คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อธิกรณ์ | อธิกรณ์ หรือ อภิรมณ์
อธิกรณ์ 1
JONGIN PART
“หลักฐานทั้งหมดเราเก็บได้ไว้แล้วครับ ส่วนในบ้านยังพอมีร่องรอยเหลืออีกนิดหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวผมขอเข้าไปดูสักหน่อยนะ ”
บทสนทนากับเจ้าหน้าที่จบลงก่อนที่ผมจะพาตัวเองและเซฮุนเข้ามาในบ้าน.. เอ๊ะ ต้องใช้คำว่าคฤหาสน์ซะมากกว่า มันออกจะใหญ่โตเกินกว่าผมจะเดินดูอย่างละเอียดให้จบในวันเดียว ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาผมเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานของคุณจุนยอนเผื่อจะได้เจอหลักฐานอะไรสำคัญๆบ้าง แต่ไม่เลย ในนี้มีแต่แฟ้มคดีเอกสารต่างๆซึ่งผมกับไม่ถูกกับอะไรพวกนี้ตั้งแต่แรก ยิ่งอ่านยิ่งปวดหัว.. โถ่เว้ย ออกไปหากาแฟร้อนกินสักแปปได้ไหมเนี่ย
“เจออะไรไหมจงอิน”
“มีแต่แฟ้มคดีเก่าๆกับเอกสารน่ะ ” ได้แต่เหลือบมองเจ้าของคำถามแล้วส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย
"อย่างเพิ่งประสาทกินซะก่อนนะครับคุณสารวัตร"
"ถ้าเป็นห่วงฉัน งั้นเสร็จจากนี้เราไปหาอะไรกินกันไหมล่ะหืม"
“ตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ? ฉันจะไปกับนายแต่หลังจากที่ฉันได้ชาร์จพลังให้ตัวเองบนเตียงนอนที่บ้านสัก 8 ชม. โอเค้”
“มากอดฉันสิ เนี่ย มาชาร์จพลังกันเร็ว นอนกอดกันทั้งคืนบนเตียงของนายยังได้” ผมยิ้มทะเล้นพร้อมกับอ้าแขนออกไปหาเซฮุน แน่นอนครับหลังจากนั้นก็ได้โดนสายตาอันเหี้ยมโหดตอบกลับมาแทน
ก็นอกจากเอกสารแล้ว .. สิ่งที่ผมอ่านออกก็มีแต่เซฮุนนี่แหละ
เอาล่ะ ดึงสติแล้วตั้งใจทำงานหน่อยสิครับจงอิน
เมื่อตั้งสติไม่ให้วอกแวกไปหาเซฮุนได้นิ้วมือก็กลับไปไล่ตามแฟ้มเอกสารบนชั้นอีกครั้งถึงแม้ว่าในสมองของผมกำลังมัวคิดอยู่ว่า คุณจุนมยอนถูกฆ่าที่ห้องนอนแต่ทำไมถึงได้มีเลือดที่ห้องของคยองซู ทั้งที่คยองซูเองก็ถูกเหนี่ยวไกลบนศรีษะขณะกำลังขับรถอยู่บนถนน .. หรือจะเป็นไปได้รึเปล่าที่คุณจุนมยอนถูกฆ่าในห้องคยองซูแล้วคนร้ายย้ายศพไปไว้อีกห้อง แต่.. ทำไมถึงต้องเป็นห้องของคยองซูด้วยล่ะ
หืม
มีกระดาษบางอย่างอยู่ในซอกชั้นก่อนที่ผมจะหยิบออกมาดู ถ้าจำไม่ผิดมันคงคือรูปของครอบครัวนี้ตอนเด็กๆ แต่สิ่งที่แปลกตาก็คือผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนยิ้มอยู่โดยมีเด็กๆล้อมรอบ หน้าตาของเธอถือว่าสวยในระดับนึง ปากบาง ผิวขาว ผมดำสนิทยาวประบ่า เธอคงเป็น..
