหินใส่ไรท์นะขอร้อง
สกีมกันมาได้เต็มที่ เค้ารออ่านอยู่น้า♥♥
ความคิดเห็น