“นั่นคุณจีฮยัง ภรรยาของคุณจุนมยอน เธอเสียไปเมื่อแปดปีที่แล้ว” เซฮุนย้ายตัวเองเข้ามายืนข้างๆผมพรางชี้อธิบายให้ดู
“จะว่าไปเธอแอบหน้าเหมือนนายเลย” หันหน้าไปหยอกร่างบางอีกครั้งแล้วเพ่งมองที่ใบหน้าหวานนั้นอย่างตั้งใจ
“มองหน้าฉันจนเพี้ยนไปแล้วมากกว่า .. ” มือขาวดันหน้าผากผมไปอีกทางแล้วอธิบายรายละเอียดในรูปอีกครั้ง “เด็กตาโตๆเนี่ยคยองซู ที่ดูเรียบร้อยๆหน้าหวานหน่อยก็ลู่หาน -- เด็กคนนี้แบคฮยอน แล้วนี่ก็เทา ที่รู้มาคนที่สนิทกับแม่สุดคือเทา เขาค่อนข้างจะแอนตี้พ่อกับคยองซูเล็กน้อยหลังจากแม่เสียไป แบคฮยอนหนีไปเรียนเมืองนอก ลู่หานยังคอยดูแลคุณพ่อกับคยองซูอยู่ที่บ้านนี้”
วา.. ยอมรับเลยว่าเซฮุนเขาทำการบ้านมาดีจริงๆ รู้แทบทุกเรื่องเกี่ยวกับคดีนั้นก่อนที่จะลงมือสืบ ทำให้แบ่งเบาภาระจงอินจอมขี้เกียจคนนี้ได้เป็นอย่างดี เข้าใจแล้วใช่ไหมล่ะคับว่าทำไมผมถึงพอใจเซฮุนนักหนา
“แล้วที่ฉันให้นัดทั้งสามคนนี้มาสอบสวนล่ะ พวกเขาจะมาวันไหน”
“พรุ่งนี้ .. ลู่หานจะเป็นคนแรกที่ถูกสอบสวน”
25 Aril 2015 09:10 A.M.
เสียงฝนกระทบกับหน้าต่างอย่างต่อเนื่องมาชั่วโมงกว่า สายตาคมกำลังเหม่อลอยไปนอกหน้าต่างราวกับว่าโดดสะกดไว้ วันนี้เป็นวันที่ใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแถมยังเป็นวันฝนตกอีกด้วย ตอนเด็กๆแม่มักจะสอนผมว่าเรื่องดีๆมักจะมากับฝน ตอนนี้ผมเลยหวังว่าคนที่จะมาพร้อมฝนในวันนี้อาจจะมีเรื่องดีๆให้ผมดีใจบ้างนะ เสี่ยว ลู่หาน
เอาจริงๆ ผมไม่เคยประหม่าที่จะต้องสอบสวนใครเท่าครั้งนี้เลย ไม่รู้เพราะรูปคดีมันซับซ้อนจนไม่รู้จะเริ่มสอบสวนตรงไหนหรือเพราะรูปใบหน้าของเขาที่น่ารักมากกันแน่ นึกขึ้นมาแบบนั้นก็อดหลุดขำกับความคิดของตัวเองไม่ได้จริงๆ
“มึงบ้าไปแล้วแน่จงอิน” ยกมือขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงเพื่อไล่ความคิดน่าอายนั่นออกไปซะ หายใจเข้าออกช้าๆตั้งสติตัวเองอีกครั้ง
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตินะครับคุณสารวัตร”
“อะแฮ่ม.. เชิญครับ” เสียงหวานนั่นทำผมแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ ได้แต่กระแอมกลบความประหม่าออกไป จัดวางท่านั่งให้ดีมีมาดพลันเหลือบมองข้าวของบนโต๊ะที่มั่นใจว่าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันแน่นอนเพราะผมจัดห้องนี้ใหม่ตั้งแต่เช้า ไม่ค่อยจะตื่นเต้นเลยใช่ไหมล่ะครับ ฮ่าๆ
“ สวัสดีครับ คุณสารวัตรจงอิน.”
โห น่ารัก ..
ทันทีที่เขาก้าวเข้ามาในห้องทำเอาสมองมันก็ตื้อไปชั่วขณะ ในรูปอาจไม่ได้มีรายละเอียดมากนักแต่พอมาเจอตัวจริงถึงได้รูปว่าผิวของเขามันขาวไม่แพ้เซฮุนเลย โคตรจะเข้ากับผมสีน้ำตาลและก็ตากลมโตหวานของเขาจริงๆ เจ้าของใบหน้าน่ารักนั้นส่งยิ้มให้ผมเล็กน้อย ทำให้หน้าผมเหมือนถูกแช่แข็งแล้วฉีดยาชาซ้ำเข้าไปอีก
“เชิญนั่งก่อนเถอะครับ” สูดลมหายใจรวบรวมแรงทั้งหมดลุกขึ้นยืนแล้วผายมือออกไปทางเก้าอี้ตรงหน้า ลู่หานพยักหน้ารับแล้วเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับผม รอยยิ้มนั้นไม่ยอมหายไปจากหน้าเลย จะเป็นการเสียมารยาทไหมถ้าผมจะบอกให้หยุดยิ้มซะไม่งั้นจิตผมมันจะตะเลิดไปมากกว่านี้
“ฝนมันตกเลยมาช้า ต้องขอโทษด้วยนะครับสารวัตร” สายตาหวานหลุบลงต่ำ ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน
อืม.. คอขาวดี
“เรียกผมว่าจงอินธรรมดาเถอะครับ จงอิน” ยื่นมือไปหาคนตรงหน้า
“ลู่หาน เสี่ยวลู่หาน” เขายื่นมือมาจับมือผมตอบอย่างไม่รังเกียจแถมยังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ในบรรยากาศหนาวๆแบบนี้ เหมือนในห้องนี้ถูกล้อมลอบด้วยเตาพิง ส่วนมือของคนตรงหน้าก็คงจะต้องเป็นมาร์ชเมโล่นิ่มๆเอาไว้ให้ผมย่างกินแน่ๆ
“งั้นเราเริ่มสอบสวนกันเลยดีไหม?”
“แน่นอนครับ” ร่างบางเลิกคิ้วยิ้มเป็นการตอบรับ ผมจึงเริ่มเปิดการสอบสวนโดยหยิบปากกาขึ้นมาจดลงบนสมุดโน๊ตขนาดพกพาส่วนตัว
“ตอนที่คุณจุนมยอนและคยองซูเสีย คุณกำลังทำอะไรที่ไหนครับ”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน สายตามองขึ้นข้างบนเหมือนกับกำลังนึกย้อนไปที่คำถามของผม “ตอนที่คุณพ่อเสีย ผมนอนอยู่ครับมันเป็นตอนกลางคืน พอจะมารู้เรื่องว่าท่านเสียก็น่าจะสักตอนหกโมงเช้าได้ ตอนที่เทาเจอศพเป็นคนแรกเขาร้องทั่วบ้านเหมือนคนสติแตกเลย รู้ข่าวคยองซูอีกทีตอนนั้นผมก็กำลังยุ่งกับการจัดงานศพคุณพ่ออยู่”
“อืม.. นอกจากคยองซูแล้ว คุณก็สนิทกับคุณจุนมยอนที่สุดเลยใช่ไหม พอจะรู้ไหมครับว่าเขามีปัญหาอะไรกับใครบ้างรึเปล่า”
“ถึงเขาจะเป็นพลตำรวจเอก ทำคดีเยอะแยะหรือมีงานมากมายแต่เขาก็เป็นคนดีไม่ได้มีเรื่องขัดใจกับใครเลย ผมมั่นใจ”
ใบหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นแววตาที่จริงจัง มือขาวกุมหากันแน่นจนแทบสังเกตเห็นเส้นเลือดได้ ถ้าตัดเรื่องขัดแย้งออกไป มันจะเป็นการฆาตรกรรมจากคนใกล้ชิดเหมือนอย่างที่เซฮุนบอกผมในตอนแรกหรอ จะเป็นเหมือนในละครที่ฆ่ากันตายเพื่อจะเอาสมบัติเนี่ยนะ โห โคตรจะละครหลังข่าวเลย
“แล้วคยองซูล่ะ”
“คยองซูเขาเป็นคนน่ารักมากเลยนะครับ เป็นไปไม่ได้แน่ถ้าจะไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจ ส่วนตัวผมคิดว่าผมชอบเขานะ เขาไม่มีพิษมีภัยแถมยังรักพวกเราทุกคนด้วย” ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก้มลงจดข้อมูลเหล่านั้นลงในสมุดอีกครั้ง
“แล้วตอนนี้คุณทำงานอะไรอยู่ครับ”
“ตั้งแต่คุณพ่อเสียผมก็กำลังจะเปิดกาแฟเป็นของตัวเองน่ะครับ ช่วงนี้ยุ่งทั้งวันแทบไม่ได้นอนเลย”
ตั้งแต่คุณพ่อเสีย.. มาเปิดร้านตอนที่พ่อตัวเองตายแล้วเนี่ยนะ
“วา งั้นคงไม่รังเกียจนะถ้าผมจะเข้าไปอุดหนุนสักหน่อย” ผมพูดแนวติดตลกแซวลู่หานนิดหน่อยเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด เขาเองก็หัวเราะออกมาพร้อมส่ายหน้ายิ้มๆ
“ ต่อไปก็จะเป็นคำถามสุดท้ายที่สำคัญที่สุดในการสอบสวนนี้แล้วนะครับ” ผมคลี่ยิ้มออกเล็กน้อย วางปากกากับสมุดลงก่อนจะกอดหน้าอกเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้
“ยินดีเลย”
“มีแฟนรึยังครับ”
ลู่หานดูอึ้งไปนิดหน่อยกับคำถาม ฟังไม่ผิดหรอก นั่นล่ะคำถามที่สำคัญ อย่าหาว่าผมเป็นผมชอบม่อเลยน่า นี่มันคำถามสำคัญนะเผื่อถ้าเขามีแฟนแล้ว แฟนเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ก็ได้ใครจะไปรู้ อีกอย่างถ้าครั้งต่อไปผมจะทำการสอบสวนแบบส่วนตัวนอกสถานที่ ผมจะได้รู้ว่าต้องขออนุญาตเจ้าของของเขาก่อนด้วย ผมไม่ได้แบดบอยขนาดนั้นหรอกนะ เชื่อสิ..
“มินซอก ผมกำลังเปิดร้านกาแฟกับมินซอก “ สีหน้าของเขาดูชมพูระเรื่อขึ้นมาทันทีที่พูดชื่อออกมา ร่างบางกดใบหน้าต่ำลงแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนที่กำลังตกหลุมรักครั้งแรก
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนโดนรถสิบล้อปาดหน้าอย่างจังแทบจะสำลักน้ำลายออกมา ทำได้แค่ทำหน้าตายินดีปรีดาออกไปทั้งที่ข้างในรู้สึกเซ็งมากถึงขั้นอยากงัดบุหรี่ออกมาสูบยาวๆแล้วกระดกเบียร์มันซะตอนนี้
“ถ้าหมดธุระแล้วผมขอกลับก่อนนะครับ”
“เอ้อ.. เอ่อใช่ เชิญครับ” พูดออกไปอย่างนั้นแล้วมองดูเขาที่กำลังจะเดินออกไป ลู่หานหอบกระเป๋าและร่มของเขาลุกขึ้นโค้งตัว แต่ทันทีที่จับลูกบิดประตูเขาก็นเหลียวตัวหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าหมายถึงอะไร
“สารวัตรครับ ที่อยู่บนโต๊ะนั่นเบอร์ผมนะครับ เพื่อจะถามข้อมูลเพิ่มเติม”
ห้ะ
ผมเลิกคิ้วขึ้นก้มลงโพสอิทที่วางบนโต๊ะ ไม่รู้เลยว่าเขาเขียนมันและวางไว้ตอนไหน
เสี่ยวลู่ 089 488 …..
แต่ที่รู้ๆผมยิ้มตอบกลับเขาไปแล้วเหมือนกัน
เรื่องดีมักมากับฝนจริงๆด้วยนะครับ : )
---------------------------------------------
ตอนที่หนึ่งออกมาสมบูณร์แล้วนะค้าหลังจากที่ดองมาหลายวัน 5555555
ก็มันไม่มีกำลังใจะเขียนนี่น่า คอมเมนท์ไม่เมมม ฮรือออออ
แต่มาคิดๆดูแล้วเลยตัดสินใจมา ถึงจะมีคนอ่านฟิคเราแค่หนึ่งคน
เราก็จะแต่งให้เค้าอ่านต่อไป
สู้ๆทาเคชิ !
ความคิดเห็น